ตอนที่ 252 เจ้าสำนวน
ที่ห้องน้ำห้องหนึ่งในวังหลวง มีชายสวมชุดสีน้ำเงินเข้มนั่งตัวสั่นอยู่ด้านใน
เหมือนเขาจะได้รับสะเทือนอารณ์เป็นอย่างมาก ท่าทางของเขาเหมือนตกไปอยู่ในนรก
สถานการณ์แบบนี้ แสดงว่าเขาทำอะไรผิดถึงมาหลบอยู่ที่นี่ ไม่กล้าออกไปเจอใคร
ใครจะคิดว่าห้องน้ำกลิ่นเหม็นแบบนี้ จะมีคนมาหลบอยู่ล่ะ?
ทันใดนั้นเอง ก็เหมือนมีลมพัดผ่านข้างหู ขันทีคนนั้นขนลุกซู่ ยังไม่ทันได้ดึงเสื้อดีดี ที่ไหล่ก็มีมือใหญ่มาพาดเอาไว้
“อ๊า เจ้า เจ้าเป็นใคร?” ไหล่ของขันทีถูกกดราวกับจะจมลงไปถึงพื้น
เขาฝืนเจ็บและอยากจะหันหลังกลับไปดูว่าเป็นใคร แต่ว่า มือของคนๆนั้นจับเขา แล้วดึงลอยขึ้นกลางอากาศ จนไปถึงตำหนักของหลัวอ๋อง
ที่นั่นมีคนอยู่มาก ต่างเป็นขันทีที่เขาคุ้นเคยดี เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ควรจะมีคำตอบได้แล้ว
ฉินหยิ่นยืนอยู่ตรงมุมที่ไม่มีใครเห็น แล้วโยนตัวเขาลงมาจากมุมต้นไม้
ทุกคนเห็นมีวัตถุหล่นลงมาจากฟ้า ไม่รู้เหมือนกันว่าใครโยนเขาลงมา
“เจ้าเองหรอ แล้วหมวกของเจ้าหายไปไหน?” จ้าวกงกงยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นมีคนหล่นลงมาจากฟ้าก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเลยรีบไปถามด้วยความโกรธ
คนๆนั้นรีบคลานเข่าไปหาจ้าวกงกง รีบดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ เขาร้องไห้แล้วพูดว่า “จ้าวกงกง ข้าน้อยไม่รู้จริงๆว่าหมวกของข้าไปไหน เมื่อเช้าข้าน้อยทำความสะอาดอยู่ที่หน้าลานหมวกก็ถูกขโมยเอาไป ตอนนั้นข้าน้อยก็แค่คิดว่ามีคนแกล้ง เลยไม่ได้ใส่ใจ ใครจะคิด ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้”
จ้าวกงกงพูดวว่า “ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย เจ้ากลับสารภาพออกมาจนหมด เรื่องเป็นยังไง ให้ฝ่าบาททรงตัดสินเถอะ ยังไม่รีบเข้าไปอีก?”
ในเมื่อเรื่องแดงแล้ว ยังไงก็ต้องเข้าเฝ้า ขันทีคนนั้นพยายามยื้อยุดดึงชายเสื้อของจ้าวกงกงเอาไว้ แต่ถูกจ้าวกงกงผลักออก
ขันทีคนนั้นหน้าถอดสี ร้องไห้ไม่หยุด
เขาก็ใช่ว่าจะไม่เคยเข้าเฝ้ามาก่อน แต่ว่าไม่เคยรู้สึกลำบากมากขนาดนี้มาก่อน เขามองไปที่เย่เซียวหลัวที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่งสายตาให้นางช่วย ใครจะคิด นายของเขาไม่แม้แต่จะมองเขาเลย
“เจ้า เงยหน้าขึ้นมา” ฮ่องเต้เจียเฉิงนั่งและพูดเสียงจริงจัง
ขันทีคนนั้นก็ไม่รอช้า ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
หน้าตาของเขาดูคุ้นมาก เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน ฮ่องเต้เจียเฉิงหยุดไปที่หัวของเขาที่ไม่มีหมวก
“เจ้าเป็นขันทีตำหนักไหน? แล้วทำไมหมวกของเจ้าถึงได้หายไป? เมื่อกี้ข้าสั่งให้ขันทีทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าตำหนักหลัวอ๋อง ทำไมเจ้าถึงไม่อยู่? ตอบข้ามาให้หมด” ฮ่องเต้เจียเฉิงถามต่อๆกันหลายคำถาม เหมือนอยากจะให้ความจริงทุกอย่างกระจ่าง
แต่น่าเสียดาย ที่ขันทีนั่นไม่ได้ทำให้เขาสมปรารถนา เขาคุกเข่ารุกลี้รุกรนอยู่นาน
“ฝ่าบาททรงตรัสถามเจ้าอยู่นะยังไม่รีบตอบอีก? ทำไมถึงได้บังอาจขนาดนี้ อยากตายหรือไง” จ้าวกงกงที่ปกติจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้กลับโกรธจนรู้สึกกดดัน
ไม่เสียแรงที่เป็นคนข้างกายของฮ่องเต้ แม้แต่ตอนที่เขาโกรธ ก็ทำให้ขันทีตกใจจนลืมหายใจ
ขันทีคนนั้นตัวสั่นกองอยู่กับพื้น
“กระหม่อม กระหม่อมไม่กล้า”
“เจ้าเป็นขันทีของตำหนักไหน?” ฮ่องเต้เจียเฉิงเริ่มถามอย่างหมดความอดทน
“กระหม่อม กระหม่อมเป็น ....... เป็น ...... ขันทีในตำหนักเวินอ๋องพะยะคะ” ขันทีคนนั้นหลับตาลง ยังไงก็ต้องตาย ไม่สู้เสี่ยงขอชีวิตจากฮ่องเต้เจียเฉิงดีกว่า
เป็นขันทีของตำหนักเวินอ๋อง?
สายตาทุกคนมองไปที่เวินอ๋อง สายตาของโล่หวินหลานเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางเลย
“เวินอ๋อง เขาเป็นขันทีของตำหนักเจ้าหรอ?” ฮ่องเต้เจียเฉิงมองไปที่เวินอ๋อง สายตาเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
เวินอ๋องเงยหน้าขึ้นมา “ทูลเสด็จพ่อ เป็นขันทีในตำหนักลูกจริง”
เมื่อพูดจบ ฮ่องเต้เจียเฉิงก็ขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่เวินอ๋องด้วยสายตาที่เย็นชาและแปลกหน้า
“ในเมื่อเป็นขันทีของตำหนักเจ้า งั้นเจ้ามาอธิบายมาสิว่าหมวกของเขาไปไหน แล้วทำไมเขาต้องหลบไม่มารวมพลที่หน้าตำหนักหลัวอ๋อง”
เย่เซียวหลัวมองไปที่เวินอ๋องด้วยความกังวล เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะนาง หากไม่ใช่นางสั่งให้คนไปสืบข่าวขององค์หญิงเหอซื่อ ก็ไม่ถูกจับได้
“เสด็จพ่อ เรื่องนี้หม่อมฉันไม่ทราบได้ วันดีตอนเช้าหม่อมฉันอยู่ที่สนามม้าตลอด ไม่ได้พาขันทีคนนี้ไปด้วย ใครจะคิด ว่าพอกลับมาจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก