ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 223

ตอนที่ 223 ปล่อยระเบิดลับ

มีผ้าม่านหนาบังถึงสองชั้น สายตาจ้องกัน

หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนรัชทายาทจะโทรมลงไป ที่คางมรหนวดเคราขึ้น ดูไปแล้วไม่เหมือนคนที่อ่อนโยนดั่งแต่ก่อน องค์ชายรูปงามคนหนึ่ง แต่ให้ความรู้สึกว่าเปลี่ยนไปอย่างพูดไม่ถูก

“ใช่แล้ว”จื่อเอ่อหันหลังไปมองกับโล่หวินหลานที่อยู่หลังม่านหนาบนรถม้า ในใจก็รู้สึกกดดันขึ้นมา

หากว่าจุดมุ่งหมายของนางอยู่ที่นี่ ถ้าอย่างนั้นนางก็ทำได้แล้ว

รัชทายาทหัวเราะ ตบมือสองสามที ด้านหลังก็มีนายทหารนำถ้วยที่มีเหล้าน้ำนมขึ้นมา ถ้วยมีลักษณะสีเข้มถูกแกะสลักรูปดอกไม้โดยรอบ อีกแก้วหนึ่งก็ถูกแกะสลักด้วยดอกไม้สีแดงขาวสวยงาม รัชทายาทพูดกับจื่อเอ่อ “ท่านแม่ทัพรู้หรือไม่ เหล้าน้ำนมเป็นธรรมเนียมของแคว้นโม่ฉีเรา หากมีแขกบ้านแขกเมืองมา ต้องนำเหล้าน้ำนมนี้ต้อนรับ”

พูดพลาง ด้านหลังของเขาก็มีนายทหารนำแก้วสีเข้มส่งมาที่ด้านหน้าของจื่อเอ่อ เหล้าน้ำนมสีขาวลอยอยู่ในถ้วยแก้วสีเข้ม สีขาวขุ่นข้น สีสวยสะอาดตา แต่จื่อเอ่อมองเพียงครู่ก็เก็บสายตากลับไป

“แต่ว่า ข้าไม่เคยได้ยินธรรมเนียมนี้มาก่อนว่าหากแขกบ้านแขกเมืองมาต้องต้อนรับด้วยเหล้าน้ำนม”จื่อเอ่อมองเฉียงไปยังถ้วยแห้วที่มีเหล้าน้ำนมอยู่ มองแขวะไปหนึ่งที แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเร็ว

รัชทายาทไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งยิ้มมองเขา

“เป็นข้าที่ได้ยินผิดไป”จื่อเอ่อพูดจบ ก็พูดต่อประโยคที่เหลืออย่างเป็นธรรมชาติ ยื่นมือไปหยิบถ้วยแก้วนั่นขึ้นมา ดื่มรวดเดียวจนหมด

แต่นายทหารผ็นั้นที่เห็นจื่อเอ่อดื่มลงไป แล้วจึงยื่นแก้วจอกเหล้าที่เหลือให้โล่หวินหลานที่อยู่หลังม่าน ถ้วยเหล้านั้นมีสีแดงขาวสวยแวววาวอยู่ด้านหน้าของหน้าแต่ดูสีฉูดฉาด

“เชิญขอรับ องค์หญิง”

สาวรับใช้ขององค์หญิงถือแก้วจอกเหล้าไว้ในมือ ยื่นไปให้โล่หวินหลานที่อยู่หลังม่าน

โล่หวินหลานเลิกคิ้วขึ้น มองเหล้าน้ำนมที่อยู่ในถ้วย นางอาศัยอยู่แคว้นโม่ฉีมาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าต้องต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วยวิธีนี้

นางขมวดคิ้วเป็นปม ไม่น่าจะใช่ ว่าในเหล้าน้ำนมมีอะไรหรอกนะ

แต่วาจื่อเอ่อก็ดื่มลงไปแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีอาการผิดปกติอะไร หรือรัชทายาทอยากแค่จะลองใจพวกเขา

คิดไปสักครู่ โล่หวินหลานยื่นมือไปรับแก้วใสในมืออย่างสงสัย แล้วจึงค่อยๆเปิดผ้าปิดปากออก เอาจมูกเข้าไปดมใกล้ๆ ในที่สุด นางก็ดมเจอกลิ่นยาพืษผสมในเหล้าน้ำนมเตะเข้ามาจมูก

เหล้าน้ำนมนี้ ต้องมีคนใส่ยาพิษอะไรข้างในแน่ๆ

นางปลอมตัวเป็นอาลั่วหลันได้ไม่นาน ก็จะถูกคนปองร้ายเสียแล้ว พอคิดได้ว่าอาลั่วหลันอยู่ในตำแหน่งองค์หญิงอย่างนี้ ต้องถูกคนปองร้ายมามากมายแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่า ใครดูแลปกป้องนางมาจนรอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้

แต่ว่า คนที่ทำให้นางเสียใจก็คือรัชทายาท คนที่คอยอยู่ข้างหลังปกป้องนางมาตลอดอย่างรัชทายาทหายไปไหนแล้ว?มาวันนี้ใครกันที่บีบคั้นให้เขาต้องทำร้ายจิตใจชั่วช้าถึงขั้นนี้?

“องค์หญิง เชิญดื่ม”นายทหารเร่งเร้าโล่หวินหลานอยู่ด้านนอก

อยากทำร้ายนางมากใช่ไหม?ไม่อย่างนั้นลองซักหน่อยเป็นไร

โล่หวินหลานจับแก้วมาวางไว้ด้านหน้า ดื่มรวดเดียวจนหมด อมเหล้าน้ำนมไว้ในปากของตนเอง

“สมกับเป็นองค์หญิงกับท่านแม่ทัพของแคว้นเซิ่งโจว แต่ละคนช่างเก่งกล้า เสด็จพ่อกำลังจัดงานเลี้ยงตอนค่ำนี้ต้อนรับท่านทั้งสองอยู่ในวัง ยังไงก็ขอเชิญท่านทั้งสองโปรดตามข้ามาด้วยเถิด”รัชทายาทมองจอกเหล้าที่ว่างเปล่า กล่าวขึ้นอย่างพอใจ

ยกเชือกขึ้น แล้วจึงหวดลงไปหลังม้าแล่นเข้าสู่ตัวเมืองของแคว้นเซิ่งโจว

นายทหารและสาวใช้ที่เข้ามาในวังได้มีไม่มาก ให้จื่อเอ่อคัดทั้งหมดออกมาแล้ว ถึงจะถูกคัดเลือกเป็นสาวใช้สองคนที่ต้องคอยดูแลแล้วเข้าวังพร้อมกัน

ดังนั้นขณะอยู่ที่ประตูด้านนอกโล่หวินหลานก็ได้เลือกหมิงซีและอาลั่วหลัน ใช้ข้ออ้างว่าทั้งสองคนมีวรยุทธ์เลิศล้ำ สามารถปกป้องตนเองได้ สาวใช้อีกสองคนจื่อเอ่อเป็นคนเลือกเอง ล้วนฉลาดหลักแหลม มีความลับซ่อนอยู่

ทางเข้าของวังหลวงโล่หวินหลานคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยประชาชนที่มองคนต่างบ้านต่างเมืองและองค์หญิงที่ต้องมาอภิเษกด้วยสายตาแปลกประหลาด ใบหน้ามีความประหลาดใจ ก็จริง นางเป็นแค่องค์หญิงต่างแคว้นที่มาเข้าอภิเษก ไม่ใช่บทสำคัญอะไรที่จะให้ผู้คนนับหน้าถือตาหรือเคารพได้

พอเข้ามาในรั้ววังโล่หวินหลานก็เปลี่ยนรถม้าของตนเองไปนั่งรถม้าที่ทางวังหลวงจัดเตรียมไว้ให้ ตลอดการเดินทางไปทางริมสวนดอกไม้ทางทิศตะวันตก เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นสถานที่โล่งกว้างไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆเป็นป่ารกทึบ ตอนท้ายนั้นได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นพระตำหนักสิง ใช้สำหรับให้แขกต่างบ้านต่างเมืองพักผ่อน

“องค์หญิง ท่านแม่ทัพ พวกท่านพักผ่อนกันก่อน ข้าไปจัดเตรียมนางในมาดูแลรับรองพวกท่านเรื่องข้าวปลาอาหารและอำนวยความสะดวก ตอนค่ำเสด็จพ่อจะคอยพวกท่านที่งานเลี้ยงที่สวนหลวงฉือถิง”รัชทายาทรีบกล่าวอำลาอย่างรวดเร็วทั้งคู่ แทบอดใจไม่ไหวที่ไปจากที่นี่

ผู้คนที่ตาทมาก็ต่างทยอยกันออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่คนพวกเดียวกัน จะพูดคุยอะไรก็ล้วนอิสระโล่หวินหลานรีบเลิกผ้าปิดหน้าของตนเองออก เหลือเพียงแค่ใบหน้ารูปโฉมสวยที่สามารถล้มบ้านล้มเมืองได้ ที่นางสวมใส่ผ้าปิดหน้าเพื่อไม่ให้ทหารแคว้นเซิ่งโจวเห็นมาวันนี้ไม่มีบุคคลภายนอกแล้ว เอาผ้าปิดหน้าออก เพราะมันช่างอึดอัดหายใจไม่สะดวก

“ท่านแม่ทัพ ท่านไปพักผ่อนเถอะ เดินทางมาตลอดทั้งวัน ข้าคิดว่าท่านคงเหนื่อยมากแล้ว หากมีเรื่องอะไร ช้าจะให้พวกเขาไปเรียกท่านเอง ”โล่หวินหลานมองไปยังสาวใช้ที่จื่อเอ่อจัดมาดูแลนางโดยเฉพาะ ในใจก็พยักให้เขาเบาๆ

สาวใช้สองคนนี้ไม่ได้ถูกใช้ให้ดูแลนางเพียงอย่างเดียวยังถูกสั่งมาให้คอยจับตาดูนาง เหมือนเป็นการปกป้องรักษาความปลอดภัยของนางไปในที พวกเขาสามารถไปรายงานจื่อเอ่อได้ตลอดเวลา

“ได้ ถ้าอย่างนั้นท่านก็พักผ่อนด้วยแล้วกัน”จื่อเอ่อพยักหน้าให้นางเบาๆ ส่วนตนเองก็หมุนตัวกลับไปผลักประตูเดินออกไป

สวนที่นี่ใหญ่พอสำหรับทพกิจกรรม สมกับที่เป็นวังหลวงจริงๆ แม้กระทั่งสร้างพระตำหนักใหม่ยังใหญ่โตโอ่โถงเพียงนี้

โล่หวินหลานเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ภายในห้องโถงถูกวางและพรมไปด้วยกลิ่นไม้ดอกและเตาผิงไฟ ภายในห้องอบอุ่น ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ลอยตลบอบอวล

พอเข้ามาโล่หวินหลานก็ชี้ไปที่คอของตนเองเพื่อคายสิ่งที่อยู่ในร่างกายของตนเองออกมา ทำให้เหล้าน้ำนมที่ถูกเก็ฐว่อนไว้ในคอหอยของตนเองพุ่งออกมาทั้งหมด กลิ่นยาและกลิ่นหอมของเหล้าน้ำนมยังคงลอยอยู่ในปากของนางไปมา

“เสี่ยวฮัว เจ้าเป็นอะไรไป?ในเหล้าน้ำนมนี่มีอะไรหรือเปล่า?”หมิงซีรีบถามไถ่ขึ้นด้วยความเป็นห่วง

สาวใช้ทั้งสองรีบไปเตรียมน้ำอุ่นมาให้โล่หวินหลานบ้วนปาก บ้วนจนกลิ่นเหล้าน้ำนมหายไปจากในปาก สายตาคู่สวยของโล่หวินหลานมีความเย็นชาออกมา

“ใช้แล้ว ในเหล้าน้ำนมนี้มีการผสมยาพิษเข้ามา ไร้สี แต่จะมีกลิ่นเฉพาะตัวของมัน แต่เป็นกลิ่นที่อ่อน ถ้าไม่ได้ดมกลิ่นดีๆไม่มีทางได้กลิ่นเป็นแน่ แต่ว่านางไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไร”

“ห้ะ! โชคดีว่าข้าไม่ได้นั่งอยู่ในรถม้า ไม่งั้นคนที่โชคร้ายต้องเป็นข้าเป็นแน่ ข้าไม่ได้กลิ่นของยาพิษในเหล้าน้ำนมด้วยซ้ำ”อาลั่วหลันรู้สึกหนักอึ้ง ในใจรู้สึกยอมรับความเก่งกาจของโล่หวินหลานที่ช่วยนางเผชิญกับยาพอษเหล้าน้ำนทถ้วยนั้น

“ดูแล้วคนที่พวกเขาต้องการกำจัดคือองค์หญิงเหอเซ่อ จุดมุ่งหมายหลักขององค์หญิงเหอเซ่อคือการมาเข้าพิธีอภิเษกสมรส แต่เหตุใดพวกเขาอยากลอบสังหารองค์หญิงเหอเซ่อด้วยล่ะ?”โล่หวินหลานไม่ได้รับการอธิบายใดๆ

“ดูแล้ว ไม่เพียงแค่คนแคว้นเซิ่งโจวอยากให้ฆ่าตาย รวมทั้งคนของแคว้นโม่ฉีด้วย ต่างไม่อยากให้ข้ามีชีวิต”อาลั่วหลันพูดขึ้นอย่างยิ้มเย็นๆ เสียงหัวเราะเยาะโชคชะตาของตนเองค่อยๆไหลผ่านลำคอของตนเองออกมาอย่างช้าๆ เสียงนี้ช่างทำให้ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเจ็บปวดตาม

โล่หวินหลานลองพูดปลอบนาง “อาลั่วหลัน ทุกคนต่างอยู่ในฐานันดรที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่แบกรับหรือหน้าที่ก็ไม่เหมือนกัน ถึงแม้มันจะยากลำบาก แต่ก็อย่าให้โชคชะตามากำหนดชีวิตเราได้ ก็เหมือนกับตอนนี้ เจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรอ?”

นับตั้งแต่วันที่นางลืมตาดูโลก ก็ถูกกำหนดให้เป็นพระธิดาที่ไม่ได้รับความรัก ถูกกำหนดให้เป็นเหมือนสิ่งของที่น่าขยะแขยงเหม็นเน่า ทุกคนต่างหลบหน้าไม่อยากเข้าใกล้นาง

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไรมา นางจึงทำตนเองให้เหมือนคนที่มีพิษสงร้ายกาจตลอดเวลา พยายามไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้ตนเองได้

แต่ว่า ตั้งแต่โล่หวินหลานยื่นมือเข้ามาช่วยนางวันนั้น นางถึงเพิ่งรู้สึกว่าโลกนี้ ยังมีคนที่รักนางอยู่ ถึงแม้ว่าใครคนนั้นจะเป็นคนแปลกหน้า

“ขอบใจเจ้านะ ข้าไม่ได้รู้สึกว่าทุกคนกำลังเป็นปรปักษ์กับข้านะ ข้าแค่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย”อาลั่วหลันยิ้มอย่างเยือกเย็น ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้สึกตัว

เห็นนางเย็นชาอย่างนี้โล่หวินหลานก็จับแขนเก้าอี้แน่น ไม่รู้ว่าควรปลอบนางอย่างไรดี

แต่กลับเห้นหมิงซีก็หยิบเอาแจกันลายครามสีขาวออกมาจากที่คาดเอวด้านข้าง ยื่นไปตรงหน้าของอาลั่วหลัน

“ให้เจ้า นี่เป็นยาถอนพิษสีผิว กินลงไปซะมันจะทำให้เจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม”หมิงซีพูดพลางมองหน้านาง “เจ้าเป็นคนที่โชคดี โลกนี้ไม่รู้ว่าคนโดนทำร้ายไปตั้งเท่าไหร่ หิวตาย บังคับจนตาย ป่วยตาย แต่เจ้า ยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง รอบข้างยังมีเพื่อน ที่ยังรักเจ้าอยู่ อนาคตเจ้ายังต้องพบเจอกับคนที่เจ้าจะรัก นี่ยังไม่พออีกหรอ?”

คิดไม่ถึงว่าหมิงซีผู้เยือนเย็นพูดจาปลอบโยนออกมาโล่หวินหลานที่ได้ฟังยังรู้สึกอ่อนไหวได้เลย

ถึงแม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถย้อนขึ้นมาได้ แต่กลับถูกความอ่อนโยนของเขา ทำให้หัวใจของอาลั่วหลันสงบลงมาได้ ความไม่พอใจต่อโชคชะตาของนาง ความเสียใจ ทุกข์ใจมลายหายไปจนสิ้นกับคำพูดของเขา

อาลั่วหลันยื่นมือไปรับขวดลายครามใบนั้น สุดท้ายจึงเปิดปากพูด “หากไม่ใช่เพราะข้าเป็นองค์หญิงเหอเซ่อ ก็ไม่เกิดเรื่องราวพวกนี้ขึ้น ความเป็นจริงแล้วคนที่ต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสเป็นตัวข้าเอง แต่กลับให้เจ้าต้องมาเสี่ยงกับอันตรายพวกนี้ ช่าง……”

พอได้ยินคำพูดตัดพ้อโทษตนเองโล่หวินหลานก็ส่ายหน้า “หากไม่ใช่ความคิดของข้า เหตุใดข้าต้องช่วยเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วยล่ะ?ทุกคนต่างมีสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่สิ่งที่ข้าต้องการ มีเพียงอาศัยตำแหน่งองค์หญิงของเจ้าถึงจะได้มันมา”

ที่จริงแล้วโล่หวินหลานยังมีสิ่งที่ปรารถนา อาลั่วหลันไม่เข้าใจ จึงถามขึ้น“สิ่งที่เจ้าต้องการที่สุดคืออะไร?”

นางมีรูปโฉมงดงาม มีฐานะ ข้างกายมีคนที่พร้อมปกป้องนามงอย่างหมิงซี นางยังขาดอะไรอีก?

โล่หวินหลานยิ้มอย่างมีเลศนัย “แล้วเจ้าจะรู้เอง”

นางทำเพื่ออยากพบคนๆหนึ่ง สมดั่งใจปรารถนาของนาง มีเพียงการพบเขาคนนั้น นางถึงจะสมดั่งใจ

“หมิงซี เหตุใดเจ้าสองคนถึงอยู่ด้วยกันแล้วยังปลอมตัวเข้ามาเป็นนายทหารอีก?”โล่หวินหลานหันไปหาหมิงซีที่อยู่ข้างๆ เขาเย็นชาราวกับรูปปั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่กับที่

“ความจริงแล้วข้าแค่เพียงตามกองทัพมาเมืองหลว แต่กลางทางกลับพบอาลั่วหลัน จะเข้าเมืองหลวมาด้วย เพราะฉะนั้นข้าจึงใช้เข็มเงินทำให้นายทหารสองคนสลบไป เปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเขา แฝงตัวเข้ามาในกองทัพ คิดไม่ถึงว่าเดินได้เพียงครู่เดียว กองทัพข้างหน้าก็หยุดเดินลง พวกเราจึงเดินไปข้างหน้าสุดถึงรู้ว่าเป็นเพราะเลือกทางเดินอยู่ ถึงอยู่ในสภาพทุลักทุเลอย่างนี้”

หมิงซีพูดขึ้นอย่างเรียบๆ ใบหน้ายังคงไม่มีสีหน้าใดๆ

โล่หวินหลานมองไปที่หน้าของอาลั่วหลันด้วยสีหน้าเรียบเฉย คนที่โวยวายอยากกลับเฉิงโจวก็เป็นนาง ปล่อยโอกาสกลับบ้านเมืองไป แล้วคนที่จะแฝงตัวเข้ามาในกองทัพก็ยังเป็นนางอีก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“อาลั่วหลัน ที่แท้เจ้าไม่อยากกลับแคว้นเซิ่งโจว?”โล่หวินหลานคิดว่านางไม่น่าจะมีเหตุผลพิเศษอะรที่ไม่อยากกลับแคว้นหรอกนะ?

อาลั่วหลันหลบหน้าใจเต้นตึกตัก นิ้วล๊อคไขว้หลังพูดขึ้น “ถึงข้าจะกลับไปก็ไม่มีที่ไป ถ้ากลับวัง เสด็จพ่อก็จะจับข้าไปแต่งกลับองค์ชายตามแคว้นอื่นๆอยู่ดี อีกทั้งผู้หญิงใจร้ายคนนั้นกฌไม่มีวันปล่อยข้าไปง่ายๆเป็นแน่ เพราะฉะนั้น สู้มาแคว้นโม่ฉีที่ไม่มีคนรู้จักข้า ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก