ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 219

ตอนที่ 219 ไม่เหมือนเมื่อก่อน

ค่ำคืนที่สวยงามเหมือนเมื่อก่อน แต่หิมะไม่ได้น่าดูเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ที่ศาลาหลังหนึ่งในจวนหมิงอ๋องมีชายสวมชุดดำยืนอยู่ เขายืนไขว้มือไว้ด้านหลัง ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะขมวดคิ้วนานเกินไปหรือเปล่า ทำให้ริ้วรอยเห็นเด่นชัดมาก ดูไปแล้วเหมือนเขากำลังเศร้าใจ

หนึ่งปีที่ไม่มีโล่หวินหลาน หิมะยังคงตกลงมาเหมือนเดิม ดอกเหมยยังคงบานเหมือนเดิม แค่อารมณ์ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ที่นี่มีความทรงจำของพวกเขามากมาย ทุกค่ำ โม่ฉีหมิงจะมายืนมองท้องฟ้าอยู่ที่นี่ นึกถึงวันเวลาที่เขากับโล่หวินหลานอยู่ด้วยกัน ความรู้สึกนั้นมันยังเหมือนอยู่กับเขาตลอดเวลา

“ท่านอ๋อง มีข่าวมาจากราชสำนัก” ฉินหยิ่นเดินข้ามสะพานมา ในมือมีจดหมายจากนกพิราบ

“เอามา” โม่ฉีหมิงขยับตัว รอให้ฉินหยิ่นยื่นจดหมายมาให้เขา

แผ่นกระดาษสีเหลืองตัวอักษรสีดำ มันดูเหมาะดี โม่ฉีหมิงเอามันมาอ่าน จากนั้นเขาก็ขยี้มันจนขาดละเอียด

สายตาของเขาดูนิ่งขึ้นมา แล้วยิ้มร้ายๆ เหมือนจะมีละครฉากใหญ่ให้เขาได้ดูแล้ว

“ไปบอกรัชทายาท ขบวนขององค์หญิงเหอซื่อของแคว้นเจิ้งโจวติดฝนอยู่ในป่า ตอนนี้ตั้งค่ายพักอยู่ในป่าชั่วคราว พรุ่งนี้ถึงจะลงจากเขาเข้าเมืองหลวง” น้ำเสียงของโม่ฉีหมิงมีแต่ความเย็นชา ถึงแม้ฉินหยิ่นเหมือนจะชินแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง

“ทราบแล้ว” ฉินหยิ่นพยักหน้า แล้วก็ออกไปจากจวนอ๋อง

รอบๆเงียบสงงบ บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวกับหิมะที่ตกลงมา

หวินหลาน เจ้ารู้หรือเปล่า? นอกจากเจ้าแล้ว ชาตินี้ข้าจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนอีก ไม่ว่านางจะเป็นใครก็ตาม

ฟ้ามืดเร็วมาก โล่หวินหลานคลุมผ้าเอาไว้ทำให้รู้สึกไม่สบาย คิดว่าน่าจะไม่มีใครแล้ว ก็เลยเอาออก

จากนั้นนางก็เอาน้ำในอ่างมาล้างหน้าล้างมือ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น แล้วก็ไม่ได้คิดจะสวมผ้าคลุมอีก

หลังทำอะไรเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนรีบร้อนเดินมา มันมาหยุดอยู่หน้ากระโจม

เสียงแบบนี้คุ้นมาก นอกจากแม่ทัพจื๋อเอ่อคนเมื่อกี้แล้ว คงไม่มีใครที่เดินได้หนักแน่นแบบนี้ได้ โล่หวินหลานคิดว่าเขาน่าจะเข้ามา เลยรีบหยิบผ้าคลุมมาสวมไว้ เมื่อคิดดูแล้ว เขาก็หยิบเข็มพิษมาถือเอาไว้ในมือ จากนั้นก็นั่งลงไปเตียง

แม่ทัพจื๋อเอ่อยืนอยู่นอกกระโจมอยู่พักหนึ่ง เหมือนเขาจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ เปิดม่านกระโจม แล้วเดินเข้ามา

“ท่านแม่ทัพจะเข้ามาในกระโจมของข้าทำไมถึงไม่ให้คนมาแจ้งก่อน เหมือนท่านจะมีอำนาจมากเกินไปแล้วนะ” โล่หวินหลานไม่พอใจ แต่ว่าผ้าคลุมปิดหน้าอยู่ทำให้ดูลึกลับ คุ้ยเคย แต่ก็แปลกหน้า

“ข้าแค่อยากมาดูว่าองค์หญิงทรงนอนแล้วหรือยัง แค่อยากจะมาถามไถ่ปกติ ไม่ต้องพิธีรีตองแบบนั้นก็ได้มั้ง?” แม่ทัพจื๋อเอ่อหน้าเสีย แต่ก็ไม่รู้ทำไม เมื่อก่อนอาลั่วหลันก็ทำแบบนี้ แต่ก็ไม่เห็นเขาจะรู้สึกอะไร

“ข้ากำลังจะนอนแล้ว ท่านแม่ทัพมาได้จังหวะพอดี ช่วยข้าดับเทียนด้วยล่ะกัน” โล่หวินหลานพูดจบ ก็หันตัวเอนนอน หันหลังให้กับแม่ทัพจื๋อเอ่อ

แผ่นหลังนั่น เขาคิดถึงมันมานานมากแล้ว แต่เสียดายหลังจากพรุ่งนี้ไป ก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีก เขากลืนน้ำลาย รู้สึกว่าเสียดาย อยากจะสัมผัสแต่เหมือนจะไม่อาจสัมผัสได้

“องค์หญิงจะนอนแล้วหรอ? กินยาหรือยัง? ทำไมนอนแล้วยังต้องสวมผ้าคลุมอีกล่ะ? ให้ข้าช่วยถอดให้ไหม” คำถามต่อเนื่องมาแบบนี้ทำให้โล่หวินหลานใจสั่น มือของแม่ทัพจื๋อเอ่อมันไม่ฟังคำสั่ง เขาควบคุมตัวเองไม่ให้เดินไปหาโล่หวินหลานไม่ได้ มือของเขาจับไปที่ไหล่ของโล่หวินหลาน

ไหล่อันเรียบเนียนถูกเขาสัมผัส ความอุ่นมันลอยอยู่ในมือของเขา ทำให้เขารู้สึกดีใจมาก

การสัมผัสตัวของโล่หวินหลาน ก็เหมือนเขาสัมผัสจุดที่อ่อนไหวที่สุดในใจของนาง

แต่ว่า โล่หวินหลานโกรธมาก นางขนลุกไปทั่วทั้งตัว

“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” โล่หวินหลานดิ้น แล้วตะคอกกลับไปว่า “ท่านแม่ทัพท่านทำอะไร? ข้าเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นเจิ้งโจว ท่านทำแบบนี้กับข้าได้ยังไง? มันเหมาสมแล้วหรอ?”

มือหนึ่งผลักมือของแม่ทัพจื๋อเอ่อออก อีกมือหนึ่งกำลังจะตบไปที่หน้าของเขา นางอยากจะตบหน้าเขาสักสิบครั้ง ร่างกายของนาง นอกจากโม่ฉีหมิงแล้ว จะไม่มีใครแตะต้องมันได้อีก

แต่ว่า ขณะที่นางกำลังจะถูกหน้าของแม่ทัพจื๋อเอ่อ กลับถูกมือใหญ่ๆของเขาจับเอาไว้ ทำให้นางขยับตัวไม่ได้

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเจ้าจะต้องเสียใจ” โล่หวินหลานตะคอก เสียงของนางเหมือนคนเพิ่งออกมาจากนรก

สำหรับแม่ทัพจื๋อเอ่อ คำพูดแบบนี้มันไม่มีประโยชน์ เขาต้องการเพียงอย่างเดียวก็คือนาง

อีกทั้ง ในสายตาของเขา อาลั่วหลันเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือเท่านั้น นอกจากปากดีแล้ว เป็นองค์หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นเลย

“ข้าจะเสียใจอะไร? พรุ่งนี้ท่านก็จะแต่งงานกับคนของแคว้นโม่ฉีที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ข้าชอบท่านมานานแล้ว ให้ข้าแตะต้องท่านสักนิดจะเป็นอะไรไป? หากว่าท่านจะหนีไปกับข้าก็ได้ เราสองคนไปที่ที่ไม่มีใครเปลี่ยนชื่อแล้วใช้ชีวิตด้วยกันดีไหม?”

แม่ทัพจื๋อเอ่อเพื่อให้ได้ตัวอาลั่วหลันเขาพูดทุกอย่างออกมา แต่ว่าเขาก็ได้พูดในสิ่งที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้ในใจออกมาจนหมดแล้ว เพราะเขาคิดแบบนี้มาตลอด

ที่แท้แม่ทัพจื๋อเอ่อก็รักอาลั่วหลันมาก ยังไงเขาก็เป็นแม่ทัพของแคว้นเจิ้งโจว หากพาองค์หญิงหนีไป หากเขาไม่ได้ร้ายกาจ แสดงว่าวางแผนเอาไว้แล้ว

“จะยังไงก็ตามข้าก็เป็นองค์หญิงของแคว้นเจิ้งโจว นี่เป็นสิ่งที่แม่ทัพคนหนึ่งควรมีกับองค์หญิงงั้นหรอ? หากข้าทูลเสด็จพ่อ เจ้าตายแน่” โล่หวินหลานเตือนเขา นางไม่เชื่อว่า แม่ทัพจื๋อเอ่อจะกล้าทำอะไร

เหมือนโล่หวินหลานจะพูดในสิ่งที่น่าขำที่สุดออกไป แม่ทัพจื๋อเอ่อหัวเราะร่าออกมา เขาเหมือนจะไม่คิดที่จะลุกขึ้นจากตัวนางเลย เขาไม่กลัวอะไรโล่หวินหลานเลย

“อาลั่วหลัน ถึงแม้เจ้าจะเป็นองค์หญิง แต่ว่าเจ้าคิดว่าเจ้ามีตำแหน่งอะไรในวังงั้นหรอ? หากเจ้าเป็นที่โปรดปรานจริงคงไม่ถูกส่งมาแต่งงานแบบนี้หรอก?” แม่ทัพจื๋อเอ่อหัวเราะจนพอใจ มองไปที่โล่หวินหลานที่กำลังความไม่พอใจ

ไม่ผิดจากที่คิด อาลั่วหลันเป็นองค์หญิงที่ไม่โปรด แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าทุกคนจะรู้เรื่องนี้กันหมด

นางคิดอยากจะหลอกถามอะไรจากปากของแม่ทัพจื๋อเอ่อเรื่องขององค์หญิง ในเมื่อแม่ทัพจื๋อเอ่อมีใจต่อนาง ถ้าอย่างนั้นก็เดินตามเกมเพื่อหลอกถามเขาล่ะกัน

“ท่านแม่ทัพ ถึงแม้ที่ท่านพูดมาจะเป็นเรื่องจริง แต่ว่ายังไงข้าก็เป็นองค์หญิง หากพรุ่งนี้ข้าไปไม่ถึงแคว้นโม่ฉี ทั้งสองแคว้นก็จะต้องทำสงครามกัน ถึงเวลานั้นเราจะทูลกับเสด็จพ่อว่ายังไง? จะอธิบายกับประชาชนแคว้นเจิ้งโจวยังไง?” โล่หวินหลานพูด

“หึ” เมื่อได้ยินโล่หวินหลานเริ่มพูดอ่อนลง คิดว่านางตกลงที่จะหนีตามเขาไปถึงได้คิดเยอะขนาดนี้ เขาเริ่มผ่อนคลายลง แต่มือยังจับนางเอาไว้อยู่

“ขอแค่ให้เราได้อยู่ด้วยกัน คนอื่นเป็นยังไงข้าไม่สน เราไม่ได้เป็นฮ่องเต้ ไม่ใช่คนที่ต้องช่วยใคร ถึงเวลานั้นเราก็อาศัยอยู่ในป่า สงครามจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” เขาพยายามขจัดความกังวลของโล่หวินหลาน ขอแค่นางยินดีที่จะหนีตามเขาไป อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

โล่หวินหลานกัดปาก เพราสวมผ้าคลุมเอาไว้ทำให้ไม่เห็นสีหน้าของนาง นางพูดว่า “ในเมื่อเสด็จพ่อให้ข้าแต่งงานกับแคว้นโม่ฉี ก็แสดงว่ายังไงข้าก็ต้องไปที่แคว้นโม่ฉี หากข้าหายไปแบบนี้ เสด็จพ่อต้องทรงเสียพระทัยแน่”

น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความเศร้า ถึงแม้จะไม่มีน้ำตา แต่ก็เหมือนเศร้ามาก

“ท่านยังไม่รู้หรอ?” จื๋อเอ่อทนไม่ได้ที่เห็นนางเศร้าใจแบบนี้ เขาเลยพูดเรื่องของแคว้นเจิ้งโจวออกมาจนหมดเปลือก “คนที่อยากให้ท่านแต่งงานไม่ใช่ท่านเจ้าแคว้น แต่ว่าเป็นฮองเฮาองค์ใหม่ นางเห็นท่านขวางหูขวางตามานานแล้ว แค่ไม่ได้พูดออกมาแค่นั้น นางตีสองหน้าเก่ง แม้แต่ข้าเองก็เดาความคิดนางไม่ได้เลย”

โล่หวินหลานเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น ที่แท้เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่นางคิด เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นฝีมือของเสด็จแม่ของอาลั่วหลันเอง นางพูดว่า “ที่แท้เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ต้องการให้แต่งงานเท่านั้นหรอเนี้ย” ฮ่องเฮาองค์ใหม่อยากจะกำจัดอาลั่วหลันออกไปนี่เอง

มิน่าไม่มีใครเคารพนางเลย ที่แท้พ่อแม่ก็ไม่รักนี่เอง องค์หญิงอย่างนางยังสู้คุณหนูผู้ดีไม่ได้เลย

“พูดแบบนั้นก็ไม่ผิด ต่อให้เจ้าไม่ไปแต่งงาน ทั้งสองแคว้นก็ไม่มีทางทำสงครามกันหรอก เพราะท่านเจ้าแคว้นส่งบรรณาการให้ทางแคว้นโม่ฉีมาแล้วห้าปี ในห้าปีนี้อย่าว่าแต่สงครามเลย เรื่องเล็กก็ไม่มีทางเกิดขึ้น ที่ให้ท่านแต่งงานไป ก็แค่อยากให้ท่านไปให้พ้นแค่นั้น” จื๋อเอ่อส่ายหน้า มองไปที่โล่หวินหลาน เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “เป็นยังไง? จะหนีไปกับข้าไหม? อย่างน้อยท่านก็รู้จักคุ้นเคยกับข้ามากกว่าองค์ชายของแคว้นโม่ฉี”

โล่หวินหลานพอจะเข้าใจแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า ฐานะของอาลั่วหลันจะลำบากมากขนาดนี้ ไม่เหมือนเป็นองค์หญิงเลย

จื๋อเอ่อเห็นนางคิด ก็ยื่นมือจะเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง แต่ว่าก่อนที่จะแตะโดน ก็ถูกมือของนางปัดทิ้ง โล่หวินหลานลุกขึ้นนั่ง

“ต่อให้เป็นยังนั้น ก็จะให้เจ้าสมใจไม่ได้” โล่หวินหลานจ้องไปที่จื๋อเอ่อ หากไม่มีผ้าคลุม จื๋อเอ่อคงมองทะลุสายตาของนางไปแล้ว

จื๋อเอ่อลุกขึ้นมา เหมือนจะกอดโล่หวินหลาน แต่นางวิ่งเร็ว เขาจับได้แค่ชายเสื้อของนาง

“คิดหนี?” จื๋อเอ่อลุกขึ้นแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าของโล่หวินหลาน ยื่นมือไปจับเสื้อของนาง ผิวเนียนของนางทำให้เขารู้สึกอบอุ่นมาก เขาแทบทนไม่ไหวอยากจกอดโล่หวินหลานเอาไว้

“อะไรที่ข้าอยากได้ไม่เคยไม่ได้” จื๋อเอ่อผลักตัวโล่หวินหลานลบนเตียง นางกระแทกลงบนเตียงอย่างแรง เจ็บจนแทบขยับตัวไม่ได้

สีหน้าของจื๋อเอ่อไม่มีความสงสารหรือทะนุถนอมเลย เขาไม่ไว้หน้าเลย เขายื่นมือไปดึงผ้าคลุมหน้าของนางออก ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ทำให้จื๋อเอ่อตะลึงไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก