ตอนที่ 222 พบคนรู้จักอีกครั้ง
ทางแยกสามทางที่มีขนาดต้นทางเท่ากันอยู่ด้านหน้าของพวกเขา แม้กระทั่งจื๋อเอ่อที่ฉลาดหลักแหลมยังแยกไม่ออกว่าควรเดินไปทางไหนถึงจะดีที่สุด
เขากางแผนที่ในมือออกมา ในแผนที่ไม่มีทางแยกทั้งสามทางนี้ปรากฏอยู่ ดูแล้วเหมือนขณะที่กำลังวาดแผนที่นี้ ทางแยกสามทางนี้ยังไม่ถูกสร้างขึ้น น่าจะพึ่งทำขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ หรือไม่ก็ คนที่วาดแผนที่นี้ไม่ได้สนใจจะวาดมันลงแผนที่ตั้งแรกอยู่แล้ว
“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้นขอรับ”โล่หวินหลานหยุดไปครู่หนึ่ง จึงเปิดม่านออก ยื่นหน้าออกไปถามไถ่
จื่อเอ่อเก็บแผนที่ในมือ หันไปความเคารพพลางตอบ “องค์หญิง ด้านหน้าปรากฏทางแยกขึ้นสามทาง ท่านทราบหรือไม่ว่าทางไหนเป็นทางที่ถูกต้อง”
โล่หวินหลานที่ไม่เคยลงเขาเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทางควรจะไปยังไง แต่ไหนแต่ไรมาหมิงซีเป็นคนพานางไป มาวันนี้ถูกแยกจากหมิงซี แม้กระทั่งทางบนท้องถนน นางก็ไม่รู้ควรไปอย่างไร
“ข้าไม่รู้”โล่หวินหลานส่ายหน้า สีหน้าไม่เปลี่ยน จื่อเอ่ออยากลองใจดูจากสีหน้านางว่าพูดปลดหรือไม่
จื่อเอ่อไม่ได้คิดอะไรมาก สั่งเสียงเย็นไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา “เจ้าไปดูทางข้างหน้า ดูว่าไปทางไหนดีที่สุด พวกเราก็ไปทางนั้น”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้ที่รู้ใจจื่อเอ่อ มีเขาไปดูทาง สามารถวางใจได้
ลุกลงจากหลังม้า รองแม่ทัพหยิบมีดที่แบกอยู่ข้างหลังออกมา ถือไว้ในมือ สีหน้าดุดันก้าวไปยังทางแยกแรกข้างหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง
“ช้าก่อน ข้ารู้ว่าต้องไปทางไหน”เสียงอันคุ้นเคยดังเข้าลอดเข้ามาในหูของโล่หวินหลาน นางใจเต้นแรง คนผู้นั้นได้เดินมาข้างหน้าแล้ว ด้านหลังตามมาด้วยนายทหารร่างบางที่ร่างอ่อนแอกว่า ก้มหน้าไม่กล้าเงย เหมือนกลัวจื่อเอ่อจะจำนางได้
แต่ไม่รู้ว่าใบหน้าของนางถูกทาแต้มด้วยอะไร ทำให้ใบหน้าคล้ำและเหลือง รวมทั้งอาลั่วหลันที่ก้มหน้าคางติดชิดกับคอก็ยังสีผิวเดียวกัน
น่าจะเพราะพวกเขาอยากหลบการสังเกตจากกองทัพทหาร ถึงทาจนเป็นสภาพแบบนี้
“พวกเจ้าเป็นทหารหน่วยไหน?เหตุใดถึงรู้จักทางของเขา?”จื่อเอ่อหรี่ตาลง มองไปที่หมิงซี ทหารเยอะแยะมากมาย พวกเขาไม่มีทางรู้จักหมดเป็นแน่ แต่ตอนนี้เขารู้สึกแปลกใจมาก เหตุใดนายทหารของแคว้นเฉิงโจวถึงรู้ทางของเขาแห่งนี้
“ท่านแม่ทัพขอรับ ให้พวกข้านำทางเถิด”โล่หวินหลานนำผ้าปิดบังใบหน้า ถึงแม้ว่าจะเห็นสีหน้าของนางไม่ชัด แต่เสียงนี้ทำให้คนอื่นไม่กล้าปฏิเสธ
พอเห็นโล่หวินหลานปลอดภัย หมิงซีจึงโล่งอก เขาตามมาอยู่ข้างกายนางอย่างยากลำบาก เพราะตามมาปกป้องอารักขานาง เขาไม่มีวันปล่อยให้ชิวโม่ไป๋ผิดหวังเป็นแน่ เขาจะไม่ทรยศหักหลังความหวังของตนเองเป็นอันขาด
ดูไปแล้วเหมือนคนรู้จักของโล่หวินหลาน จื่อเอ่อชั่งวัดสถานการณ์ข้างหน้า ในเมื่อเขาใจเดียวกันกับโล่หวินหลาน ก็ย่อมต้องเชื่อใจนาง จะให้เสียเวลาอยู่ที่นี่ก็ไม่เข้าที ต้องมีคนนำทางลงเขาไป อีกทั้งพวกเขายังเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวในตอนนี้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้พวกเขานำทางลงเขาเถอะ อย่ามาลูกไม้กับข้า”ประโยคสุดท้ายตั้งใจพูดให้นายทหารข้างๆได้ยิน เขาไม่สามารถทำให้นายทหารเข้าใจได้ว่าเขาสองคนเป็นอะไรกับโล่หวินหลาน
หมิงซีพยักหน้า เดินนำไปทางแยกแรกมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง แล้วจึงไปดูทางแยกที่เหลืออีกสองทาง ทางแยกพวกนี้เหมือนกันจนแยกไม่ออก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็สามารถไปแคว้นเซิ่งโจวได้ทั้งนั้น เพียงแต่เวลาปกติเพราะเหตุต้องรีบเดินทาง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่เดินทางพวกนี้
ต้องโทษตัวเขา เพราะต้องการดึงเวลา จึงตั้งใจเลือกทางที่ไกลกว่าปกติ ไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่มีทางพบทางไปเข้าแคว้นเซิ่งโจวที่เป็นกองทัพไปพิธีอภิเษก ยังให้โล่หวินหลานปลอมตัวเป็นองค์หญิงของแคว้นเฉิงโจว
“ท่านแม่ทัพ ทางแยกสามทางนี้ล้วนสามารถลงเขาได้ เพียงแต่ทางแยกแรกจะไกลกว่านิดหน่อย แต่ทางกว้างใหญ่เดินทางง่ายกว่า ทางแยกที่สองจะใกล้กว่า แต่ทางเล็กแคบไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ และทางขรุขระ ทางที่สามไม่ใกล้ไม่ไกล แต่เขาหิมะจะเยอะ เกิดอันตรายง่าย ไม่ทราบว่าท่านนายพลจะเลือกทางไหนขอรับ?”หมิงซีค่อยๆอธิบายทางแยกแต่ละทางอย่างละเอียด
จื่อเอ่อมองหมิงซีเพียงครู่ นานพอสมควร จึงเปร่งวาจาออกจากลำคอ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าไปทางไหนดี?”
หมิงซีตอบอย่างหน้าไม่เปลี่ยนสี “กองทหารใหญ่ยิ่ง ร่างกายขององค์หญิงจะเสียหายไม่ได้ ข้าว่าเลือกทางแยกแรกน่าจะปลอดภัยที่สุด”
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ไปทางแรก ออกเดินทางได้”จื่อเอ่อสองขาควบม้าไปข้างหน้า มือหนึ่งถือแส้ ม้าก็ถูกเขาบังคับไปทางแรกอย่างมั่นคง
โล่หวินหลานมองหมิงซีจากผ้าปิดหน้า ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าอย่างเงียบๆ กองทัพก็ดำเนินไปข้างหน้า
ทางแยกแรกเป็นไปดั่งที่หมิงซีพูดไม่มีผิด ทางกว้างใหญ่เดินสะดวก กองทัพขบวนเดินได้อย่างเป็นระเบียบ ถึงแม้ว่าหิมะจะเต็มทางเดิน แต่ก็เดินได้อย่างปกติ
“นี่ ทางลงเขาต้องเดินอีกไกลเท่าไหร่เนี่ย?”อาลั่วหลันที่ร่างกายอ่อนเพลียเริ่มเดินไม่ไหวจึงใช้มือดันไปที่หมิงซี
หมิงซีหันหลังไปมองนาง นางคิ้วขมวดแน่น หน้าผากมีเหงื่อไหลลง สีผิวคล้ำดำเป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหน้าแดงๆขึ้นมาหน่อย ริมฝีปากแห้งผาก พอคิดได้ว่าเป็นเดินทางไกลจึงทำให้ร่างกายขาดน้ำ
“ไม่เกินเที่ยงก็น่าจะถึงแล้ว เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”หมิงซียื่นมือไปพยุงร่างบางของอาลั่วหลัน พอสัมผัสโนตัวนางก็รู้สึกร่างอ่อนปวกเปียกอีกทั้งตัวเย็น ไม่มีแรงยืนแม้แต่น้อย หากไม่มีมือของหมิงซีคอยพยุง นางก็อาจล้มลงพื้นเป็นได้
“ข้าไม่ไหวแล้ว ทางนี้ เดินยากเกินไปแล้ว”อาลั่วหลัวเปล่งเสียงพูดอย่างยากลำบาก
ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป ร่างกายนางต้องขาดน้ำไม่ช้าก็เร็วนี้แน่ หมิงซีเรียนการแพทย์มานานขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าขีดจำกัดของคนเรามันถึงไหน อีกทั้งอาลั่วหลันที่ไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลานาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก