ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 259

ตอนที่ 259 ใจตรงกัน

“เสี่ยวฮัว เขารับปากเจ้าแล้วหรอ? แต่ว่าข้าว่าเขาเหมือนคนที่เข้าหายาก อยู่กับเขาจะมีความสุขหรอ? อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่ลูกชายที่ฮ่องเต้เจียเฉิงโปรดด้วย?” อาลั่วหลันเป็นกังวล

ไม่ว่าจะมองยังไง โม่ฉีหมิงก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย รัชทายาทกับเวินอ๋องดีกว่ามาก แต่ว่าเขาทั้งคู่ก็มีชายาเอกไปแล้ว แต่ว่าโม่ฉีหมิงเหมือนจะเคยมีชายาเอก แต่ว่าตายไปแล้ว

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก มีเพียงเขาเท่านั้นที่ช่วยข้าได้” โล่หวินหลานเดินไปดูหมิงซีที่เตียง หากเขาฟื้นขึ้นมา น่าจะเห็นด้วยกับนางแน่

เพราะเขาคือคนที่เข้าใจนางที่สุด

“ทำไมถึงมีแค่เขาที่ช่วยเจ้าได้ล่ะ? เสี่ยวฮัว เจ้าต้องคิดให้ดีนะ ข้าเห็นเวินอ๋องกับรัชทายาทดีกว่าตั้งเยอะ ถึงแม้พวกเขาจะมีชายาเอกแล้วก็ตาม แต่ว่าเจ้าเป็นถึงองค์หญิงของแคว้นเจิ้งโจว พวกเขาเองก็น่าจะเกรงใจได้บ้าง” อาลั่วหลันแทบจะใจแตกสลาย เพราะคนที่นางคิดว่าดีไม่มีโม่ฉีหมิงอยู่ในสายตาเลย

โล่หวินหลานรู้ว่าอาลั่วหลันคิดอะไรอยู่ นางอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับนาง แต่ว่านางไม่รู้ว่าโม่ฉีหมิงกับนางรักกันแค่ไหน รัชทายาทกับเวินอ๋องไม่มีทางเทียบได้เลย

อีกทั้ง เวินอ๋องกับรัชทายาทก็ไม่ใช่คนดี มีเพียงโม่ฉีหมิงเท่านั้นที่จะให้ความสุขกับนางได้

“อาลั่วหลัน บนโลกใบนี้มีหลายเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง” โล่หวินหลานรู้ว่า เรื่องแบบนี้อยู่บนตัวใครก็น่าสงสัยทั้งนั้น

ทำไมถึงไม่เลือกองค์ชายที่มีอำนาจมากสองคน แต่ไปเลือกองค์ชายที่ไม่ได้รับการโปรดปรานเลย?

ในสายตาของคนอื่นมันเข้าใจได้ยาก เรื่องนี้สำหรับโล่หวินหลานแทบจะไม่ต้องคิดเลย ผลลัพธ์คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว

อาลั่วหลันไม่รู้ทำไมโล่หวินหลานถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ นางรู้แค่ว่า โล่หวินหลานเป็นคนลาดมาก สิ่งที่นางเลือกไม่มีผิดพลาดแน่นอน

“ไม่ว่าเจ้าจะเลือกยังไงข้าจะสนับสนุนเจ้า ถึงแม้หมิงอ๋องจะดูเข้าหายากสักหน่อย แต่ว่าข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำให้เขาหวั่นไหวได้” อาลั่วหลันยิ้ม ขอแค่เป็นสิ่งที่นางเลือก นางก็จะสนับสนุน

มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปทำให้เขาหวั่นไหวเลย โล่หวินหลานยังไม่อยากเล่าความจริงให้นางฟังตอนนี้ เพราะเรื่องการตายแล้วเกิดใหม่ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป

หลังจากดูอาการของหมิงซีแล้ว โล่หวินหลานก็กลับไปที่ดงหัวเยี้ยน หลังจากที่กลับมาที่วังหลวงยังไม่มีวันที่สงบเลย คิดจะอาศัยอยู่ในวังหลวงจะต้องระวังตัวตลอดเวลา

“ไซ่เยว่ เจ้าไปทำอะไรให้ข้าหน่อยได้ไหม”

ทั้งคู่เดินเข้าไปยังดงหัวเยี้ยน โล่หวินหลานกระซิบบอกอะไรบางอย่างให้ไซ่เยว่ฟัง

ตอนนี้นางไว้ใจที่จะใช้งานไซ่เยว่ เพราะนางเป็นคนของโม่ฉีหมิง ไม่มีทางคิดร้ายกับนาง

“องค์หญิงเชิญพูดมาได้เลยเพคะ” ไซ่เยว่พูดด้วยสีหน้าภักดีมาก

คนที่ทำร้ายหมิงซียังหาไม่พบ คนที่รัชทายาทส่งมาก็ไม่รู้ว่าทำไม จะให้หาแพะมารับก็คงไม่ได้

นางกระซิบพูดกับไซ่เยว่ หลังจากนางพยักหน้าแล้วก็ออกไปทันที

นางกำนัลสองคนกำลังยืนรอโล่หวินหลานอยู่ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา ก็รีดูแลนางล้างหน้าทำผม

อีกด้านของวังหลวงกลับไม่ได้เงียบสงบแบบนั้น

“จินเอ๋อ ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรอ? วี่จื่อคนของฮ่องเฮากล้าชักสีหน้ากับองค์หญิงเหอซื่อที่หน้าประตูสำนักหมอหลวงหรอ?” หรงฝินรู้สึกตื่นเต้นดีใจมองไปที่จินเอ๋อที่กำลังคุกเข่าอยู่

จินเอ๋อไม่มีอาการหวาดกลัวอะไรเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ควรจะต้องปรึกษากัน อีกทั้ง นางก็ไม่พอใจวี่จื่อมานานแล้วด้วย

“ทูลนายหญิง ใช่แล้วเพคะ ไม่ใช่หม่อมฉันนะเพคะ มีอีกหลายคนเลยที่เห็น วี่จื่อชักสีหน้าอารมณ์ใส่องค์หญิงเหอซื่อแรงมากเลยเพคะ สงสัยคงกลัวว่าไม่มีใครรู้ว่านางมีวันนี้ได้เพราะฮ่องเฮา หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงเหอซื่อทรงใจกว้าง คิดว่าคงไปถึงหูของฮ่องเฮาแล้วเพคะ” จินเอ๋อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าประตูสำนักหมอหลวงให้หรงผินฟัง อีกทั้งสีตีไข่เข้าไปอีก

หรงผินยิ้ม ตอนที่นางอายุยังน้อย ความงามของนางก็ไม่ด้อยไปกว่าฮ่องเฮาเย่กับต้วนกุ้ยเฟยเลย แต่ว่าน่าเสียดายที่พื้นเพของตระกูลนางไม่ได้ดีนัก ดังนั้นก็เลยไม่ได้รับการโปรดปรานมากเท่าไหร่

วันนี้ คนที่เป็นกุ้ยเฟยก็เป็นกุ้ยเฟย ฮ่องเฮาก็เป็นฮ่องเฮาไป เหลือเพียงนางคนเดียว ที่ยังคงเป็นแค่ผิน

ครั้งนี้ เจอจุดที่จะแก้แค้นฮ่องเฮาเย่ได้แล้ว นางไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน

“มีหลายคนที่เห็นใช่ไหม? เราก็จะได้มีพยาน หากไปทูลฝ่าบาท จะเป็นการสร้างผลงานไหม? ก็จะได้ลดอำนาจของฮ่องเฮาลงได้บ้าง?” หรงผินคิดวางแผนในใจอย่างมีความสุข ขอแค่ได้สั่งสอนฮ่องเฮาได้ ก็ไม่เสียแรงที่ถูกกดขี่มาหลายปี

“นายหญิง ตอนนี้ในวังมีหลายคนไม่พอใจวี่จื่อมานานมากแล้วเพคะ หากเราไปทูลเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ ทุกคนต้องชื่นชมนายหญิงแน่เลยเพคะ ถึงตอนนั้นฮ่องเฮาก็ไม่มีคนช่วยแล้วเพคะ” จินเอ๋อยิ้ม

หากสามารถใช้เรื่องนี้ลดบารมีของฮ่องเฮาลงได้ ต่อให้นางไม่ได้รับการโปรดปรานเลยตลอดชีวิตก็ไม่เป็นไร

“สิ่งที่ข้าอยากได้ไม่ใช่ใครมาชมข้า แต่ทำให้ฮ่องเฮาหมดบารมีลง ในใจของข้าจะได้สบายใจ” หรงผินวางมือไว้ในอก นางหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เพียงแต่ว่า ครั้งนี้ฝ่าบาทจะเชื่อที่เราพูดไหม? ยังไงซะนางก็เป็นฮ่องเฮานะ หากฝ่าบาทไม่อยากทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่จะทำยังไง? แผนที่เราคิดกันไว้จะไม่สูญเปล่าหรอ?”

ฮ่องเต้เจียเฉิงกับฮ่องเฮาเย่เป็นสามีภรรยากันมาหลายปี เรื่องความเชื่อใจก็ถือว่าพอมีอยู่

“นายหญิง ท่านลองคิดดูสิเพคะ ตอนนี้ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับอะไร?” จินเอ๋อเห็นหรงผินคิดหนัก นางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่สำนักหมอหลวง นางก็ทนไม่ไหว

หรงผินขมวดคิ้ว “อะไร?”

จินเอ๋อมองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนอื่นก็กระซิบว่า “เกียรติกับหน้าตาไงเพคะ ท่านลองคิดดูสิ มีเรื่องที่เสียหน้าแบบนี้ อีกทั้งยังเกิดที่หน้าประตูสำนักหมอหลวงด้วย ฝ่าบาทจะไม่ทรงสนพระทัยเลยหรอ? พระองค์ต้องคิดอยู่แล้วว่าหากองค์หญิงเหอซื่อทรงจะเอาเรื่องขึ้นมา แล้วจะทำยังไง?”

เมื่อได้ยินจินเอ๋อพูดมาแบบนี้ ก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง หรงผินพยักหน้า สีหน้าที่ดูตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

การล้มฮ่องเฮาเย่เป็นความฝันของนางมาหลายปี หากสามารถลดบารมีของฮ่องเฮาเย่ได้ ต่อให้ต้องแลกกับอะไรนางก็ยอม

ในที่สุด โอกาสของนางก็มาถึงแล้ว

“จินเอ๋อ เจ้าไปสั่งให้ห้องเครื่องทำซุปพุทราเชื่อมมาที ข้าจะเอาไปให้ฝ่าบาทด้วยตัวเอง” หรงผินคิดว่าฮ่องเต้เจียเฉิงน่าจะยังชอบรสชาติิเดิมอยู่ เขาชอบกินของหวานมาก

อีกทั้งนางยังมักผสมสมุนไพรบำรุงให้เอง ทำให้ฮ่องเต้เจียงเฉิงชอบมาก

“เพคะ นายหญิง” จินเอ๋อยิ้ม แล้วก็ออกไป

อีกเดี๋ยวก็จะได้พบฮ่องเต้แล้ว หรงผินไม่รู้ว่านางไม่ได้พบฮ่องเต้นานแค่ไหนแล้ว สองปี? สามปี? หรือว่าห้าปีแล้ว ...... แม้แต่นางเองก็จำไม่ได้แล้ว

หลังจากที่เกิดเรื่องนั้นขึ้น นางกับฮ่องเต้เจียเฉิงก็เหมือนเดินคนละทาง

นางเป็นคนเจ้าอารมณ์แล้วก็เป็นคนไม่ยอมคน ส่วนฮ่องเต้เจียเฉิงเองก็มีความเป็นฮ่องเต้ที่ทิ้งไม่ลง ทั้งสองไม่สนใจกันและกัน ต่างฝ่ายต่างโทษอีกฝ่าย ไม่ใช่สามีภรรยาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

แต่ครั้งนี้ เพื่อที่จะได้แก้แค้นแล้ว ต่อให้ฮ่องเฮาจะยิ่งใหญ่มากจากไหน ก็ยิ่งใหญ่ไม่เท่าฮ่องเต้

ขอเพียงดึงฮ่องเต้มาเป็นพวกเดียวกับนางให้ได้ ฮ่องเฮาเย่จะแก้ตัวยังไงก็ไม่มีประโยชน์

ชีวิตในวังหลวงไม่มีวันสงบ เช้าวันต่อมา โล่หวินหลานเพิ่งจะตื่นนอน ไซ่เยว่ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาจากข้างนอก

“องค์หญิง” ไซ่เยว่เห็นโล่หวินหลานสวมแค่เสื้อตัวในบางๆก็รู้สึกสงสาร รีบเอาเตามามาไว้ข้างๆตัวนาง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” โล่หวินหลานรับถุงน้ำร้อนมา นางกำนัลข้างๆก็ช่วยสวมเสื้อให้นาง

ไซ่เยว่ก้มหน้าลง แล้วเล่าเรื่องที่นางได้ยินมาเมื่อกี้ให้ฟัง

“องค์หญิง เรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าสำนักหมอหลวง ฝ่าบาททรงทราบเรื่องแล้วเพคะ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพราะนางกำนัลของพระสนมหรงผินพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากที่ฝ่าบาททรงทราบเรื่อง ก็ทรงกริ้วมาก ทรงตรัสว่าจะลงโทษวี่จื่ออย่างหนักเลยเพคะ เพื่อให้ฮ่องเฮาทรงสำรวมขึ้น”

น่าแปลก พวกนางถูกรังแก แต่ทำไมถึงเป็นคนอื่นล่ะที่ไปฟ้อง?

“รู้หรือเปล่านางกำนัลที่ไปฟ้องเป็นใคร?” โล่หวินหลานพูด

“องค์หญิงง นางกำนัลคนนั้นชื่อจินเอ๋อเพคะ เป็นนางกำนัลที่ถูกรังแกที่หน้าสำนักหมอหลวงวันนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนางกำนัลคนสนิทของพระสนมหรงผิน” ไซ่เยว่รู้สึกงงๆ เรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ พวกนางยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หลังจากนี้ต่อไป นางจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ในเมื่อเป็นหรงผิน ก็ไม่มีอะไรต้องพูด

ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินโม่ฉีหมิงพูดให้ฟังว่า พระสนมหรงผินเป็นคนแข็งกระด้าง ทำทุกอย่างได้เพื่อเป้าหมายของตนเอง

“แล้วฝ่าบาทมีปฏิกิริยายังไงบ้าง?” โล่หวินหลานถามอย่างไม่แตกตื่น

ไซ่เยว่กำลังจะเล่าให้นางฟังอย่างละเอียด ใครจะคิด ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

จากนั้นก็ได้ยินเสียงจ้าวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้เจียเฉิงดังขึ้นมาว่า “องค์หญิงเหอซื่อ ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้องค์หญิงเสด็จไปเฝ้าที่ห้องทรงอักษรพะยะคะ”

จ้าวกงกงเหมือนกลัวว่าจะไม่ได้ยินเลยพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง

เรื่องขององค์หญิงเหอซื่อจะเป็นจ้าวกงกงมาแจ้งด้วยตัวเองทุกครั้ง นางเริ่มชินแล้ว

“กงกงรอสักครู่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” โล่หวินหลานรับคำ

ครั้งนี้ไม่ต้องถามแล้ว เพราะอีกเดี๋ยวก็จะรู้แล้ว แต่ว่าในใจของนางยังไม่มีอะไรเลย

เรื่องนี้เดิมก็เกี่ยวข้องกับนางอยู่แล้ว ฮ่องเต้เรียกพบนางก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ว่าในใจของนางกลับไม่ค่อนสบายใจ ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะฮ่องเฮาเย่ปะทะกับพระสนมหรงผิน แต่กลับลากนางเข้าไปเอี่ยวด้วย

“ไซ่เยว่ เจ้าตามข้าไปด้วย แล้วเดี๋ยวเจ้ารออยู่นอกตำหนักนะ ลองดูว่ามีเบาะแสอะไรบ้างไหม” โล่หวินหลานยังคงคิดเรื่องที่หมิงซีถูกพิษอยู่

ถึงแม้เรื่องนี้มันจะสืบได้ยากมาก ต่อให้สืบได้ก็อาจจะทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แต่ถึงยังนั้นโล่หวินหลานก็ยังอยากจะสืบต่อไป

จ้าวกงกงพาขันทีอีกสองคนรออยู่ด้านนอก ในมือของพวกเขาถือร่มคนละคัน

พวกเขาเดินไปที่ห้องทรงอักษร เห็นฮ่องเต้เจียเฉิงนั่งอยู่ตรงกลาง สีหน้าของเขาจริงจังมาก สายตาของเขาดูเหนื่อยล้า

ส่วนด้านข้างมีฮ่องเฮาเย่กับพระสนมหรงผินนั่งอยู่ ยังมีนางกำนัลวี่จื่อที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้วย

วี่จื่อกลัวว่าฮ่องเต้เจียเฉิงจะลงอาญานาง เลยพยายามจะหาวิธีที่จะได้หลุดพ้น

“เหอซื่อถวายพระพรฝ่าบาท” โล่หวินหลานยิ้ม แล้วถวายบังคม

“ลุกขึ้นเถอะ” สีหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิง มันให้ความรู้สึกอุ่นใจ

“องค์หญิงเหอซื่อ ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้เพราะอยากจะถามเจ้าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าสำนักหมอหลวงเมื่อวานเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก