ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 254

เงาของโม่ฉีหมิงคล้อยตามพระจันทร์เดินเข้าประตูห้องไป

ฉินหยิ่นรับเสื้อคลุมที่โม่ฉีหมิงถอดมา แล้วนำไปแขวน

เมื่อกี้ตอนที่ออกมาจากตำหนักหลัวอ๋อง โม่ฉีหมิงบอกให้เขากลับไปก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าโม่ฉีหมิงพูดอะไรกับโล่หวินหลานบ้าง

“ท่านอ๋อง ช่วงนี้ท่านดูสนิทสนมกับองค์หญิงมาก จะต้องไปสืบไหม?” ฉินหยิ่นรู้สึกสงสัย

หากเป็นเมื่อก่อนที่เกิดเหตุแบบนี้ ก็จะต้องส่งคนไปสืบแล้ว

แต่ครั้งนี้องค์หญิงเหอซื่อตั้งใจเข้าหาโม่ฉีหมิง ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไร

“ไม่ต้อง” โม่ฉีหมิงหันไปมองฉินหยิ่น สายตาเหมือนกำลังเตือน

เขาจะลงมือกับองค์หญิงเหอซื่อได้ยังไง นางกับเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู อีกทั้งยังกำลังหารือเรื่องสำคัญ จะไปสืบทำไม

“ท่านอ๋องท่านกับองค์หญิงหารือเรื่องแต่งงานกันหรอ? ท่านหาทางไม่ต้องแต่งงานกับองค์หญิงใช่ไหม?” ฉินหยิ่นคิดว่าเรื่องน่าจะเป็นแบบนี้

โม่ฉีหมิงไม่เปลี่ยนใจจากโล่หวินหลานแน่นอน ไม่มีทางแต่งงานกับองค์หญิงเหอซื่อ

“เจ้าผิดแล้ว ฉินหยิ่น เมื่อกี้ข้ากับองค์หญิงปรึกษากันเรื่องแต่งงานกับนาง” โม่ฉีหมิงนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนอะไรบางอย่าง

ฉินหยิ่นอ้าปากค้าง เขาพูดอะไรไม่ออกเลย

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่เข้าใจ ทำไมท่านต้องแต่งงานกับองค์หญิงเหอซื่อด้วย จากฐานะของนาง ท่านแต่งไปก็เสียเปรียบเปล่าๆ อีกทั้งตอนแรกท่านเองก็ให้รัชทายาทไป ......” ฉินหยิ่นไม่เข้าใจว่าทำไมโม่ฉีหมิงต้องแต่งงานกับองค์หญิงเหอซื่อ

ทุกคนรู้ว่าท่านอ๋องยังไม่ลืมพระชายา แต่ว่าตอนนี้......

โม่ฉีหมิงค่อยจิ้มพู่กันลงบนกระดาษ แต่เขาไม่รู้ว่าเขาควรเขียนอะไร

“ฉินหยิ่น วันหนึ่งเจ้าก็จะเข้าใจเอง” โม่ฉีหมิงพูด

อนนี้ ยังไม่ใช่เวลาที่ควรบอกฉินหยิ่น รอเขากับโล่หวินหลานยอมรับสภาพกันแล้ว ค่อยบอก

วันหนึ่งเขาจะเข้าใจ ฉินหยิ่นไม่เข้าใจ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่คิดอะไรมากอีก

ไม่ว่าโม่ฉีหมิงจะตัดสินใจยังไง มันก็คือสิ่งที่ถูกต้อง

ในฐานะลูกน้อง เขาจะติดตามดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่านั้น

เขาไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ แสดงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันเป็นเหมือนเมฆหมอก ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปงั้นหรอ?

โล่หวินหลานยิ้มฝืนๆ อยากจะเดิน แต่ขาก็ชา

ไม่ว่าโม่ฉีหมิงจะเป็นคนลืมง่ายหรือเปล่า แต่ว่าตอนนี้นางไม่มีทางเลือก วันหนึ่งนางจะต้องถามให้รู้เรื่อง ดูสิว่าเขาจะเป็นคนได้ใหม่ลืมเก่าใช่ไหม

“องค์หญิง ทำไมท่านมาอยู่ตรงนี้ล่ะ? อากาศช้านอกหนาว ท่านรีบกลับไปพักเถอะ” เสียงของจื๋อเอ่อดังมาจากด้านหลัง ทำให้นางได้สติกลับมา

โล่หวินหลานหันกลับมายิ้ม “แม่ทัพจื๋อเอ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าถึงไม่รู้ตัวเลย ยืนดูหิมะเพลินไปหน่อย”

พูดจบ นางก็ดึงเสื้อคลุมของตัวเอง ทั้งคู่ค่อยเดินไป จื๋อเอ่อร่างกายกำยำเขายืนอยู่ด้านหน้านางปิดได้มิดเลย

“ข้าเพิ่งจะมา เมื่อครู่เห็นหมิงอ๋องเพิ่งเดินผ่านไป องค์หญิงคุยกับเขาหรอ?” จื๋อเอ่อเห็นโม่ฉีหมิงเดินผ่านไป คิดว่าทั้งคู่น่าจะคุยกัน

สำหรับจื๋อเอ่อแล้ว โล่หวินหลานไม่อยากจะปิดเขา เพราะเขาเป็นคนของนาง อีกทั้งก็เลยกรีดเลือดสาบานกันมาแล้ว เชื่อถือได้

“ใช่ เมื่อกี้คุยกับหมิงอ๋องเรื่องของหลัวอ๋อง เรื่องนี้เจ้ามองยังไง?” ตอนที่เกิดเรื่อง จื๋อเอ่ออยู่ข้างๆ

เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ จื๋อเอ่อเห็นเรื่องแบบนี้ที่แคว้นเจิ้งโจวจนชินตาแล้ว องค์ชายแย่งชิงอำนาจกัน ก็เพื่อบัลลังก็ทั้งนั้น

“องค์ชายของแคว้นโม่ฉีก็น่าสนใจดีนะ คิดอยากจะกำจัดหมิงอ๋อง สุดท้ายกลับพุ่งเป้าไปที่รัชทายาทแทน ส่วนฮ่องเต้เจียเฉิงเหมือนจะโปรดเวินอ๋องมา รู้ว่าเขาคิดจะสืบข่าวของหมิงอ๋องกับองค์หญิง แต่กลับถูกลงโทษแค่ปรับเงิน”

จื๋อเอ่อรู้สึกว่าฮ่องเต้เจียเฉิงนั้นลำเอียง ลำเอียงกับลูกชายคนเล็กก็พอมีเหตุผลอยู่ แต่ว่าเวินอ๋องไม่ได้เป็นทั้งรัชทายาท ไม่ได้เป็นองค์ชายคนเล็กสุด ความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่น แต่ทำไมฮ่องเต้เจียเฉิงถึงได้โปรดนักล่ะ

“สายตาเจ้าเฉียบแหลมไม่เลว ดูออกด้วย” โล่หวินหลานพยักหน้าพอใจ

“ข้าแค่เดาไปมั่วๆ รายละเอียดจริงๆข้าไม่รู้หรอก” จื๋อเอ่อพูดความจริง ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

เมื่อเดินมาจนสุดทาง ก็ถึงตำหนักของโล่หวินหลานแล้ว ห้องของจื๋อเอ่ออยู่ค่อนข้างไกล ไม่ได้อยู่ด้วยกัน หรืออาจเป็นเพราะต้องการให้พวกเขาอยู่ห่างจากกัน

“แล้วเจ้ามองออกหรือเปล่าว่าทำไมฮ่องเต้เจียเฉิงถึงได้โปรดเวินอ๋องนัก?” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว

แม้แต่นางยังคิดไม่ออกเลยว่าทำไมฮ่องเต้เจียเฉิงถึงได้ลำเอียงกับเวินอ๋องขนาดนี้ หากเป็นเพราะเขาแต่งงานกับเย่เซียวหลัว มันก็ไม่น่าใช่ เพราะตระกูลเย่ก็ไม่ได้มีฐานะสำคัญอะไรมากแล้ว

แม้แต่พระมหากรุณาธิคุณก็ไม่เหลือแล้ว ลูกสาวตระกูลเย่ไม่ได้มีสิทธิ์เป็นฮ่องเฮาอีกแล้ว

จื๋อเอ่อขมวดคิ้วเหมือนจะคิดไป แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ที่เขาไม่รู้ก็ไม่แปลก ฮ่องเต้เจียเฉิงยังไงก็เป็นฮ่องเต้ ความคิดฮ่องเต้ไม่มีใครสามารถเดาออกได้ง่ายๆ

“แม่ทัพจื๋อเอ่อ เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก รอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า เจ้ากลับไปพักก่อนเถอะ” โล่หวินหลานยิ้มให้เขา แล้วเดินกลับเข้าตำหนักไป

วันต่อมา เพราะว่าหลัวอ๋องบาดเจ็บ ฮ่องเต้เจียเฉิงเลยสั่งยกเลิกการล่าสัตว์ในช่วงฤดูหนาวก่อนกำหนดสามวัน

การมาล่าสัตว์ครั้งนี้ คือว่าล้มเหลวมาก เรื่องภายในราชสำนักก็ยังจัดการไม่เรียบร้อยหลัวอ๋องก็ยังมาบาดเจ็บอีก

เรื่องของโม่ฉีหมิงในตอนนั้น ทำให้ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้สึกค้างคาใจ หากโล่หวินหลานยังมีชีวิตอยู่ เขาคงไม่ต้องกังวลอะไรมากขนาดนี้ แต่เวลาผ่านไป อะไรๆก็เปลี่ยน

ขันทีนางกำนัลต่างๆเก็บของกันให้วุ่น เพื่อเดินทางกลับวังหลวง

ขากลับรถม้าโยกเยกมาก โล่หวินหลานนั่งอยู่ในรถม้าต้องจับเก้าอี้เอาไว้แน่น นางรู้สึกโยกไปมาไม่หยุด

คิดว่ากลับไปครั้งนี้ ฮ่องเต้เจียเฉิงก็น่าจะจัดการเรื่องการแต่งงานของนางแน่ จะเป็นองค์ชายองค์ไหน นางไม่รู้เลย

แต่ว่า ในเมื่อโม่ฉีหมิงบอกว่าเขาจะแต่งงานกับนาง เขาจะต้องทำได้แน่ นางเองก็ต้องเชื่อใจเขาสิ

เดินทางมากว่าครึ่งวัน จนนางกำนัลมาเปิดผ้าม่านออก โล่หวินหลานถึงได้รู้ว่ากลับมาถึงวังหลวงแล้ว

“องค์หญิงเพคะ มาถึงดงหัวเยี้ยนแล้วเพคะ” เสียงของนางกำนัลที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา

โล่หวินหลานลืมตาขึ้นมา แล้วมองไปที่ใบหน้าเล็กๆนั่น เป็นหญิงสาวที่กำลังยิ้มหวานให้นางอยู่

อายุของนางไม่ได้เยอะ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม โล่หวินหลานมองนางสบายตากว่าคนที่รัชทายาทจัดมาให้กว่ามาก

“เจ้ามาจากตำหนักไหน? ทำไมถึงได้มารับใช้ข้าที่ดงหัวเยี้ยน” โล่หวินหลานจับมือของนางลงจากรถม้า

นางกำนัลคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จ้าวกงกงจัดให้หม่อมฉันมาเพคะ หม่อมฉันเป็นนางกำนัลที่มาใหม่”

นางกำนัลที่มาใหม่? โล่หวินหลานคิดในใจว่าทุกปีในวังจะเป็นจะมีการปล่อยนางกำนัลอายุมากออกจากวังไป แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะเร็วขนาดนี้ อีกทั้งยังรับนางกำนัลใหม่มาด้วย

“เจ้าชื่ออะไร?” โล่หวินหลานรู้สึกว่าสนิทสนม เลยถามชื่อของนางไป

“หม่อมฉันไซ่เย่วเพคะ”

ไซ่เย่ว? เวลาเรียกก็ไม่ได้ยาก อีกทั้งก็เหมาะกับหน้าตาของนางดี

“ไซ่เย่ว ...... เวลาเจ้ายิ้มสวยกว่าพระจันทร์อีกนะ ต่อไปต้องยิ้มเยอะๆนะเข้าใจไหม” โล่หวินหลานพูด แล้วเดินเข้าไปยังห้องโถง

คิดไม่ถึงเลยว่านางกำนัลที่รัชทายาทจัดมาถูกเปลี่ยนเป็นหน้าใหม่ทั้งหมด

“ทำไมถึงเปลี่ยนใหม่หมดเลยล่ะ? พวกเจ้าเป็นนางกำนัลที่เข้าวังมาใหม่ทั้งหมดเลยหรอ?” โล่หวินหลานนั่งพิงเก้าอี้ด้วยความเหนื่อย

นางกำนัลที่มาใหม่ผ่านการฝึกมาแล้วอย่างดี แม้แต่การพูดการจาก็เหมือนกันหมด

“เพคะ พวกหม่อมฉันทั้งหมดมาเพื่อรับใช้องค์หญิงเพคะ”

ไม่รู้ทำไมนางกำนัลของรัชทายาทถึงได้ถูกเปลี่ยนไปจนหมด การเปลี่ยนนางกำนัลมากขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใครกันนะที่จะมีอำนาจในการเปลี่ยนนางกำนัลมากขนาดนี้ได้?

โล่หวินหลานคิดยังไงก็คิดไม่ตก นางเงยหน้ามองไปที่นางกำนัลพวกนั้น หน้าตาของพวกนางดูน่าเอ็นดูมาก ดูแล้วสบายตาถูกใจนางมาก

“องค์หญิงทรงเหนื่อยมากแล้ว หม่อมฉันไปจุดกำยานให้นะเพคะ ท่านจะได้หลับสบาย” ไซ่เย่วเอาใจใส่มาก

โล่หวินหลานพยักหน้า ไม่นานนัก ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมา กลิ่นของมันทำให้รู้สึกอยากนอนมาก

พอหลับก็หลับไปนานมาก ความเหนื่อยล้าที่นั่งรถม้ามามันหายไปทันที

ด้านนอกหิมะยังคงตกอยู่ แต่ว่ามันเบาลงมากแล้ว ถ่านไฟกำลังเผาร้อน ทำให้รู้สึกไม่เหมือนอยู่ในหน้าหนาวเลย

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าก็มืดแล้ว โล่หวินหลานบิดขี้เกียจ

“ยามอะไรแล้ว?”

“ทูลองค์หญิง เพิ่งเลยยามสวีมาเพคะ เป็นช่วงอาหารค่ำพอดีเลย องค์หญิงจะทรงเสวยเลยไหมเพคะ?” ไซ่เย่วตอบ

เลยยามสวีแล้ว โล่หวินหลานขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะนอนได้นานขนาดนี้

นางเพิ่งกลับมา ยังไม่ได้ไปดูอาการของหมิงซีเลย เดิมคิดว่าก่อนอาหารค่ำจะไปดู หากไปตอนนี้ จะรบกวนอาหารของเขากับอาลั่วหลัน

ถ้าอย่างนั้นก็รอก่อนแล้วกัน

“ตั้งโต๊ะเถอะ” โล่หวินหลานลุกขึ้นนั่ง

ไซ่เย่วสั่งนางกำนัลคนอื่นไปยกอาหารมา ตัวนางเองเข้ามาช่วยโล่หวินหลานล้างหน้า ทำผมในห้อง

ถึงแม้จะมีอาหารมากมาย แต่ว่าไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลย แค่มีกระดูกหมูกับขนมถั่วเขียวเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น

ขนมถั่วเขียวจานนั้นวางอยู่ที่มุมโต๊ะ ถึงแม้จะไม่ได้เด่นมาก แต่ว่ามันอยู่ในสายตาของโล่หวินหลาน เหมือนมันเป็นของที่น่าตกใจมาก

“อาหารค่ำนี่ส่งมาจากที่ไหน? ทำไมแต่ก่อนถึงไม่มีขนมถั่วเขียวเลย แล้ววันนี้ถึงได้มีล่ะ?” โล่หวินหลานก้มหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก