ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 267

ตอนที่ 267 รอดพ้นอันตราย

ตอนที่พูดประโยคนั้น โล่หวินหลานไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมา และไม่สามารถทำให้ใจสงบได้

นางไม่เคยคิดว่าเรื่องของนางในสมัยก่อนนั้นจะถูกพูดถึง มันช่างทำให้หมดความอดทน

“ท่านอ๋อง ฟ้าใกล้มืดแล้ว ท่านเข้าวังไปตั้งเกือบทั้งวัน ถ้าหากฮ่องเต้หานางไม่เจอ กลัวว่าเขาจะตามหากันวุ่น” โล่หวินหลานยื่นมือไปเปิดหน้าต่าง ลมจากด้านนอกพัดเข้ามา ทำให้รู้สึกหนาวหน่อยๆ

โม่ฉีหมิงก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่ดงหัวเยี้ยนมาทั้งครึ่งเย็นแล้ว จึงรีบขอตัว

ก่อนจะไปยังกำชับโล่หวินหลานอีกครั้ง ว่าให้นางขอเวลากับฮ่องเต้เจียเฉิง

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าช่วงสองสามวันนี้โม่ฉีหมิงทำอะไร แต่โล่หวินหลานก็ไม่ได้คิดอะไร นางเชื่อในตัวเขา

“องค์หญิง ถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้ว จะให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ?” ไซ่เยว่ลุกขึ้นมา แล้วกล่าวเตือน

สาวใช้ที่โม่ฉีหมิงส่งมานั้น ไม่ว่าจะดูแลนางดีแค่ไหน แต่เขาก็จงรักภักดีต่อเจ้าท่านเท่านั้น

“ไซ่เยว่ เมื่อกี้ข้าไม่ได้ให้นางเอาขนมถั่วเขียวเข้ามา และข้ากำลังคุยธุระอยู่กับท่านอ๋อง เจ้าเหมือนคนไม่รู้จักมารยาท” โล่หวินหลานหันไปมองไซ่เยว่ที่หลบอยู่ด้านหลัง

ไซ่เยว่เก่งมาก เบื้องหลังนางมีคน คนที่นางเชื่อฟังคือ โม่ฉีหมิง

ดูท่า ในดงหัวเยี้ยนนี้ นางจะไม่มีความลับเป็นของตัวเองแล้ว

“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้อยากจะมาตัดบทสนทนาหรือแอบฟังจริงๆ แต่ขนมถั่วเขียวนี้กินตอนร้อนๆมันอร่อยกว่าจริงๆ”

“ขนมถั่วเขียวเย็นแล้ว ก็ไปอุ่น ทำไมต้องเข้ามาตอนธุระสำคัญด้วย? หรือว่าในขนมถั่วเขียวนี้มีความลับอะไร?” โล่หวินหลานเลิกคิ้ว แล้วต้อนถาม

ไซ่เยว่ครุ่นคิด ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี จึงรีบคุกเข่าลง

“องค์หญิง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ข้าก็แค่อยากให้องค์หญิงได้กินขนมถั่วเขียวที่ท่านชอบ ถ้าหากไปขัดชวางการสนทนาขององค์หญิงกับท่านอ๋อง ข้ายินดีรับโทษ” ไซ่เยว่คำนับอยู่บนพื้นเย็นๆนั้น

ผลลัพธ์ที่โล่หวินหลานต้องการไม่ใช่อย่างนี้ นางอยากให้ไซเยว่หลุดปากออกมา แต่ก็ดุเหมือนไม่เป็นดั่งใจ

ไซ่เยว่เป็นคนที่มาจากเรือนโม่ฉีหมิง นิสัยก็จะเข้มแข็งเป็นธรรมดา ไม่สามารถรับรู้อะไรจากนางได้

“เจ้าลุกขึ้นมาเถอะ ข้าไม่ได้ต้องการจะลงโทษเจ้า” โล่หวินหลานค่อยๆถอนหายใจ

นางรู้ว่าโม่ฉีหมิงตั้งใจ จึงไม่ต้องการที่จะลงโทษไซ่เยว่ แค่อยากจะรู้อะไรจากปากนางบ้าง แต่ไซเยว่กลับไม่เหลือหนทางให้นางได้ถาม

“ขอบคุณองค์หญิงเจ้าค่ะ” ไซ่เยว่ลุกขึ้นยืนอย่างรู้สึกโล่งอก

“เรื่องที่ข้าให้เจ้าได้หาเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” โล่หวินหลานถามเสียงเบา

ไซ่เยว่สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว แล้วจึงตอบ “ช่วงนี้ข้ากำลังสังเกตการณ์ในวังอยู่ หรืออาจเป็นเพราะวี่จือถูกขับออกจากวัง ฮองเฮาจึงยังไม่มีทีท่าอะไร แต่ข้ายังพบคนที่สะกดตามฮองเฮาเหมือนกัน”

ยังมีคนที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกับนาง?

“รู้ไหมว่าเป็นใคร?” โล่หวินหลานไล่ถาม

ไซ่เยว่พยักหน้า “เห็นชัดแล้ว แต่ข้าไม่รู้จัก แต่ข้าเห็นคนนั้นมีการพูดคุยกับจื๋อเอ๋อที่อยุ่ในเรือนของหรงฝิน หรงฝินน่าจะเป็นคนสั่งการ”

การติดตามฮองเฮานั้นเป็นเรื่องผิดมหันต์ในวัง ถ้าหากถูกพบ ก็จะถูกจัดการตามกฎของวัง

หรงฝินเกลียดฮองเฮาจนถึงเช่นนี้แล้ว จนถึงขนาดที่ทำอะไรไม่คำนึงถึงผลตามมา ถ้าหากถูกแพร่งพรายออกไป นางจะไม่ได้โอกาสได้แก้ตัว หรงฝินนั้นทุบหม้อข้าวตัวเองแล้ว คงจะเป็นหมากอันตรายตัวสุดท้าย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าช่วงนี้ก็ไม่ต้องไปที่ฮองเฮาแล้ว อยากจะรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน” ในใจของโล่หวินหลานสงบลง ในเมื่อมีคนอยากจะช่วยนาง ทำไมจะไม่ยินดีล่ะ?

“องค์หญิง เรื่องนั้นยังต้องตรวจสอบอยู่ไหม?” ไซ่เยว่คิดแล้วจึงถามขึ้น

การตรวจสอบฮองเฮาและเรื่องนั้นก็เหมือนกัน ในเมื่อไม่ตรวจสอบฮองเฮาแล้ว งั้นก้ต้องติดตามเรื่องนี้ต่อไป แต่ก้ยังไม่รุ้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน

โล่หวินหลานส่ายหัว “ไม่ต้องแล้ว เจ้าถอยออกมาทุกอย่าง จัดการหลักฐานให้ดี”

เรื่องราวครั้งนี้เป็นการสู้กันระหว่างหรงฝินกับฮองเฮา ถ้าหากนางเข้าร่วมด้วย แล้วถ้าหากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป ก้จะรุ้ว่านางเคยร่วมด้วย ก็จะสาวถึงเหตุการณ์ต่างๆและคนได้

ยังไงก้ต้องหยุดไว้ก่อน รอให้หรงฝินกับฮองเฮานั้นจัดการกันให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วนางค่อยเข้าไปยุ่ง หรือคิดอีกแง่หรงฝินอาจจะช่วยงานใหญ่นี้กับนาง

เดินออกมาจากข้างใน ใจของไซ่เยว่ที่หวาดเสียวนั้นก้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

ไม่คิดว่าความคิดขององค์หญิงเหอซื่อจะรอบคอบขนาดนี้ แค่เพียงอยู่กับนาง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เหมือนจะทายถูกไปเสียหมด

รีบเดินออกมาจากดงหัวเยี้ยน มั่นใจว่าด้านหลังไม่มีคน ไซเยว่จึงเดินทะลุป่าและก้อนหินปลอมๆนั้น ผ่านเข้ามาในถิงไถอันหนึ่ง ทั้งสองด้านนั้นถูกภูเขาปลอมนั้นปิดไว้ ถ้าหากวันธรรมดาไม่มีอะไร นางไม่มาที่นี่เป็นอันขาด

“เข้าเฝ้าท่านอ๋อง” ไซ่เยว่พบคนที่อยู่ในถิงไถจึงก้มลงคำนับ

“ขึ้นมาเถอะ นางได้สงสัยอะไรไหม?” โม่ฉีหมิงยืนสูงๆเอามือไขว้หลังไว้อยู่ ด้านนอกลมหิมะพัด ทำให้ชุดของเขาดูสง่ายิ่งขึ้น

“เมื่อกี้ที่องค์หญิงถามข้า เหมือนต้องการจะหลอกถาม แต่ข้าเปลี่ยนเรื่อง องค์หญิงจึงไม่ได้ถามต่อ เพียงแต่องค์หญิงดูสงสัยในขนมถั่วเขียวนั้น” ไซ่เยว่กล่าวเสียงเรียบ

“ต่อให้เขาสงสัย นางก็ต้องปิดปากให้สนิท อย่าให้นางรู้อะไรเป็นอันขาด” โม่ฉีหมิงหมุนแหวนหยกในมือเล่น นัยน์ตาสงบนิ่ง

“ข้าเข้าใจแล้ว” ไซ่เยว่ใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าควรบอกเรื่องดอกบัวภูเขาเทียนแก่โม่มู่ไหม สับสนอยู่ในใจ

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” โม่ฉีหมิงถามไซ่เยว่อย่างไม่แน่ใจ

คิดไปคิดมา เรื่องนี้ก็อยู่ในหน้าที่นางเหมือนกัน ถ้าหากไม่บอกดม่ฉีมู่ แล้วเขามารู้ความจริงภายหลัง ก็จะโทษนางได้

“ท่านอ๋อง ข้ายังมีอีกเรื่อง วันก่อนที่ท่านอ๋องได้มองดอกบัวภูเขาเทียนให้แก่นาง องคืหญิงได้ปรุงออกมาเป็นยา เหมือนกับนางตุ๋นให้ทหารที่มาจากแคว้นเซิ่งโจวทาน ต่อมา องค์หญิงก็ให้ข้าคอยติดตามการเคลื่อนไหวของฮองเฮา เหมือนกับเรื่องจะเกี่ยวกับทหารคนนั้น” ไซ่เยว่ค่อยๆเล่าเรื่องให้โม่ฉีหมิงฟังจนหมด นางค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย

เรื่องนี้โม่ฉีหมิงไม่รู้จริงๆ โล่หวินหลานไม่เคยพูดถึงต่อหน้าเขา ถ้าหากไม่สำคัญ ก็ไม่น่าจะปิดบังเขา

“แล้วทหารคนนั้นอยู่ไหน? ชื่ออะไร?” ในใจของโม่ฉีหมิงสงสัย จึงสอบถามอย่างชัดเจน

ไซ่เยว่เคยเจอทหารเพียงแค่ไม่กี่คน ดูจากปฏิกิริยาขององค์หญิงเหอซื่อแล้ว มีพิรุธมาก

“ข้าไม่รู้ชื่อ แต่รู้ว่าเขาอยู่ที่ตำหนักข้างๆดงหัวเยี้ยน วันนั้นหลังจากที่ข้าช่วยองค์หญิงตุ๋นยาเรียบร้อย องค์หญิงก็ปลีกตัวออกจากข้า แต่ข้าก็ตามไปจนถึงที่อยู่ของคนนั้น” ไซ่เยว่ตอบ

คนที่ได้ใช้ดอกบัวภูเขาเทียนในการรักษาคงจะสำคัญสำหรับโล่หวินหลานมาก บาดแผลของเขาคงจะสาหัสมาก แต่คนนี้เป็นใครกันแน่ เขาจะต้องรู้ให้ได้

“เจ้าไปตรวจสอบดูว่าคนนั้นเป็นใคร ห้ามไม่ให้องค์หญิงเหอซื่อรู้ ถ้าหากนางจับได้ ก็ต้องหยุด” โม่ฉีหมิงสั่ง สายตาของเขามองทอดออกไปไกล หิมะสีขาวนั้นทำให้ตาของเขาพร่ามัว

“รับทราบ” ไซ่เยว่ตอบรับ แล้วจึงขอตัว

ด้านนอกลมพัดแรงเป็นระลอกๆ ตามด้วยหิมะเกร็ดเล็กๆปะปนรวมมา โม่ฉีหมิงมองลมหิมะที่ด้านนอก ราวกับ ไม่มีวันที่จะหยุดลง

หลังจากหมิงซีทานยาแล้ว จึงฟื้นขึ้นมา ถ้าเป็นปกติคงเป็นลมไปแล้ว แล้วตั้งนานสองนานกว่าจะฟื้นขึ้นมา ไม่รู้ว่านี้จะเป็นเพราะฤทธิ์ของดอกบัวภูเขาเทียนรึเปล่า

“ไม่เป็นไรแล้ว ช่วงนี้ลำบากพวกเจ้าเลย” หมิงซีค่อยๆนั่งขึ้นมาพิงหัวเตียง อาการป่วยของเขาทำให้สีหน้าซีดเซียว

“พูดอะไรกัน ร่างกายท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ยังรู้สึกง่วงไหม?” อาลั่วหลันรีบเดินเข้ามาถาม

พูดถึง ช่วงที่เขาสลบไปนี้ คนที่กังวลมากที่สุกคงจะเป็น อาลั่วหลัน คนที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่างก็เป็น อาลั่วหลัน

แต่ว่าคนที่เขานึกถึงนั้นไม่ใช่นาง หลายครั้ง เขาอยากจะบังคับตัวเองให้หันมามองอาลั่วหลัน แต่เขาก็ทำไม่ได้

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่กี่วันที่ผ่านมาที่ท่านถูกพิษนั้น คนที่เป็นกังวลมากที่สุดก็คืออาลั่วหลัน ถ้าหากมีโอกาส ก็ขอบคุณนางเสียหน่อย” โล่หวินหลานมองหมิงซีที่นอนอยู่บนเตียง ราวกับเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

ช่วงที่เขาถูกพิษนั้น อาลั่วหลันคอยดูแลเขาอยู่ตลอด หมิงซีเองก็รู้ดี แต่จากนิสัยของเขา จะขอบคุณอาลั่วหลันจากปากตัวเองได้อย่างไร?

นางพูดเช่นนี้ หมิงซีก้ไม่อาจมองข้าวอาลั่วหลันได้

น้ำใจของอาลั่วหลัน พวกเขารับรู้ทั้งหมด แต่คนที่ไม่ยอมรับก็มีแต่หมิงซี

“อาลั่วหลัน ขอบคุณมาก” หมิงซีพูดกับอาลั่วหลันที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วยิ้มให้นางบางๆ แล้วก็รีบหันกลับมามองโล่หวินหลาน “ดอกบัวภูเขาเทียนที่นางใช้ เอามาจากไหนเหรอ?”

เขารู้ว่าอาการของตัวเองนั้นต้องใช้ดอกบัวภูเขาเทียนรักษา แต่ว่าเสี่ยวฮัวเพิ่งเข้ามาในวัง ไม่สนิทกับคนในวัง จะไปหาของล้ำค่าที่ใช้ช่วยชีวิตแบบนั้นมาจากไหน?

“ครั้งก่อน ที่ออกไปล่าสัตว์กับฮ่องเต้ พระชายาเวินแข่งม้ากับข้า ในวันนี้ดอกบัวภูเขานั้นเป็นที่น่าสนใจ” โล่หวินหลานค่อยๆพูดออกมาจนหมด

“ตั้งแต่มาถึงวัง เวินอ๋องก็หาเรื่องข้ามาตลอด คนของข้ายังถูกแอบวางยาอีก ไม่มีวิธีที่ข้าจะปกป้องคนรอบข้างได้เลย ในระยะเวลานี้ ข้าทำให้นางลำบากมากจริงๆ” เขาคิดไม่รอบคอบ ถึงได้ถูกคนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ แต่เขามีคำสั่งมาจากท่านอาจารย์

“ไม่ต้องพูดถึงพวกนี้อีก แค่มีชีวิตที่ดี ในวันข้างหน้านางต้องดูแลข้าได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่ข้า ยังมีอาลั่วหลัน ในวังนี้ ทุกย่างก้าวนั้นเหมือนสนามซ้อม ผู้ที่ปรับตัวได้เท่านั้นจึงจะอยู่รอด วันข้างหน้าจะไม่ค่อยสบายนัก” นัยน์ตาโล่หวินหลานเป็นประกาย แล้วฉีดยาคุ้มกันให้พวกเขา

เมื่อก่อน นางก็ผ่านมาอย่างนี้

“เดิมทีในวังก็เป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนข้าอยู่เซิ่งโจว ถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นองค์หญิง แต่ที่จริงคนที่อยากได้ชีวิตข้านั้นมีมากมาย แต่ข้าก็ผ่านมันมาได้? เรื่องแค่นี้ยังทนไม่ได้ แล้วจะทำตามความใฝ่ฝันได้อย่างไร?” อาลั่วหลันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอามือเท้าคางแล้วมองไปด้านนอก

สำหรับในวังนั้น อาลั่วหลันนั้นเคยสัมผัสมาด้วยตัวเอง

หมิงซียกมือขึ้นนวดหัวของตัวเอง เขายังรู้สึกเจ็บปวดกับพิษที่ยังตกค้างอยู่ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้

“เสี่ยวฮัว เรื่องงานอภิเษกของเจ้า ฮ่องเต้เจียเฉิงจัดการแล้วหรือยัง?” อยุ่ๆหมิงซีก็ถามขึ้นมา ช่วงนี้เขาเอาแต่นอนหลับ ไม่ได้ตามข่าวสารในวังเลย เมื่อเป้นเช่นนี้ เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก