ตอนที่ 249 ผู้อยู่เบื้องหลัง
เจ้าพูดไม่ผิด ร้องขอจะรักษาหลัวอ๋องในบรรดาคนมากมายก็ทำให้วิชาการแพทย์ของนางประกาศออกไปแล้ว ถ้ารักษาหลัวอ๋องไม่หาย อาจทำให้ฮ่องเต้นึกว่าตนเองเป็นสายสืบจากแคว้นเซิ่งโจวก็ได้ แต่ไม่ใช่เจ้าหญิง
ถึงแม้ฮ่องเต้เจียเฉิงจะเชื่อใจตนเอง แต่ก็อยากที่จะห้ามการต่อต้านของผู้อื่น จุดจบไม่ต้องบอกก็รู้
โม่ฉีหมิงเป็นคนคิดอย่างละเอียดมาก คำพูดของเขาเองก็เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนให้นางเป็นอย่างมาก
“ที่เจ้าพูดก็ถูก นอกจากรักษาหลัวอ๋องให้หาย ข้าไม่มีคัวเลือกอื่นใด แต่ว่าข้าก็ไม่เคยคิดว่าจะทำร้ายเขา”
โล่หวินหลานนั่งลงไปที่ที่นั่งข้างๆอย่างเหน็ดเหนื่อย ชีวิตที่อยู่วังมันช่างน่ากลัวจริงๆ ถ้าเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นจริงๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะทำเยี่ยงไร
“ที่ข้าแปลกใจก็คือ องค์หญิงมาโม่ฉีครั้งแรก แค่เคยเจอน้องสิบเจ็ดไม่กี่ครั้ง ทำไมถึงได้ช่วยเขาแบบใจกล้าเยี่บงนี้?” โม่ฉีหมิงที่ดูแกร่งที่คมของนางจะกวาดมามองโล่หวินหลาน ในใจเต็มไปด้วยคำถาม
จริงๆเรื่องที่ช่วยหลัวอ๋อง ในใจของโล่หวินหลานเองก็มีสิ่งที่วางแผนไว้
หลัวอ๋องพึ่งจะเป็นผู้ใหญ่ เป็นบุตรที่ฮ่องเต้เจียเฉิงรักที่สุด วันนี้กลับตกลงมาจากม้า ฮ่องเต้ก็คงกังวลจนบอกไม่ถูก หมอหลวงในวังก็ไม่มีใครได้เรื่องสักคน ตอนนี้รู้สึกตนเองก็เป็นบอกว่าอยากช่วยหลังอ๋องเอง ถ้าสำเร็จจริงๆ ในใจของฮ่องเต้ก็คงเชื่อใจตนเองมากขึ้น
แต่หลัวอ๋องเองก็จะมองตนเองว่าเป็นคนมีบุญคุณกับเขา ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ นางจะแต่งงานเข้าวังก็ไม่ใช่เรื่องอยู่ภายใต้การควบคุม
ถ้าจะพึ่งพาฮ่องเต้มอบรับรัชทายาทให้นาง เป็นเรื่องที่น่ากังวล
โล่หวินหลานตั้งสติตนเองดีๆ และเงยหน้ามองไปยังโม่ฉีหมิงทันที นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเข้าใจ
ผ่านไปสักพัก นางถึงได้เอ่ยปากพูดออกมา “หมิงอ๋องยินยอมจะสู่ขอข้าหรือไม่?”
แววตาที่เขาดูตื่นตระหนก สีหน้าที่ดูเย็นชากลับเปลี่ยนไปอย่างดูดีขึ้น นัยน์ตาแสดงถึงความดีใจจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
นึกไม่ถึงเลยว่านางจะพูดแบบนี้
แต่ว่ายังไม่รอคำตอบของเขา นางก็พูดต่อ “ถ้าท่านหมิงอ๋องไม่ยินยอม นั่นข้าทำเยี่ยงนี้ก็จะเพราะตัวข้าเอง การสมรสครั้งนี้เป็นคำบัญชาจากท่านพ่อ อีกอย่างข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าฮ่องเต้จะให้ข้าแต่งกับองค์ชายใด ถ้ามองจากตอนนี้ ข้าคงตกอยู่ในความอันตรายจริงๆ ถ้าองค์ชายที่ไม่ยอมแต่งกับข้าอาจจะสั่งคนมาฆ่าข้าก็ไม่รู้”
พูดจบ นางเหมือนจะเยาะเย้ยตนเอง
จริงๆคนที่นางรักก็อยู่ต่อหน้านาง ทำไมนางถึงบอกความจริงทั้งหมดและเปิดเผยตนเองไม่ได้?
โม่ฉีหมิงกำมือแน่นๆไว้ใต้แขนเสื้อ และขยับริมฝีปากขึ้นพูด “ทำไมเจ้าต้องบอกเรื่องพวกนี้กับข้า? เจ้าว่าข้าเป็นคนเชื่อใจได้หรือ?”
ถ้าข้าไม่เชื่อเจ้าแล้วข้าจะเชื่อใครได้?
เจ้ายอมฝ่าภูเขาฝ่าน้ำมา ไม่สนความอันตรายใดๆจนมาถึงเมืองเมืองหลวงก็เพื่อคำมั่นสัญญาตั้งแต่แรก แค่ว่าถ้านางยังมีชีวิตอยู่ ก็คงจดจำเขาได้ ก็คงจะมาหาเขาอย่างแน่นอน
“ท่านอ๋องอย่าถามเยอะเลย ยังไง สิ่งที่ข้าวางแผนคืออนาคตของตนเอง” ต้องมีวันหนึ่งที่ความจริงจะถูกเปิดเผย เจ้าก็จะรู้เองว่าข้าเป็นใคร
คนที่อยู่ตรงตำหนักหลักข้างนอกมีบางคนที่นั่งไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ฮ่องเต้ ขนาดฮองเฮายังทำตัวเหมือนมดที่ในหม้อร้อนๆ กลิ้งไปกลิ้งมา
“ฮ่องเต้เจ้าค่ะ น้องว่าคงต้องส่งคนไปถามนางหน่อย? หมิงอ๋องก็เข้าไปนานเยี่ยงนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นเยี่ยงไรบ้าง” ฮองเฮาเย่ถามฮ่องเต้ขึ้นอย่างตื่นเต้น
“รออีกหน่อย พวกเขาก็พึ่งเข้าไปได้ไม่นาน” ฮ่องเต้เจียเฉิงกำลังจะตั้งสติดีๆ พูดๆแล้ว ในใจของเขาก็เชื่อมั่นในโม่ฉีหมิง
“เสด็จพ่อขอรับ นี่องค์หญิงเหอซื่อพาหมิงอ๋องเข้าไปทำการรักษา แล้วยังไม่ออกมาอีก ทั้งสองเข้าไปทำอะไรไม่ดีๆอยู่ในนั้นก็คงไม่มีใครรู้ ไม่งั้นก็สั่งคนไปดูหน่อย เดี๋ยวอาจเกิดขึ้นก็ได้” เย่เซียวหลัวพูดขึ้นด้วยความริษยา
นางไม่กลัวเลยว่าฮ่องเต้เจียซื่อจะด่าหรือจะว่านางเลย หรือไม่นางอาจจะรู้ว่าฮ่องเต้กับรัชทายาทมีท่าทีที่อ่อนโยน เลยกล้าพูดคำๆนี้ออกมา
“หลัวเอ๋อ เจ้าพูดแบบนี้ได้เยี่ยงไร? หมิงอ๋องเป็นสุภาพบุรุษ หลัวอ๋องเป็นน้องชายของเขา พวกเขาต้องพยายามรักษาหลัวอ๋องโดยสุดกำลังอย่างแน่นอน เจ้าอย่าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย” ต้วนกุ้ยเฟยทำเป็นว่ากล่าวตักเตือนนาง
ช่วงเวลาที่ผ่านมา นางรู้ว่าฮ่องเต้กำลังโปรดปรานนาง นางก็พยายามจะกลายเป็นหญิงสาวที่ดีเด่นและฉลาดหลากแหลม แล้วยังเป็นพระชายาที่จิตใจอ่อนโยน ฮ่องเต้ได้รักใคร่โปรดปรานนางเป็นอย่างมาก
เย่เซียวหลัวก็ได้แต่ปิดปากให้เรียบร้อย
ต้วนกุ้ยเฟยเป็นมารดาของเวินอ๋อง และเป็นแม่สามีของนาง บอกแล้วยังว่าความสัมพันธ์ของลูกสะใภ้และแม่สามีส่วนมากจะคบกันได้ยาก แต่สำหรับคนภายนอกที่ดูพวกเขาแล้ว น่าจะดีต่อกัน
โดยธรรมชาติแล้ว ในเวลานี้ เย่เซียวหลัวก็คงไม่มีคำพูดอะไรมาต่อต้านนาง
ทุกคนต่างก็กำลังจะเดาฮ่องเต้เจียเฉิงกำลังคิดอะไรในใจ และมีข้อคิดเห็นเยี่ยงไรกับบาดแผลที่หลัวอ๋องได้รับ ณ ตอนนี้ เย่เซียวหลัวได้เรียกทหารคุ้มครองนางมาแล้ว
นางกระซิบข้างหูของทหารคนนนั้น เวินอ๋องนั่งอยู่ข้างนางพอดี และได้ยินคำพูดของนางได้อย่างชัดเจน
“เวินอ๋อง เจ้าคงไม่โทษข้าใช่หรือไม่?” เย่เซียวหลัวขมวดคิ้วขึ้น
เวินอ๋องอมยิ้มเบาๆ “เป็นไปได้เยี่ยงไร? เจ้าทำได้ดีมาก”
“ท่านอ๋อง คนที่ท่านส่งไปเมื่อไหร่จะกลับมาถึง?” โล่หวินหลานมองฟ้าข้างนอก ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถ้าคนที่ส่งไปยังไม่มาอีก คิดว่าฮ่องเต้เจียเฉิงคงส่งคนมาไต่ถามอย่าง
“ที่นี่เป็นสนามรบ จะหาแผ่นคนทำแผ่นโลหะไม่ใช่เรื่องง่าย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องวัตถุดิบ ขนาดสั่งทำแผ่นโลหะก็ต้องใช้เวลานาน แต่ค่อยยังชั่วที่เพื่อนข้าคนนั้นเป็นคนชอบเที่ยว ช่วงนี้เขามาที่นี่พอดี ดังนั้น อีกไม่นานก็คงทำเสร็จ” โม่ฉีหมิงค่อยๆจิบชาไป เขาเชื่อในฝีมือและความรวดเร็วของการจัดการเรื่องของฉินหยิ่น
“ความสามารถของท่านอ๋องข้าเชื่ออยู่แล้ว แค่กลัวว่าฮ่องเต้จะรอไม่ไหวอีกต่อไป” โล่หวินหลานหายใจเข้าลึกๆ
โม่ฉีหมิงพูดขึ้น “เจ้าเป็นถึงหมอ คำพูดที่เจ้าพูดเขาจะไม่เชื่อได้เยี่ยงไร ถ้าช่วยรักษาน้องสิบเจ็ดได้ ผลงานก็จะตกมาที่เจ้า รออีกสักพักจะเป็นเยี่ยงไรไปเล่า?”
โล่หวินหลานรู้ความจริงเรื่องนี้ แค่ว่าคนรอบตัวของฮ่องเต้เยอะเกินไป ก็ยังมีคนพยายามจะหาเรื่องนางกับโม่ฉีหมิง และอาจจะเป็นลมที่คอยพัดให้ฮ่องเต้ลุกเป็นไฟได้ และมักจะทำให้ฮ่องเต้มีปัญหากับพวกเขา
ตอนที่โล่หวินหลานกำลังพูด ข้างนอกก็มีเงาคนสีดำบินผ่านไป หมวกกลมๆของเขาถูกแสงกระทบจนสะท้อนเป็นเงา เงาของคนๆนั้นค่อยๆหดตัวลงเรื่อยๆ กลัวคนข้างในจะเห็น แต่เขาไม่รู้เลยว่าเงาของเขาได้โผล่ออกมาให้คนอื่นเห็นไปแล้ว
“มีคนมา อย่าออกเสียง” โม่ฉีหมิงทำท่าทางให้นางเงียบ และค่อยๆเดินไปนอกประตู
ใครกันแน่ที่กล้าดีมาถึงห้องนอนของหลัวอ๋องได้?
ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้แล้วว่าโล่หวินหลานกำลังรักษาหลัวอ๋องอยู่ ถ้าเขาส่งคนมาไต่ถาม คงจะไม่มาแบบลับๆล่อๆ
คนที่อยู่นอกประตู ไม่น่าจะใช่คนของฮ่องเต้อย่างแน่นอน หรืออาจจะเป็นคนอื่นที่ส่งคนมาสืบดูว่าข้างในกำลังทำอะไรกันอยู่
ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นในนี้ถูกเขาจับได้แล้วไปบอกฮ่องเต้ วันนี้ความเชื่อใจที่สร้างขึ้นก็ไร้ประโยชน์ไป
คนข้างนอกที่สวมหมวกทรงแหลมยืนอยู่ตรงหน้าต่างโผล่ให้เห็นเรือนร่างแค่ครึ่งตัว โม่ฉีหมิงได้อยู่ตรงหน้าต่างค่อยๆเคาะแล้วเปิดหน้าต่างออกไปแอบมองเขา
แต่เมื่อทันใดที่เขาได้เห็นคนข้างนอก สีหน้าของเขาก็ดูแย่ และรีบปิดหน้าต่างลง เสียงบางอย่างจึงดังขึ้น
“ทำไมหรือ? คนที่อยู่ข้างนอกคือใคร?” โล่หวินหลานเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี ในใจรู้สึกตื่นตระหนกต้องมีคนคอยแอบฟังพวกเขาอยู่ข้างนอก
สีหน้าของโม่ฉีหมิงดูแข็งกระด้าง และส่ายหัวไปมา “ข้างนอกไม่มีใครอยู่เลย นั่นมันเป็นแค่ท่อนไม้ที่เสียบหมวกไว้เท่านั้น มันชัดเจนเลยว่ามีคนกำลังจับจ้องพวกข้าอยู่ แค่พวกเขารอโอกาสจะจับพวกข้า”
ข้างนอกเป็นท่อนไม้ที่ใส่หมวกไว้นั่นหรือ? ใครมันมีใจคิดจะทำเยี่ยงนี้? ที่คิดออกว่าต้องใช้ท่อนไม้มาดึงดูดความสนใจของพวกเขา และถือโอกาสใช้วิธีอื่นมาสืบหาและแอบฟังความเคลื่อนไหวของพวกเขา
“ดูๆแล้วเหมือนเรื่องของพวกข้าคนอื่นน่าจะรู้แล้ว ในสายตาของพวกเขา อีกสักพักฮ่องเต้ก็คงเข้ามา ถ้าพวกข้าพูดความจริงไป น่าจะมีคนเข้าใจผิดว่าพวกข้าตั้งใจจะสร้างเรื่องเพื่อกลบความผิดของตนเอง” โล่หวินหลานนึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อนางต้องการรักษาหลัวอ๋องจากใจจริง กลับถูกคนอื่นสร้างเคราะห์ให้
ถ้าเป็นแค่นางเองก็ไม่เท่าไหร่ ยังไงก็เคยตายไปหนึ่งรอบแล้ว เลยไม่กลัวเลยสักนิด
แต่ว่าโม่ฉีหมิงก็พลอยซวยไปด้วย ไม่ว่าจะเยี่ยงไร เขาห้ามตาย
“ข้าประมาทเกินไป ไม่กันคนอื่นให้เข้ามาที่นี่ตลอดเวลา เลยทำให้คนอื่นมีโอกาส ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดคือรักษาขาของหลัวอ๋องให้หาย ทำให้พวกเขาทึ่งจนไม่มีอันจะพูด” สายตาของโม่ฉีหมิงค่อยๆเปล่งประกายซึ่งความเลือดเย็นออกมา ทำให้คนอื่นมิกล้าสบตาเขาแม้แต่สักนิด
สายตาที่น่ากลัวเยี่ยงนี้ โล่หวินหลานไม่เคยเจอในตัวของเขาเลย หรือไม่นี่อาจจะไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ก็เขาไม่เคยแสดงออกมาต่อหน้านาง
เขาผลักประตูหน้าต่างออก ใช้นิ้วอมเข้าไปในปากของตนเองว่าเป่าเสียงออกมา
“เจ้าทำอะไรอยู่?”โล่หวินหลานรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร
ไม่นาน ข้างนอกกลับมานกพิราบที่ลำตัวเต็มไปด้วยหิมะบินเข้ามา บินมาตามแสงสะท้อนและค่อยๆหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง
ลำตัวของมันไม่ใหญ่ไม่เล็ก ขนอยู่หัวของมันทำสัญลักษณ์ขนสีเขียวไว้ ดูออกเลยว่าเป็นนักพิราบจดหมาย และเป็นนกพิราบส่งจดหมายที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี
โม่ฉีหมิงเอาจดหมายที่เขียนเสร็จม้วนแล้วมัดใส่ขาของเจ้านกตัวนั้น และพูดขึ้น “ข้าจะส่งจดหมายนี่ให้ฉินหยิ่น ให้เขาได้รับโดยเร็วที่สุด
ไม่ว่าฉินหยิ่นจะอยู่ที่ใด เจ้านกตัวนี้จะส่งจดหมายที่ถึงเขาโดยเร็วที่สุด
“ทำเยี่ยงนี้มีประโยชน์หรือ? ถึงจะเร็วยังไงก็ไม่เร็วเท่าฮ่องเต้” โล่หวินหลานขมวดคิ้วเป็นปม
โม่ฉีหมิงหันหน้าไปอมยิ้มเบาๆใส่นาง ยากมากที่จะเห็นใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม ถ้าฉินหยิ่นอยู่ ก็คงต้องตกใจอย่างแน่นอน แต่ว่าโล่หวินหลานไม่ได้คิดเยี่ยงนี้
“ข้าว่าองค์หญิงควรคิดก่อนดีกว่าว่าขั้นตอนต่อไปจะรักษาได้เยี่ยงไร ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่ต้องคิดมาก” โม่ฉีหมิงก็นั่งลงชิบชาอีกรอบ และมองไปยังประตูด้วยความสบายใจ หุ่นท้อนไม้ที่อยู่ข้างนอกก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ไม่อะไรเปลี่ยนแปลงไป
ระเบียงของวันนี้เหมือนจะยาวกว่าปกติ กองกำลังที่สวนใส่เสื้อทึบวิ่งพุ่งเข้าไปในพระตำหนักหนัก ดูออกเลยว่าเขามีเรื่องสำคัญจะทูลอย่างแน่นอน
ในพระตำหนักหลักไม่มีเสียงใดๆเลย ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าไม่พูดอะไรจะดีกว่า ตัวอยู่ตรงตำแหน่งของตนเองชิบชาไป กองกำลังคนนั้นเดินด้วยฝีเท้าเบาๆไปอยู่ต่อหน้าเย่เซียวหลัว และใช้เสียงที่เบาที่สุดกระซิบไปยังข้างหูของ
โล่เซียวหลัวเริ่มรู้ว่าตัวพวกเขาพูดอะไรกันอยู่ มุมปากของนางกระตุกขึ้นเล็กน้อย
ตอนนี้ วิชาที่ง่ายที่สุดที่จะได้ใจนางก็คือรู้จักใช้สมอง ทำให้นางไม่มีใจที่อยากไปทำร้ายเหอซื่อ
“ทำได้ดีมาก กลับไปเดี๋ยวจะรางวัลเป็นอย่างงาม” เย่เซียวหลัวพูดขึ้นด้วยความดีใจ
ตอนนี้นางเริ่มจะจับเหอซื่อได้แล้ว แค่กำจัดมันทิ้ง เย่เซียวหลัวถึงจะอยู่อย่างสบายใจได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก