ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 248

ตอนที่ 248 เคลื่อนย้ายเพื่อต่อกระดูก

ผ่านไปสักพัก บ่าวก็พาโม่ฉีหมิงมาถึงแล้ว ยังดีที่รอไม่ค่อยนาน บาดเจ็บบนตัวหลัวอ๋องรอได้ไม่นานอีกต่อไป อีกอย่างอีกไม่นานเขาก็จะตื่นขึ้นมา ถึงเวลาเขาก็จะร้องทุกข์อย่างเจ็บปวด

ตอนนี้ข้างๆของโล่หวินหลานไม่มียาชา แค่ต้องถือเวลาที่หลัวอ๋องสลบแล้วลงมือทำ

โม่ฉีหมิงเดินเข้ามาถึงข้างหน้าของฉากกั้น สายตามองไปยังเหล่าหมอหลวงที่กำลังกล่าวทักทายเขา ฝีเท้าที่กำลังจะเดินเข้าไปได้หยุดลง

“พวกเจ้าออกไปก่อน อย่ามานั่งอยู่แถวนี้” ทำอะไรก็ทำไม่เป็น ยังจะมารบกวนเขากับโล่หวินหลานอีก

“หมิงอ๋องขอรับ นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งขอครับ พวกข้าอยู่ที่นี่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆก็สามารถช่วยเหลือได้……” หนึ่งในบรรดาหมอหลวงก็ไม่ตายใจ

เบื้องบนได้มีคำสั่งว่า ห้ามออกจากห้องของหลัวอ๋องแม้แต่ก้าวเดียว พวกเขาจะออกจากที่นั่นก่อนได้เยี่ยงไร?

โม่ฉีหมิงยิ้มแห้งๆเบาๆ ไม่อยากพูดอะไรกับพวกเขาเยอะ

“พวกเจ้าไม่อยากใช้ชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่? หรืออยากให้ข้าสั่งคนมาลากพวกเจ้าออกไป?” โม่ฉ๊หมิงทำน้ำเสียงที่เลือดเย็น และไม่สนใจเลยว่าบรรดาหมอหลวงเป็นคนของใครบ้าง

พูดจบ โม่ฉีหมิงได้ตะโกนขึ้นมาแล้ว “นี่…..”

ถ้ารอจนถึงโม่ฉีหมิงเรียกคนเข้ามาลากพวกเขาไป เรื่องทุกอย่างก็คงไม่ง่ายอีกต่อไป

มันไม่คุ้มเลยจริงๆ?

หมอหลวงรีบทำสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วทูลกลับ “อย่าๆๆขอรับ หมิงอ๋อง พวกข้าออกไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ พวกข้าจะรออยู่ข้างนอก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ขอแค่เจ้าเรียกพวกข้าได้เลย”

“ไปเถอะ” โม่ฉีหมิงพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา ฝ่าเท้าก็เขาได้ยกขึ้นและกำลังก้าวเข้าไปในห้องข้างใน

เรือนร่างที่รู้สึกคุ้นชินได้อยู่ในสายตาของนางโดยทันที แต่ก่อน นางก็ทำอย่างนี้เพื่อรักษาคนอื่น ใช้วิธีของตนเอง พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้ป่วยจะถูกรักษาอย่างปลอดภัย

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะวันนี้ที่นางมีวิธีช่วยหลัวอ๋อง เขาคงไม่กล้าเชื่อเลยว่าคนที่อยู่ต่อหน้าคือโล่หวินหลาน วันนี้ไม่ให้เขาเชื่อ ก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว

“องค์หญิงเหอซื่อต้องการให้ข้าทำอะไรขอรับ?” โม่ฉีหมิงเดินมาอยู่ต่อหน้านาง เห็นน่องขาของหลัวอ๋องโผล่ออกมา น่องขาผิดปกติจนดูไม่ได้

ทั้งสองเจอหน้ากันตามลำพัง โล่หวินหลานคนที่รู้ฐานะที่โม่ฉีหมิงตั้งแต่เนิ่นๆ นัยน์ตาเริ่มเปล่งประกายออกมา ชี้ไปยังท่อนขาทั้งสองข้างของเขา “ท่านอ๋อง หลัวอ๋องล้มลงมาจากม้า ไม่เพียงแต่ว่ากระดูกเคลื่อน มีหลายชุดที่กระดูกแตก แค่ว่ากระดูกที่เคลื่อนไปต้องใช้เวลาในการรักษา ดังนั้นเลยต้องให้คนไปตามท่านมาโดยเฉพาะ ตอนนี้มีแค่ท่านที่สามารถช่วยหลัวอ๋องได้”

คำพูดตบท้ายของเขาส่งเข้าหูโม่ฉีหมิง และถามขึ้นอย่างตั้งใจ “อะไรที่ท่านพูดว่ามีแค่ข้าสามารถช่วยได้? องค์หญิงเหอซื่อเป็นตั้งหมอใหญ่ ทำไมถึงต้องให้ข้าช่วย? มันไม่สมเหตุสมผลหรือเปล่าขอรับ?”

ไม่เคยนึกเลยว่าโม่ฉีหมิงจะไม่เหมือนเขาตอนแต่ก่อน ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นโล่หวินหลาน เขาคงจะไม่ถามแล้วช่วยนางเลย?

โล่หวินหลานหายใจเข้าลึกๆ “หลัวอ๋องกับท่านอ๋องมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมากๆ วันนี้หลัวอ๋องล้มลงมาจากม้าแล้วพิการ ท่านเห็นแล้วเจ้าจะไม่ยอมช่วยเลยหรือ?”

พูดถึงตอนสุดท้าย เหตุผลที่สามารถพูดออกมาได้ก็มีแค่เหตุผลเดียว

โม่ฉีหมิงยิ้มแห้งๆเบาๆ “ไม่ต้องมีพูดเรื่องความสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น องค์หญิงไม่ได้รู้สึกว่าตนเองพูดประชดไปหน่อยหรือ? ข้าจะช่วยหลัวอ๋องอย่างแน่นอน ไม่ใช่เป็นเพราะความสัมพันธ์ทางพี่น้อง แต่เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าจะช่วยเพราะใคร”

เขาทำทั้งหมดเพราะใครหรือ คนๆนั้นก็อยู่ต่อหน้าตนเอง แต่ก็ไม่ยอมสารภาพออกมาว่าตนเป็นใคร

โล่หวินหลานแค่รู้สึกบรรยากาศรอบตัวของนางทำให้ตนรู้สึกร้อนรน ใจของนางเต้นรัว เหมือนกำลังจะหลุดออกจากอก

นางไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองไม่รู้ว่าคนที่โม่ฉีหมิงหมายถึงคือใคร แต่ถ้าให้ตนเองแน่ใจว่าเขากำลังหมายถึงนางเอง ก็เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้นางอยู่ในร่างนี้ ใครจะรู้ว่าเป็นนางได้หรือ?

“ไม่รู้หมิงอ๋องจะทำเพื่อใคร แค่ช่วยหลัวอ๋อง ข้าเชื่อว่าพอหลัวอ๋องรู้แล้ว ก็คงจะขอบพระคุณเป็นอย่างมาก” โล่หวินหลานมองไปยังหลัวอ๋องด้วยสายตาที่รู้สึกสงสาร

คนอย่างโม่ฉีหมิงจะสนใจหรือว่าหลัวอ๋องจะรู้สึกขอบคุณหรือไม่? เขาทำเยี่ยงนี้เพื่ออะไร หรือไม่โล่หวินหลานไม่รู้จริงๆ?

หลัวอ๋องไม่ถือว่าบาดเจ็บแสนสาหัส สำหรับพวกเขาแล้ว ในสนามรบจะรับบาดเจ็บเยี่ยงนี้ ก็ยังคงต้องต่อสู้ต่อไป

โม่ฉีหมิงค่อยๆจับข้อเท้าของหลัวอ๋อง ตรงข้อมีกระดูกโผล่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด กระดูกทั้งสองซีกที่เคลื่อนมาโผล่อยู่ตรงข้อเท้า

คิ้วของเขาขมวดเป็นปม และพูดด้วยเสียงต่ำ “มันเคลื่อนหนักเกินไป ใช้มือต่อกลับมาก็ไม่ได้”

เป็นอย่างที่คิดไว้นี่เอง นัยน์ตาของนางสื่อให้เห็นแล้วว่านางน่าจะคาดคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นเยี่ยงนี้

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ขนาดท่านยังไม่มีวิธี” โล่หวินหลานส่ายหัวไปมา

โม่ฉีหมิงคิดไตร่ตรองไปสักพัก ส่ายหัวเบาๆ “ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี แต่แค่กระดูกที่ใช้แรงมือต่อเข้าไปจะไม่ค่อยตรง และต้องรักษาตัวนาน

อีกอย่าง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิชาที่เขามีอยู่ตอนนี้มีดีขึ้นหรือแย่ลง ไม่รู้ว่าถ้าลงมือทำไปแล้ว ไม่รู้ว่าชีวิตในอนาคตของหลัวอ๋องจะได้รับผลกระทบหรือไม่ แต่ยังกระทบกับความสำคัญของโล่หวินหลานที่มีต่อฮ่องเต้เจียเฉิงอีกด้วย

ถ้าเป็นแบบนี้ พวกข้าก็ไม่มีทางอื่นอีกต่อไป ท่านหมิงอ๋อง ถ้ามีวิธี ก็เชิญท่านต่อกระดูกให้หลัวอ๋องก่อนเถอะเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ฝากไว้กับข้าก็พอ” โล่หวินหลานพยักหน้าให้เขา และจับจ้องไปที่เขา

เรื่องนี้นอกจากโม่ฉีหมิงจะมีส่วนร่วมด้วยแล้ว นางต้องทำการผ่าตัดอีก ตอนผ่าตัดนั้นมักจะต้องการผู้ช่วย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กระดูกหักก็คงต้องใส่เฝือก หรือว่าใช้แผ่นโลหะในการยึดติดไว้ อยู่นี่น่าจะไม่มีเฝือกใช้ ใช้แผ่นโลหะยังต้องสั่งให้คนทำขึ้นอีก ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว จะทำแผ่นโลหะน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก

อีกอย่างฮ่องเต้เจียเฉิงจะรออยู่ตรงตำหนักหลัก ไม่มีใครกล้าถ่วงเวลาในการรักษาหลัวอ๋องหรอก

เสียงของโล่หวินหลานพึ่งพูดจบ โม่ฉีหมิงเดินไปยืนอยู่ต่อหน้าหลัวอ๋องด้วยความแปลกใจ และค่อยๆหายใจด้วยท้อง และยกมือขึ้นแล้วค่อยๆจับข้อเท้าของเขา

และจับตำแหน่งที่กระดูกเคลื่อนไว้ในมือของตนเอง ค่อยๆออกแรง ทันใดนั้น สองมือของเขาเต็มไปด้วยพลังและส่งไปยังกระดูกของหลัวอ๋องโดยทันที เป็นแค่พลังที่ออกแรงมาเพียงครู่เดียว โล่หวินหลานได้เสียงกระดูกหัก

นางเห็นได้ชัดเจนเลยว่ากระดูกที่ทีแรกไปกันคนละทิศคนละทางได้กลับมาต่อกันเป็นท่อนเดียว

แต่ว่าความชำนาญของโม่ฉีหมิงก็ยังไม่ทำให้กระดูกของหลัวอ๋องต่อกันอย่างตรง อีกอย่าง ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและไม่แม่นยำอย่างนี้ มันจะเกิดขึ้นกับเขาได้เยี่ยงไร

กระดูกอีกข้างก็ถูกต่อขึ้นด้วยเช่นกัน

แค่ว่ากระดูกถูกต่อแล้ว เรื่องต่อไปต้องรีบจัดการ ไม่งั้นจะเกิดอาการแทรกซ้อนที่กระดูกต่อกันไม่ตรงกัน

โม่ฉีหมิงพันแผลของเขาไปด้วยและพูดไปด้วย “ถึงแม้กระดูกจะต่อเสร็จแล้ว แต่ตำแหน่งของกระดูกไม่ค่อยตรง ก่อนที่กระดูกจะได้รับการฟื้นฟู ยังต้องเคลื่อนกระดูกให้ตรงกว่านี้อีกรอบ”

โล่หวินหลานชี้ไปยังบาดแผลตรงน่องต้นขาของหลัวอ๋องและพูดขึ้น “ข้อเท้าของหลัวอ๋องที่ได้รับบาดเจ็บได้ถูกหมิงอ๋องช่วยชีวิตไว้ แต่ว่าตั้งแต่จุดต่างๆของน่องตรงต้นขาขึ้นมายังคงร้ายแรงเหมือนเดิม เดี๋ยวข้าจะทำการรักษาอีกรอบ แต่ว่าข้าต้องการของบางอย่าง มิแน่ใจว่าหมิงอ๋องจะสามารถช่วยข้าได้หรือไม่?”

เหมือนนางกำลังจะเข้าใกล้ตนเอง ในวังมีคนที่เก่งเรื่องวิชาการต่อสู้มากมาย นางไม่เรียกนายพลจากแคว้นเซิ่งโจวมา และไม่ให้ฮ่องเต้เป็นคนหาคนมา แต่กลับเรียกตัวเองมา

ถ้าไม่ใช่เพราะฐานะที่นางอยู่ มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ตัวเองคาดเดา ทำไมถึงได้คุยแต่กับเรื่องตัวเอง?

แต่ก่อนที่เคยเชื่อใจ หรือว่านางยังคงเก็บความเชื่อใจนั้นไว้ตลอด

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วตนเองขึ้น ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำถาม “ช่วยเหลือคุณเป็นแค่เรื่องเล็ก แค่ข้าไม่รู้ว่า เสด็จพ่อให้ส่งเจ้ามารักษาโรคให้น้องสิบเจ็ด สิ่งที่เจ้าอยากได้ท่านพ่อของข้าให้แน่นอน อาจจะทำได้ดีกว่าข้า เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือได้เยี่ยงไร?”

โล่หวินหลานรู้ว่าโม่ฉีหมิงต้องถามเยี่ยงนี้อย่างแน่นอน ใจของนางสามารถเดาออกได้ เขาค่อยๆสืบหาตัวตนที่แท้จริงๆของตนเองแล้ว อีกอย่างยิ่งอยู่ยิ่งปิดบังไม่อยู่อีกแล้ว

“ตอนที่ข้าอยู่แคว้นเซิ่งโจวข้าก็ได้ยินมาบ้าง พระราชโอรสสี่ของแผ่นดินโม่ฉีเป็นคนที่ฉลาดหลากแหลม เป็นคนชอบวิชาการต่อสู้แบบแปลกๆ และเป็นคนรักของแถบยุทธภพู สิ่งที่ข้าต้องการถ้าให้ฮ่องเต้เป็นคนจัดการให้ ข้าเชื่อว่าฮ่องเต้ก็ไม่สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน ท่านอ๋องท่านทำได้” โล่หวินหลานชื่นชมโม่ฉีหมิงอย่างตรงไปตรงมา

แต่ว่าโม่ฉีหมิงกลับหัวเราะออกมา “นี่มันน่าแปลกจริงๆ คนภายนอกก็มักจะว่าข้าเป็นคนที่โหดเหี้ยมและเยือกเย็น ทำไมถึงไม่เหมือนกันที่องค์หญิงพูดหรือ?”

สิ่งที่เขาลือข้างนอกคงต่างจากที่โล่หวินหลานพูดอย่างสิ้นเชิง ข่าวลือต่างๆก็เหมือนที่โม่ฉีหมิงพูดไวไม่ผิด เรื่องที่เขารู้ตั้งแต่แรกๆ แต่กลับหัวเราะออกมา คิดๆดูแล้วเรื่องนี้ไม่มีอะไรจะคุยอีก

“ไม่ว่าคนอะไรก็มีด้านที่ดี และด้านที่ไม่ดี ทุกคนมีความคิดที่ต่างกัน คำพูดที่ต่างกัน ท่านอ๋องจะไปสนใจในคำพูดของคนอื่นไปทำไม ไม่ว่าจะเยี่ยงไร ข่าวลือที่ข้าได้ยิน ก็คือด้านดีของท่านอ๋องจริงๆ” โล่หวินหลานพูดออกมาเป็นคำๆจากใจจริง

แต่ละคำพูดของนางพูดเข้าไปถึงในใจลึกๆของโม่ฉีหมิง ผ่านมาหลายปีแล้ว เขาได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้ และค่อยๆออกจากตำหนักตนเองแล้วไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนัก

เรื่องวุ่นวายในพระราชสำนักทำให้จิตใจของเขาแข็งกระด้างเหมือนหินและเหล็ก หลังจากที่โล่หวินหลานถูกคนอื่นทำร้ายจนปางตายทำให้จิตใจของเขาโหดเหี้ยม และทำให้เขามองโลกเปลี่ยนไปจากเดิมและไม่เหลือความดีไว้แม้แต่นิดเดียว

เขาเริ่มใช้ความทรมานของผู้อื่นมาเยียวยาจิตใจของเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของตนเอง แค่เห็นคนอื่นทรมานเหมือนดั่งตนเอง ทำให้ใจของเขารู้สึกได้รับความเท่าเทียม

ไม่งั้น ค่ำคืนที่แสนทรมานที่ผ่านมา เขาผ่านมาได้เยี่ยงไรถ้าไม่ใช่เยี่ยงนี้?

“เป็นสิ่งที่ยากมากที่องค์หญิงพูดออกมาเยอะขนาดนี้ ข้ารู้ความหมายของเจ้า รักษาน้องสิบเจ็ดต้องการอะไรบ้าง บอกข้ามาก็พอ ข้าจะสั่งคนไปจัดการเอง” โม่ฉีหมิงเชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นโล่หวินหลาน แค่อยากจะทำตามแผนของนางเท่านั้น

ยิ่งคุยกับนาง ก็ยิ่งทำให้เห็นถึงเงาของโล่หวินหลานที่อยู่ในตัวของนาง

เหมือนหลัวอ๋องจะตื่นขึ้นมา โล่หวินหลานวัดความยาวและรอบน่องขาด้านล่างของเขา และบอกโม่ฉีหมิงไป

“ทำแผ่นโลหะออกมาตามที่ขนาดที่วัดไป แผ่นโลหะต้องไม่แข็งและไม่อ่อนมาก ต้องถ่ายเทอากาศได้ดี ข้างๆสามารถเปิดปิดได้ตามต้องการ และอย่าลืมสิ่งๆหนึ่ง ต้องระวังขนาดของแผ่นโลหะ ทำเสร็จส่งมายิ่งเร็วยิ่งดี” โล่หวินหลานสั่งไปเป็นคำๆ

โม่ฉีหมิงยังไม่เคยได้ยินเลยว่าแค่แผ่นโลหะสามารถช่วยคนได้ จริงๆสิ่งที่ยากที่สุดก็คือต้องสร้างแผ่นโลหะออกมาที่สวมเข้าไปกับร่างคนได้

แต่ว่า คำพูดของโล่หวินหลาน เขาเชื่อว่านางเป็นโล่หวินหลานจริงๆแบบไม่มีข้อสงสัย ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนนี้ก็ตาม

ถึงแม้เป็นอย่างนี้ ทั้งสองก็ยังไม่เปิดเผยตัวซึ่งกันและกัน

“ข้าจะรีบสั่งคนไปทำ” โม่ฉีหมิงเรียกฉินหยิ่นเข้ามาและชี้แจงเรื่องทั้งหมดนี้กับเขาและให้เขาไปทำเลย

“ท่านอ๋องไม่ถามเลยว่าสิ่งที่ให้ทำทั้งหมดเอาไปทำอะไรก็ให้คนไปทำแล้ว นี่มันเชื่อใจข้าเกินไปจริงๆใช่หรือไม่ ท่านอ๋องไม่เป็นห่วงข้าเลยหรือ?” คำพูดของโล่หวินหลานเต็มไปด้วยความระแวง

สายตาของโม่ฉีหมิงจ้องหน้านางอย่างแปลกๆ จับจ้องไปแบบไม่เลื่อนสายตาไปไหน

“ข้ามีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือ? ถ้าข้าไม่เชื่อเจ้า ข้าก็คงไม่ฟังเจ้าไปต่อกระดูกให้หลัวอ๋องหรอก ถึงแม้เจ้าจะประสงค์ร้าย แต่เจ้าก็คงไม่เอ่ยปากว่าจะรักษาหลัวอ๋องต่อหน้าคนมากมายหรอก ใช่หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก