ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 253

ตอนที่ 253 หัวใจดุจหินผา

เรื่องราวจบลงลวกๆ ฮ่องเต้เจียเฉิงนวดไปที่ขมับเหมือนเขาจะรู้สึกเหนื่อยมาก ต้วนกุ้ยเฟยเห็นดังนั้น ก็เสนอตัวพาเขาไปที่ตำหนักเพื่อนวดให้ โดยทิ้งคนอื่นเอาไว้ที่เดิม

ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป ขันทีคนนั้นทุกโบยสามสิบทีก็ถูกหามตัวกลับไป เพราะยังไงเขาก็ยังเป็นขันทีในตำหนักของเวินอ๋อง ฮ่องเต้เจียเฉิงถึงจะเด็ดขาดยังไงก็ยังคงไว้หน้าเขาอยู่

เพียงแต่ว่า เวินอ๋องคงไม่เรียกใช้งานเขาอีกต่อไปแล้ว

โล่หวินหลานเดินออกมาจากที่ของนาง ยังไงซะ อาการของหลัวอ๋องก็รักษาเสร็จแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้เย่เซียวหลัวถูกลงโทษ แต่ก็สามารถทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจของฮ่องเต้เจียเฉิงที่มีต่อพวกเขาลดลง

เมื่อคนอื่นๆออกไปจากตำหนักของหลัวอ๋องแล้ว โล่หวินหลานกับโม่ฉีหมิงก็เดินเข้าไปหลังฉากบังลมอีกครั้ง หลัวอ๋องที่กำลังนอนอยู่นั้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“พี่สี่ ท่านบอกว่าที่ข้าตกม้าคราวนี้มีคนตั้งใจทำร้ายข้า จริงหรอ?” หลัวอ๋องสีหน้าตื่นตระหนกมาก เขาจับชายเสื้อจองโม่ฉีหมิงแล้วถาม

โม่ฉีหมิงพยักหน้า “น้องสิบเจ็ด เรื่องนี้มันไม่ง่ายแบบนั้น เจ้าลองคิดดูนะ ม้าของเจ้าติดตามเจ้ามานานแค่ไหน ผ่านการฝึกอบรมฝึกฝนมาอย่างดี ทำไมถึงได้พยศขึ้นมาได้ล่ะ? อีกทั้งพอตกลงมาจากม้า เท้าก็หักง่ายๆแบบนี้ได้?”

ถึงแม้หลัวอ๋องจะตกใจ แต่ว่าเขาเหมือนจะไม่เชื่อว่ามีคนจะทำร้ายเขา

เขาเป็นลูกชายคนเล็กของฮ่องเต้เจียเฉิง แต่ไม่เคยข้องเกี่ยวกับการเมือง ใช้ชีวิตสบายๆในจวนเท่านั้น ทำไมถึงมีคนไม่พอใจเขา อยากจะทำร้ายเขาอีกล่ะ?

“พี่สี่ ไม่มีทางหรอก พวกเขาไม่มีเหตุผลที่ต้องทำร้ายข้า อีกอย่าง พวกเขาต่างเป็นพี่ชายข้านะ มันไม่มีเหตุผลเลย” หลัวอ๋องมีสีหน้าที่ไม่เชื่อ

สุดท้ายแล้ว เขายังไม่อยากจะยอมรับว่ามีคนคิดร้ายต่อเขา ไม่เชื่อจริงๆ

แต่ว่า การแย่งชิงอำนาจที่ซับซ้อนในวังหลวง เขาจะไม่คิดได้ยังไง?

โม่ฉีหมิงตบบ่าของเขา เขาไม่อยากพูดอะไรมากอีก เขายอมที่จะแบกเรื่องนี้เอาไว้เอง เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของคนพวกนั้นคือตัวเขา

“น้องสิบเจ็ด เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ อย่าคิดมากเลยนะ เรื่องนี้พี่สี่จะสืบให้กระจ่างเอง ไม่ว่าจะได้ผลไหม ข้าจะปกป้องเจ้าให้เจ้าปลอดภัย” โม่ฉีหมิงสีหน้าจริงจัง

หลัวอ๋องพยักหน้า สถานการณ์เมื่อครู่ทำให้เขายังตกใจอยู่ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันที่พ่อของเขาต้องมาตัดสินความเรื่องขององค์ชาย

เพราะไม่ว่าจะองค์ชายคนไหน ก็เป็นพี่ชายของเขาทั้งนั้น

ฟ้าด้านนอกเริ่มมืดแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

ทั้งสองเดินอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนา สุดท้ายแล้วก็เดินไปยังทางเดินศาลา รอบๆไม่มีใครเลย เหลือเพียงฝีเท้าของคนสองคนเท่านั้น

“เมื่อครู่ยังดีที่ได้ท่าน ไม่งั้นเราคงไม่สามารถรักษาขาของหลัวอ๋องให้เสร็จได้ หากรอจนฮ่องเต้เจียเฉิงมาถึง เกรงว่าเราคงมีอันตราย” โล่หวินหลานขอบคุณเขาด้วยความจริงใจ

ในเวลาสำคัญ คนที่ยังคงอยู่ข้างๆกายนางเสมอยังคงเป็นเขา

“เพราะพวกเขามาได้จังหวะ หลัวอ๋องเองก็ฟื้นขึ้นมาพอดีด้วย ถึงทำให้ลมเปลี่ยนทิศมาทางเรา” โม่ฉีหมิงพูดเรียบๆ

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณท่านมาก ไม่งั้นฮ่องเต้เจียเฉิงคงเข้าใจข้าผิดแน่ คนของท่านทำงานได้ดีจริงๆ ในเวลาสั้นๆก็สามารถหาตัวขันทีนั่นมาได้ แต่ว่าการจัดการเรื่องขันทีนั่นของฮ่องเต้เจียเฉิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่” โล่หวินหลานไม่ไว้หน้าเลย ยังดีที่คนที่อยู่ตรงหน้านางคือโม่ฉีหมิง หากเป็นคนอื่น อาจเกิดคำครหาขึ้นมาได้

แต่ว่าโม่ฉีหมิงไม่ได้พูดอะไรมาก เดิมคิดอยากฉวยโอกาสทำให้เย่เซียวหลัวกับเวินอ๋องถูกลงโทษ ใครจะคิดว่าจะถูกลงโทษปรับเงินแค่สองเดือน อีกทั้งขันทีก็แค่ถูกโบยสามสิบทีเท่านั้น

“เสด็จพ่อไม่ค่อยลงโทษเราเท่าไหร่ ครั้งนี้ปรับเงินเวินอ๋องไปสองเดือน เจ้าก็น่าจะพอใจนะ” โม่ฉีหมิงค่อยๆหันตัวมา

ในภาพจำของนาง ฮ่องเต้เจียเฉิงดีต่อพวกเขาพี่น้องอย่างมาก ครั้งนี้ต้องลงโทษเวินอ๋องเพราะเรื่องของหลัวอ๋อง ถือว่าหนักมากแล้ว

“คนที่พอใจน่าจะเป็นท่านอ๋องมากกว่า ท่านอ๋องทรงหัวไวมาก ที่นำท่อนไม้นั้นไปซ่อนก่อน แล้วคำนวณเวลาไว้แล้วค่อยปล่อยมันออกมา ทำให้คนของเวินอ๋องหาไม่เจอ แล้วก็ได้ความเชื่อใจจากหลัวอ๋อง แล้วทำให้เวินอ๋องถูกลงโทษอีก” โล่หวินหลานวิเคราะห์อย่างละเอียด

นอกจากโล่หวินหลานแล้วไม่มีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้เลย

ความรู้สึกที่คุ้นเคยของโม่ฉีหมิงกลับมาอีกครั้ง

“นั่นก็เพราะฝีมือด้านการแพทย์ขององค์หญิง รักษาน้องสิบเจ็ดจนหายทำให้เสด็จพ่อเชื่อใจเราก่อนแล้ว” โม่ฉีหมิงนึกถึงท่าทีของนางตอนที่อยู่ในตำหนักหลัวอ๋องขึ้นมา ก็แทบไม่อยากจะเชื่อ

นางคล้ายโล่หวินหลานมาก ไม่ใช่แค่คล้าย แต่เหมือนคนๆเดียวกันเลย

โม่ฉีหมิงรู้สึกสับสนมาก ในหัวของเขามีแต่ความทรงจำในวันที่โล่หวินหลานยังอยู่ เขาเอาแต่นึกถึงเรื่องราวของวันวานตลอดเวลา

ส่วนนาง ตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องสารภาพกันยังไง

“หมิงอ๋อง ...... หมิงอ๋อง?” โล่หวินหลานเรียกชื่อเขาอยู่หลายครั้ง โม่ฉีหมิงถึงได้สติขึ้นมา

“มีอะไรหรือเปล่า?” โม่ฉีหมิงได้สติคืนมา

แต่ก่อนโม่ฉีหมิงไม่เคยเหม่อลอยแบบนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เขาจะมีสติตลอดเวลา ไม่รู้เขาเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“ตำหนักหมิงอ๋องอยู่ข้างหน้านี้แล้ว ข้าอยากจะถามท่านว่าท่านจะกลับไปไหม” โล่หวินหลานมองไปที่ตำหนักที่อยู่ไม่ไกล

ตำหนักของหมิงอ๋องไม่ไกลกับตำหนักของนาง ไม่รู้ว่าทำไม เหมือนฟ้าเป็นใจ ให้ตำหนักของทั้งคู่ห่างกันแค่สวนดอกเหมยกั้นเท่านั้น แค่เดินทะลุสวนดอกเหมยก็จะถึงตำหนักของอีกฝ่าย

“เหมือนตำหนักขององค์หญิงจะอยู่ข้างหน้าเหมือนกัน ถ้ายังไงเราไปนั่งคุยกันก่อนดีไหม ข้าจำที่องค์หญิงพูดเมื่อครู่ได้ดี” โม่ฉีหมิงเดินตรงไปที่ศาลา

เขาดูสง่างามมาก แม้แต่เงาของเขาก็ดูหล่อเหลา

โล่หวินหลานชะงักไป แต่ก็ยังเดินตามไปที่ศาลา

เดิมทีนางไม่ควรเข้ามา แต่ว่าในใจของนางไม่ฟังคำสั่ง ความทรงจำหลายอย่างมันลอยขึ้นมา นางไม่อาจควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ นางไม่อาจควบคุมไม่ให้เข้าหาโม่ฉีหมิงได้เลย

“องค์หญิง เสด็จพ่อดูจะทรงโปรดปรานเจ้ามาก ผ่านไปหลายวันแล้ว เสด็จพ่อก็ยังไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานของท่านเลย คิดว่าคงทรงอยากจะใช้เวลาเลือกอีกสักหน่อย” โม่ฉีหมิงพูดเรื่องการแต่งงานขึ้นมา มันเป็นเรื่องที่โล่หวินหลานกลัวมากที่สุดในตอนนี้

“ข้าไม่รู้เลยว่าพระองค์มีจุดประสงค์อะไร ทำไมถึงไม่เตรียมการแต่งสักที ไม่รู้มีอะไรหรือเปล่า” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว

โม่ฉีหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าก็ยังคงนิ่งอยู่ ดูไม่ออกว่าเขาสีหน้าไม่ดี

เขาเก็บอารมณ์โกรธของเขาเอาไว้ “หรือว่าองค์หญิงทรงหวังให้เสด็จพ่อรีบจัดการเรื่องงานแต่งงานของท่าน หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงทรงถูกใจพี่น้องของข้าคนไหนล่ะ ไม่แน่ข้าอาจจะช่วยท่านได้”

คำพูดของเขามันแฝงไปด้วยความประชดประชัน เมื่อได้ยินโล่หวินหลานมาใส่ใจ เหมือนกับว่านางอยากจะรีบแต่งงานกับองค์ชายคนไหนสักคนเลย

โล่หวินหลานสีหน้าไม่ดี “หมิงอ๋องท่านพูดแบบนี้หมายความว่าไง? ทรงอภัยด้วยที่ข้าไม่อาจนั่งคุยเป็นเพื่อนท่านได้อีก ข้าขอตัวก่อน”

บนโลกใบนี้ใครก็เข้าใจนางผิดได้ ยกเว้นโม่ฉีหมิงคนเดียวเท่านั้น

เป็นสามีภรรยากันมาตั้งนาน เขาน่าจะรู้ว่านางคิดอะไร ต่อให้ใบหน้าของนางเปลี่ยนไปแล้ว เขาก็ไม่ควรพูดกับนางแบบนี้

“ช้าก่อนองค์หญิง ข้าเสียมารยาทไปเอง องค์หญิงอย่าได้ถือสาข้าเลยนะ” ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แค่เห็นนางลุกเดินออกไป เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจ

หิมะข้างนอกกำลังตกหนัก แต่ว่าหิมะมันไม่ได้หนาวเหน็บไปจากใจของเขาเลย

เพียงแต่ โล่หวินหลานคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะขออภัยต่อเขา?

เขาคือโม่ฉีหมิง แต่กลับบอกว่าขออภัยกับนาง เขายิ่งยโส รักในศักดิ์ศรี แต่ตอนนี้เขากลับก้มหน้ายอมรับผิดกับนาง โดยไม่สนใจศักดิ์ศรีที่เขายึดถือมาโดยตลอด

ความเปลี่ยนแปลงแบบนี้มันใหญ่มาก

โล่หวินหลานรู้สึกปวดใจ นางหยุดเดิน

“เป็นเพราะข้าเองที่ไม่ได้พูดให้ชัดเจน ทำให้ท่านอ๋องต้องเข้าใจผิด ที่จริงตั้งแต่ข้ามาที่แคว้นโม่ฉี ข้าเดาใจของฮ่องเต้เจียเฉิงไม่ออกเลย ท่านเองก็รู้ ชีวิตข้าอยู่ในมือของคนอื่นตรงนี้ทำให้ข้าเป็นกังวลมาก” โล่หวินหลานรู้สึกเศร้า

คำพูดของนาง โม่ฉีหมิงเข้าใจดี ตอนนี้เขาก็ร้อนใจมาก

นางไม่แต่งงานกับเขาจะไปแต่งกับใครอีก? เมื่อก่อนนางอยู่กับเขา ตอนนี้นางก็ต้องอยู่กับเขา ไม่ว่ายังไง ใจก็ไม่มีวันเปลี่ยน

“องค์หญิงเชื่อใจข้าไหม?” โม่ฉีหมิงยิ้มบางๆ

โล่หวินหลานค่อยๆหันมา

“เมื่อกี้ที่ตำหนักน้องสิบเจ็ดที่องค์หญิงถามข้า ข้ายังจำได้ หากองค์หญิงยินยอม ข้าจะหาทางแต่งงานกับท่านให้ได้” โม่ฉีหมิงให้คำมั่น

ใจของโล่หวินหลานเต้นแรงมาก ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่คิดเอาไว้แล้ว แต่ว่านางก็อดใจเต้นไม่ได้เลย

เรื่องมากะทันหันทำให้นางรับมือไม่ทัน

“หมิงอ๋องท่านพูดจริงหรอ? ตอนนี้ข้าไม่ได้คุ้นเคยกับองค์ชายคนไหนเลย หลายวันมานี่ข้าใกล้ชิดกับท่านมากที่สุด ข้าคิดว่าท่านนิสัยไม่เลวเลย หากท่านยินดี ข้าจะดีใจมาก” นี่คือสิ่งที่โล่หวินหลานต้องการ การแต่งงานกับหมิงอ๋องคือเป้าหมายที่นางมาที่แคว้นโม่ฉี

เมื่อได้ยินดังนั้น โม่ฉีหมิงรู้สึกว่าเขากลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

ชีวิตที่มืดมนมานาน วันนี้เหมือนจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงมาบ้าง

ในหัวของเขาตอนนี้ไม่มีอะไรเลย ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง เขาได้ยินแค่โล่หวินหลานพูดว่า “แต่ว่าข้าได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ท่านอ๋องมีหญิงที่ท่านรักมากอยู่แล้ว ท่านทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างดี แล้วทำไมผู้หญิงของท่านถึงได้ถูกลอบสังหารได้ ท่านอ๋องไม่เคยปล่อยวางนางได้เลย ถึงไม่ยอมแต่งงานใหม่จนถึงวันนี้ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้เลือกที่จะแต่งงานกับข้าล่ะ?”

โล่หวินหลานขมวดคิ้ว เมื่อพูดถึงตอนนี้ นางไม่กล้ามองหน้าโม่ฉีหมิงเลย พูดจบก็หันข้างไปไม่มองเขา

แต่ว่า โม่ฉีหมิงยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม แล้วจ้องไปที่พระจันทร์

เรื่องนี้นางไม่รู้จริงๆหรอ?

ที่ตั้งใจมาถาม แค่อยากจะรู้ว่าโล่หวินหลานตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันยังไงแค่นั้น

โม่ฉีหมิงไม่ให้นางได้สมใจหรอก

“ดึกมากแล้ว องค์หญิงไปพักก่อนเถอะ ข้าจะต้องกลับแล้ว” โม่ฉีหมิงเลี่ยงคำถามของนาง แล้วเดินกลับตำหนักของตัวเองไป

ทิ้งโล่หวินหลานเอาไว้ที่เดิมแบบนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก