ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ นิยาย บท 3

สรุปบท บทที่ 3: ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 3 – จากเรื่อง ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ โดย Internet

ตอน บทที่ 3 ของนิยายราชาปีศาจเรื่องดัง ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ความเยือกเย็นสะท้านถึงกระดูกของน้ำในแม่น้ำไหลท่วมร่างของเฟิ่งซู่หน่วน จนทำให้เจ้าตัวสะดุ้งตื่นโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ โชคดีที่เธออยู่ไม่ไกลจากฝั่งมากนัก หญิงสาวผู้รู้เส้นทางน้ำไหล พยายามใช้แขนทั้งสองที่พิษยายังไม่แล่นไปถึงว่ายน้ำเข้าฝั่ง

เมื่อขึ้นฝั่งได้แล้ว เธอช้นิ้วตัวเองล้วงเข้าไปในปากเกือบถึงคอหอย จนเธออาเจียนพิษที่คั่งค้างอยู่ในลำคอรวมถึงสิ่งสกปรกในท้องออกมาเป็นอันมาก

หญิงสาวนอนคว่ำหันไปทางแม่น้ำอีกครั้ง เธอดื่มน้ำให้มากที่สุดเพื่อจะขับพิษที่เหลือออกมาผ่านการปัสสาวะหลายต่อหลายรอบ ยังดีที่ยามนี้เป็นกลางคืน ไม่มีผู้ใดเห็น แต่ถึงจะอายอย่างไรก็ต้องเอาชีวิตรอดไว้ก่อน เมื่อขาทั้งสองข้างเริ่มขยับได้บ้าง เฟิ่งซู่หน่วนเดินหาสมุนไพรนานาชนิดที่พอจะนำมาถอนพิษได้ โดยเฉพาะโกฐน้ำเต้า นำมาบดละเอียดแล้วกลืนลงคอพร้อมน้ำ หลังจากอาเจียนและท้องเสียเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซู่หน่วนรู้สึกว่าขาสองข้างของเธอขยับได้ดียิ่งขึ้น

แม้สารพิษในร่างกายจะลดลงไปมากแล้ว แต่ส่วนที่หลงเหลืออยู่ยังไม่สลายหายไป

ซู่หน่วนลากสังขารที่อ่อนแอของเธอเดินกลับไปที่จวนอีกครั้ง เธอจำเป็นต้องหาถ่านกัมมันต์ที่มีฤทธิ์ในการล้างพิษ หรือถ้าไม่มีจะใช้เลือดแพะเลือดไก่แทนก็ได้ ในโรงครัวของจวนเสนาบดีนั้นน่าจะมีของพวกนี้อยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้ ต่อให้เธอจะไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับพวกคนเลวในจวนนั้นสักเพียงไหน เธอก็ต้องยอมเสี่ยงเข้าไปเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอด

จนรุ่งเช้าของอีกวัน ในที่สุดซู่หน่วนก็เดินเท้ากลับมาจนถึงจวน เธอเดินโซซัดโซเซไปที่โรงครัว โชคดีที่ยังหาเลือดแพะเลือดไก่ได้ แถมยังมีถ่านกัมมันต์อีกต่างหาก หญิงสาวไม่สนใจอะไรแล้วทั้งสิ้น รีบยัดทุกอย่างเข้าปากกลืนลงคอไปทันที

ต้องรักษาชีวิตไว้ก่อน!

ในฐานะแพทย์ เธอรู้ดีว่าการล้างพิษเป็นเรื่องที่ต้องทำแข่งกับเวลา เหมือนสู้กับความตาย ใครเร็วกว่าคนนั้นชนะ

โชคดีที่เธอสู้กับความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วนและเธอก็ชนะเสมอมา ครั้งนี้ก็เช่นกัน

คิดแล้วก็โมโห

ให้ตายเถอะ

ใครมันไปลือกันว่าการข้ามภพข้ามชาติเป็นเรื่องเจ๋ง?

เมื่อคืนนี้ ชีวิตของเธอเจอแต่เรื่องน่ารันทดสลดใจ

เธอดื่มน้ำไปแทบจะหมดคูน้ำเพื่อล้างพิษ อิ่มน้ำจนตัวเธฮอืดอย่างกับซาลาเปา นี่มันดีตรงไหนกัน?

หญิงสาวคนหนึ่งรอนแรมอยู่นอกเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะถกกางเกงขึ้น เพราะอาเจียนและท้องเสียทั้งคืน แบบนี้ยังเจ๋งอยู่ไหม

ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือเธอต้องซ่อนตัวอยู่ในโรงครัวกินถ่านกัมมันต์ซึ่งมีกลิ่นมากกว่าอุจจาระ เธอสำลักเกือบตาย

เวรจริง ๆ ในเมื่อเธอไม่มีความสุข ใครก็อย่าหวังจะอยู่เป็นสุขเลย นางเป็นคนใจแคบ ยอมทรยศคนทั้งโลก มากกว่าจะยอมให้คทั้งโลกทรยศนาง

เฟิ่งเซ่อหมิงต้องการวางยาพิษเธอ อยากให้ชีวิตของเธอเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ดังนั้นเธอก็จะจึงตอบโต้กลับแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน

เธอจะทำให้เฟิ่งเซ่อหมิงทุกข์ทรมานจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกเลย

ที่ลานหน้าจวนเสนาบดี มีทั้งองค์รัชทายาท ท่านอ๋องชุ่น คุณหนูใหญ่เฟิ่งเซ่อหมิงและคุณชายใหญ่เฟิ่งเจวี๋ยนั่งอยู่ในตึกแปดเหลี่ยมกำลังชื่นชมดอกไม้และดื่มสุรากันอยู่

วันนี้องค์รัชทายาทฉลองพระองค์สีดำ พร้อมเสื้อคลุมลายมังกรสี่ตัว ส่งให้ชายหนุ่มดูเย็นชา น่าเกรงขาม และสง่างาม

ส่วนท่านอ๋องชุ่นทรงสวมเสื้อคลุมผ้าสีม่วงลายเมฆ ปักด้วยด้ายสีทองที่ชายเสื้อ สมกับใบหน้าที่งามสง่า ดวงตาโตสองสั้น มีปลายเรียวยาวดั่งดอกท้อ แต่ก็มีความงามเหมือนสตรีเพศอยู่ในที

ขณะที่เฟิ่งเจวี๋ย คุณชายใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ก้มตัวและคุกเข่าลงรินชาให้กับองค์ชายทั้งสอง...

องค์รัชทายาทมองไปรอบ ๆ แล้วขมวดคิ้ว แสร้งถามด้วยความแปลกใจว่า "เฮ้ ทำไมวันนี้ไม่ยักเห็นนางเด็กโง่นั่นมารบกวนการชมทิวทัศน์ของเราเลยล่ะ"

ท่านอ๋องชุ่นและเฟิ่งเจวี๋ยรีบตามออกไปอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งเซ่อหมิงเดินหลบไปทางด้านหลังสุดของจวน หันมาถามชิงเยวียนอย่างกดดันว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

ชิงเยวียนคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า "คุณหนูใหญ่ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? เมื่อคืนข้าเห็นว่าร่างของคุณหนูสามจมลงไปในแม่น้ำแล้วจริง ๆ นะเจ้าคะ แต่เมื่อเช้านี้ ศพของนางจู่ ๆ ก็มาโผล่อยู่หน้าจวน คุณหนูใหญ่ เรื่องนี้มันแปลกเหลือเกินเจ้าค่ะ"

เฟิ่งเซ่อหมิงกำหมัดแน่น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ต้องมีมือที่สามเข้ามายุ่งเป็นแน่ ไป ไปดูกันเถอะ"

ในห้องโถงด้านหน้าจวน "ศพ" ของซู่หน่วน นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ ใบหน้าของนางดำมืดสนิท เสื้อผ้าก็ขาดรุ่ยราวกับธงหลากสี มองแวบแรก เหมือนผีคลานออกมาจากโรงถ่านหินก็ไม่ปาน

ท่านเสนาบดีนั่งรออยู่ในห้องโถง สูงด้วยสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ ดวงตาเหยี่ยวของเขาสอดส่องสำรวจทุกคนในห้อง ราวกับว่าพวกเขาจะรู้เบาะแสการตายของลูกสาวคนที่สาม อย่างไรก็ตาม สีหน้าสับสนและประหลาดใจของทุกคนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกครั้ง

แม้ว่าเฟิ่งซู่หน่วนจะโง่และซื่อบื้อเพียงใด แต่นางก็มีสุขภาพกายที่ดีมาก กินอิ่มนอนหลับปกติทุกอย่าง แต่ดันมาตายโดยไร้สาเหตุเช่นนี้ ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

เจิ้นกั๋วกงเองไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการตายของลูกสาวผู้โง่เขลาคนนี้สักเท่าไหร่ เขาคิดแค่ว่าการตายของนางจะต้องเป็นปัญหาตามมาเป็นแน่ ตระกูลของเขาเป็นตระกูลขุนนางมีชื่อเสียงเกียรติยศที่สูงส่ง วันดีคืนดีลูกสาวดันมาเสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุเช่นนี้ เขาคงต้องทุกข์ใจที่ต้องทนแบกรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปอีกนาน

สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือลูกสาวผู้โง่เขลาคนนี้ยังมีตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องจิ่นเสียด้วย

แม้ว่าพระยศของท่านอ๋องจิ่นจะไม่สูงเท่าองค์รัชทายาท แต่ผู้ใดจะรู้ องค์จักรพรรดิและพระพันปีหลวงทรงรักใคร่ท่านอ๋องจิ่นมากที่สุด ขนาดองค์รัชทายาทยังระแวงองค์ชายผู้นี้อยู่ไม่น้อย ถ้าจะให้พูดตรง ๆ หากท่านอ๋องจิ่นมีความทะเยอทะยานกระหายในอำนาจมากกว่านี้ ตำแหน่งองค์รัชทายาทก็คงจะตกเป็นของเขา ใครจะปล้นไปจากเขาได้?

แม้ว่าท่านอ๋องจะไม่ได้สนใจใยดีกับนนางเด็กโง่เท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่แน่ว่า. ท่านอ๋องจิ่นอาจจะสงสัยในสาเหตุการตายที่ผิดปกติของพระชายา ท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นปัญหาต่อหน้าตาชื่องเสียงของตระกูลเขา ซึ่งไม่มีใครหยั่งรู้ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเจ้าโง่ของข้าเป็นหมอหญิงอัจฉริยะ