ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 268

ตอนที่ 268 เวินอ๋องสู่ขอ

เรื่องอภิเษก? ดล่หวินหลานส่ายหัวเบาๆ “ยังเลย แต่ก้เร็วๆนี้ ฮ่องเต้แคว้นเซิ่งโจวได้ส่งสาสน์มาเร่ง อาลั่วหลันมาที่นี่ก็จะเดือนนึงแล้ว แต่กลับไม่เห็นท่าทีว่าจะมีงานอภิเษก จึงร้อนรน”

โล่หวินหลานกล่าวกับอาลั่วหลันว่า นางต่างหากที่เป็นองค์หญิงตัวจริง ถึงแม้ว่านางจะมาแทนที่ในนามองค์หญิง แต่เจ้าแห่งแคว้นก็ยังเป็นพ่อของนาง

“นี่เป็นเรื่องธรรมดา แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลฮ่องเต้ดูแลไม่ถึงตรงนี้หรอก ฮ่องเต้เจียเฉิงอยากได้อะไรก็ต้องได้” หมิงซีกล่าวเสียงเรียบ

โล่หวินหลานกลับส่ายหน้าอีก “ไม่กี่วันก็จะรู้เอง อาลั่วหลันเป็นผู้ที่จะมาเชื่อมความสัมพันธ์ แล้วทำไมถึงมีองค์หญิงที่เชื่อความสัมพันธ์แต่ไม่อภิเษก? เจ้าแห่งแคว้นเซิ่งโจวได้ส่งจดหมายมาเร่งแล้ว ฮ่องเต้เจียเฉิงไม่สนคงจะไม่ได้ ยังไงการเชื่อมความสัมพันธ์นี้ก็เพื่อความสงบสุขของทั้งสองแคว้น”

ฮ่องเต้เจียเฉิงไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางทำลายความสงบสุขของทั้งสองแคว้นแน่นอน

“ก็จริง เสี่ยวฮัว แล้วสิ่งที่เจ้าต้องการ...” หมิงซีพูดแค่ครึ่งหนึ่ง แล้วก็หยุดไป

รอจนถึงวันที่นางแต่งงานกับโม่ฉีหมิง หน้าที่ของเขาก็สิ้นสุดลง กลับไปอยู่กับท่านอาจารย์ที่กลางหุบเขาดังเดิม

“สบายใจได้ สิ่งที่ข้าต้องการนั้นง่ายดาย ข้าทำได้อยู่แล้ว” ที่โล่หวินหลานกังวลที่สุดคืออาลั่วหลัน

ตอนนี้อาลั่วหลันไม่สามารถกลับเซิ่งโจวได้ มาที่แคว้นโม่ฉีก็ไร้คู่อภิเษก และหมิงซีก็ไม่ชอบนาง ถ้าหากปล่อยไป นางก้คงหายไปกับสายลม หาตัวไม่เจอแน่นอน

นางไม่อยากให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ และไม่อยากให้อาลั่วหลันจากไป แต่สิ่งที่หมิงซีต้องการนางก็ไม่อยากจะปล่อยปะละเลย ที่สำคัญคือต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสอง

อาลั่วหลันลูบคางไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ แววตาล่องลอย ปนความหม่นหมอง

“อาลั่วหลัน ถ้าหากแม่ทัพจื๋อเอ่อพานางกลับไปแคว้นเซิ่งโจว เจ้าจะกลับไปกับเขาไหม?” โล่หวินหลันหันกลับไปถาม

หากนางเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ทหารที่ตามมากับแม่ทัพก็ต้องพากันกลับเซิ่งโจวไป ไม่สามารถให้อาลั่วหลันอยู่ต่อได้

พูดจบ อาลั่วหลันรีบส่ายหน้า “ไม่ ข้าไม่กลับ กลับไปก็ไปอยู่ในวังไม่ได้ คนที่รู้จักข้ามีมากมาย ถ้าหากกลับไป ก้ต้องมีคนไปฟ้องท่านพ่อ แล้วท่านพ่อก็จะจัดการข้า”

เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด โล่หวินหลานเครียด ไม่รู้ว่าจะจัดแจงอาลั่วหลันอย่างไรดี

“เจ้าอยู่ที่โม่ฉีได้ แต่ที่นี่นางไร้ญาติขาดมิตร ข้ากลัวว่านางจะเหงา จึงแนะนำให้นางกลับไป แล้วแม่ทัพจื๋อเอ๋อเขาก็ดีกับเจ้ามาก” โล่หวินหลานมองไปที่อาลั่วหลาน ที่นางพูดล้วนเป็นความจริง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไปในค่ายกับจื๋อเอ๋อนางก็พอจะรู้ได้

พูดถึงจื๋อเอ๋อ อาลั่วหลันก้เครียดขึ้นมา

หันกลับไปดุ เพิ่งเห็นว่าโล่หวินหลานและหมิงซีจ้องนางอยู่ คงจะรู้ความสัมพันธ์ของนางกับจื๋อเอ่อแล้ว

“จื๋อเอ๋อดีกับข้ามาก แต่ข้าคิดกับเขาแค่พี่น้อง ไม่ได้เป็นความรักแต่อย่างใด ถ้าหากข้าอยู่กับเขา มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” โล่หวินหลันบึนปาก

เมื่อก่อนตอนที่อยู่แคว้นเซิ่งโจว จื๋อเอ๋อก็เคยบอกกับนางแล้วครั้งหนึ่ง ว่าถ้าหากเป็นไปได้ เขาจะมาสู่ขอนางกับท่านพ่อ

ตอนนั้น อาลั่วหลันไม่เข้าใจความคิดของจื๋อเอ๋อ แค่รู้สึกว่าเขาเคร่งขรึมเกินไป ไม่สดใส เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าปกติจะดีกับนาง แต่ทุกครั้งที่นางเจอเขา กลับรู้สึกกลัว

ดังนั้น นางยังไม่ได้แม้แต่จะคิดที่จะปฏิเสธ

คิดไม่ถึง หลังจากที่ปฏิเสธจื๋อเอ๋อได้เพียงสองวัน นางก็ได้ข่าวว่าจะโดนส่งตัวมาเจริญไมตรีของทั้งสองแคว้นที่โม่ฉี ไม่รู้ว่าสวรรค์กลั่นหรือคนแกล้ง หรือว่าเป็นความตั้งใจของจื๋อเอ๋อ ท้ายที่สุดการขัดขืนของนางก็ไม่เป็นผล

“เอาเถอะ ยังไงก้ยังพอมีเวลา ถ้าหากเจ้าอยากกลับเซิ่งโจว หรืออยากจะอยู่ที่โม่ฉี ข้าก้จะดูแลให้เรียบร้อย” โล่หวินหลานเผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา

แต่ว่านาง ใช้ฐานะของเอมาเป็นตัวเอง และไม่ได้สนใจความรู้สึกของนางเลย หรือจะให้นางอยู่ที่นี่ต่อไป?

ท้องฟ้าด้านนอกบอกว่าใกล้เวลากลางวันแล้ว หิมะค่อยๆหยุดตก หลังจากออกมาจากการเข้าราชการเช้า ฮ่องเต้เจียเฉิงได้เรียกองค์ชายทั้งสี่มาที่ห้องหนังสือโม่ฉีซิว โม่ฉีหมิง เวินอ๋อง และอ๋องยี่

เรื่องราวก็คงเป็นเรื่องไหนไม่ได้นอกจากเรื่องอภิเษกขององค์หญิงเหอซื่อ ยังไงก็ตามจะช้าจะเร็วก็ต้องเลือกองค์ชายมาอภิเษกหนึ่งคน และเจ้าแห่งแคว้นเซิ่งโจวได้ส่งสาสน์มาเร่ง เรื่องนี้ไม่สามารถยืดเยื้อต่อไปได้แล้ว รีบๆทำให้จบเสียดีกว่า

“พวกนางก็รู้ ว่าวันนี้ที่ข้าเรียกมานั้นเรื่องอะไร?” ฮ่องเต้เจียเฉิงพุดเป็นปริศนาแก่องค์ชาย ต่อให้เป็นโล่เขลาก้พอรู้ได้ว่าตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดในวังคือเรื่องอะไร

“ท่านพ่อ ถ้าหากลูกเดาไม่ผิด ต้องเป็นเรื่องอภิเษกขององค์หญิงเหอซื่อแน่ๆ เรื่องที่ไม่กี่วันก่อนที่แคว้นเซิ่งโจวได้ส่งสาสน์มาเร่ง ต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน” ฮ่องยี่ครุ่นคิด แล้วจึงตอบขึ้นมา

องค์ยี่เป็ลนูกชายคนที่สองของฮ่องเต้เจียเฉิง เขาไม่ได้เก่งเกาจเท่าเวินอ๋อง แต่ที่อ่องเต้เจียเฉิงรักเขาก็เพราะนิสัยที่มีความเมตตาอาทรของเขา และยังเป็นที่รู้จักมากขึ้นทุกวันๆ

“ที่เจ้าพูดมาก็ถูก พวกนางมีแผนการอะไร? องค์หญิงเหอซื่อมาที่นี่ก็จะหนึ่งเดือน ข้าต้องอาศัยช่วงเวลานี้รีบแต่งนางออกไป แต่ว่าข้ากังวลเรื่องไม่มีคนให้เป็นตัวเลือก ไม่รุ้ว่าพวกนางหรือไม่?” ฮ่องเต้คิดถึงเรื่องอภิเษก แล้วก็รู้สึกกังวลใจ

เดิมทีอยากจะส่งองค์ชายใครก็ได้สักคนไปอภิเษก แต่นางเป็นถึงองค์หญิง จะเลือกมั่วๆแบบนั้นไม่ได้

จนถึงตอนนี้ในใจของฮ่องเต้เจียเฉิงก็ยังหานคนที่เหมาะสมไม่ได้

เหล่าขุนนางในวังก็เลือกต่างกันไป จากสาสน์ฉบับนั้นจากแคว้นเซิ่งโจว ทำให้เหล่าขุนนางระส่ำระส่ายไม่เป็นท่า ไม่รู้จะเลือกใครดี

“ท่าพ่อ ลูกคิดว่า ในเมื่อความเห็นของทุกคนไม่เหมือนกัน และองค์ชายก็ยากที่จะเลือก ทำไมเราถึงไม่ให้องคืหญิงนางเลือกเองเสียล่ะ?” อ๋องยี่เกาท้ายทอย สำหรับเรื่องนั้นเขาไม่ค่อยคิดไปมากขนาดนั้น

ฮ่องเต้เจียเฉิงกระแอมอย่างไม่พอใจ “นี่มันวิธีอะไรกัน? องคืหญิงเหอซื่อนางเป็นถึงองค์หญิง ทำไมถึงต้องนางเลือกองค์ชายอย่างอำเภอใจ?”

อ๋องยี่ถูกดม่ฉีมู่โกรธจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“ท่านพ่อ ท่านเปรื่องปราชน์ ลูกไม่กล้าออกความเห็นใดๆอีก” อ๋องยี่พูดจบก็ค่อยๆเดินถอยลงไป อย่างรู้สึกไม่สุ้ดีนัก

องค์ชายทั้งสามด้านหลังก็ไม่ได้พูดอะไร นี่มันเป็นเรื่องที่ต่างคนก็โยนกันไปโยนกันมา ใครจับไว้ก็ตายเท่านั้น ตอนนี้ฮ่องเต้เจียเฉิงไม่พอใจใครทั้งนั้น อยากเชิญทุกคนมาออกความเห็น แต่นั่นดูท่าจะเป็นไปไม่ได้

“องค์รัชทายาท เจ้าว่า จะจัดการอยย่างไรดี?” ฮ่องเต้วกกลับมาถาม แล้วมองดูองค์รัชทายาทที่เอาแต่ยืนก้มหน้า

“ท่านพ่อ ในเมื่อทางแคว้นเซิ่งโจวสนใจเรื่องอภิเษกขององค์หญิงเหอซื่อมาก นี่ก้หมายความว่าพวกเขาไม่ได้ไม่สนใจนางอย่างข่าวลือสะพัดกันด้านนอก ทำไมท่านพ่อไม่เลือกองค์ชายที่ดีที่สุดขึ้นมาองคืหนึ่งให้อภิเษกกับนางไป” องค์รัชทายาทออกความเห็น

ฮ่องเต้เจียเฉิงชอบความเห็นนี้ แต่คิดว่าต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้

“เวินอ๋อง เจ้าพูด” ฮ่องเต้เจียเฉิงมองไปทางเวินอ๋อง

เวินอ๋องที่เตรียมวิธีแก้ปัญหานี้มาอย่างดี จึงรีบกล่าวขึ้น “ท่านพ่อ ลูกยอมอภิเษกกับองคืหญิงเหอซื่อมาเป็นพระชายา ท่านพ่อกรุณาตกลง”

พูดจบ ทุกคนต่างมองไปที่เวินอ๋อง ตกใจจนไม่มีคำพูดออกมา

โดยเฉพาะโม่ฉีหมิง สายตาเย็นชาของเขามองจ้องไปที่เวินอ๋องที่นั่งอยุ่ที่พื้น สายตานั้นราวกับต้องการจะฉีกเวินอ๋องออกเป็นชิ้นๆ

แต่ก็เป็นไปอย่างที่คิด เวินอ๋องได้พูดออกมาต่อฮ่องเต้แล้ว เขาเดาไม่ผิด

เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเวินอ๋องจึงทำเช่นนี้

มือทั้งสองข้างของโม่ฉีหมิงที่อยู่ในชุดนั้นบีบกันอย่างแรง แต่ภายนอกนั้นนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เวินอ๋อง ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้? เจ้ากับองค์หญิงเหอซื่อเคยเจอกันแค่เพียงสองครั้ง หรือว่าเพราะอย่างนี้เจ้าก้ตัดสินว่าชอบนางแล้ว?” ฮ่องเต้เจียเฉิงมีสีหน้าสงสัย แล้วจึงเค้นคำตอบจากเวินอ๋อง

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ใจของโม่ฉีหมิงก็ตกลงอยู่ที่ตาตุ่ม

เขาลืมไปแล้ว ว่าฮ่องเต้เจียเฉิงนั้นขี้สงสัย ถ้าหากไม่เป็นสิ่งที่เขาเห็นเองกับตา ก็ไม่มีทางที่จะเชื่อ

ยิ่งที่ต้องพูดถึงเรื่องที่เวินอ๋องขออภิเษก จะไม่ให้ฮ่องเต้เจียเฉิงต้อนถามถึงจะแปลก

“ลูกไม่ได้มีเหตุผลอะไร แค่รู้สึกถูกชะตากับนางเท่านั้นเอง ไม่มีเหตุผลอื่น” เวินอ๋องจับชายเสื้อตัวเองแน่นแล้วก้มหน้าก้มตาตอบกลับไป

“ถูกชะตา?” ฮ่องเต้เจียเฉิงหัวเราะ “ถูกชะตากับหญิงสาวคนหนึ่งก็อยากจจะอภิเษกกับนาง แล้วถ้าถูกชะตากับหญิงสาวทั้งแผ่นดินนี้ เจ้าไม่ต้องอภิเษกกับหญิงสาวทั้งหมดหรือ?”

นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกหรือ?

โม่ฉีหมิงได้ยินเช่นนั้น ก็ยกมุมปากขึ้นมายิ้มเบาๆ การที่เวินอ่องพูดเช่นนี้ก็ได้แต่เพียงความไม่เห็นด้วยของฮ่องเต้เจียเฉิง แต่ไม่ได้บรรลุจุดมุ่งหมายที่แท้จริง

ก่อนที่ฮ่องเต้เจียเฉิงจะถามเขา โม่ฉีหมิงได้เริ่มขึ้นก่อนแล้ว “ท่านพ่อ ลูกคิดว่าเรื่องนี้เราจะคุยกันแค่สี่คนตงจะไม่เหมาะ และคงจะหาทางออกไม่ได้ ถ้าหากเป็นไปได้ พวกข้าเรียงองค์หญิงเหอซื่อและคนอื่นๆมาด้วย พวกข้าร่วมคุยกันเรื่องนี้จะดีกว่าไหม?”

ครั้งนี้ฮ่องเต้เจียเฉิงไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาพยักหน้าอย่างชื่นชม ราวกับโม่ฉีหมิงทำให้เขาสบายใจได้มาก

“ที่เจ้าพูดดีมาก เรื่องนี้ต้องวางแผนระยะยาว ไง้ข้าพูดคุยกับทุกคนอย่างละเอียดก่อน พวกนางกลับไปก่อนเถอะ”

ผู้คนทยอยกันออกไป

โม่ฉีหมิงไม่รู้สึกได้ว่าครั้งนี้ท่านพ่อพูดดี ราวกับเป็นคนละคนกัน

“เวินอ๋อง ที่ท่านพูดเมื่อกี้เหมือนท่านมีแผนการมานานแล้ว แต่ว่าท่านเจอองค์หญิงเหอซื่อตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมข้าจำไม่ได้?”

ทั้งสองเดินเรียงกันอยู่บนพื้นหิมะ โม่ฉีหมิงใช้สายตาอันเย็นชาของตัวเองมองทอดไปยังวิวด้านนอก

ลมหิมะด้านนอกแรงมาก ทั้งสองคนที่เดินอยู่ด้านนอกกระชับผ้าคลุมแน่น

“น้องหก ข้าเพิ่งเคยเจอองค์หญิงเหอซื่อแค่เพียงสองครั้ง จะบอกว่าเป็นรักแรกพบก็จะดูเว่อร์เกินไป จะบอกว่านานไปแล้วเกิดเป็นความรู้สึกก็คงจะไม่ใช่ แล้วทำไมท่านถึงชอบนางกันแน่?” โม่ฉีหมิงหันไปย้ำคำถามเมื่อครู่อีกครั้ง

เวินอ๋องกลับหัวเราะเบาๆ “พี่สี่มาถาข้า แล้วทำไมไม่ถามตัวเอง ว่าพี่กับองค์หญิงเหอซื่อที่เจอกันไม่เพียงแค่สองครั้งนั้นมีความรู้สึกอะไรกัน? ข้าแค่ขอร้องต่อหน้าท่านพ่อเท่านั้นเอง และท่านพ่อก็ไม่ได้อนุญาติ”

ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้น หิมะเริ่มหยุดลง ทั้งสองเดินเรียงกันบนพื้นหิมะ ปะทะกับลมหิมะที่หนาวเหน็บ

โม่ฉีหมิงยิ้มเพียงแปบเดียว แล้วก็หุบยิ้มลง เวินอ๋องรู้ได้ไงว่าเขาเคยเจอกับองค์หญิงเหอซื่อมากกว่าสองครั้ง? หรือว่าตอนที่พวกเขาเจอกัน เวินอ๋องก็อยู่ด้วย?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก