ตอนที่ 221 แฝงตัวเข้ากองทหาร
พอกินอาหารเช้าเสร็จ ได้ยินเสียงแตรดังขึ้น ดังก้องไปทั่วผืนฟ้าโล่หวินหลานวางตะเกียบในมือลง สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างเหมือนรู้ว่าควรทำอะไร ยังไม่ทันรอนางถามเสร็จ พลางเปิดปากอธิบาย “นี่เป็นเสียงแตรของการออกเดินทาง เป่าเพื่อเป็นสัญญาณแสดงว่าพวกเรากำลังจะออกเดินทาง”
โล่หวินหลานเข้าใจแล้วพยักหน้า จับผ้าปิดหน้าแล้วจึงเปิดม่านออก ทัพขบวนด้านนอกฝึกได้เข้มแข็งฮึกเหิมมาก เรียงขบวนเป็นริ้วสวยงาม อย่างน้อยก็ต้องมีเป็นพันคน ดูไปแล้วช่างงดงามเป็นระเบียบ รู้เพียงว่าภาพหนังจากในวิดิโอหรือในโทรทัศน์ได้ปรากฏต่อหน้าตนเองแล้ว
“องค์หญิงเพคะ เชิญลงรถม้าเพคะ” สาวใช้คนหนึ่งเปิดม่านของรถม้าออก แล้วจึงเอาเก้าอี้เตี้ยๆอันหนึ่งลงมา แล้วเชิญโล่หวินหลานเก้ารถจากรถม้า
จื๋อเอ่อนั่งอยู่บนหลังม้าตัวหนึ่ง บนหลังแบกดาบยาว ทั้งตัวของเขาคลุมด้วยชุดดำทำให้ดูไปแล้วสง่างามยิ่งนัก ตาคู่นั้นดูๆไปแล้วเย็นชาจนแทบเป็นน้ำแข็ง เหมือนจะบอกว่าเรื่องเมื่อวานที่เขาบ้าไปกับอาลั่วหลันได้หายไปแล้ว เหลือแค่คนด้านหน้าที่เท่สะกดสายตาคน
สายตาเย็นยะเยือกของเขาหันไปพยักหน้าให้โล่หวินหลาน ควบม้าฟาดแส้ไปข้างหน้า ทำให้ไปเข้าขบวนถึงด้านหน้าสุด เดินนำ
ทัพขบวนเดินไปอย่างเชื่องช้า ถึงแม้ว่าจะใช้ม้าในการเดินขบวน แต่ส่วนมากก็เป็นทหารแนวราบ
เหล่าทหารเดินบนทางเท้าบนเขาที่เลี้ยวขดเคี้ยวแต่พวกเขาก็เดินไปอย่างสงบไม่ลดละ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เดินมาจากแคว้นเฉิงโจว พวกเขาไม่ลำบากกับทางแค่นี้หรอก
เพียงแต่ว่าโล่หวินหลานคิดไม่ออกว่าทำไมมีถนน พวกเขาถึงไม่เดิน ต้องเดินทางเขา
ขบวนทัพทหารเดินผ่านภูเขาหิมะที่มีก้อนหินอยู่เต็มสองข้างทางอย่างไม่หวั่น เงาสองเงาสีขาวโผล่มาจากก้อนหิน จ้องตาไม่กระพริบไปยังกองกำลังทหารที่เดินอยู่
“พวกเราต้องเดินถึงเมื่อไหร่ถึงจะตามทันเนี่ย?” อาลั่วหลันทุบๆตรงขา ไม่ได้เดินทางเขาอย่างนี้มานานแล้ว นางถูกความปวดเมื่อยที่ขาเตือนสติอยู่ตลอดเวลา มองคนข้างกายที่ก้าวเท้าเร็ว บ่นพึมพำ
“รอจังหวะโอกาส” หมิงซีพูดจบ ก็ตามหลังไปทันที
“สี่คำอีกแล้ว เจ้าไม่ขึ้นไปข้าขึ้นไปเอง ชักช้าอยู่ได้ เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?” อาลั่วหลันโมโหจึงลุกจากก้อนหินที่หลบอยู่ ร่างสูงโปร่งนี้ลุกขึ้นเห็นหัวพอดี สายตามองตรงไปยังกองทัพด้านหน้า
แต่เพียงลุกขึ้นครู่เดียว มือใหญ่มือหนึ่งก็กดหัวนางลงไปที่เดิม หันไปอีกทีหมิงซีก็ส่งสายตาอาฆาต
“อย่าทำอะไรไม่คิด หากถูกเจอตัวเขา เจ้ายังจะต้องกลับบ้านเก่า” หมิงซีไม่แม้แต่จะมองนางแม้แต่น้อย สายตามองตรงไปยังกองทัพข้างหน้าที่เดินผ่านไปอย่างช้าๆ
พอได้ยินคำว่าแต่งงาน สมองของอาลั่วหลันแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะนางไม่อยากไปเกี่ยวดองจึงพยายามหนีสุดชีวิต ตอนนี้ไม่เพียงแต่ยืนอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากกองทัพ นางบ้าไปแล้วหรือไง?
“เจ้ากล้าขู่ข้าหรอ?” อาลั่วหลันหรี่ตาลงทั้งสองข้าง ยื่นมือจะไปหนุดการอคลื่อนไหวของหมิงซี แต่ตัวของเขาได้เดินนำนางออกไปแล้ว
อาลั่วหลันจึงคว้าได้แค่อากาศ ตัวเกือบทิ่มไปกับหินข้างหน้า โชคดีที่นางมือเร็วรีบยันตัวลุกขึ้นได้ก่อน มองตามร่างของหมิงซีที่เดินนำหน้าไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเขาใช้เข็มอาบยาพิษฆ่าทหารสองนายนั้นได้อย่างไร พอดีกับที่ร่างของพวกเขาย้ายไปที่ก้อนหินด้านหลัง
“ถอดเสื้อเกราะของพวกเขาออกแล้วใส่เข้าไปซะ พวกเราปลอมตัวเข้าไปในกองทัพ” หมิงซีถอดเสื้อเกราะออกอย่างง่ายดาย ใช้ฝีมือขั้นสูงถอดเสื้อเกราะของนายทหารรายนั้นออก เพียงชั่วพริบตาเขาก็สวมลงไปแล้ว
แต่อาลั่วหลันที่อยู่ข้างๆกลับบีบจมูกไม่อยากจะไปแตะ ขัดขืนเสียงเล็ก “จะให้ใส่ยังไงเนี่ย? เจ้าตั้งใจหานายทหารสองคนนี้มาใช่ไหม ข้าจะไปใส่เสื้อเกราะพวกมันได้ยังไง?”
หมิงซีใช้สายตาแขวะไปทีนางหนึ่งที ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนางโล่หวินหลานจะถูกเปลี่ยนไปอยู่ในกองทัพนี้ได้อย่างไร? มาวันนี้ นางไม่มีความรู้สึกดีกับนางเลยสักนิด นางมาทำให้แผนการของเขาทั้งคู่วุ่นวายไปหมด ทำให้เซียวฉางเกิดอยู่ในอันตราย แม้กระทั่งตัวเขา ก็คิดแห้ปัญหาไม่ออก ได้เพียงแค่เดินไปแก้ปัญหาไป
“ใส่ไม่ได้ก็อย่าใส่ เจ้ากลับไปแคว้นเฉิงโจวซะ พอดีล หมิงซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ถอดเสื้อตัวนอกเขาออก สวมเสื้อเกราะตัวนั้น พอเหมาะพอดีกับตัว ดูไปแล้วเหมือนชายรูปงามคนหนึ่งเลยทีเดียว เย็นชาเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก