ตอนที่103 ความสำคัญ
ในขณะที่ฮ่องเต้เจียเฉิงกำลังเสียใจนั้น โม่ฉีหมิงก็ได้เวลาพูดขึ้น
“ไหน? ลองพูดให้ข้าฟังสิ” ฮ่องเต้เจียเฉิงสนใจในสิ่งที่โม่ฉีหมิงกำลังกล่าวถึง
โม่ฉีหมิงกล่าวเสียงเรียบ” ตระกูลเย่และเราต่างมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน ในเมื่อคุณหนูสามแห่งตระกูลเย่นั้นถูกกำหนดให้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาท ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาท ทางด้านน้องหกนั้น ที่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางจะเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท แต่กลับพานางออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน การเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมนี้ ดูเหมือนเป็นการตั้งใจ หากคุณหนูสามแห่งตระกูลเย่ไม่ได้มีคู่หมายเป็นองค์รัชทายาท ท่านพ่อก็สามารถรับสั่งให้นางอภิเษกกับน้องหกได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันยากที่จะจัดการยิ่งนัก”
หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของเขา ฮ่องเต้เจียเฉิงเองก็สามารถมองออกได้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเวินอ๋อง ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าเวินอ๋องตั้งใจที่จะไปตีสนิทกับเย่เซียวหลัว
ฮ่องเต้เจียเฉิงถามด้วยความสงสัย” หากเวินอ๋องต้องการที่จะอภิเษกสมรสกับเซียวหลัว เหตุใดเขาไม่ตีเหล็กตอนที่ยังร้อน จะซ่อนตัวเอาไว้ทำไม?”
โม่ฉีหมิงครุ่นคิด ”ท่านพ่อ ตอนนี้เมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ น้องหกอาจจะไปผ่อนคลายที่ไหนไม่ทราบได้ หม่อมฉันจะหาตัวเขาให้ผม ขอเพียงสามารถรับฟังความต้องการที่แท้จริงของน้องหกได้ เรื่องทุกอย่างก็สามารถแก้ไขได้”
คำพูดของเขานั้นตรงกับความคิดของฮ่องเต้เจียเฉิง จนเจียเฉิงฮ่องเต้ครุ่นคิด ว่าเหตุใดตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นถึงไม่ให้ความสำคัญกับเขา ความสามารถของเขานั้นช่างเหลือล้นเสียจริง
เพียงแต่ว่า เขายังมีปัญหาในใจที่ยังไม่ได้คลาย จึงถามต่อ”หากหาตัวเวินอ๋องพบ แล้วเขารักเซียวหลัวจริงๆล่ะจะทำอย่างไร? หรือว่าตกแหกกฎของพระราชสำนักแล้วให้นางอภิเษกกับเวินอ๋อง?”
“ท่านพ่อ หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็คงมีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือยอมทำร้ายจิตใจองค์รัชทายาท แล้วให้คุณหนูสามแห่งตระกูลเย่อภิเษกกับน้องหก แต่หากเป็นเช่นนี้ ขนบธรรมเนียมที่ทั้งสองตระกูลปฏิบัติตามกันมาช้านานคงต้องจบสิ้น” คำพูดแต่ละคำของโม่ฉีหมิงนั้น ฮ่องเต้เจียเฉิงได้ตั้งใจฟังยิ่งนัก
การอภิเษกที่ยึดถือปฏิบัติกันมานานต้องจบสิ้น? ฮ่องเต้เจียเฉิงครุ่นคิดอยู่ในใจ การอภิเษกของทั้งสองตระกูลนั้นเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษยึดมั่นให้ปฏิบัติตาม ไม่สามารถที่จะไม่ปฏิบัติตามได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนเก่าคนแก่ตั้งมากมาย พวกเขาต้องไม่ยอมเป็นแน่แท้
“เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก พ่อขอรับสั่งให้เจ้าหาตัวของเวินอ๋องให้พบ” ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
"ขอรับ หม่อมฉันจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง" โม่ฉีหมิงประสานมือทั้งสอง แล้วก้มตัวลงคำนับ
ท้องฟ้านอกพระราชวังมีนกฝูงใหญ่กำลังโบยบิน โม่ฉีหมิงทำตาหยีแล้วจ้องมองไปบนท้องฟ้าสีคราม เขาค่อยๆเดินไปตามทาง จากนั้นรองเท้าสีทองของเขาก็ก้าวเท้าลงบันไดทีละคน
ตอนที่กลับไปถึงตำหนัก พระจันทร์ก็ออกมาให้เชยชมแล้ว แสงจันทร์ที่สวยงามสาดส่องลงมาที่พื้น โม่ฉีหมิงเดินเข้าไปในห้องโถง ขณะที่ทางด้านโล่หวินหลานก็กำลังยกอาหารเข้ามาพอดี พอเจอเขานางก็รีบลากเขาเข้ามา แล้วชี้ไปยังอาหารบนโต๊ะที่ไหม้เกรียม”นี่เป็นฝีมือของหม่อมฉันเอง ท่านรีบนั่งลงทานเถอะ”
ใบหน้าของโม่ฉีหมิงไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่ในใจของเขาตอนนี้กลับตื้นตันยิ่งนัก ทุกครั้งที่กลับมายังมีภรรยาที่รักคอยเตรียมอาหารให้ อยากจะครองคู่กันอย่างนี้ไปชั่วชีวิต
"คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกเลย เจ้าคือพระชายานะ" โม่ฉีหมิงจับมือของนางไปนั่งที่เก้าอี้ ถึงแม้อาหารบนโต๊ะจะมีหน้าตาที่ไม่น่าดูเสียเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารจานโปรดของเขา
"อย่าพึ่งพูดเลย ท่านเข้าวังไปนานมาก ข้าจะนำสุรามาให้เจ้าคลายความเครียดเอง" โล่หวินหลานตบที่บ่าของเขาเบาๆ จากนั้นก็รินสุราให้กับเขา กลิ่นสุราตลบอบอวล หอมไปทั่วทั้งห้อง
โม่ฉีหมิงไม่อาจทราบได้ว่าเหตุใดนางจึงต้องทำเช่นนี้ เขาไม่พูดอะไรแล้วยกสุราขึ้นดื่ม ปลายตาของเขาชำเลืองมองไปที่นาง เห็นคอของนางมีผ้าพันคอพันเอาไว้ ซึ่งมันช่างน่าสงสัยนัก
"หวินหลาน เหตุใดเจ้าถึงต้องสวมใส่สิ่งนี้ด้วย?" โม่ฉีหมิงใช้มือจับไปที่คอของนาง จากนั้นก็ค่อยๆถอดผ้าพันคอออก
"อากาศหนาวค่ะ จึงสวมผ้าพันคอ" โล่หวินหลานตอบกลับ
โม่ฉีหมิงไม่ได้กล่าวอะไร เพราะนี่ก็ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ช่วงเช้าและกลางคืนอากาศจะเย็นนิดหน่อย อีกอย่างฤดูหนาวก็ใกล้เข้ามาแล้ว จึงทำให้หนาวกว่าปกติ เขาใช้เวลาอยู่กับนางมาหนึ่งฤดูร้อนแล้ว
"ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ในพระราชสำนักมีผู้ใหญ่ส่งผ้าห่มมาให้หลายผืน ข้าจะให้เย่หวินนำมาให้เจ้า ไว้รอช่วงที่หิมะตก ในวังจะมีกิจกรรมไปล่าสัตว์ ข้าจะล่าสุนัขจิ้งจอกมาให้เจ้า ต้องให้ข้าล่าเท่านั้นมันถึงเหมาะสมกับพระชายาของเจ้า" โม่ฉีหมิงโอบที่ไหล่ของโล่หวินหลาน เขาดูแลนางมานาน จนตอนนี้นางเริ่มมีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น ไหล่ก็ไม่ได้มีเพียงกระดูกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
"หิมะตก ยังสามารถล่าสัตว์ได้!ต้องสนุกมากแน่ๆเลยเพคะ!"โล่หวินหลานร้องตะโกนขึ้น แค่เพียงจินตนาการก็รู้สึกเหมือนตอนเองยืนอยู่ท่ามกลางหิมะแล้ว
เธอในปัจจุบันนั้นเป็นคนที่เกิดทางภาคใต้ นอกจากไปเล่นสกีที่ฮาร์บินในฤดูหนาวแล้ว ก็เคยเห็นหิมะตกเพียงไม่กี่ครั้ง ส่วนมากก็จะได้รับแค่ลมหนาวเพียงเท่านั้น
เขามองดูโล่หวินหลานที่ดูจะชื่นชอบหิมะมากนั้น มันช่างแตกต่างจากที่โม่ฉีหมิงคิดไว้ เขาสามารถจินตนาการถึงนางที่สวมเสื้อสำหรับฤดูหนาวตัวสีขาว อยู่ท่ามกลางหิมะ กลืนเป็นหนึ่งเดียว มีเพียงดวงตาที่กลมโตสีดำที่เปล่งประกายนั้น นางในตอนนั้นต้องสวยงามมากแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก