ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 262

ตอนที่ 262 ดอกบัวจากภูเขาเทียน

จนถึงวินาทีที่ก้าวเข้ามาในดงหัวเยี้ยน ไซ่เยว่ค่อยรู้สึกโล่งอก แล้วจึงค่อยๆพูดขึ้นมา “ที่จริงไม่ได้มีเรื่องรีบร้อนอะไร เพียงแค่หมิงอ๋องรอท่านอยู่ที่ดงหัวเยี้ยน เขาบอกว่าจะต้องเจอท่านให้ได้ ข้าก็เลยไปตามท่านมา”

โม่ฉีหมิง? ทำไมเขาถึงมาตอนนี้?

โล่หวินหลานรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็แอบดีใจ ดีใจที่เขามาหา แต่กลับไม่รู้จะพูดกับเขายังไงดี

“หมิงอ๋องอยู่ไหนล่ะ?”

“รอท่านอยู่ที่ห้องโถง” ใบหน้าของไซ่เยว่เปื้อนรอยยิ้มบางๆ ส่งนางเดินมาถึงหน้าห้องโถง แล้วก็ขอตัวไป

มีไออุ่นจากด้านในออกมา โล่หวินหลานมองดูไซ่เยว่ที่รีบขอตัวไป แล้วนางก็รู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ดูท่าในช่วงที่นางไม่อยู่นั้น โม่ฉีหมิงยังคงเข้มงวดกับเด็กรับใช้เหมือนเดิม เด็กรับใช้ทุกคนต่างเกรงกลัวเขา

ดูจากท่าทางที่ไซ่เยว่รีบจากไปเมื่อครู่ นางก็พอจะเดาได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“เมื่อกี้นางไปไหนมา?” โม่ฉีหมิงนั่งอยู่ที่บัลลังก์ แล้วค่อยๆจิบชา

นางคือองค์หญิงเหอซื่อ ไม่ใช่โล่หวินหลานเสียหน่อย ไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว ต่อให้นางไปพบใครมาแล้วจะทำไม?

“ถูกฮ่องเต้เรียกเจ้าไปถามไถ่นิดหน่อย” โล่หวินหลานไม่อยากจะพูดอะไรมาก นางนั่งลงด้านข้างอย่างรู้สึกเหนื่อยล้า

“ฮ่องเต้ทำไมอยู่ดีๆถึงเรียกเจ้าไปคุยล่ะ? ให้เจ้าเลือกองค์ชายเหรอ?” ทันใดนั้นโม่ฉีหมิงยืนขึ้น แล้วไล่ถาม

ดูท่าทางตื่นตัวของเขาเช่นนี้ โล่หวินหลานก็อยากจะหัวเราะขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ปฏิกิริยาของเขาเช่นนี้ราวกับทำเหมือนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

“วันนั้นข้าไปหยิบยาที่โรงแพทย์หลวง เจอกับวี่จือ นางเกรี้ยวกราดมาก ไม่เอาใครไว้ในสายตาทั้งนั้น ข้ากับเขาก็เกิดปะทะกันนิดหน่อย สุดท้าย หรงฝินก็ไปราวงานเรื่องราวเสียก่อน วันนี้ฮ่องเต้จึงเรียนข้าไปเข้าพบ” โล่หวินหลานไม่อยากจะปิดบังโม่ฉีหมิง จึงเล่าให้เขาฟังทั้งหมด

“เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?” ที่โม่ฉีหมิงสนใจไม่ใช่เนื้อเรื่องที่นางเล่ามา แต่เป็นเรื่องที่นางนั้นจะบาดเจ็บหรือไม่ เหมือนกับเขาได้พบอะไรบางอย่าง

โล่หวินหลานมองเขาอย่างอึ้งๆ แล้วจึงส่ายหัว

“วี่จืออยู่เคียงข้างฮองเฮามานาน แถมยังเป็นคนใช้ที่โปรดปราน นิสัยก็ได้มาจากฮองเฮา บางครั้งก็มากไปหน่อย คงจะเคยชินนิสัยนี้มานาน ต้องสั่งสอนเสียหน่อย” แววตาของโม่ฉีหมิงประกายเย็นชาออกมา แววตานั้นช่างน่ากลัว แหลมคมเสียยิ่งกว่าอะไร

“เมื่อก่อนก็ไม่เห็นว่านางจะ...” โล่หวินหลานหยุดพูดลง กลืนคำที่จะพูดลงไป เมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดคำพูดออกไป แล้วนาง็ไม่หันกลับไปมองโม่ฉีหมิงอีก

โม่ฉีหมิงรู้ว่านางจะพูดอะไรต่อ จึงฟังนางพูดต่อ แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย “เมื่อก่อนนางเห็นว่านางเป็นยังไงนะ? หรือว่าองค์หญิงเคยรู้จักวี่จือมาก่อน?”

โม่ฉีหมิงเป็นคนฉลาด ถึงไม่พูดเขาก็รู้ดีว่านางกำลังคิดอะไร ยิ่งคำที่พูดออกไปแล้วตั้งครึ่งหนึ่ง ถูกเขาจับได้แล้ว ยังอยากจะหนีอีก?

“ที่ข้าพูดไม่ใช่วี่จือ?องค์ชายครั้งนี้ไปดงหัวเหยี้ยนเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?” โล่หวินหลานเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างหลักแหลม

นางรู้ดีว่าโม่ฉีหมิงจะต้อนถามเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ จนไม่มีที่สิ้นสุด จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

ในใจของโม่ฉีหมิงก็รู้อยู่แล้ว ว่าองค์หญิงเหอซื่อไม่เคยรู้จักกับวี่จือ แล้วจะรู้ได้ไงว่าเมื่อก่อนนางเป็นอย่างไร นางต้องเป็นโล่หวินหลานแน่ๆ

ในเมื่อตอนนี้นางยังไม่อยากพูด เขาก็ไม่อยากจะเปิดโปงนาง รอวันที่ความจริงเปิดเผยออกมาทั้งหมด

“อันนี้ให้เจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการ” โม่ฉีหมิงหยิบกล่องออกมา ใหญ่กว่ากล่องที่เวินอ๋องให้เล็กน้อย เนื้อกล่องนั้นสวยงามปราณีตเหมือนกัน

โล่หวินหลานไม่ต้องคิดก็รู้ว่าด้านในนั้นคืออะไร ไซ่ว่เยว่ที่ยืนดูแลอยู่ข้างๆนาง ตอนที่เย่เซียวหลัวต้องการดอกบัวจากภูเขาเทียน ไซ่เยว่ก็อยู่ข้างๆ ยังไงก็ตาม โม่ฉีหมิงก็ได้ยินที่พูดทั้งหมด

ไม่คิดว่าเขาจะให้ดอกบัวจากภูเขาเทียนเช่นกัน ตอนนี้รู้สึกว่ามันจะเกินความจำเป็น

แต่ว่าของล้ำค่าอย่างดอกบัวจากภูเขาเทียน ไม่ใช่ว่าเป็นของที่จะมีได้ทุกคน สองคนนี้ให้มาติดๆกัน เก็บเอาไว้วันหลังก็ได้ใช้

“นี่คืออะไร?” โล่หวินหลานแกล้งเป็นไม่รู้ แล้วหยิบกล่องมาดู

“ดอกบัวจากภูเขาเทียน” โม่ฉีหมิงรู้ดีว่าโล่หวินหลานฉลาดเฉลียว นางรู้ดีแต่ก็ยังแกล้งถามเขา เขาจึงตอบนางไปตามน้ำ

แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด โล่หวินหลานลูบกล่องที่อยู่ในอ้อมอกตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมามองโม่ฉีหมิง แล้วหยิบกล่องนั้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ

“นี่เป็นดอกบัวจากภูเขาเทียนที่เวินอ๋องให้ ทำไมเวินอ๋องถึงรู้ว่าข้าก็ต้องดอกบัวจากภูเขาเทียน?” โล่หวินหลานรู้ความเป็นมาของเรื่องแล้ว แต่นางก็ยังถาม

นางวางนิ้วไว้บนกล่อง แล้วพยักหน้าเบาๆ

สีหน้าโม่ฉีหมิงเรียบเฉย ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องที่ข้าอยากรู้ ยังไม่เคยไม่รู้”

โล่หวินหลานรู้ว่าเขามีความมั่นใจนี้ แต่ว่าตอนนี้สู้เมื่อก่อนไม่ได้แล้ว

“ท่านอ๋องนั้นมั่นใจ ก็จริง ท่านอ๋องมีผู้เป็นหูเป็นตาไปทั่วแผ่นดิน แค่ท่านอ๋องออกคำสั่ง พวกเขาก็จะเชื่อฟังทำตาม” โล่หวินหลานพูดชมเขาอย่างไร้ร่องรอย

อำนางของโม่ฉีหมิง แม้กระทั่งเวินอ๋องก็ยังเกรงกลัว หูตาของทั้งเมืองใช่ว่าไม่มี แต่ก็เหมือนที่โล่หวินหลานบอก เพียงแค่เขาออกคำสั่ง ทุกคนก็ยอมถวายชีวิตแก่เขา

แต่ที่เขาต้องการไม่ใช่พวกนั้น

ยิ่งมองไปที่อีกกล่องหนึ่ง ยิ่งรู้สึกบาดตา อันนั้นคืออันที่เวินอ๋องให้ แล้วทำไมมันต้องเหมือนกับที่เขาให้ด้วย

“โยนอันที่เขาให้ทิ้งไป” โม่ฉีหมิงจ้องไปกล่องใบนั้น แล้วหลุดปากพูดออกมา

มองแววตาของเขา แล้วรู้สึกว่าโรคของเขาเริ่มจะกำเริบ เมื่อก่อนเป็นแบบนี้ ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เขายังไม่เลิกนิสัยเผด็จการอีก

เมื่อก่อนพวกเขาทะเลากันด้วยเรื่องต่างๆ ทั้งสงครามเย็น ทั้งหนีออกจาบ้าน และยังมีอุปสรรคต่างๆที่ทำให้นางและเขาแยกจากกัน พวกเขาก็ผ่านมันมาได้

เดินทีคิดว่าปีกว่าๆนี้ คิดว่าจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับทำตัวเด็กกว่าเดิมอีก

โล่หวินหลานยิ้มเย็นๆ มองโม่ฉีหมิงอย่างเย็นชา “ท่านอ๋อง ครั้งนี้ข้าอาศัยชัยชนะตัวเองกลับมา ทำไมจ้องโยนทิ้ง? กลับกัน ดอกบัวจากภูเขาเทียนที่ท่านมอบให้ ข้าคงไม่กล้ารับไว้”

โล่หวินหลานแสดงอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการรับของของเขา นางก็ไม่อยากจะโยนของเวินอ๋องทิ้งเหมือนกัน และนางก็ไม่ต้องการรับของที่โม่ฉีหมิงมอบให้

“ที่เขาให้เจ้ารับไว้ไม่ได้ ทีแต่ของที่ข้าให้ เจ้าถึงรับมันไว้ได้ เชื่อฟัง แล้วโยนมันทิ้งไป” โม่ฉีหมิงไม่อยากเห็นของของชายอื่นต่อหน้าเขา ยิ่งเป็นผู้ชายที่จ้องจะงาบโล่หวินหลานยิ่งแล้วใหญ่

เมื่อก่อนเวินอ๋องต้องการจะแย่งโล่หวินหลานกับเขา ไม่คิดว่าผ่านไปแล้วเป็นปี แต่งกับเย่เซียวหลัวแล้ว โฉมหน้าของดล่หวินหลานก็เปลี่ยนไปแล้ว สายตาของเขายังคงเหมือนเดิม ชอบองค์หญิงเหอซื่ออีกครั้ง

“ท่านอ๋อง เหมือนเจ้าจะไม่มีสิทธิมาจำกัดว่าใครจะมอบของให้ข้าด้วย?”

“ข้าไม่มีสิทธิ แต่ว่า เจ้าจำไว้นะ ข้าจะหาวิธีให้ท่านพ่อให้ข้าอภิเษกกับเจ้าดังนั้นพวกข้าจะเป็นคู่กันในอนาคต ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ข้ารับไม่ได้ที่ผู้ชายคนอื่นจะมาให้ของเจ้า” เสียงของโม่ฉีหมิงเย็นชา

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อก่อนโล่หวินหลานเคยชินกับความเย็นชาของเขาแล้วนั้น ก็คงจะกลัวเขา

เขาไม่เคยเปลี่ยนจากเมื่อก่อน ยังคงเป็นคนที่เผด็จการเหมือนเดิม โล่หวินหลานรู้สึกประทับใจ

“คนที่ข้าเลือกนั้นไม่ได้มีแค่ท่านอ๋อง ถ้าหากเราร่วมมือกันไม่โอเค ก็ไม่ต้องก็ได้” นัยน์ตาของโล่หวินหลานทอประกาย แล้วก็สงบลง เมื่อพูดประโยคนี้ สายตาได้แต่มองลงไปที่พื้น

นางยอมรับว่าตอนที่พูดนั้น แอบรู้สึกไม่มั่นใจ

ที่นางมาที่แคว้นโม่ฉีก็เพื่อที่จะอภิเษกกับโม่ฉีหมิง แล้วค่อยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ทำไมนางจะไม่ยอมร่วมมือ?

เส้นเลือดบนหน้าผากโม่ฉีหมิงปูดขึ้น แววตาที่เย็นชานั้นกลับเย็นชามากขึ้น คิ้วกดลงต่ำ เขาดูโกรธมาก

“เจ้าพูดอะไรนะ? พูดอีกครั้งซิ?” เสียงของเขาแหบพร่า มือของเขากำที่ชายเสื้อแน่น

เสียงนั้นเมื่อพูดออกมาผ่านอากาศยิ่งดูแหบลงไปอีก ที่ได้ยินนั้นเป้นเพียงสิ่งไม่อยากเชื่อและความโกรธ

เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา

มองดูท่าทางโมโหของเขา โล่หวินหลานจึงไม่พูดอะไรต่อ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาสนใจนางมาก โกรธมาก นางยังคงพูดเช่นนั้น เขาไม่โกรธถึงจะแปลก

“ไม่มีอะไร ท่านอ๋อง ข้าขอตัวก่อน เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิด” โล่หวินหลานมองดูท้องฟ้าด้านนอก แล้วพูดเตือน

ตอนนี้ใครๆก้รู้ว่าดงหัวเยี้ยนของนางนั้น ที่ไม่สามารถเข้ามาได้เลยก็คือองค์ชายองค์ต่างๆ โม่ฉีหมิงเดินเข้ามาอย่างไม่สนสายตาคนอื่น คงจะกลายเป็นที่ซุบซิบนินทา

ถือโอกาสที่ช้ายังไม่มืด รีบไล่ให้โม่ฉีหมิงไป จึงจะไม่ตกเป็นขึ้ปากใคร

“องค์หญิง อย่าเปลี่ยนเรื่อง ยังไม่มืดเสียหน่อย อย่าลืมล่ะ พวกข้าสองคนเคยมีสัญญากัน อย่าเอาแต่พูดว่าไม่ร่วมมือ ถ้าไม่งั้น จะทำให้คนเข้าใจผิดง่ายๆ” โม่ฉีหมิงมองท้องฟ้าด้านนอก ที่ขอบฟ้ายังคงมีแสงประกายอยู่อ่อนๆ แสดงถึงพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน

แต่ว่าฤดูหนาวท้องฟ้ามืดเร็ว ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ท้องฟ้าด้านนอกนั้นมืดลงแล้ว

เพื่อไม่เป็นการลำบากโล่หวินหลาน โม่ฉีหมิงจึงขอตัวไปก่อน

บนโต๊ะมีดอกบัวจากภูเขาเทียนสองอันที่วางอยู่ดังดิม

โล่หวินหลานพลันเข้าใจขึ้นมา

เมื่อก่อน เขาไม่พอใจที่นางเข้าใกล้ผู้อื่น ชอบคาดโทษที่นางไปคุยกับคนอื่น แต่ว่าตอนนี้ เขาก็แค่พูดขึ้น แต่กลับไม่ได้ทำอะไร

ดูท่า เขาโตขึ้นมาไม่น้อยเลย

โล่หวินหลานมองดอกบัวจากภูเขาเทียนบนโต๊ะอย่างชื่นใจ แล้วหยิบอันที่เวินอ๋องให้เก็บไว้บนชั้น

และหยิบอันที่โม่ฉีหมิงให้ ไปปรุงยาในห้องครัว

เมื่อมีดอกบัวจากภูเขาเทียนแล้ว ก็จะช่วยรักษาหมิงซีได้

ห้องครัวเล็กในห้องดงหัวเยี้ยนมีน้อยคนนักที่จะมา นอกจากพ่อครัวที่ประจำอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีคนอื่นเข้าออก

จึงดูเงียบเหงา สะอาดสะอ้าน

“ช่วงนี้องค์หญิงเรียนทำอาหารมาหลายชนิดแล้ว วันนี้อยากจะลองทำ พวกนางออกไปก่อนเถอะ ไม่ต้องรออยู่ตรงนี้” ไซ่เยว่พูดพลางในห้องครัวอันวุ่นวาย

“ค่ะ” เชฟพวกนั้นมองเห็นโล่หวินหลานที่อยู่ด้านนอก จึงรีบวางของลง แล้วจึงออกไป

“องค์หญิง คนอื่นไปกันหมดแล้ว ท่านอยากจะทำยาอะไรก็ทำเหอะ เดี๋ยวข้าจะเฝ้าไว้ให้เอง” ไซ่เยว่พูดจบ แล้วก็เดินหมุนตัวออกไป

ในห้องครัวสะอาดสะอ้าน แต่เมื่อกี้ที่วุ่นวายนั้นทำให้ห้องรก โล่หวินหลานรื้อของในห้องครัวอยู่นาน จึงหาสากหินเจอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก