ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 266

ตอนที่ 266 พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา

ตลอดทางนั้นสีหน้าชองโม่ฉีหมิงไม่ดีนัก แต่หลังจากที่จื๋อเอ๋อไปแล้ว สีหน้าของเขาค่อยรู้สึกสบายขึ้น

ไม่ง่ายกว่าจะได้เข้ามาในวัง หลบหนีผู้คนมาที่ดงหัวเยี้ยน เพื่อที่จะได้เจอนาง เล่าความคิดของเขาให้นางฟัง

แต่ว่า เมื่อพบหน้าเขาก้รู้สึกผิดหวัง นางใกล้ชิดกับจื๋อเอ๋อมาก ทั้งสองคนเดินหัวเราะคิกดักกันท่ามกลางหิมะ ราวกับดูไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าใกล้ แต่นั่นมันเสียดแทงหัวใจเขาเป็นอย่างมาก

“ทำไมวันนี้ท่านถึงมาล่ะ?” โล่หวินหลานให้ไซเยว่รินชาให้เขา แล้วตัวเองก็ไปนั่งตรงข้ามเขา

โม่ฉีหมิงโบกมือเป็นเชิงให้ไซ่เยว่ออกไปก่อน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะพูดอะไรกับโล่หวินหลาน มองไปรอบๆแล้วจึงถามขึ้น “ที่นี่ค่อนข้างโปร่งโล่ง ทำไมนางในวังมาดูแลที่น้อยอย่างนี้?”

ดงหัวเยี้ยนเป็นที่ที่ฮ่องเต้มองให้เป็นที่พักเอง นางในวังและทหารดูแลก็มากมาย ยิ่งช่วงนี้ฮ่องเต้เจียเฉิงเอ็นดูนางมากขึ้น นางในวังจะน้อยลงได้อย่างไร

มีแต่นางรับใช้ที่ถูกนางส่งไปจัดการเรื่องต่างๆ ในนี้จึงเหลือแต่คนที่โม่ฉีหมิงจัดให้ดูแลนางเท่านั้น

“ข้าว่านางรับใช้ไม่กี่คนที่มาใหม่ก็ใช้ได้อยู่ จึงเก็บพวกนางเอาไว้ พวกนางรับใช้ด้านหน้าข้าสั่งให้ไปทำเรื่องอื่นหมดแล้ว”

โล่หวินหลานทำเป็นไม่รู้เรื่องราว ไซ่เยว่ที่คอยรับใช้อยู่ด้านนอก เมื่อครู่ที่ทั้งสองเผชิญหน้ากันนั้น ก็ไม่ได้ส่งสายตาอะไร

เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ สีหน้าของโม่ฉีหมิงก็ดีขึ้น นางรับใช้ที่มาใหม่นั้นเป็นคนที่เขาส่งจากเรือนเข้ามาในวังเอง ก็ต้องดีกว่านางในวังเป็นธรรมดา

“มีคนดูแลมากขึ้นก็ดีแล้ว ถ้าหากในวังเจ้าขาดคน พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนในเรือนมา จะได้ตัดโอกาสคนอื่นเสียสิ้น”

ทั้งๆที่ส่งคนมาแล้ว ถ้ายังส่งมาอีก แล้วโล่หวินหลานรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ จะไม่เชื่อในตัวเขาหรือเปล่า?

แต่โล่หวินหลานคิดต่างจากเขา นางรีบส่ายหัว “ไม่ต้องแล้ว แนอยู่คนเดียวไม่ต้องการคนดูแลมากมายอะไร ไม่อยากรบกวนท่านอ๋องแล้ว”

“ถ้านางไม่ต้องการ ก็ไม่เป็นไร ข้าว่านางในวังก็ดูไม่มีอะไร ให้หาคนสนิทเอาไว้ข้างกายดีกว่า” โม่ฉีหมิงค่อยๆจิบชาอย่างไม่ได้ใส่ใจ

โล่หวินหลานพยักหน้าแล้วจึงตอบ “ที่ท่านอ๋องมานี่คิดแผนการที่จะต่อรองกับข้ามาอย่างดีแล้วใช่ไหม?”

ไม่กี่วันมานี้ ได้ข่าวคราวตลอด โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมพิธีอภิเษก คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องต่างรู้สึกว่าสำคัญมาก และคนในวังยิ่งต้องตั้งใจมากขึ้น

สีหน้าของฮ่องเต้เรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไร แสดงถึงต้องการจะครุ่นคิดอย่างดีอีกครั้ง แต่ว่าจดหมายของแคว้นเซิ่งโจวนั้น ทำให้เขาหยุดความคิด ต้องรีบจัดงานอภิเษกและเลือกองค์ชายที่จะอภิเษกด้วยอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น เรื่องการอภิเษกนั้นจึงจัดขึ้นอย่างรีบร้อนมาก

“ช่วงนี้ท่านพ่อเรียกเหล่าองค์ชายเข้าวังทุกวัน แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องอภิเษก คงจะทดสอบความอดทนของพวกข้า” โม่ฉีหมิงเดาความคิดของฮ่องเต้เจียเฉิง แต่ก็ยังไม่เข้าใจนัก

ตามที่จริง ควรจะเลือกให้เรียบร้อยเสียแต่ตอนนี้

ฮ่องเต้เจียเฉิงนั้น นืสัยขี้สงสัย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นถึงเจ้าแห่งแคว้น สงสัยมากนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่พูดถึงเขาเป็นคนฉลาด ไม่สามารถคาดเดาได้ ถึงเดาก็ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่

“ทดลองความอดทนในตัวพวกเจ้า? องค์ชายจะอภิเษกก็ดูที่ชาติตระกูล มารยาท และการศึกษา แต่นี่เป็นการอภิเษกทางการเมือง พวกนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป แค่ฮ่องเต้เจียเฉิงเลือกคนที่เหมาะสมออกมา ทำไมจะต้องมีพิธีการมากมาย?” โล่หวินหลานคิดแล้วคิดอีก แต่ก็ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของฮ่องเต้เจียเฉิง

“ความคิดของท่านพ่อนั้นยากที่จะคาดเดา ไม่ว่าในใจเขาคิดอย่างไร มีคนเลือกเอาไว้ในใจอยู่แล้วหรือไม่ พวกข้าก็ต้องชิงลงมือก่อนเสียดีกว่า” แววตาของโม่ฉีหมิงเย็นชา เขารอไม่ไหวแล้ว

เขาไม่สามารถรอต่อไปได้แล้ว รอนานกว่านี้หนึ่งวัน ก็ราวกับเขารอไปเรื่อยๆเป็นวงกลม

“ลงมือก่อนดีกว่า? ท่านอ๋องอยากจะทำอะไร?” โล่หวินหลานหันมามอง กลัวว่าต่อให้พวกเขาวางแผนดีขนาดไหน ก็ต้องยอมต่อคำสั่งของฮ่องเต้

โม่ฉีหมิงเอามือไขว้หลัง แล้วเดินไปมาในห้อง “ความคิดของท่านพ่อนั้นยากจะคาดเดา จะเลือกองค์ชาคนหนึ่งออกมา ก็เลือกข้าเป็นอันดับแรก องค์ชายคนอื่นต่างมีชายากันหมดแล้ว ถึงแม้ว่าเซิ่งโจวจะไม่ได้ต้องการให้เจ้าเป็นชายา แต่ท่านพ่อคงไม่มีทางให้เจ้าเป็นนางสนมแน่ เจ้าเป็นถึงองค์หญิง อภิเษกนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่จะเกี่ยวข้องกับเจ้า ท่านพ่อต้องถามความเห็นเจ้า ตอนนั้นเจ้าแค่บอกว่าขอเวลาไม่กี่วันก้พอแล้ว”

โม่ฉีหมิงเล่าเรื่องราวได้อย่างมีหลักการ มีเหตุผลชัดเจน

“ท่านอ๋อง ที่ท่านพูดมาก็จริง แต่ท้ายที่สุดอำนาจก็อยู่ในมือฮ่องเต้ แต่ว่าข้ายังคงเป็นปัจจัยหลักของเรื่องนี้ แต่ว่าทำไมท่านถึงรู้ว่าฮ่องเต้จะให้เวลาข้า?” โล่หวินหลานเป็นเพียงองค์หญิงจากแคว้นของศัตรู ทำไมถึงมีเสน่ห์ดึงดูดองค์ชายเช่นนี้

“นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เรื่องราวความเป็นมายังคงต้องทำให้ชัดเจน ท่านพ่อไม่ยอมให้เจ้าอภิเษกกับใครง่ายๆแน่ๆ แต่ว่า ถึงแม้ท่านพ่อเสนอ แต่เจ้าก็ควรจะขอเวลามาคิดเสียหน่อย” โม่ฉีหมิงพุดเสียงเบา

ถอนหายใจออกมาเบาๆ ลมหิมะด้านนอกยังคงพัดอยู่ โล่หวินหลานมองไหล่กว้างๆนั้น แล้วนึกถึงคำที่เมื่อก่อนเขาเคยพูดไว้

“ขอคิดดูก่อน? ถ้าหากเรื่องมาถึงจุดจบแล้ว คิดมากไปก็ไม่ช่วยอะไร ท่านอ่องอยากใช้เวลาช่วงนั้นมาทำอะไร?” แววตาคมคิ้วอันสวยงามของโล่หวินหลานทำให้คนประทับใจ งดงามจริงๆ

โฉมหน้าของนางเปลี่ยนไป ร่างกายเปลี่ยนไป แต่ใจนางไม่เคยเปลี่ยน นางยังคงเป็นนางในเมื่อก่อน

โม่ฉีหมิงเคยไม่อยู่กับหญิงใดแล้วมีความสุขเท่านี้มาก่อน อาจเป็นเพราะค้นพบความรู้สึกเดียวกับเมื่อก่อน

“แค่มีเวลา ก็จะหาวิธีได้ เจ้าแค่ยืดเวลาจากท่านพ่อให้ได้มากที่สุด ข้าก็จะมีโอกาสบอกให้ท่านพ่อ ให้ข้าอภิเษกกับเจ้า” โม่ฉีหมิงพูดด้วยความจริงใจ แล้วยิ้มบางๆที่มุมปาก

ผ่านไปไม่กี่วัน ก็สามารถทำให้ฮ่องเต้เจียเฉิงเปลี่ยนความคิดได้

จะว่าไป โม่ฉีหมิงก็ไม่ได้บอกว่าแผนการคืออะไร ไม่รู้ว่าแผนของเขาจะได้ผลจริงหรือไม่

“ท่านอ๋อง เรื่องแผนการของท่านคืออะไร? มีหลักมีฐานข้าถึงจะวางใจหน่อย” โล่หวินหลานลองถาม

แต่ว่าโม่ฉีหมิงไม่ต้องการจะบอก เรื่องนี้อยู่ในมือเขา ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร พวกเขาก็สนแต่ผลลัพธ์

“เรื่องนี้ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะรู้เอง” โม่ฉีหมิงอดไม่ได้ที่จะทิ้งไว้เป็นปริศนา

โล่หวินหลานเชื่อเขา ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ยังไงฮ่องเต้ก็ต้องสั่งการมา กลัวว่าคิดมากแล้ว ตอนที่ทำนั้นจะยากกว่า

โม่ฉีหมิงนึกถึงเรื่องที่ฉินหยิ่นมารายงานก่อนหน้านี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา

ครั้งนี้ที่เข้าวัง ก็เพื่อที่จะถามความเป็นไปของเรื่องนี้

“องค์หญิง ช่วงนี้เจ้าได้เจอกับเวินอ๋องใช่ไหม แถมยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอีก?” มือที่อยู่ในชุดของโม่ฉีหมิงกำแน่นขึ้น แววตานั้นเย็นชากว่าปกติ

โล่หวินหลานที่ถือแก้วน้ำอยู่ในมืออึ้งไป ไม่รู้ว่าทำไมอยู่เขาถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา นางเจอกับเวินอ่องเพียงไม่กี่ครั้ง หากไม่ใช่เพราะ...

“ท่านอ๋องทำไมถึงถามเรื่องนี้?” นางดื่มน้ำกลบเกลื่อนความผิด

โม่ฉีหมิงไม่ได้มองนาง พลางพูดขึ้นทีละคำอย่างชัดเจน “จากที่ข้ารู้มา เวินอ๋องก็กำลังมีแผนการ เหมือนเขาก็อยากจะอภิเษกกับเจ้า จึงมาถาม”

เป็นไปตามที่คิด ไม่รู้ว่าเวินอ๋องทำอะไรลงไปอีก ทั้งๆที่บอกกับเขาชัดเจน แล้วยังจะแอบดำเนินแผลการเงียบๆเพื่ออะไรกัน?

ครั้งนี้ถูกโม่ฉีหมิงต้อนถาม นางก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมาตอบ

“ข้าเคยเจอเขาไม่กี่ครั้ง ตอนที่อยู่สนามล่ากำลังพนันกับพระชายาเวิน ดอกบัวจากภูเขาเทียนนั้นเขาก็เอามาให้เองกับมือ นอกจากนี้ ก้ไม่ได้เจอโดยลำพังอีกเลย” โล่หวินหลานบอกตามความจริง ถึงจะปิดบังบางเรื่อง แต่รวมๆแล้วก็ประมาณนี้

ทั้งที่พวกเขาทั้งสองตัดสินใจแล้ว ว่าจะเดินต่อไปด้วยกัน ก็ควรจะจริงใจต่อกัน โล่หวินหลานไม่เคยคิดจะปิดบังเขา และไม่อยากให้เขาปิดบังนางเช่นกัน

โม่ฉีหมิงที่ใส่ชุดราชวงศ์สีเทาอยู่นั้น มองดูอาจจะไม่ดุดัน เฉียบแหลมแบบปกติ แต่ก็มีความรู้สึกนิ่งๆราวกับน้ำไหลยังคงสง่างามมีราศีดังเดิม

เขาหัวเราะเบาๆ “ข้าเชื่อองค์หญิง แค่ถามเฉยๆเท่านั้นเอง ในเมื่อองค์หญิงตอบอย่างจริงใจ ข้าก็จะไม่ถามต่อ ระหว่างเจ้าและข้า ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เดี๋ยวก็เป็นสามีภรรยากันในอนาคต หวังเพียงแค่องค์หญิงจะลงเรือลำเดียวกับข้า”

ความหวังที่เรียบง่ายเช่นนี้ เขาไม่เคยร้องขอ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าโล่หวินหลาน เขาก็ไม่รู้จะเก็บมันไว้อย่างไร

หลายเรื่องที่รอนางยอมรับจากปากนางเอง เขาถึงจะเชื่อ

“ข้าคิดแบบเดียวกับท่านอ๋อง” โล่หวินหลานพยักสาย สายตาของนางมุ่งมั่น

บังเอิญที่เวลานี้ ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสองเงียบไปสักพัก ไซ่เยว่เดินถือขนมถั่วเขียวต้มเข้ามา

“องค์หญิง ท่านอ๋อง นี่เป็นขนมถั่วเขียวที่ในครัวทำไว้เรียบร้อย พ่อครัวใหญ่บอกว่า ต้องรีบทานตอนร้อนๆ ข้าจึงรีบยกมาให้” ไซ่เยว่รีบยกชามไปวางไว้ที่โต๊ะตรงหน้าโล่หวินหลาน

ชามลายครามวางไว้อย่างพอดี ขนมถั่วเขียวก็จัดเรียงไว้อย่างประณีต ยังมีควันอ่อนๆเหมือนเพิ่งทำสร็จร้อนๆ

โล่หวินหลานเคยได้กลิ่นนี้มาก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะดมอีกครั้ง

“องค์หญิงชอบขนมถั่วเขียวหรือคะ?” โม่ฉีหมิงมองไปทางโล่หวินหลาน แล้วแกล้งทำเป็นถามขึ้น

โล่หวินหลานตอบตามคำพูดเขา “ขนมถั่วเขียวข้าวเหนียวนิ่มๆหอมๆ เป็นอาหารเลิศรส และขึ้นชื่อของเมืองจิง ใครจะไม่ชอบกันล่ะ?”

นางตอบได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ หลบเลี่ยงคำถามของโม่ฉีหมิงได้พอดี

แต่ทั้งสองคนรู้ดี ทั้งสองรู้เรื่องกันและกัน แต่ไม่มีใครพูดออกมา

โม่ฉีหมิงจะไม่พูดหากไม่มีหลักฐาน และโล่หวินหลานที่ยังไม่แน่ใจว่าจะได้อภิเษกกับโม่ฉีหมิง จึงยังไม่ยอมเปิดปาก

ทั้งสองต่างปิดบังเรื่องของอีกฝ่าย เพื่อเป็นการดีต่อทั้งสองฝ่าย

“องค์หญิงทำให้ข้าคิดถึงคนๆหนึ่ง นางเหมือนกับเจ้า ชอบกินขนมถั่วเขียว นางยังชอบซี่โครงย่างหมักซอส ทุกครั้งที่รับประทานอาหารต้องมีสองเมนูนี้ มิเช่นนั้น นางก้จะโวยวายไม่ยอมทานอาหาร” โม่ฉีหมิงพูดขึ้น ใบหน้าแสดงออกว่ามีความสุข

โล่หวินหลานกำเสื้อผ้าแน่น แล้วยิ้มขึ้น “จริงเหรอ? ได้ฟังที่ท่านอ๋องพูด คงจะเป็นคนที่ท่านรักมากสินะ?”

คนที่รักมาก? ทันใดนั้นโม่ฉีหมิงเงยหน้าขึ้นมามองนาง ในแววตาของเขาไม่ได้ทอประกายแค่ความรักออกมา ยังมีความเศร้าและความโกรธ

“ใช่ เป็นคนที่ข้ารักมากที่สุด” เขากัดฟันกดอารมณ์โกรธเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก