ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 270

ตอนที่ 270 ได้รู้ความจริง

หลังจากที่ฮองเฮาสูญเสียคนข้างกายอย่างวี่จือไป ทั้งวังก็เงียบลงเยอะ นอกจากสวดมนต์ไหว้พระแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอะไรอีก

ดูจากเหตุการณ์ตอนนี้ นางคงต้องเก็บอารมณ์ และดูแลสุขภาพตัวเองในวังนี้ อ่องเต้เจียเฉิงไม่ได้เอนเอียงมาทางนางอย่างชัดเจนแล้ว ทำไมยังต้องทำให้นางไม่พอใจอีก?

“ลูกมาเยี่ยมท่านแม่” องค์รัชทายาทจะมาเยี่ยมท่านแม่ในทุกเช้าไม่ขาดสาย

ในตอนนี้ เขาที่ทำหน้าที่เป็นลูกชาย ไม่มีทางที่จะลืมคำว่า กตัญญูไปได้

ถึงแม้ว่าการมาหาฮองเฮาเย่นั้น จะทำให้ฮ่องเต้เจียเฉิงดูเฉยๆ

“นั่งเถอะ” ฮองเอาปักธูปดอกสุดท้าย แล้วนั่งลงตรงที่หลัก

“ลูกมาเยี่ยมแม่ทุกวันเลย แม่ค่อยรู้สึกสบายใจตอนที่มีลุกอยู่”

ในวังมีหลายใจคน จิตใจชั่วร้าย ดดยเฉพาะหรงฝินที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อนาง

ความบาดหมางของนางกับหรงฝินนั้นชัดเจนในใจดี เรื่องในใจหลายปีมานี้ มันจะหายไปภายในหนึ่งคืน?

ในวังใครอยากได้ชีวิตนางมากที่สุด ก็คงจะเป็นหรงฝิน

นางต้องไม่ให้หรงฝินจับสังเกตนางได้ จะต้องดูแลสุขภาพอีก อยากจะได้ความรักอีกครั้ง มันก็จะเหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้

“ท่านแม่ทำไมช่วงนี้สีหน้าไม่ค่อยดี ไม่กี่วันก่อนมีขุนนางมาถวายขิงพันปีแก่ลูก เอามาให้ท่านแม่บำรุงร่างกาย ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ” องค์รัชทายาทพูดจบ ก็หันไปสั่งองครักษ์ประจำตัว ให้หยิบกล่องสีน้ำตาลเข้มออกมา

ฮองเฮาเย่โบกมือ ให้สาวรับใช้ประจำตัวมาเก็บไป

“ลูกนี่ดีกับแม่เสียจริง ช่วงนี้ลูกต้องระวัง อย่าให้ใครจับพิรุธได้ ข้าถูกคนลอบทำร้ายจนกลายมาเป็นเช่นนี้ได้ แต่ฮ่องเต้ไม่กล้าทำอะไรข้า แต่กับลูกนั้นไม่เหมือนกัน เรื่องราวมันเกี่ยวกับบัลลังก์ ต้องระวังให้มาก” ฮองเฮาเย่สั่ง เสียงนั้นบดบังความเหนื่อยไม่มิด

นางก็มีที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียว ถึงแม้ไม่ใช่ลุกแท้ๆของนาง แต่เลี้ยงดูมานาน ก็พอจะมีความรักความผูกพันธ์อยู่

“ลูกเข้าใจแล้ว ท่านแม่ ช่วงนี้ท่านพ่อกังวลเรื่ององค์หญิงเหอซื่ออยู่ ไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี ไม่กี่วันก่อนยังเรียกองค์ชายหลายคนไปเข้าพบ แต่ก็ไม่มีวิธีอะไร” องค์รัชทายาทเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่งนี้ให้ฮองเฮาฟังจนหมด หวังเพียงว่านางจะมีความเห็น

ฮองเฮาเย่นั้นอยู่กับฮ่องเต้เจียเฉิงมานานหลายปี ก็รู้นิสัยของเขาดี อาจจะคิดวิธีออกมาได้

“ทุกคนรู้ฐานะขององค์หญิงเหอซื่อดี เจ้าเป็นองค์รัชทายาทของแคว้นโม่ฉี ไม่ยอมให้เจ้าอภิเษกกันนางแน่ๆ ที่ฮ่องเต้ต้องการที่สุดคือหมิงอ๋อง หากไม่ใช่เพราะหมิงอ่องนั้นไม่อยากอภิเษก เขาก้คงได้อภิเษกกับองคืหญิงเหอซื่อนานแล้ว แล้ววันนี้เวินอ๋องยังยื่นมือเข้ามาร่วมด้วยอีก ฮ่องเต้ไม่น่าจะให้องคืหญิงอภิเษกกับเขา” ฮองเฮาเย่วิเคราะห์ แววตานั้นเต็มไปด้วยความได้ใจ

“ทำไม? ถ้าหากหมิงอ๋องไม่ยอมอภิเษก องค์หญิงเหอซื่อก็คงต้องอภิเษกกับเวินอ๋อง” ในใจขององค์รัชทายาทนั้นตัดอ๋องยี่ออกจากตัวเลือกตั้งแต่แรกแล้ว

ฮองเฮาเย่ส่ายหัว “นิสัยของฮ่องเต้ข้าเข้าใจดี ฮ่องเต้อยากจะใช้องค์หญิงเหอซื่อมาจัดการอำนาจในวัง ให้องค์ชายเป็นใหญ่ ให้พวกเขาไม่อาจทำผิด และลูกก็เป็นองค์รัชทายาทแล้ว คงไม่ให้ลูกอภิเษกกับองคืหญิงเหอซื่อเป็นแน่ แต่เวินอ๋องมีหลัวเอ่อแล้ว และตระกุลเย่ตอนนี้ก็อำนาจลดลงจากเมื่อก่อน โดยปกติแล้ว น่าจะเหลือแต่หมิงอ๋อง”

บวกกับที่มีอ๋องยี่ร่วมด้วย องค์หญิงเหอซื่อคงไม่ตกถึงมือเขาแน่นอน

“ความหมายของท่านแม่คือ ท่านพ่อมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ว่าจะให้องค์หญิงอภิเษกกับหมิงอ๋อง?” องค์รัชทายาทคิดไม่ถึงขั้นนี้ “แต่ว่าหมิงอ่องบอกอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่อภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อ ท่านพ่อเข้าใจนิสัยของเขาดี เรื่องที่เขาอยากทำ ไม่มีใครบังคับเขาได้” องค์รัชทายาทขมวดคิ้วและพูดเสียงเข้ม ราวกับกำลังครุ่นคิดอยู่

ฮองเฮาเย่พยักหน้า โม่ฉีหมิงเด็กคนนั้น นิสัยเหมือนกับเฉินเฟยอย่างกับแกะ ทั้งดื้นรั้นและมุ่งมั่น เรื่องที่ตัดสินใจแล้วก็ไม่เคยเปลี่ยนใจ แต่ฮองเต้กลับรักแต่พวกเขาทั้งสอง

“วิธีนั้นมาจากคนคิด เรื่องนี้จะให้เวินอ๋องมายุ่งไม่ได้ ลูกมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม?” ฮองเอาเย่จิบน้ำชา ให้รสชาติมันค่อยๆไหลผ่านลงคอไป

อยากจะให้หมิงอ๋องอภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อ ไม่ใช่ว่าจะหาวิธีไม่ได้ องค์รัชทายาทครุ่นคิดพลางกล่าวขึ้น “ในเมื่อท่านพ่ออยากจะให้หมิงอ๋องอภิเษกกับองค์หญิงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็เท่ากับเรื่องนี้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทางเวินอ๋องนั้น ลูกคิดว่าทางชายาเวินน่าจะรู้ดีว่าควรรับมืออย่างไร”

คนนอกจะเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ให้พูดถึงชายาเวินนั้น เมื่อก่อนไม่มีใครควบคุมเวินอ๋องได้เลย แต่มีเพียงนางที่ทำได้

ฮองเฮาเย่ค่อยๆยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง เมื่อพูดถึงเย่เซียวหลัว ในใจของนางก็มีความสุขขึ้นมา

ที่แท้เป็นเพราะเย่เซียวหลัวนั้นร้ายกาจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อภิเษกกับองค์รัชทายาท แต่ก็ทำให้นางไม่เปลืองแรงและความคิด

มิเช่นนั้น การอาละวาดของนางนั้น ทำให้เดือดร้อนกันไปหลายวันทีเดียว นางไม่มีอารมณ์ที่จะไปยุ่งเรื่องของเด็กๆสักเท่าไหร่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ไปเถอะ เรื่องนี้ยิ่งจัดการได้เร็วยิ่งดี” ฮองเฮาเย่โบกมือ แล้วเดินกลับเข้าไปพักในห้อง

เพราะเรื่องของหรงฝิน ทำให้นางไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มสักวัน

ถึงแม้ว่านางรับใช้ที่มาใหม่จะเฉียบแหลมคล่องแคล่ว แต่ไม่รู้ใจเอ ไม่รู้ว่าต้องสอนอีกเท่าไหร่ ถึงจะสอนออกมาได้อย่างวี่จือ

ทางด้านเวินอ่องก็วุ่นวายกันทั้งวัน หลังจากที่มีข่าวออกมาจากวัง เย่เซียวหลัวก็ทำโทษข้าทาสบริพาลในเรือนทั้งหมดครั้งหนึ่ง

ที่ชานเรือนด้านนอก มีนางรับใช้ในวังคุกเข่าอยู่เต็มไปหมด ทุกคนต่างรอคำสั่งจากนาง ไม่มีแม้แต่คนเดียวกล้าเงยหน้าขึ้นมามองนาง

“พระชายาคะ พวกเขาคุกเข่ากันมาหนึ่งยามแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักท่านอ๋องก้น่าจะกลับมา ถ้าเขาเห็นคงจะไม่ดีนัก” นางรับใช้ประจำตัวของเย่เซียวหลัวกล้าพูดเสนอขึ้น และถือเป็นการช่วยพวกเขาไปในตัว

เย่เซียวหลัวขมวดคิ้วงามๆนั้น แล้วพุดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ไม่ตั้งใจทำงาน จะลงโทษอย่างไรดี?นางรับใช้พวกนี้เป็นคนทำให้บรรยากาศในนี้เสีย ถ้าหากเวินอ๋องกลับมา ข้ารู้ดีว่าควรพูดอย่างไร จะกลัวอะไร?”

นางรับใช้คนนั้นรู้นิสัยของเย่เซียวหลัวดี ดูแลนางมาตั้งแต่เล็กจนโต นางนั้นเอาแต่ใจจนเคยตัว เมื่อนางไม่พอใจ ก็จะมาระบายลงที่คนอื่นเสมอ”

เด็กรับใช้พวกนี้ ถูกตีถูกด่ามาไม่น้อย

“พระชายา พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร ถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงหูฮองเฮาในวังล่ะก็ กลัวว่าเขาจะโกรธ แล้วพระชายาที่เป็นที่รักของเขาที่สุด ถ้าหากทำให้เขาไม่พอใจเรื่องนี้ จะไม่คุ้มกันนะคะ” นางรับใช้คนนั้นกระซิบข้างหู ราวกับรู้จุดอ่อนของนางดี

ใช่สิ ต้วนกุ้ยเฟยเป็นคนที่นางกลัวที่สุด การที่นางอภิเษกกับเวินอ่องนั้น ก็เป็นหนึ่งในแผนการ หรือจะพูดได้ว่าเวินอ่องไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางแม้แต่น้อย ถ้าหากไม่ได้ความร่วมมือจากต้วนกุ้ยเฟย พวกเขาสองคนจะอยุ่ด้วยกันยังไง?

นี่ถือว่าต่อให้จะโมโหขนาดไหน ก็จะไปถึงหูต้วนกุ้ยเฟยไม่ได้ นางในสายตาของต้วนกุ้ยเฟยเป็นคนจิตใจดีมีความอ่อนโยน แต่การลงโทษเด็กรับใช้โวยวายอย่างนี้ มันอะไรกัน?

เย่เซียวหลัวหันไปมองนาง โยนของในมือลง แล้วหันไปด่า “นางนี่มันกล้าจริงๆนะ กล้าจนถึงขนาดพูดถึงท่านแม่ เอาเถอะ พวกนางออกไปกันก่อน”

นางรับใช้คนนั้นโล่งอกไป นางก็แค่ไม่อยากให้เด็กรับใช้ในเรือนต้องมารองรับความโกรธที่ใหญ่เพียงนี้

และอีกอย่าง เวินอ๋องใกล้จะกลับมาแล้ว เวินอ๋องไม่ชอบนิสัยโวยวายเอาแต่ใจของนาง ถ้าหากเขาได้รุ้ว่าในเรือนเกิดเรื่องขึ้น ต้องโวยวายอย่างแน่นอน

หลังจากทานอาหารเสร็จ เวินอ่องก้กลับมาถึงเรือนพอดี เย่เซียวหลัวที่รอเขาอยู่แล้ว เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา จึงรีบเดินออกไปต้อนรับ

“เวินอ๋อง ท่านกลับมาแล้ว คืนนี้มีแต่อาหารที่ท่านชอบทั้งนั้น ข้าลงมือทำเอง” เย่เซียวหลัวเดินไปรับผ้าคลุมต่อจากเขาแล้วยื่นให้เด็กรับใช้อีกที แล้วประคองเขามานั่งที่โต๊ะ

เวินอ่องมอง แล้วมีสีหน้าไม่ดีนัก “นี่เป็นอาหารในครัวชัดๆ อย่ามาหลอกข้า อาหารที่เจ้าทำไม่เละจนเป็นน้ำ ก็ไหม้จนต้องเททิ้ง ไม่ดูดีอย่างนี้หรอก”

ฝีมือของเย่เซียวหลัวเขาเคยกินตั้งแต่หลังจากที่อภิเษกกันได้สองวัน สุดท้าย ก็ไม่กล้าให้นางลงมือทำอีก

ถูกเวินอ๋องวิจารณ์ฝีมือเช่นนี้ ในใจของเย่เซียวหลัวรู้สึกไม่ดีนัก แต่ว่าไม่กล้าโมโหออกมาต่อหน้าเขา และโกรธไม่ลงเช่นกัน

“เวินอ๋อง ท่านก็รู้ว่าข้าไม่เคยทำกับข้าวมาก่อนตั้งแต่เด็ก นั่นเป็นการทำกับข้าวครั้งแรกของข้า เลยทำได้ไม่ดี ช่วงนี้ข้าพยายามเรียนและฝึกทำ แม้กระทั่งพ่อครัวยังชมว่าข้ามีพัฒนาเร็ว เรียนรู้ได้ดี กับข้าวคืนนี้ข้าทำเองทั้งหมดจริงๆ จะทำได้ดีหรือไม่ ก็เป็นความตั้งใจของข้า” เย่เซียงหลัวรีบพูดอธิบาย ช่วงนี้ นางพยายามฝึกฝีมือการทำกับข้าวเพื่อเวินอ๋องจริงๆ

เพียงแต่พัฒนาการช้า เรียนรู้ได้ไม่ดีนัก ไม่ตั้งใจสักเท่าไหร่ กับข้าวคืนนี้นางผลงานของนางจริงๆ แต่ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของพ่อครัวใหญ่ นางนอกจากยกจานมาแล้วนั้น ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย

“จริงเหรอ? ข้าชิมดูหน่อย” เวินอ๋องหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วคีบโหวจื่อโถวมาชิม

กินอาหารที่พ่อครัวทำมานานทำไมจะไม่รู้ ว่านี่เป็นรสชาติที่กินบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

ในเมื่อเย่เซียวหลัวชอบเอาผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง เขาก็จะทำให้นางพอใจสิ่งที่นางต้องการ

“อร่อยดี ฝีมือนางดีขึ้นแล้วจริงๆด้วย” เวินอ๋องชม

เย่เซียวหลัวยิ้มอย่างได้ใจ ฟูฟ่องไปทั้งใจ คิดว่าเขาชอบจริงๆ แล้วนึกถึงเรื่องที่เกิดในวันนี้ จะถามเขาเสียหน่อย

“เวินอ๋อง ได้ข่าวมาว่าวันนี้ท่านไปขอท่านพ่ออภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อ จริงหรือ?” เย่เซียวหลัวถามเวินอ๋องที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

เวินอ๋องซดน้ำซุป แล้วค่อยๆตอบกลับอย่างระมัดระวังเช่นกัน “จริง”

ทันใดนั้น แก้วที่ข้างมือเย่เซียวหลัวก็ตกลงที่พื้น จนมีเสียงดังขึ้นมา

สภาพที่นางกำลังตกตะลึงนั้นถุกปลุกขึ้นด้วยเสียงนั้น จึงได้สติขึ้นมา “ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

เวินอ๋องยิ้มอ่อนๆที่มุมปาก แล้วตอบด้วยความอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเย็นชา “ข้าบอกว่า ข้าจะอภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อ นางตกใจเหรอ?”

องค์หญิงเหอซื่อ? ทำไมถึงเป็นองค์หญิงเหอซื่อ?

คิ้วที่ราวกับบรรจงวาดของเย่เซียวหลัวนั้นขมวดขึ้นมา ราวกับเป็นคลื่นที่เกิดขึ้นมาบนภาพวาด เป็นน้ำที่ค่อยๆผุดขึ้นมาและค่อยๆเป็นประกาดสีแดงเหมือนกับไฟขึ้นมา

“เวินอ๋อง ท่าน ท่านจะอภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อจริงหรือ? ข้า ท่านมีข้ายังไม่พอใช่ไหม? องค์หญิงเหอซื่อ นาง นางมีอะไรดี?” เย่เซี่ยวหัวกุมหน้าอกตัวเองที่เต้นอย่างรุนแรงเอาไว้

อารมณ์บนใบหน้าเขาในตอนนี้ทำให้มองความหยิ่งยโสที่มีอยู่ไม่ออก นางในตอนนี้ เหมือนกับหญิงสาวขี้อิจฉาคนหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เวินอ๋องไม่ได้ตอบเขา เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ

ความหมายของเขาคืออะไร ใครๆก็เข้าใจ

เย่เซียวหลัวไม่มีทางที่จะทำเป็นไม่รับรู้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก