ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 255

อาหารที่อยู่ตรงหน้านี้มันน่าตกใจมากจริงๆ โล่หวินหลานชิบกินขนมถั่วเขียวมากไม่มีใครรู้ มันเป็นสิ่งที่มีแต่คนในจวนหมิงอ๋องเท่านั้นที่รู้

แต่ว่า ตอนนี้นางคือองค์หญิงเหอซื่อ ไม่ใช่โล่หวินหลาน หากไม่ได้เจตนา ก็แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจ

หรือว่า โม่ฉีหมิงรู้แล้วว่านางเป็นใคร แค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น

“ทูลองค์หญิง ดงหัวเยี้ยนมีห้องเครื่องเพคะ ดังนั้นอาหารพวกนี้ทำมาจากห้องครัวของที่นี่ องค์หญิง อาหารพวกนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? หรือว่าองค์หญิงไม่ทรงโปรด?” ไซ่เย่วถามอย่างระวัง อีกทั้งยังแอบสังเกตสีหน้าของนางด้วย

เห็นไซ่เย่วถามอย่างระวัง โล่หวินหลานก็รู้แล้วว่าปฏิกิริยาของนางคงทำให้นางตกใจ แต่ว่านางกำนัลที่เพิ่งมาใหม่ทำไมถึงได้รู้ว่านางชอบกินขนมถั่วเขียวล่ะ หรือว่าห้องเครื่องจะไม่ได้ตั้งใจทำ

“เปล่า อาหารไม่มีปัญหาอะไร แค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย” โล่หวินหลานนั่งลง ไม่ได้สนใจสายตาของไซ่เย่ว

นางคีบขนมถั่วเขียวขึ้นมาลองกิน เป็นรสชาติิที่นางคุ้นเคย นางไม่ได้กินมันมานานมากแล้ว ไม่มีทางลืมรสชาติิแบบนี้ได้แน่นอน

นอกจากพ่อครัวในจวนหมิงอ๋องแล้ว นางไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถทำขนมถั่วเขียวรสชาติิแบบนี้ได้อีก

“ไซ่เย่ว เจ้าไปตามพ่อครัวมาหาข้าที” โล่หวินหลานคิดอยากเจอหน้าคนทำขนมถั่วเขียวเร็วๆ

รสชาติิที่คุ้นเคยแบบนี้ จะเป็นคนที่นางรู้จักหรือเปล่า

ไซ่เย่วก็ไม่ได้ตกใจมาก พยักหน้า แล้วก็เดินไป

สิ่งที่จะทำให้นางแปลกใจไม่ใช่โล่หวินหลานอยากจะเจอพ่อครัว แต่หากนางไม่อยากเจอพ่อครัว มันน่าแปลกกว่า

โล่หวินหลานลองกินกระดูกหมูอีก ไม่ผิด เป็นรสชาติที่นางคุ้นเคยจริงๆ ปีกว่าแล้ว นางไม่ได้กินอาหารรสชาติิแบบนี้มาปีกว่าแล้ว

หากไม่ใช่เพราะเขาให้คนทำ แล้วจะเป็นใครได้?

นางรอด้วยความกระวนกระวายใจ โล่หวินหลานกลัวต้องเจอหน้ากับคนรู้จัก กลัวการรอคอย

หากพ่อครัวมาจากจวนหมิงอ๋อง นั่นก็หมายความว่าโม่ฉีหมิงรู้ฐานะของนางแล้ว

ไม่นานนัก ไซ่เย่วก็เดินมา ด้านข้างของนางมีชายรูปร่างอ้วนสวมชุดสีขาวเดินตามมาด้วย ชายคนนั้นสวมหมวกสีขาวปิดหน้าเขาเกินกว่าครึ่ง ทำให้โล่หวินหลานมองเห็นไม่ชัด

“เงยหน้าขึ้นมาสิ” โล่หวินหลานพูด น้ำเสียงออกไปทางออกคำสั่ง

พ่อครัวเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเขาเป็นใบหน้าที่โล่หวินหลานไม่รู้จัก หน้าตาของเขาไม่เหมือนพ่อครัวของจวนหมิงอ๋องเลย

“เจ้าเป็นหัวหน้าพ่อครัวที่นี่หรอ?” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ

“ทูลองค์หญิง กระหม่อมเองพะยะคะ” พ่อครัวน้ำเสียงสั่นเครือ

เขาไม่รู้ว่าพ่อครัวเล็กๆอย่างเขาไปทำอะไรให้องค์หญิงเหอซื่อไม่พอใจ เขาไม่เคยทำอะไรมาก่อนเลย

“ข้าถามเจ้าหน่อย อาหารพวกนี้เจ้าเป็นคนทำหรอ?” โล่หวินหลานพยายามเก็บความหงุดหงิดของตัวเองเอาไว้

“พะยะคะ กระหม่อมเป็นคนทำเอง” พ่อครัวตอบอย่างรวดเร็ว

“ดูให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบ” โล่หวินหลานไม่ค่อยพอใจท่าทีของเขา

คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจากแคว้นเซิ่งโจวจะเด็ดขาดขนาดนี้ ทำให้พ่อครัวไม่กล้าจะตอบลวกๆอีก

เขาลุกขึ้นมาดูอาหารบนโต๊ะก่อนแล้วค่อยตอบ

เขามองไปที่อาหารทีละจานอย่างละเอียดถึงได้พบว่ามีอาหารสองอย่างที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ หรือว่า ...... องค์หญิงกินแล้วเจอพิษอยู่ข้างใน?

พ่อครัวรู้สึกกลัว รีบคุกเข่าลง แล้วพูดว่า “องค์หญิง มีอาหารสองอย่างที่กระหม่อมไม่ได้เป็นคนทำ อีกทั้งกระหม่อมก็ไม่ถนัดทำอาหารสองอย่างนั้นด้วย”

ไม่ผิดจากที่คิดเลย เรื่องราวเริ่มชัดเจนมากขึ้น โล่หวินหลานเองก็ไม่ได้ถามต่อไปอีก

“อาหารสองจานนี้เจ้าไม่ได้เป็นคนทำหรอ?”

“ทูลองค์หญิงกระดูกหมูน้ำแดงกับขนมถั่วเขียวกระหม่อมไม่ได้เป็นคนทำ อาหารของกระหม่อมจะค่อนข้างจืด อีกทั้งยังตกแต่งจานด้วยดอกไม้ด้วย กระดูกหมูน้ำแดงสีค่อนข้างเข็ม ส่วนขนมถั่วเขียวนี่ก็ไม่ได้จัดจานด้วยดอกไม้เลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่อาหารที่กระหม่อมทำ” พ่อครัวอธิบายอย่างละเอียด ดูไม่เหมือนจำทำอาหารสองจานนั้นเป็นเลย

แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันต่างกันตรงไหน

โล่หวินหลานยิ้ม โม่ฉีหมิง ที่แท้เจ้าก็เป็นคนจัดการทั้งหมดนี้เอง

“เจ้าออกไปได้แล้ว” พ่อครัวขี้กลัวรีบถอยออกไปทันที

ไซ่เย่วสีหน้าแย่มาก คิดไม่ถึงเลยว่าโล่หวินหลานจะจับได้เร็วขนาดนี้

เดิมทีนางรับปากโม่ฉีหมิงไว้ว่าจะปกปิดฐานะเอาไว้สักระยะหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่า แค่สะเพร่าเรื่องของพ่อครัว ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ไปได้

นางคิดไม่ถึงเลยว่าโล่หวินหลานจะขอพบพ่อครัว

“ไซ่เย่ว เจ้าน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดนี่ เจ้าพูดสิ” โล่หวินหลานจ้องไปที่ไซ่เย่ว ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย

“องค์หญิง หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ” ไซ่เย่วทำได้แค่แกล้งโง่

รู้อยู่แล้วว่าต้องตอบแบบนี้ โล่หวินหลานก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ นางเองก็ไม่ได้บังคับให้ไซ่เย่วตอบอะไร

“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูด ข้ามีเรื่องจะต้องออกไป พวกเจ้าไม่ต้องตามมา” โล่หวินหลานสวมรองเท้าแล้วเดินออกไป

หิมะข้างนอกหยุดตกแล้ว หอมะที่พื้นก็ไม่ได้หนามาก

ด้านข้างก็เป็นเรือนนอนของหมิงซีแล้ว ด้านนอกมีขันทีสองคนเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นโล่หวินหลานมา ก็คำนับแล้วก็พาโล่หวินหลานเข้าไป

หมิงซีกับอาลั่วหลันเพิ่งกินข้าวเย็นไป เมื่อเห็นโล่หวินหลานมา ก็รู้สึกตกใจ

“เสี่ยวฮัว เจ้าทำไมกลับมาตอนนี้ล่ะ? เจ้าน่าจะกลับมาในอีกสามวันนี่นา” อาลั่วหลันลุกขึ้นมาด้วยความดีใจ

หลายวันที่โล่หวินหลานไม่อยู่ พวกเขารู้สึกเหนื่อยมาก ระแวงทุกวัน กลัวว่าจะเจอคนคิดไม่ซื่ออยู่ตลอดเวลา

“ที่ลานล่าสัตว์เกิดเรื่องนิดหน่อย หลัวอ๋องบาดเจ็บ ฮ่องเต้เจียเฉิงเลยสั่งให้กลับเมืองหลวงก่อนสามวัน” โล่หวินหลานอธิบาย นางเป็นห่วงบาดแผลของหมิงซีที่สุด

“หลัวอ๋อง หลัวอ๋องคือใคร? แล้วบาดเจ็บได้ยังไง?” อาลั่วหลันถามด้วยความสงสัย

“หลัวอ๋องเขาเป็นลูกชายคนเล็กของฮ่องเต้เจียเฉิง เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน เวลาแค่นี้อธิบายไม่หมดหรอก หมิงซี ครั้งนี้ข้าไปเจ็ดวัน ยังมีเวลาพอจะรักษาอาการของเจ้าได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปเอาดอกบัวภูเขาเทียนจากเย่เซียวหลัวมา” โล่หวินหลานเห็นหมิงซีหน้าตาซูบไปเยอะ รู้สึกแย่มาก

เพิ่งมาเมืองหลวงไม่กี่วัน แต่กลับเกิดเรื่องขึ้นมากมาย ทำให้หมิงซีต้องมาเสี่ยงอันตรายด้วย เพราะนางไม่ดีเอง ทำให้หลายคนต้องเดือดร้อนไปด้วย

“เย่เซียวหลัว? ชายาเวินอ๋อง? นางจะให้ดอกบัวภูเขาเทียนกับเราได้ยังไง?” หมิงซีไม่รู้จักเย่เซียวหลัว แต่ว่าจากหน้าตาแล้ว คิดว่าไม่น่าจะใช่คนดี

หากหมิงซีรู้ว่าแต่ก่อนเย่เซียวหลัวกับโล่หวินหลานเคยมีปัญหากันแค่ไหน ก็คงไม่ถามแบบนี้ แต่เขาเป็นห่วงว่าพวกนางจะทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนอะไรกันหรือเปล่า

โล่หวินหลานยิ้ม “พนันแพ้ แค่ประลองกันนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”

พอนึกถึงการแข่งม้าที่ลานล่าสัตว์ โล่หวินหลานก็รู้สึกไม่ดี เพราะมันไม่ง่ายเลย ที่นางชนะมาได้ เพราะปิ่นปักผมของนาง

ม้าตัวนั้นเดิมก็ไม่ได้มีแรงมาก อีกทั้งยังวิ่งมาแล้วรอบหนึ่ง รอบสุดท้ายแทบจะไม่เหลือแรงอีกแล้ว

แต่ว่าเพื่อชนะ โล่หวินหลานไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องใช้ปิ่นปักผมแทงไปที่ก้นของม้า หากไม่เช่นนั้น นางจะชนะเย่เซียวหลัวได้ยังไง?

“เจ้าแข่งกับนางหรอ? พวกเจ้าแข่งอะไรกัน? เจ้าชนะได้ยังไง?” หมิงซีถามด้วยความตื่นเต้น

ชนะเย่เซียวหลัวมาได้ จะต้องออกแรงไปมากแน่ ผู้หญิงคนนั้นดูไม่ใช่คนดี ดูเป็นคนแผนการเยอะ

“หมิงซี เจ้าไม่ต้องตื่นเต้นไป แค่แข่งม้ากัน หากนางแพ้นางจะต้องทำตามที่ข้าขอ หากข้าแพ้ก็จะต้องทำตามที่นางขอ เรื่องของเจ้าสำคัญ จะต้องรีบจัดการ” โล่หวินหลานปลอบ

นางรู้ว่าหมิงซีกังวลว่านางจะเกิดเรื่อง เขารับคำสั่งชิวโม่ไป๋ให้มาคุ้มครองนาง เขาหวังว่านางจะปลอดภัย ไม่มีใครรังแกนาง

แต่ว่า นางเองก็หวังว่าหมิงซีจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน เขาจะต้องปลอดภัย ไม่มีใครทำร้ายเขา

“อย่างนี้นี่เอง เสี่ยวฮัว ต่อไปเจ้าจะต้องดูแลตัวเองให้ดี ไม่งั้น ข้าจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ” หมิงซีพูด จากนั้นก็ไอแล้วก็หลับตาลง

อาลั่วหลานพยุงด้านหลังเขา แล้วเขาก็สลบไป

หลายวันมานี่เขาสลบไปแบบไม่รู้ตัวจนไม่รู้ต้องทำยังไงแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงไม่ดีขึ้นเลย? ครั้งที่แล้วข้าสั่งให้นางกำนัลไปเอายามาแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมหมิงซีกินยาแล้วถึงยังเป็นแบบนี้อีก?” โล่หวินหลานเห็นหมิงซีสลบไป ก็ตกใจ

ใครจะคิด อาลั่วหลานกลับดึงผ้าห่มจากข้างๆมาห่มให้กับหมิงซี แล้วก็เอาหมอนมารองคอเขาด้วย

อาลั่วหลันส่ายหน้า “ครั้งที่แล้วนางกำนัลสองคนไปเอายาจริง แต่ว่าตอนกลับมากลับบอกว่าทางสำนักหมอหลวงบอกว่าเป็นคำสั่งของฝ่าบาท บอกว่าห้ามไปเอายา ดังนั้นพวกนางเลยไม่ได้ยากลับมา หมิงซีไม่ได้กินยาเลย เขาฝืนจนถึงตอนนี้ มันไม่ง่ายเลยนะ”

ไม่ได้ยากลับมา? นางกำนัลสองคนนั้นเป็นคนของรัชทายาท คนของสำนักหมอหลวงต้องรู้จักพวกนางแน่ อีกอย่าง พวกนางก็ไม่ได้เพิ่งมาอยู่ในวัง ทำไมไม่รู้กฎของวัง

นอกจากว่าพวกนางไม่อยากจะไปเอายาให้แต่แรก

โล่หวินหลานคิดไม่ถึงเลยว่าจะมาตายเพราะนางกำนัลข้างกายแบบนี้

น่าเสียดาย พวกนางไม่อยู่แล้ว ไม่งั้นนางจะต้องแก้แค้นแน่

“ข้ารู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกนางทำแบบนี้ได้น่าจะวางแผนมาก่อนแล้ว ข้าจะไม่มีทางปล่อยพวกนางไปง่ายๆ” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว สายตาของนางดุมาก

อาลั่วหลันเพิ่งเคยเห็นโล่หวินหลานเป็นแบบนี้ นางรู้สึกชื่นชมมาก

“เสี่ยวฮัว ข้าเชื่อเจ้า” อาลั่วหลันเลือกที่จะเชื่อนางโดยไม่สงสัยเลย

“อาลั่วหลัน เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ให้หมิงซีเป็นอะไรไปแน่” โล่หวินหลานพยักหน้าให้นาง

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว แต่ลมยังพัดอยู่ โล่หวินหลานเดินออกจากประตูมา

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มีเป้าหมายอะไร แค่คิดจะทำร้ายคนของนาง นางก็จะไม่ปล่อยพวกนางไปแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก