ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 251

ตอนที่ 251 สืบหาความจริง

อาการป่วยของหลัวอ๋องรักษาหายแล้ว เชื่อว่าเขาน่าเล่าเรื่องอาการบาดเจ็บให้กับฮ่องเต้เจียเฉิงแล้ว ต่อไปอาการของหลัวอ๋องก็จะดีขึ้น ฮ่องเต้เจียเฉิงจะต้องเชื่อในวิชาแพทย์ของตัวเองแน่นอน

โล่หวินหลานส่ายหน้า ไม่ลังเลที่จะตอบไปว่า “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันพักอยู่ในวังหลวง ไม่ขาดเหลืออะไรเพคะ ในเมื่อหม่อมฉันรู้วิชาแพทย์ การรักษาอาการของหลัวอ๋องก็ถือเป็นหน้าที่ ไม่ได้ต้องการรางวัลอะไรเลยเพคะ ขอแค่หลัวอ๋องหายดี ก็ถือเป็นรางวัลที่ดีที่สุดแล้วเพคะ”

นางแสดงท่าทีสบายๆ ตั้งแต่นางมายังแคว้นโม่ฉี ก็ไม่ได้ขอรางวัลอะไรกับฮ่องเต้เจียเฉิงเลย ไม่รู้จริงๆว่าจะขออะไร

“เจ้าไม่ได้อยากได้อะไร แต่กลับสร้างผลงานใหญ่แบบนี้ หากข้าไม่ตบรางวัลให้เจ้า ไม่ว่าจะหลัวอ๋อง หรือแม้แต่คนอื่นคงไม่พอใจเป็นแน่จริงไหม?” ฮ่องเต้เจียเฉิงยิ้มแล้วมองมาที่โล่หวินหลาน ความหมายของเขาชัดเจนมาก เขาต้องการให้นางตัดสินใจเลือกสิ่งที่นางชอบ

เมื่อเขาพูดมาอย่างนี้แล้ว โลหวินหลานก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก แต่ว่าตอนนี้นางไม่รู้จริงๆว่าจะขออะไรจากฮ่องเต้เจียเฉิงดี

“ฝ่าบาท ตอนนี้หม่อมฉันนึกไม่ออกจริงๆเพคะ ถ้ายังไงรอให้หม่อมฉันนึกได้แล้ว ค่อยมาทูลให้พระองค์ทรงทราบดีไหมเพคะ?” โล่หวินหลานพูดอย่างเรียบเฉย

ถึงแม้ฮ่องเต้เจียเฉิงจะไม่ค่อยพอใจคำตอบนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้ว ทำได้แค่รับปาก

ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงนอกประตูดังขึ้น เหมือนมีเสียงท่อนไม้ขนาดใหญ่กระแทกพื้น เหมือนมีคนกำลังบุกเข้ามาด้านใน

“ใครอยู่ข้างนอก?” ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน สายตาของเขาจ้องไปที่ประตู

ไม่นานนัก เสียงนอกประตูก็เงียบลง ทหารองครักษ์คนหนึ่งนำตัวขันทีคนหนึ่งเข้ามา

“ฝ่าบาท ขันทีคนนี้ทำตัวลับๆล่อๆอยู่ด้านนอก ทรงตัดสินความด้วยพะยะคะ” ทหารองครักษ์กระชากเสื้อคอของขันทีคนนั้น

ขันทีคนนั้นเอาแต่ก้มหน้าทำให้เห็นหน้าของเขาไม่ชัด แต่ว่าขันทีที่มารับใช้ที่ตำหนักพักร้อน ฐานะก็ไม่น่าจะธรรมดา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา ก็รู้สึกว่าคุ้นหน้ามาก

“เจ้าเป็นขันทีของตำหนักไหน?” ฮ่องเต้เจียเฉิงเห็นเขาหน้าตาคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

ขันทีคนนี้อายุไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นวัยกลางคน คนที่ผ่านอะไรมาเยอะอย่างเขา ตอนนี้ก็เขามองไปที่องค์รัชทายาท

ทุกคนมองตามเขาไป สุดท้ายก็ไปหยุดที่รัชทายาท ฮ่องเต้เจียเฉิงตะลึงไป รัชทายาทรู้ทันที เขาก็รีบคุกเข่าลงทันที

“เสด็จพ่อ ขันทีคนนี้เป็นขันทีที่ดูแลหม่อมฉัน เขาชื่อม๋าจี้พะยะคะ” รัชทายาทพูด จากนั้นก็หันไปถามม๋าจี้ว่า “เมื่อกี้เจ้าทำอะไรอยู่ข้างนอกนั่น? พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้”

ขันทีคนนั้นผ่านอะไรมามากจริง ไม่งั้นคงไม่สามารถอยู่รับใช้ข้างกายรัชทายาทได้

“เดิมทีหม่อมฉันสั่งให้คนไปทำความสะอาดห้องบรรทมของรัชทายาท แล้วก็เพิ่งออกจากที่ห้องมา บังเอิญผ่านมาทางประตูตำหนักของหลัวอ๋อง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเจอท่อนไม้ใหญ่ขวางอยู่ด้านนอก ก็เลยแปลกใจ อีกทั้งบนท่อนไม้นั่นก็ยังมีเหมือนหมวกใบหนึ่งแขวนอยู่ด้วย ดังนั้นหม่อมฉันก็เลยสงสัย อยากจะเดินเข้าไปดูพะยะคะ” ขันทีคนนี้ไม่ได้พูดโกหกเลย เมื่อดูจากสีหน้าท่าทางของเขา

ฮ่องเต้เจียเฉิงจ้องไปที่ทหารองครักษ์ ทหารองครักษ์ออกไปหาท่อนไม้ที่ขันทีคนนั้นพูดถึงเข้ามา

ไม่ผิดจากที่ขันทีคนนั้นพูดเลย เมื่อของสิ่งนั้นมาอยู่ตรงหน้าของทุกคน เย่เซียวหลัวก็หน้าถอดสี นางกำชายเสื้อของนางเอาไว้แน่น

สีหน้าของเวินอ๋องที่ยืนอยู่ข้างๆนางเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน

“เจ้าไม่ได้โกหก ของชิ้นนี้อยู่หน้าประตูตำหนักของหลัวอ๋องจริง แล้วมันยังไงล่ะ?” ฮ่องเต้เจียเฉิงคิดในใจว่าไม้กับหมวกใบนี้มันเหมือนมีคนจงใจเอามาวางไว้แบบนี้

“หม่อมฉันไม่ทราบพะยะคะ ก็เลยคิดจะไปสืบหาความจริง แต่ว่าพอมาถึงเช้านี้ กลับไม่เห็นของสิ่งนี้อยู่ที่หน้าประตูแล้ว” ขันทีรู้ว่าในเวลาแบบนี้หากแก้ตัวไปไม่มีประโยชน์ ก็เลยพูดความจริงออกไป ให้ฮ่องเต้เจียเฉิงตัดสินเอง

คนของรัชทายาทถูกจับได้ รัชทายาทก็หนีความผิดไม่พ้น คนที่ฮ่องเต้เจียเฉิงจะถามเป็นคนแรกก็คือรัชทายาท

“รัชทายาท เจ้าคิดยังไง?”

ยังไงก็หนีไม่พ้น รัชทายาทก็เลยขึ้นหน้ามาเดินวนสองรอบแล้ว นอกจากเงาที่เหมือนคนแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น

“ทูลเสด็จพ่อ ไม้ท่อนนี้ดูไปแล้วก็เหมือนคน อีกทั้งบนหมวกก็เป็นหมวกของขันทีในราชสำนัก จะต้องมีคนตั้งใจเอามันมาวางไว้ที่หน้าตำหนักของน้องสิบเจ็บแน่นอนพะยะคะ แต่จะมีเป้าหมายยังไง หม่อมฉันไม่ทราบพะยะคะ” รัชทายาทวิเคราะห์ออกมา เขาก็เดาได้ว่าใครพอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

หมวกของขันทีในราชสำนักเหมือนกันทุกคน ดูไม่ออกว่าเป็นของใคร มันก็เหมือนเตือนสติฮ่องเต้เจียเฉิงว่า ในเมื่อเป็นหมวกของขันที ยังไงก็ต้องมีร่องรอยไม่มากก็น้อย

โล่หวินหลานยืนอยู่ข้างๆ ค่อยๆหันไปมองโม่ฉีหมิง เขายืนตัวตรงอยู่ที่เดิม อยู่ท่ามกลางบรรดาเหล่าองค์ชาย ดูสง่าผ่าเผยมาก

ในเมื่อต้องการให้ฮ่องเต้เจียเฉิงลงอาญาสิ่งที่เย่เซียวหลัวกระทำไป จะให้ฮ่องเต้เจียเฉิงไปสืบหาความจริงเองจะได้ยังไง หากไม่มีคนคอยผลักดันจะได้ยังไงกัน

“ฝ่าบาท เมื่อครู่ที่หม่อมฉันกับหมิงอ๋องรักษาอาการของหลัวอ๋องอยู่ พบว่ามีคนมองเรามาจากด้านนอก เดิมหม่อมฉันคิดว่าคนนั้นน่าจะเป็นขันทีที่พระองค์ทรงมารับใช้ ก็เลยไม่ได้พูดอะไร ใครจะคิดว่า กลับเป็นท่อนไม้สวมหมวกขันที ถ้าอย่างนั้น แคว้นโม่ฉีก็ดูน่าสนุกอยู่นะเพคะ” โล่หวินหลานหัวเราะแห้งๆ

เมื่อโล่หวินหลานพูดมาแบบนี้ ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้สึกเสียหน้ามาก เพราะนี่เป็นวังพักร้อนของแคว้นโม่ฉี หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ บารมีและเกียรติของแคว้นโม่ฉีจะไปอยู่ที่ไหน?

สายตาของเขากวาดมองไปที่ทุกคน เหมือนอยากจะมองดูว่าสายตาของใครบ้างที่ไม่ปกติ

แต่ว่าทุกคนอาศัยอยู่ในวังหลวงมานาน ซ่อนกันได้มิดชิดมาก ฮ่องเต้เจียเฉิงจะไปมองอะไรออกมาได้

“ฝ่าบาท เรื่องนี้น่าจะมีคนตั้งใจทำนะเพคะ แต่ว่าจะมีเป้าหมายอะไร ขอทรงสืบห้าความจริงให้กระจ่างด้วย” ฮ่องเฮาเย่พยายามพูดประจบฮ่องเต้ นางรู้ว่าเขาต้องการทำอะไร ก็เลยพูดตามที่เขาคิด เพื่อที่จะให้ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้สึกดีกับนางมากขึ้น

ในเมื่อไม่ใช่ขันทีของรัชทายาทจริง เรื่องก็ไม่เกี่ยวกับตัวเอง ขอแค่รัชทายาทปลอดภัยก็พอ ใครจะเป็นยังไงก็ช่างมัน

“หมวกบนไม้ใบนี้ พวกเจ้าจำได้ไหม? ใช่หมวกของขันทีข้างตัวพวกเจ้าหรือเปล่า? มีใครทำหายไหม” ฮ่องเต้เจียเฉิงชี้ไปที่ท่อนไม้ ในเมื่อมีคนตั้งใจ หมวกที่หายไป จะต้องหามาแทนแน่

เมื่อกวาดไปที่สายตาของทุกคน ตอนนี้สีหน้าของเย่เซียวหลัวไม่ได้แค่กังวลเท่านั้นแล้ว

หมวกของขันทีนั่นนางให้คนหามา เพียงแค่ต้องการให้ร้ายโล่หวินหลานกับโม่ฉีหมิง คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ให้ไปทำงานจะไม่ได้เรื่องขนาดนี้ ไม่ได้เก็บท่อนไม้กลับไปไม่ว่า แม้แต่หมวกก็ไม่เอาไปซ่อน

“เสด็จพ่อ อาการของหลัวอ๋องยังไม่หายดี เราทำแบบนี้ที่นี่จะไม่รบกวนเขาหรอเพคะ? ถ้ายังไงไว้เราเปลี่ยนเวลาสืบความใหม่ดีไหมเพคะ?” เย่เซียวหลัวคิดว่าหากนางไม่พูดอะไร นางจะต้องถูกจับได้แน่

ถึงเวลานั้นไม่เพียงแค่นางคนเดียวเท่านั้นที่จะเดือดร้อน เวินอ๋องเองก็จะถูกร่างแหไปด้วย

ในตอนนี้มีเพียงเย่เซียวหลัวคนเดียวเท่านั้นที่ออกมาปราม ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับนางก็ได้

สภาพร่างกายของหลัวอ๋องสำคัญ แต่ว่ารัชทายาทกลับพูดว่า “น้องสะใภ้ ที่นี่เป็นตำหนักของน้องสิบเจ็ด เรื่องเกิดที่นี่ หากเป็นเวลาสืบ ไม่เพียงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของน้องสิบเจ็ดได้ อีกทั้งจะทำให้เสียเวลาที่จะรู้ความจริงไปอีกนะ”

เหตุผลของรัชทายาทหนักแน่นกว่าของเย่เซียวหลัวมาก ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือร้าย คนที่จู่ๆก็โผล่มาอยู่นอกตำหนักหลัวอ๋อง ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

หากไม่สืบ ก็รับประกันความปลอดภัยของหลัวอ๋องไม่ได้

“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ ......” ทันใดนั้นเอง หลังฉากบังลมก็มีเสียงเบาลอยออกมา หลัวอ๋องที่เหมือนยังไม่หลับสนิทได้ยินสิ่งที่ข้างนอกพูดคุยกัน

ท่อนไม้กับหมวกขันทีมาโผล่ที่หน้าตำหนักของเขา เขาไม่ได้สั่งให้ใครไปทำ ต้องสืบให้แน่ชัด

“ว่าไงลูก พ่อฟังเจ้าอยู่” ฮ่องเต้เจียเฉิงหันไปตอบ ทุกคนเงียบหมด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

“เสด็จพ่อ เรื่องนี้เกิดในตำหนักของลูก ไม้ท่อนนั้นกับหมวกขันทีโผล่มาอย่างประหลาด แต่ว่าเรื่องนี้ลูกไม่ได้สั่งให้ใครไปทำ หากไม่สืบหาความจริง ลูกเกรงว่าจะมีอันตราย” น้ำเสียงของหลัวอ๋องอ่อนแรงมาก แต่ก็ได้ยินเสียงที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัวอยู่

ยังไงซะเขาก็เป็นลูกชายคนเล็กของฮ่องเต้เจียเฉิง ไม่ว่ายังไงก็ตาม ความกลัว ความหวาดระแวงของเขาก็สามารถแสดงออกมาหมด

สำหรับเขาแล้ว ฮ่องเต้เจียเฉิงไม่ได้เป็นแค่กษัตริย์เท่านั้น แต่ยังเป็นพ่อด้วย

ฮ่องเต้เจียเฉิงสัมผัสถึงความรู้สึกของพ่อได้จากตัวของหลัวอ๋องเท่านั้น

“ข้ารู้แล้ว เจ้าพักผ่อนให้มากๆ” ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขานั่งตัวตรง แล้วก็ส่งสายตาไปให้กับจ้าวกงกงที่อยู่ข้างๆ

“จ้าวเจิ้ง เจ้าไปเรียกขันทีทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่ ดูสิว่าหมวกของใครหายไป”

ติดตามฮ่องเต้เจียเฉิงมานานขนาดนี้ เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าฮ่องเต้เจียเฉิงคิดจะทำอะไร สำหรับเขาแล้วการเดาความคิดของฮ่องเต้เจียเฉิงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

จ้าวกงกงพยักหน้า เมื่อออกนอกประตูห้องไปก็ประกาศคำสั่งของฮ่องเต้เจียเฉิงอีกครั้ง ขันทีรีบไปทำตามคำสั่งทันที

ทุกคนอยู่ในตำหนักหลัวอ๋องด้วยความร้อนใจ โดยเฉพาะเย่เซียวหลัว

เรื่องนี้นางสั่งให้คนไปทำ คิดไม่ถึงว่าขันทีคนนั้นกลับไม่ได้เรื่อง ทำให้คนจับได้อีก

นางมองไปที่เวินอ๋อง เขายังนั่งอยู่ ไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย

จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปเดินมา พร้อมกับเสียงกระถางต้นไม้แตก

จ้าวกงกงเดินมารายงานสถานการณ์

“ฝ่าบาท ขันทีด้านนอกมีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบเก้าคน ขันทีที่เดินทางมาด้วยมีทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบคน หายไปหนึ่งคน ขันทีที่อยู่ข้างนอกทั้งหมดล้วนสวมหมวกกันครบทุกคน”

สวมหมวกทั้งหมด? แต่หายไปหนึ่งคน?

คนโง่ยังรู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้ ต่อให้เป็นเวลาทั่วไป ก็ต้องสืบให้แน่ชัด

โม่ฉีหนิงค่อยๆเอียงตัวไป แล้วกระซิบพูดกับฉินหยิ่นสองสามคำ เขาพยักหน้า แล้วออกไปทันที

“เจ้าพาทหารองครักษ์ไป ไปค้นให้ทั่ววังจะต้องหาตัวขันทีที่หมวกหายไปคนนั้นให้เจอ” ฮ่องเต้เจียเฉิงสั่ง

ความสามารถของทหารองครักษ์ไม่ด้อย เพราะเป็นทหารหลวงข้างกายของฮ่องเต้ พวกเขารีบรับคำสั่งแล้วออกไปทำทันที

ข้างนอกหิมะตกลงมาไม่น้อย ท้องฟ้าค่อนข้างหมอง

ทุกคนต่างกดดันและเคร่งเครียด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก