ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 265

ตอนที่ 265 อยากจะใกล้ชิด

ตอนนี้ดูท่า จื๋อเอ่อได้ปลดปล่อยแล้ว

โล่หวินหลานได้นึกถึงเรื่องที่เขาทำกับนางวันนั้น ดูท่าการที่เขาปราณีปราณอมแก่โล่หวินหลานนั้น จะไม่ได้ช่วยอะไร

“แม่ทัพที่ท่านพูดนั้นเรื่องจริงหรือ? ตอนนั้น ตอนที่ข้าเพิ่งเจอ ท่านไม่ได้เป็นแบบนี้” โล่หวินหลานขมวดคิ้ว

นึกย้อนไปตอนแรกที่พวกเขาเจอกัน จื๋อเอ่อท่าทีเก้งก้างทำไรไม่ถูก ตอนนั้นเขาคิดว่าโล่หวินหลานคืออาลั่วหลัน อยากจะทำเรื่องไม่ดีกับนาง ตอนนี้กลับมาคิดดู ทำผิดไปแล้วจริงๆ

“องค์หญิง เรื่องตอนนั้นขออย่าได้พูดถึงอีก เป็นที่ข้าหน้ามืดตามัวเองในตอนนั้น ใครจะรู้ ว่าท่านจะเป็นหญิงที่มีแผนการและความกล้าเช่นนี้ นับถือจริงๆ” นี่เป็นครั้งแรกที่จื๋อเอ่อสยบแทบเท้าหญิงสาว ทำให้เขาตกใจเหมือนกัน

“ข้าขอบคุณตอนนั้นมาก ถ้าหากแม่ทัพไม่เข้ามา ข้ายังไม่รู้จะหาเหตุผลไหนเข้ามา และไม่รู้จะทำเรื่องที่ข้าหวังได้อย่างไร” โล่หวินหลานนึกถึงเรื่องราวในตอนนั้น ว่ามันช่างเป็นช่วงเวลาที่ดี

ตอนนั้นยังไม่ได้เข้ามาในวัง ไม่มีเรื่องเยอะขนาดนี้ แต่หลังจากเข้าวังแล้วนั้น เจอคนที่ตัวเองอยากเจอ ช่างคุ้มค่าจริงๆ

“ชีวิตนอกวังนั้นอิสระเสรี ไม่มีคนมาปองร้าย ทั้งๆที่นางสามารถมีชีวิตอยู่นอกวังได้ ทำไมถึงอยากจะเข้ามาอยู่ในวัง?” ปัญหานี้รังควานใจของจื๋อเอ่ออยู่นาน เขาไม่รู้ว่าคนที่โล่หวินหลานเฝ้าคอยนั้นเป็นใคร

ในวัง มีองค์ชายหลายคนเข้าหานางในระยะที่พอดี แต่นางเองที่ไม่ยอมเข้าใกล้พวกเขา ถ้าหากคนที่นางต้องการนั้นเป็นหนึ่งในบรรดาองค์ชาย มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

ในที่สุดเขาก็ถามมันออกมา โล่หวินหลานรู้ว่าเขาอยากถามเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่วันที่นางเข้ามาในวัง เขาอยากถามมาตลอด แต่ยังหาเหตุผลและเวลาที่สมควรไม่ได้

“ท่านแม่ทัพ นั้นเป็นสิ่งที่ข้าปรารถนาอยู่ในใจ นางคงดูไม่ออก ว่าที่ข้าเข้าวังมานั้น เพราะต้องการจะคลายข้อข้องใจในหนึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าอาจจะเข้าใจ หรืออาจจะไม่เข้าใจ” โล่หวินหลานตอบด้วยความจริงใจ

จื๋อเอ่อเป็นคนฉลาด เขาจะเข้าใจความหมายที่นางสื่อเอง และจะไม่ถามต่อ

ทุกคนล้วนมีความลับในใจ และยอมที่จะเก็บมันเอาไว้ในใจ

“ในเมื่อองค์หญิงกล่าวเช่นนี้แล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรที่ต้องการจะถามอีก ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเรื่องงานอภิเษก ฮ่องเต้เจียเฉิงมีลูกชายสิบคน หลัวอ๋ององค์เล็กสุดก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว นอกเสียจากองค์ชายสี่ที่พระชายาสิ้นพระชนม์ ไม่ว่าจะเป็นคนไหนก็ตาม ก็เป็นได้เพียงสนม แต่ว่า ท่านเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นเซิ่งโจว จะเป็นสนมได้อย่างไร?” จื๋อเอ่อครุ่นคิดปัญหาที่สงสัยมานาน ก่อนหน้านี้เขาก็เคยปรึกษากับฮ่องเต้เซิ่งโจวมาก่อนแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ก็หาคำตอบไม่ได้

จนมาวันนี้ คงจะให้นางอภิเษกเป็นสนมในฐานะองค์หญิงไม่ได้

ที่จื๋อเอ่อพูดมาก็ถูก ลูกชายของฮ่องเต้เจียเฉิงต่างอภิเษกกันหมดแล้ว ถ้าหากจุดประสงค์ของฮ่องเต้เมืองเซิ่งโจวคือการให้นางเป็นสนมล่ะ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

ถ้าเขาต้องการให้องค์หญิงเหอซื่อเป็นพระชายาละก็ งั้นเขาก็คิดผิด?

“องค์ชายสี่ไม่ลองก็คงไม่รู้ อย่างที่นางบอก ว่าองค์ชายท่านอื่นก็มีชายากันหมดแล้ว ข้าก็เป็นได้แค่สนม ไม่สมกับฐานะ” โล่หวินหลานยกมุมปากขึ้นยิ้ม

ริมฝีปากสีอ่อนนั้นน ยิ้มขึ้นมายิ่งทำให้ดูน่าค้นหายิ่งขึ้น

ราวกับวางแผนมาแล้วอย่างดี

จื๋อเอ๋อมองความคิดนางไม่ออก

“แต่ว่าหมิงอ๋องไม่ใช่คนโปรดของฮ่องเต้ ในใจของฮ่องเต้เขาก็สำคัญเหมือนคนอื่นทั่วไป และหมิงอ๋องยังเป็นคนบึ้งตึง เย็นชาราวกับน้ำแข็ง มีแต่สมอง เจ้าคิดว่าเขาจะให้นางเป็นชายาหรือ?” จื๋อเอ๋อพูดอย่างทนเก็บไว้ไม่ไหว

โม่ฉีหมิงนั้นสำรวจมาเรียบร้อยแล้ว เรื่องเมื่อก่อนนั้นไม่ต้องพูดถึง หลังจากที่ร่างกายและโฉมหน้ารักษาจนหายแล้วนั้น เขาก็เป็นองค์ชายที่รูปงามราวกับหยก บุคลิกและออร่าเปร่งประกาย ไม่แย่กว่าองค์ชายองค์อื่นเลย

เพียงแต่ จื๋อเอ๋อมีความหลังที่ไม่ดีกับเขา

“ข้ามีวิธี ขอให้แม่ทัพจื๋อเอ๋อไม่ต้องกังวลไป ข้าคาดว่าอีกไม่กี่วัน ฮ่องเต้เจียเฉิงจะเรียกข้าเข้าพบ ให้ข้าได้เลือกองค์ชาย องค์ชายนั้นจะเลือกใครก็ได้ เพียงแต่ ในใจเขาก็หวังให้เป็นหมิงอ๋อง ครั้งก็คงจะไม่ต่างกัน” โล่หวินหลานครุ่นคิด แล้วค่อยๆพูดออกมา

เพียงแค่หมิงอ๋องตกลง และนางก็สนใจหมิงอ๋องอยู่แล้ว คิดว่าฮ่องเต้เจียเฉิงน่าจะยินดี

“ขอแค่เจ้าคิดให้ดีๆ ก็พอแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ยังอยู่เคียงข้างเจ้าไม่เปลี่ยนใจ ต่อให้ในอนาคตข้าต้องกลับเซิ่งโจวไป ข้าก็จะไม่ลืมว่าเคยร่วมมือกับเจ้า” จื๋อเอ๋อเป็นทหารติดอาวุธ รู้เพียงไม่มาก รู้แค่คำว่า ซื่อสัตย์ คำเดียวเท่านั้น

โล่หวินหลานพยักหน้า เหมือนตอนนี้ลมพายุมีท่าทีจะหยุดลง หิมะที่ตกหนักเมื่อกี้กลายเป็นหิมะเบาๆ ออกไปตอนนี้ คงจะไม่เปียก

“แม่ทัพ ข้างนอกหิมะหยุดแล้ว พวกข้าไปกัน” โล่หวินหลานเปิดผ้าม่านออก ลมหนาวค่อยๆพัดมาปะทะหน้า

ข้างนอกไม่มีหญิงรับใช้อยู่แม้แต่คนเดียว จื๋อเอ๋อมองโล่หวินหลานอย่างสงสัย “องค์หญิง หญิงรับใช้ของท่านไปไหนหมด?”

ทำไมไม่รอท่านอยู่ที่หน้าประตู ออกไปเดินมั่ว?

โล่หวินหลานตอบ “ไม่มีหญิงรับใช้ติดตามข้าออกมา ตอนออกมานั้นมีธุระแค่เล็กน้อย ไม่คิดว่าจะเจอลมหิมะที่ใหญ่ขนาดนี้ ทำให้ข้าเดินต่อไม่ได้ โชคดีที่เจอแม่ทัพ ไม่อย่างนั้นคงจะเบื่อแย่เลย”

“หิมะข้างนอกหยุดแล้ว แต่พื้นหิมะนั้นทำให้เดินลำบาก จะล้มได้ง่าย ข้าไปส่งเจ้าดีกว่า” จื๋อเอ๋อพูดแล้วเดินมาที่ด้านหลังของโล่หวินหลาน

“งั้นต้องรบกวนท่านแม่ทัพด้วย” โล่หวินหลานค่อยๆเดินท่ามกลางหิมะ มีเสียงน้ำแฉะทุกย่างก้าว ราวกับเต้นรำอยู่กลางหิมะ

โล่หวินหลานเกรงใจจนเคยชิน แต่จื๋อเอ๋อนั้นไม่ชิน

เมื่อก่อนที่เขาดูแลอาลั่วหลัน นางนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดี คอยเอาแต่อาระวาดทุกเรื่อง แต่โล่หวินหลานนั้นสงบเสงี่ยม ฉลาดหลักแหลม ไม่ทำอะไรให้เขาต้องกังวล แต่เขากลับรู้สึกแย่

ทั้งสองคนอยู่บนระหว่างทางที่จะเดินกลับดงหัวเยี้ยน นอกจากเสียงที่พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นอีก และพวกเขาเดินเบาจนไม่มีเสียง ราวกับไม่มีความเคลื่อนไหวบนพื้นหิมะ

ขณะที่โล่หวินหลานกำลังเดิน ก็มีมือใหญ่ๆมาลากนางไป คนนี้ไม่ใช่จื๋อเอ๋อแน่นอน เขาไม่กล้าทำกับนางเช่นนี้

แต่มีเพียงพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน หรือว่าจะเป็น…

ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ทำให้นางวางใจ เป็นคนที่เมื่อกี้พูดถึงอยู่ แต่ตอนนี้เขามาปรากฎตัวต่อหน้า แทบไม่อยากจะเชื่อ

“ทำไมเดินไม่ระวังอย่างนี้? มานี่” มือใหญ่ของโม่ฉีหมิงจับมาที่แขนนาง ไม่ให้นางห่างจากกายแม้ครึ่งก้าว

แววตาที่ไม่ได้สาใจจื๋อเอ๋อ เขาดึงโล่หวินหลานมากอดไว้ต่อหน้าจื๋อเอ๋อ

“หมิงอ๋องที่นี่คือดงหัวเยี้ยน ขอให้ท่านปล่อยมือ” โล่หวินหลานดิ้นอยู่ในอ้อมแขนเขา นางรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเล็กน้อย

“ทำไมข้าต้องปล่อย? เมื่อกี้องค์หญิงเกือบจะล้มลงกับพื้น ข้ายื่นมือไปพยุงแล้วยังจะมีปัญหา?” สีหน้าของโม่ฉัมู่ดูแย่ลง

ผู้หญิงคนนี้!

เมื่อกี้เขาเห็นว่านางจะล้มจริงๆ อยากจะพยุงนางขึ้นมา ให้เดินดีๆ

แต่ว่าในตอนนี้ คาดว่าน่าจะไม่ต้องพูดถึงแล้วทั้งสองคนเถียงกันอยู่ตรงนี้จะช่วยอะไร?

“งั้นข้าก็ขอบคุณหมิงอ๋องเป็นอย่างสูง” โล่หวินหลานปรับอารมณ์ให้สงบลง

ผลประโยชน์ของทั้งสองคือความสัมพันธ์ของพวกเขา ดูแลตัวเองนั้นเป็นหน้าที่ของโม่ฉีหมิง แต่ว่าการปรากฎตัวของเขาทำให้โล่หวินหลานใจเต้นแรง

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ที่ที่มีนาง ก็ต้องมีโม่ฉีหมิง หรือโม่ฉีหมิงนั้นตามอยู่ด้านหลังนางอยู่ตลอด หรือเขาส่งคนสะกดรอยตามโล่หวินหลาน ทุกอย่างถึงอยู่ภายใต้การควบคุมเช่นนี้

ไม่เป็นไร ที่ข้ามานั้นมีธุระจะคุยกับองค์หญิง ไม่รู้ว่าท่านแม้ทัพจะหลบไปก่อนได้ไหม ข้ามีธุระจะคุยกับองค์หญิง” โม่ฉีหมิงหาเรื่องจื๋อเอ๋อ บนใบหน้าที่เย็นชาของเขาเปื้อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่

เมื่อกี้ที่เขาเดินมาจากด้านหลัง เห็นทั้งสองคนพอดี คนหนึ่งใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม อีกคนใส่สีขาว ร่างใหญ่หนึ่ง และเล็กอีกหนึ่ง ช่างเหมาะสมกันเสียจริง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขารู้สึกอึดอัดในใจจนอยากจะอ้วกออกมา

จนมาถึงเมื่อครู่ ตอนที่เขาจับแขนโล่หวินหลานไว้แน่น เขาถึงรู้สึกว่าโล่หวินหลานนั้นอยู่ข้างกายเขาจริงๆ

“หมิงอ๋องมีอะไรก็พูดมาเถอะ ท่านเป็นท่านอ๋องและยังเป็นองค์ชาย และพวกข้าก็เป็นผู้เจริญสัมพันธไมตรีจากแคว้นโม่ฉี คงไม่ต้องลำบากให้ท่านมาเยี่ยมเยียน” จื๋อเอ๋อตอบอย่างไม่ยอม

ทุกครั้งที่เห็นท่าทางสั่งคนของโม่ฉีหมิง เขาก็โมโหจนอยากจะพุ่งออกไป ไม่รู้ว่าทำไม

ใบหน้ายิ้มแย้มของโม่ฉีหมิงผ่อนคลายลง เขาใช้แววตาคมๆนั้นมองมาที่จื๋อเอ๋อ ท่าทางเย็นชาเช่นนี้ ตั้งแต่ที่เจอโล่หวินหลาน เขาก็เป็นน้อยลง

“แม่ทัพจื๋อเอ๋อ วันนี้ข้าตั้งใจมาหาองค์หญิงโดยเฉพาะ ถ้าหากไม่สะดวกก็คงไม่มา ถ้าหากท่านมีธุระ ก็ไปก่อนได้เลย ข้ามีเรื่องจะคุยกับองค์หญิงเพียงลำพัง” โม่ฉีหมิงพูดเสียงลอดจากไรฟัน ถ้าหากจื๋อเอ๋อไม่ไป เขาอาจจะโกรธจนทนไม่ไหว

ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่โล่หวินหลานเปิดเผยคนในใจออกมา จื๋อเอ๋อก็ยิ่งคิดร้ายต่อโม่ฉีหมิง แค่ได้เจอเขา ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาเรื่อง

“จื๋อเอ๋อ ข้ามีเรื่องจะคุยกับหมิงอ๋องเสียหน่อย เจ้าไปกลับก่อน” โล่หวินหลานไม่รู้ว่าที่จื๋อเอ๋อทำตัวไม่ปกตินั้นเป็นเพราะอะไร อย่างน้อยเขาก็ยังฟังที่นางพูด

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ไม่ธรรมดา

“งั้นพวกท่านพูดคุยกันก่อน ข้าน้อยขอลา” จื๋อเอ๋อไม่ได้พยายามต่อไป เขาโค้งคำนับ แล้วจากไป

สักพัก ในดงหัวเยี้ยนก็เหลือเพียงแค่สองคน สีหน้าโม่ฉีหมิงไม่ค่อยดีนัก นัยน์ตาเฉียบแหลมนั้นมองมาทางโล่หวินหลาน ราวกับกำลังอดกลั้น

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาคุยกัน พวกข้าเข้าไปในบ้านดีกว่า” โล่หวินหลานชี้ปไปที่เรือนทางซ้าย แล้วเดินไป

ดงหัวเยี้ยนถึงแม้ว่าจะใหญ่ แต่กลับดูไม่มีสีสัน ทั้งสองเดินเข้าไปตรงสะพานข้ามธารน้ำนั้น แต่กลับรู้สึกว่าเสน่ห์ของมันที่เคยมีอยู่ ถูกหิมะกลบไปจนหมด ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนเดิม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก