ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 232

ตอนที่ 232 การประลองช่วยให้มีความสุข

สิ่งที่มีค่าล้ำดั่งดวงใจที่เสียไปนั้นทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก ถึงแม้ว่ารอบตัวของเขาจะมีคนอื่นให้โอบกอด แต่นั่นก็เป็นเพียงการแสดงภายนอกเท่านั้น นารีเหล่านั้นไม่เคยมีผู้ใดเข้ามาในใจของเขา

นี่เป็นสิ่งที่เขาเกลียดมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครกล้าเอ่ยถึง แม้แต่ตัวของเขาเอง

แต่ว่า เย่เซียวหลัวที่พูดคำต้องห้ามออกมาต่อหน้าทุกคน ไม่แม้แต่จะเกรงอกเกรงใจ

นี่มันช่างเป็นเรื่อง ที่ หยามเกียรตินัก

หลินอ๋องกำหมัดแน่น จนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ จิกจนเลือดแทบออกมา ใบหน้าของเขาม่วงอมเขียวด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากขาวซีด แต่เขาช่างดูไร้อารมณ์เหลือเกิน

"เจ้า เย่เซียวหลัว อย่าคิดว่าเป็นชายาของพี่หกแล้วนั้น ข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า เจ้าก็เป็นเพียงพยาธิที่คอยตามตัวพี่หก เจ้าอย่าคิดว่าพี่หกจะรักเจ้าจริง เขาเพียงต้องการที่จะหลอกใช้เจ้า ตอนนี้เจ้าเองก็ไม่มีค่าแล้ว เป็นเพียงเศษผ้าที่ไม่มีใครต้องการ" หลิงอ๋องที่โกรธมาก จึงพูดทุกอย่างออกมา

คำพูดทุกคำของเขานั้นเย่เซียวหลัวได้ยินทั้งหมด สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นคล้ายกับเข็มที่ทิ่มแทงจิตใจของเย่เซียวหลัว สิ่งที่นางอดทนมาตลอดพังลง นางพยายามระงับความเจ็บปวดในใจ จนสั่นเทาไปทั้งตัว

"เจ้าโกหก ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน อย่ามาพูดจาเหลวไหล!เวินอ๋องไม่ใช่คนอย่างเจ้า ข้าล้ะสงสารเจ้าเสียจริง" เย่เซียวหลัวถอยหลังหนี จนเหยียบเข้ากลับชายกระโปรงของตนเอง นางกึ่งล้มกึ่งยืน โชคดีที่จับประตูไว้ แล้วรีบเดินเข้าไป

มองดูนางที่พยายามเดินหนี หลินอ๋องก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด แต่นั่นก็ไร้ความหมาย ตอนนี้เขาเป็นเพียงคนที่ร่างกายไม่สบประกอบ มีสิทธิอะไรไปหัวเราะคนอื่น?

"ท่านอ๋อง งานเริ่มแล้วเชิญด้านในขอรับ!” องค์รักษ์ประจำกายของเขาเอ่ยขึ้น

เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องของเขาถูกคนอื่นว่ากล่าว เมื่อใดที่เขาโมโห คนที่ซวยที่สุดก็หนีไม่พ้นบ่าวรับใช้ข้างกายอย่างพวกเขา หากไม่โดนทำร้ายก็คงโดนโบยด้วยหวาย แค่เขาเอ่ยปาก ก็จับบ่าวรับใช้ไปโบย โบยจนเลือดไหลซิบๆ

หากเทียบกับที่ผ่านมานั้น นิสัยของหลินอ๋องนั้นดีขึ้นมากแล้ว ขณะที่องค์รักษ์กำลังพูดขึ้นนั้น

หลิงอ๋องก็ยืนนิ่งอยู่นาน จากนั้นก็สะบัดชายเสื้อ แล้วเดินเข้าไป

ด้านในมีการเตรียมการแสดงไว้อยู่แล้ว สนมและองค์ชายคนอื่นๆก็กำลังถยอยมา โล่หวินหลานนั่งอยู่ด้านล่างสุดถัดจากองค์หญิงแห่งแคว้นโม่ฉี ส่วนจื๋อเอ่อนั้นถูกจัดให้นั่งท่ามกลางองค์ชาย และมีสนมอยู่ด้านหน้า

ที่นั่งที่สูงที่สุดคือเก้าอี้มังคร ฮ่องเต้เจียเฉิงนั่งตรงนั้น ซึ่งทำให้เขามองเห็นทุกคนที่อยู่เบื้องล่างได้ชัดเจน แววตาของเขานั้นช่างหลักแหลม เขามองดูทุกคนในชั่วพริบตา แต่สีหน้าของเขานั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

"งานเลี้ยงคืนนี้เป็นเพียงงานเลี้ยงของเชื้อพระวงค์ ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองให้มากนัก พวกเจ้าคิดเสียว่ามาทานอาหารค่ำด้วยกันก็พอแล้ว" ฮ่องเต้เจียเฉิงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

"ขอบพระทัย ท่านพ่อ" องค์ชายทุกคนพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

โล่หวินหลานนั้นแสร้งทำเป็นไม่คิดอะไร นางชมการแสดงพรางดื่มสุรา สุราร้อนแรงไหลลงสู่ลำคอของนาง ช่างยากที่จะกลืนลงไปนัก นางมองไปรอบๆเพื่อมองหาโม่ฉีหมิง

เมื่อคืนนางบุกเข้าไปในตำหนักของโม่ฉีหมิง โล่หวินหลานไม่อาจรับรู้ได้ว่าเขารู้หรือเปล่าว่าเป็นนาง แต่หากนับจากความสามารถของเขาแล้ว น้ำเสียงและรูปร่างก็เพียงพอให้เขาเดาได้ว่าเป็นใคร

นางมองไปทางโม่ฉีหมิง เมื่อมองไปนั้น สายตาของทั้งคู่กับสบตากัน

แววตาเย็นชาของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงแต่มองมาที่นางไม่กะพริบ แม้ว่าจะรู้จักเขามาหลายปีแล้วแต่โล่หวินหลานก็ไม่อาจมองสายตาคู่นั้นโดยตรงได้ เพียงแค่เขามองมา จิตใจและความคิดของนางก็ถูกโม่ฉีหมิงเดาได้จนหมดเปลือก

นางรีบก้มหน้า แล้วจับที่แก้วเหล้า นางจับแก้วเหล้านั้นเอาไว้แน่น

เขายังคงจ้องมองมาที่นาง ไม่หยุด

คล้ายกับมีของบางอย่างอยู่ด้านหลัง โล่หวินหลานรู้สึกเหงื่อไหลไม่หยุด จนตอนนี้นางรู้สึกว่าแผ่นหลังของนางนั้นเปียกไปหมดแล้ว

"หมิงอ๋อง เหตุใดเจ้าจึงมองไปยังองค์หญิงเหอซื่อตาไม่กะพริบ? หรือว่าท่านรู้สึกว่านางมีใบหน้าที่งดงามกว่าหญิงทั่วไป? หากเป็นเช่นนั้น ท่านไม่ขอให้ฮ่องเต้รับสั่งให้ท่านกับองค์หญิงเหอซื่ออภิเษกกันเล่า" ฮองเฮาเย่พูดแล้วยิ้มไปด้วย สายตาของนางมองสลับไปมาระหว่างโม่ฉีหมิงและโล่หวินหลาน

ความสนใจของฮ่องเต้เจียเฉิงนั้นถูกฮองเฮาเย่ดึงดูดไปเสียแล้ว เขาขมวดคิ้วแล้วมองไปที่โม่ฉีหมิงพลางคิดถึงคำพูดของฮองเฮาเย่เพราะเขาเองก็ตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะให้โม่ฉีหมิงอภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อ

"หมิงอ๋อง พ่อเองก็อยากจะให้เจ้าได้อภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อแต่แรกแล้ว แต่ตอนแรกเจ้ากลับไม่ยอม ตอนนี้เจ้าเองก็ได้เห็นหน้าขององค์หญิงเหอซื่อแล้ว เจ้าคงรู้แล้วสิว่านางงดงามเพียงใด ไว้พ่อหาฤกษ์งามยามดีแล้วจัดงานอภิเษกให้เจ้าดีหรือไม่?" ฮ่องเต้เจียเฉิงบอกพร้อมมองไปที่โม่ฉีหมิง

ฮองเฮาเย่ที่ภายนอกคล้ายกับสนับสนุนการอภิเษกของโม่ฉีหมิงและองค์หญิงเหอซื่อ แต่ในใจกับวางแผนอย่างอื่นไว้เสียแล้ว

องค์หญิงเหอซื่อเป็นองค์หญิงที่ถูกส่งมาจากแคว้นเซิ่งโจว ดูท่าแล้วคงไม่ได้รับการเอ็นดูจากฮ่องเต้เป็นแน่ หากโม่ฉีหมิงอภิเษกกับนาง นั่นจะเป็นจุดอ่อนขนาดใหญ่ของเขา

ใครจะไปรู้ ว่าโม่ฉีหมิงจะส่ายหน้า“ท่านพ่อ หม่อมฉันเพียงเห็นว่าองค์หญิงเหอซื่อนั้น มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนที่รอบเข้ามาในตำหนักเมื่อคืนเท่านั้น จึงเอาแต่จ้องมองนาง"

เมื่อคืนมีโจรแอบเข้าไปในตำหนักหมิงอ๋อง

สีหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิงดูแย่ลง ดวงตาคู่นั้นมองมายังองค์หญิงเหอซื่อ จากนั้นก็ดึงสติกลับมา“หมิงอ๋อง เจ้าไม่มีหลักฐานใด อย่าพูดจาเลอะเทอะ องค์หญิงเหอซื่อเป็นแขกคนสำคัญของแคว้นโม่ฉี จะเป็นโจรที่รอบเข้าไปในตำหนักของเจ้าได้อย่างไร บางทีเจ้าอาจจะจำคนผิด"

หากเป็นองค์หญิงเหอซื่อที่รอบเข้าไปตำหนักหมิงอ๋องนั้น เรื่องมันคงไม่ง่ายแน่นอน

แคว้นเซิ่งโจวเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ และความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นนั้นกับแคว้นโม่ฉีก็ไม่ได้ดีนัก หากทั้งสองแคว้นต้องสู้รบกันขึ้นมา จะเป็นการทำให้ประชาชนของทั้งสองแคว้นเดือดร้อน หากองค์หญิงเหอซื่อจะเป็นคนที่แคว้นเซิ่งโจวส่งมาเพื่อฆ่าองค์ชายของตนเอง ก็ไม่แปลกนัก

ทางด้านโล่หวินหลานที่นั่งอยู่ไกลๆนั้นมองไปยังโม่ฉีหมิงอีกครั้ง ไม่อาจรับรู้ได้ว่าเขาทำเช่นนี้เพื่ออะไร ช่างน่าตกใจนัก

"หม่อมฉันคงมองไป โจรที่บุกเข้ามาคงเป็นคนอื่นแน่ขอรับ องค์หญิงเหอซื่ออยู่ในวังทั้งวัน จะมีโอกาสออกไปนอกวังได้อย่างไร" โม่ฉีหมิงพยักหน้า แล้วยิ้ม

ฮ่องเต้เจียเฉิงเองนั้นก็กึ่งเชื่อและกึ่งไม่เชื่อในสิ่งที่โม่ฉีหมิงพูด ตอนนี้ใครเป็นอย่างไรก็ไม่อาจมองออกได้

"หมิงอ๋อง เจ้าเป็นถึงองค์ชาย เหตุใดจึงสงสัยคนง่ายนัก? หากเจ้าเข้าใจองค์หญิงเหอซื่อผิดไป พ่อก็ทำตัวลำบากไม่ใช่หรือ?" ฮ่องเต้เจียเฉิงเริ่มโมโหเล็กน้อย

"เป็นความผิดของลูกเอง ท่านพ่อโปรดอภัย" โม่ฉีหมิงคุกเข่าลง

ทั้งที่ฮ่องเต้เจียเฉิงต้องการให้โม่ฉีหมิงไม่เสียหน้ามากนัก แต่เขากลับบอกให้ลงโทษ ตอนนี้ถึงแม้ว่าไม่อยากลงโทษเขา ก็คงยากเสียแล้ว

ทุกคนต่างมองดูการแสดงอย่างรื่นเริง

มีเพียงเวินอ๋องนั้นที่มองมายังโม่ฉีหมิง ตอนนี้เขาจะมาไม้ไหนอีก?

โล่หวินหลานมองผ่านผ้าบางที่ปิดหน้าเห็นโม่ฉีหมิงกำลังคุกเข่า คิ้วขมวดเป็นปม มือทั้งสองก็จับที่ชายเสื้อของตนเองแน่น คล้ายกับอยากฉีกเสื้อนั้นทิ้ง

"ได้" ฮ่องเต้เจียเฉิงพยักหน้า แล้วมองไปยังโม่ฉีหมิงอย่างโมโห ทั้งๆที่เขาอยากจะแสดงให้คนของแคว้นเซิ่งโจวเห็นก็เท่านั้น ใครจะไปคิด ว่าโม่ฉีหมิงจะเอาการแสดงมาคิดจริง

"ฮ่องเต้เพคะ เมื่อคืนหม่อมฉันอยู่ในพระราชวังทั้งคืนเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ออกแม้เพียงก้าวเดียว สำหรับการที่หมิงอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าหม่อมฉันเป็นโจร เรื่องนี้หม่อมฉันเองก็มิอาจทราบได้ ในเมื่อหมิงอ๋องไม่ได้ตั้งใจ และพวกเราทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้เป็นอะไร ฮ่องเต้ได้โปรดให้อภัยหมิงอ๋องด้วย อย่างน้อยเขาก็เป็นเชื้อพระวงค์" โล่หวินหลานประสานมือทั้งสอง นางไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะฟังสิ่งที่นางพูดหรือไม่ นางรู้เพียงว่า หากนางไม่ขอร้องไว้ โม่ฉีหมิงต้องโดนลงโทษ

ถึงแม้ว่านางจะอยู่ข้างกายเขามาหลายปี แต่ในเวลานี้ นางก็ยังคงไม่อาจเดาใจของเขาได้

ฮ่องเต้เจียเฉิงที่ไม่คิดจะลงโทษโม่ฉีหมิงแต่แรก เมื่อเห็นโล่หวินหลานขอร้องเช่นนี้ จึงปล่อยไป

"ในเมื่อองค์หญิงเหอซื่อได้ขอร้องไว้ ข้าก็จะไม่ลงโทษเจ้า" ฮ่องเต้เจียเฉิงเอ๋ยขึ้น แล้วกลับที่นั่งที่ของตนเอง

โม่ฉีหมิงก็ไม่เอ่ยสิ่งใด เขากลับไปนั่งที่ของตนเอง ใบหน้าของเขายังคงไร้อารมณ์เช่นเคย ไม่อาจรับรู้ได้ว่าเขาคิดสิ่งใดอยู่ เห็นเพียงเขายกเหล้าขึ้นดื่ม

โล่หวินหลานเองก็เดินกลับมานั่งที่ของตนเอง มือทั้งสองวางไว้ใต้โต๊ะ แววตาของนางเศร้าโศก เห็นที ท่านคงจำข้าไม่ได้จริงๆ

แต่ว่านางไม่อยากสิ้นหวัง ถึงแม้ว่านางจะมีโอกาสอีกเพียงน้อยนิด แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ไม่อยากหันหลังกลับ

เย่เซียวหลัวกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วมองไปทางโม่ฉีหมิง นางรู้สึกดีใจแทนเวินอ๋องเสียจริง คนอย่างโม่ฉีหมิงนั้นไม่ควรที่จะมาเล่นกับคนอย่างพวกเขา

"เจ้าทำอะไร? นั่งลง"

ความคิดของเวินอ๋องเต็มไปด้วยการกระทำของโม่ฉีหมิง คนฉลาดอย่างเขา ไม่น่าที่จะเข้าใจเรื่องเช่นนี้ผิด เขายังไม่ทันคิด เย่เซียวหลัวก็ลุกขึ้นยืน สายตาของนางนั้น คล้ายจะสร้างเรื่องอะไรอีกแน่

"หม่อมฉันรับรองว่าท่านพี่จะได้เห็นอะไรดีๆ" เย่เซียวหลัวพูดอย่างได้ใจ

นางทำอะไรไม่เป็นเสียอย่าง นอกเสียจากความคิดเจ้าเล่ห์ที่ห่วยๆ สิ่งที่นางคิดได้นั้น มีแต่จะทำให้ขายหน้า

"ฮ่องเต้ องค์หญิงเหอซื่อเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นเซิ่งโจว นางต้องมีความสามารถมากแน่เลยเพคะ หม่อมฉันว่าให้นางทำการแสดงดีไหมเพคะ? เพื่อเป็นการสร้างความสุขให้พวกเราทุกคน" เย่เซียวหลัวบอกกับฮ่องเต้

ถึงแม้ว่าการแสดงนั้นจะมีการคัดเลือกมาอย่างดีแล้ว และพวกเขาก็ขับร้องได้ดี แต่ทุกการแสดงก็มีเพียงการขับร้องเช่นนี้ ช่างน่าเบื่อหน่ายนัก หากจะมีการเปลี่ยนการแสดงบ้าง ก็คงดีไม่ใช่น้อย

ฮองเฮาเย่ที่นั่งด้านข้างก็สนับสนุน

"ฮ่องเต้ งานเลี้ยงคืนนี้เป็นงานเลี้ยงในครอบครัว หม่อมฉันว่าไม่ต้องให้คนนอกมาแสดง แต่เปลี่ยนเป็นให้พระชายาและองค์หญิงมาทำการแสดงน่าจะดีนะเพคะ?" ฮองเฮาเย่เสนอความคิดเห็นที่ดีกว่า

สองคนนี้มีความคิดเจ้าเล่ห์ล้านแปด โล่หวินหลานเองก็เตรียมตัวมารับมือ หากสิ่งที่พวกเขาเอ๋ยมานั้นทำให้ตัวพวกเขาลำบาก ก็คงน่าขายหน้ายิ่งนัก

ฮ่องเต้เจียเฉิงรับปากทันที

ฮองเฮาเย่เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งได้ใจ จึงเอ๋ยขึ้น “งั้นก็เริ่มจากตำหนักของอ๋องหลัวเถอะ"

อ๋องหลัวเป็นองค์ชายองค์เล็กสุด ตอนนี้พึ่งอายุครบสิบป้าปี เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาพึ่งอภิเษกกับชายาคนหนึ่ง ซึ่งเล่าลือกันว่าชายาของคนนั้นมีความสามารถมากนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก