ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 225

ตอนที่ 225 ความหมายของพระสนม

ตัวนางก็มีค่าเพียงเท่าที่เห็น แค่ผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง เป็นแค่องค์หญิงที่ถูกส่งมาอภิเษกสมรสกับแคว้น ได้มีโอกาสเสียสละตนและได้ทำเพื่อบ้านเมืองก็ถือเป็นบุญของนางมากแล้ว เหตุใดถึงยังหวังว่าจะได้มีโอกาสเลือกคู่ครองด้วยตนเอง

“คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงเหอเซ่อจะมีความคิดเหมือนกัน ได้แต่งมาที่แคว้นโม่ฉี เป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่ง ฮองเฮา เจ้าว่าจริงไหม?”ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดพลาง หันหน้าไปทางฮองเฮาเย่ที่อยู่ข้างกาย

มองตามสายตาของฮ่องเต้เจียเฉิงไป สายตาของโล่หวินหลานไปตกที่ร่างของฮองเฮาเย่ คิดไม่ถึง้วลาผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ความงามของนางก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คงไว้โดยให้ความรู้สึกเหมือนวัยแรกรุ่นไม่มีผิด

ชุดสีทองเหลืองอร่ามที่สวมใส่อยู่ บนร่างของนางนั่นยังคงให้ไว้ซึ่งความเป็นฮองเฮา นั่งอยู่เคียงข้างฮ่องเต้เจียเฉิง อาศัยบารมีแค่นี้ ก็ทำบรรยากาศโดยรอบดูหมองลงไปเล็กน้อย

“ใช่แล้ว หากองคืชายสี่อยู่ ต้องเลือกแต่งกับองค์หญิงเหอเซ่ออย่างไม่ลังเลแน่นอน”ฮ่องเฮาเย่พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา

โล่หวินหลานไม่รู้ แต่องค์ชายของแคว้นโม่ฉีต่างรู้กันดี เพื่อที่จะไม่ต้องการแต่งกับองค์หญิงเหอเซ่อของแคว้นเซิ่งโจว เขายอมเป็นขัดคำสั่งของฮ่องเต้เจียเฉิง พ่อลูกทั้งคู่ไม่ได้คุยกันนานแค่ไหนแล้ว

บรรยากาศโดยรอบอยู่ได้ด้วยการแสดงร้องรำบนเวที ไม่มีเสียงพูดคุยของผู้คน เหมือนกับเป็นลานหิมะน้ำแข็งที่เยือกเย็นไปโดยปริยาย

“องค์หญิงเหอเซ่อ ท่านพักอยู่ที่ตำหนักในวังไปก่อน รอเราเลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้เจ้าก่อน แล้วค่อยแต่งก็ยังไม่สาย” เจียเฉิงใช้สายเคร่งขรึมมองไปยังโล่หวินหลาน ในคำพูดก็ไม่ได้หมายเหตุระบุชัดเจนว่าเวียวฉางเกอจะได้อภิเษกวันไหน รวมถึงว่าจะได้แต่งกับองค์ชายคนไหนก็ยังไม่รู้เลย

โล่หวินหลานรู้สึกหน้าเสีย วันนี้ไม่ได้พบโม่ฉีหมิง และคู่ครองของนางก็ยังไม่ใช่เขาอีก นางรู้สึกว้าวุ่นใจทันที นางคาดเดาผิดไป หากไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นนางปลอมตัวเป็นองค์หญิงก็ไม่มีความหมายอะไร

นางกำลังเคลียดไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ศาลาไม่ไกลมีเสียงที่ไม่ค่อยดีนักดังมาแต่ไกล เสียงนั้นมีความใสก้องดังนกขมิ้น แต่คำพูดฟังชัดทุกคำ “เสด็จพ่อ น้องสิบห้าปีนี้อายุครบสิบหกปี ยังไม่เคยออกเรือน ถ้าไม่อย่างนั้นก็ให้องค์หญิงเหอเซ่อแต่งงานกับน้องสิบห้าท่านคิดว่าอย่างไร?”

เสียงนี้นางคุ้นเคยกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ศัตรูเก่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาคิดไม่ถึงว่านางยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงโล่หวินหลานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยค่อยๆหันไปทางเย่เซียวหลัว

ความแค้นระหว่างพวกนางสองคนช่างฝังลึกนัก เพียงแต่ว่าโล่หวินหลานผ่านความเป็นความตายมา รู้สึกว่าเรื่องที่ผ่านมาถือว่าเจ๊ากันไป หลายเรื่องไม่ใช่เรื่องที่นางจะบังคับให้เป็นไปตามที่นางที่ต้องการได้

แต่ว่าเจ้าถูกคนอื่นล้อมกรอบและเสียชีวิต ทุกครั้งที่เจ้านึกถึงว่ามีคนหวังที่จะให้เจ้าตาย เจ้าก็รู้สึกว่าจิตใจของคนมันน่ากลัว อย่างไรก็ตาม เจ้าเองก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกเขาเท่าไหร่

“หลัวเอ๋อ อย่าเล่น” เย่กั๋วกงที่นั่งอยู่ข้างๆเจ้าดึงแขนเสื้อของเจ้า พร้อมจ้องเจ้าอย่างโกรธเคือง

อาการขององค์ชายสิบห้าทุกคนก็รู้ๆกันอยู่ ตอนเด็กได้ป่วยอย่างหนัก ไข้ขึ้นสูงมากจนหมอหลวงก็ไม่สามารถรักษาได้ สุดท้ายชีวิตของเขาก็ได้รอดพ้นไป แต่ก็กลายเป็นคนบ้า สติไม่ดี ยังดีที่ฮ่องเต้เจียเฉิงเห็นความสัมพัทธ์ระหว่างพ่อกับลูก รู้สึกผิดต่อองค์ชายสิบห้าเป็นเวลานานมาก ในที่สุดก็ได้ให้องค์ชายสิบห้าอยู่ในวังพร้อมดูแลอย่างดี และได้บอกกับองค์ชายอื่นว่า ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามไล่องค์ชายสิบห้าออกจากวังเด็ดขาด

จะให้องค์หญิงของแคว้นเซิ่งโจวที่สูงสง่า มาแต่งงานกับองค์ชายบ้า เป็นการดูถูกคนชัดๆเลย

“ถึงแม้ว่าองค์ชายสิบห้าสติจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่หน้าตาก็ไม่แย่นะ และยิ่งมีเสด็จพ่อที่รักเขามาก การแต่งงานกับองค์ชายสิบห้าจะเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อองค์หญิงเหอเซ่อไม่ใช่หรือ” เย่เซียวหลัวมองไปทางคุณพ่อของเจ้า พร้อมยักคิ้วแบบอ่อนๆ

ตั้งแต่ที่โล่หวินหลานจากไป ไม่มีใครกล้าที่จะยุ่งกับเจ้า ทำให้เจ้ายิ่งนับวันขึ้นก็ยิ่งเกรี้ยวกราด

เวินอ๋องปกติไม่ค่อยได้พูดได้คุยกับเจ้าเท่าไหร่ แต่พอเวลาที่เจ้าขออะไร เขาก็ให้เจ้าทุกอย่าง ต้วนกุ้ยเฟยไม่ชอบเจ้าเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้ถือว่ารุนแรงมาก ทั้งเวินอ๋องตำหนักมีแต่นางสนมแค่เจ้าคนเดียว ชีวิตในทุกวันนี้ก็ยังชิวๆอยู่ เจ้าด่าตีสาวใช้ทุกวัน และยังเรียกคนแอบตามเวินอ๋องบ่อยๆ ยิ่งนับวันก็ยิ่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ

“เย่เซียวหลัว นั่งลงเดี๋ยวนี้ ตรงนี้ยังไม่มีที่ที่สำหรับพูดของเจ้า” เวินอ๋องใช้หางตาจ้องมองเย่เซียวหลัวอย่างหมดความอดทน

เขารู้นิสัยของเย่เซียวหลัวดี ตอนนี้ที่เจ้าทำกิริยาแบบนี้ต่อองค์หญิงเหอเซ่อ น่าจะเพราะว่าเจ้ากลัวองค์หญิงเหอเซ่อจะแต่งงานกับตัวเอง

“ข้าไม่ได้พูดผิดสักหน่อย องค์ชายสิบห้าก็ต้องการที่จะแต่งงาน มีลูก ฮ่องเต้ ยังไงท่านก็ยังไม่มีความคิด ก็ลองฟังความคิดของข้าหน่อย ให้องค์หญิงเหอเซ่อแต่งงานกับองค์ชายสิบห้าเลย” เย่เซียวหลัวไม่สนใจเวินอ๋องเลยสักนิด ได้แต่พูดของตัวเองอย่างเมามัน ไม่ว่ามีอะไรมากีดขวางหน้าเจ้า เจ้าก็จะจัดการให้หมด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

ฮ่องเต้เจียเฉิงฟังดูแล้วก็เริ่มรู้สึกเห็นด้วยกับเย่เซียวหลัว เขาเกือบลืมไปแล้วว่า การที่องค์ชายสิบห้าสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเองด้วย ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม ถ้าอายุถึงแล้วก็ควรที่จะแต่งงาน มีครอบครัว แล้วตัวเองจะไม่เป็นกลางในเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

เวินอ๋องที่รู้จักฮ่องเต้เจียเฉิงอย่างดีรู้ว่าท่านต้องทำแบบนี้แน่นอน แต่ว่าเขาเหลือบมองเย่เซียวหลัวไปแวบๆ เจ้ากำลังมองฮ่องเต้เจียเฉิงโดยสายตาที่ภูมิใจในตัวเองมาก

รอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของเวินอ๋อง แพร่กระจายในฤดูหนาวนี้

เย่เซียวหลัว ยิ่งเจ้าไม่ชอบที่ข้าจะแต่งงานกับคนอื่น ข้าก็ยิ่งจะแต่งงานกับคนอื่น

“เสด็จพ่อ องค์หญิงเหอเซ่อมาในระยะทางที่ไกลมาก มันหมายถึงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นโม่ฉีกับแคว้นเซิ่งโจวไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าให้เจ้าแต่งงานกับน้องสิบห้ามันก็ไม่ค่อยเหมาะสมกับฐานะของเจ้าเท่าไหร่นัก ฉะนั้น ลูกขออนุญาตเสด็จพ่อ ให้องค์หญิงเหอเซ่อแต่งงานกับลูก” เวินอ๋องพูดอย่างจริงจังพร้อมทำความเคารพเสด็จพ่อ

เพิ่งได้พูดจบไม่นาน ทุกคนในที่นี้ก็เปลี่ยนสายตาในการมอง โดยเฉพาะครอบครัวตระกูลเย้กับเย่เซียวหลัว

เย่เซียวหลัวมองเวินอ๋องอย่างโกรธขึ้ง และมีน้ำตาที่ปนไปด้วยความโกรธแค้นอยู่ในตา เวินอ๋องเห็นน้ำตาที่น่าสงสารของใกล้จะไหลลงมา ก็รีบหันหลังให้เพื่อไม่ให้เห็นใบหน้าของเจ้า

“เวินอ๋อง ข้ายังไม่ตายนะ ท่านหมายความว่าไง ท่านอยากจะรีบมีนางสนมขนาดนี้เลยหรอ” เย่เซียวหลัวดึงเสื้อของเวินอ๋องอย่างหดหู่ แต่เวินอ๋องเหมือนตัดสินใจไว้แล้ว ไม่เคลื่อนย้ายแม้แต่น้อย

ส่วนโล่หวินหลานที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคำขอร้องจากเวินอ๋องแล้ว ก็สะเทือนใจไม่เบาเหมือนกัน เจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมเวินอ๋องถึงขอแต่งงานกับองค์หญิงเหอเซ่อ แต่ถ้าเวินอ๋องไปขอแต่งงานกับเจ้าจริงๆ เจ้าต้องไม่ยอมแน่ๆเลย

“ออกไปเลย ข้าจะมีนางสนมเพิ่มมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า” เวินอ๋องใช้ระดับเสียงที่มีแต่สองคนสามารถได้ยินบอกให้เย่เซียวหลัว แต่คำพูดเหล่านี้ในหูของเย่เซียวหลัว กลับเป็นความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า

“ท่าน อย่างน้อยข้าก็ยังเป็นนางสนมของเจ้าอยู่ ถึงเจ้าจะไม่ชอบมากเท่าไหร่ก็ตาม เธก็ควรจะเคารพข้าหน่อยไม่ใช่หรือ” เย่เซียวหลัวพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ของตัวเองไว้ ใบหน้าของเจ้าอยู่ภายใต้แสงไฟที่สว่าง ยิ่งทำให้เห็นว่าหน้าเจ้าแดงมาก

คำพูดของเจ้าทำให้เวินอ๋องไม่พอใจหนักมาก “ตกลงเจ้าเป็นนางสนมของข้า หรือข้าเป็นนางสนมของเจ้า ข้าจะมีนางสนมใหม่ยังต้องถามความเห็นของเจ้าหรอ”

คำพูดของเวินอ๋องทำให้ดวงตาของเย่เซียวหลัวแดงขึ้นเรื่อยๆ เจ้ารู้ตลอดเลยว่าคำพูดของเวินอ๋องมันเย็นชาขนาดไหน แต่เขาไม่เคยเหมือนวันนี้ เขาดูเหมือนตั้งใจจะโจมตีเจ้าอย่างสุดขีด

“เจ้า เวินอ๋อง……” คำพูดครึ่งหลังของเย่เซียวหลัวติดอยู่ในคอ มีหลายครั้งที่เจ้าจะเป็นแบบนี้ คำพูดแค่ประโยคเดียวของเวินอ๋อง ก็สามารถทำให้เจ้าตกนรกสิบแปดชั้นได้

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าสองคนจืดจางกว่าเมื่อก่อนอีก เหมือนทุกอย่างไม่เคยเปลี่ยมแปลง ที่เปลี่ยนแปลงคือจิตใจของทุกคน ก็เหมือนเจ้าที่กำลังนั่งอยู่ตรงนี้ ยังคงเหมือนเดิม

โล่หวินหลานหายใจลึกๆ สองมือจับกระโปรงของตัวเองอย่างแน่น เหงื่อที่ไหลออกมาจากมือของเจ้าซึมเข้าไปในกระโปรงจนทำให้กระโปรงเปียก

ขอแค่เจ้าไม่ต้องแต่งงานกับเวินอ๋อง จะให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ยอม

แต่ในฐานะที่มาสัมพันธไมตรีของเจ้าตอนนี้ เจ้ายังสามารถพูดอะไรได้บ้าง

แต่เจ้าจะไม่ยอมให้ตัวเองแบกทั้งหมดนี้ไว้คนเดียว ตอนนี้เจ้าจะดูพวกเขาแสดงละครก่อน รอถึงเวลาสุดท้ายที่ผลออกมาแล้วไม่ใช่โม่ฉีหมิงเจ้าค่อยไปหาโม่ฉีหมิงสถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนแปลงมากเกินไป เจ้ากลัวว่าโม่ฉีหมิงจะยังรับไม่ได้

เห็นเวินอ๋องกับเย่เซียวหลัวทะเลาะกัน ฮ่องเต้เจียเฉิงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรจะห้ามใครดี คู่นี้ตั้งแต่แต่งงานกันมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยอยู่ด้วยกันอย่างสงบ

“พอได้แล้ว อย่ามาทะเลาะกันบนชื๋อถิงไถ๋ เวินอ๋อง เจ้าออกไปก่อนเลย ให้องค์หญิงเหอเซ่อได้อยู่เงียบๆแปบหนึ่ง” ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดอย่างจริงจัง

ตรงนี้เงียบลงทันที พอผ่านไปสักพักเวินอ๋องก็ออกไปจากชื๋อถิงไถ๋ เย่เซียวหลัวเห็นเวินอ๋องออกไปแล้วก็รีบวิ่งออกไปตาม

ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าสองคนเป็นแบบนี้มาตลอด คนหนึ่งอยู่ข้างหน้ายึดอกเดินอย่างมั่นใจ ส่วนอีกคนหนึ่วิ่งตามของเขาอย่างไม่กลัวความยากลำบาก

“องค์หญิงเหอเซ่อ แม่ทัพจื๋อเอ่อ สองคนนั้นคือองค์ชายและนางสนมของแคว้นโม่ฉีถ้าได้รบกวนคุณสองคน ก็ขออภัยด้วย” ฮ่องเต้เจียเฉิงกำลังวางแผนงานแต่งของโล่หวินหลานอยู่ในใจ

“ฮ่องเต้ไม่ต้องใส่ใจหรอก นั่นไม่ได้รบกวนเราสองคนอะไรเลย”โล่หวินหลานพยักหน้าให้ฮ่องเต้เจียเฉิง

งานเลี้ยงจบลงอย่างรวดเร็วโล่หวินหลานนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียว แต่สายตากลับกวาดไปที่ฮ่องเต้เจียเฉิง วันนี้มีแค่องค์ชายไม่กี่ท่านที่มางานเลี้ยง นางสนมก็พามาแค่สองคน คนหนึ่งเป็นต้วนกุ้ยเฟย อีกคนหนึ่งเป็นจักรพรรดินี

โล่หวินหลานกินเหล้าสองคำไปอย่างอารมณ์ไม่ดี ก็เลยบอกฮ่องเต้เจียเฉิงว่าไม่สบาย ขอกลับไปพักก่อน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในวังทำให้คนรู้สึกหายใจออกมา

จื๋อเอ่อเดินตามหลังโล่หวินหลาน เงียบอย่างกัยสายลมพัดผ่าน คนไม่สามารถสัมผัสและมองเห็นได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก