ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 272

ตอนที่ 272 คอยผสมโรง

แสงไฟที่สอดส่องเข้าไปในห้องค่อยๆดับลง และสอดส่องไปยังหน้าของทั้งสองคน สายตาของเย่เซียวหลัวเปล่งประกายออกมาเบาๆ และยิ่งอยู่ก็ยิ่งเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน

“ที่เจ้าบอกคือให้ข้าไปจัดการองค์หญิงเหอซื่อ ทำให้นางตายใจ และเลือกองค์ชายใหม่อีกครั้งนั่นหรือ?”เย่เซียวหลัวที่หยุดชะงักไปได้มีสติขึ้นมาอีกครั้ง

จิ่นซื่อพยักหน้าด้วยความเห็นด้วย “ไม่เลว มีแค่เยี่ยงนี้ ที่จะสามารถทำให้โล่หวินหลานแต่งกับองค์ชายท่านอื่นแทน แต่ไม่ใช่เวินอ๋อง”

“แต่ว่าองค์หญิงเหอซื่อจะอยู่ในวังเวลานาน รอบตัวนางยังคงมีทหารจากแคว้นเซิ่งโจวคอยคุ้มครอง อย่าพูดว่าไปจัดการกับนางเลย นี่ตัวข้าเองจะเข้าไปเยี่ยงไรยังเป็นปัญหาเลย อีกอย่างข้าเข้าไปถึงแล้ว ต้องทำเยี่ยงไร?” เย่เซียวหลัววิเคราะห์ถึงหลายๆอย่างด้วยเหตุผล หน้าผากขมวดเป็นปม

ฟ้าได้ค่อยๆมืดลง จิ่นซื่อรีบบอกให้นางออกจากที่นี่ สายตาของนางมองไปยังฉากกั้น ถึงจะพูดขึ้น “ทหารแห่งแคว้นเซิ่งโจวถึงแม้ทำตามหน้าที่ทหารต้องคุ้มครององค์หญิง แต่ไม่ใช่ว่าจะอยู่ข้างๆนางตลอดเวลา พระชายาก็แค่อ้างว่าท่านไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์ เลยขอให้องค์หญิงเหอซื่อช่วย เขาจะยังกล้าพูดอะไรอีกหรือไม่?”

พอฟังคำพูดของจิ่นซื่อจบ จู่ๆเย่เซียวหลัวก็เกิดอาการดีใจขึ้นมา รู้สึกที่นางพูดก็ถูกมากๆ จริงๆมันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ทำไมนางเองถึงคิดไม่ได้ล่ะ?

เป็นเพราะคนที่เจอเองและเป็นเองจะนึกไม่ออก คนรอบข้างจะมีสติมากกว่า!

“ดี ข้ารู้แล้ว ฟ้าก็มืดสนิทลง เจ้ารีบไปพักผ่อน ข้าก็จะกลับเหมือนกัน” เย่เซียวหลัวพูดจบก็เดินไปข้างนอก และถูกจิ่นซื่อเรียกให้หยุด

“ข้างนอกฟ้ามืดแล้ว เดี๋ยวข้าจะเรียกทหารไปส่งท่านเอง!”จิ่นซื่อพูดจบ ไม่รอให้นางเอ่ยปากพูด ก็สั่งทหารที่คอยปกป้องนางไปส่งนาง จนลงไปถึงใต้ตึก นางถึงกลับห้องไปพักผ่อน

คนๆนั้นเดินออกมาตั้งนานแล้ว และนั่งอยู่ตรงโต๊ะและกำลังดื่มน้ำอยู่ คิ้วทั้งสองข้างนั้นกระตุกขึ้น เหมือนกำลังคิดแผนบางอย่างอยู่

“เมื่อกี้ท่านก็ได้ยินหมดเลย ข้าพูดตามที่ท่านสั่งให้ข้าพูดหมดเลย” จิ่นซื่อนั่งอยู่ข้างๆเขา และกำลังเทน้ำชาให้เขาดื่ม

คนๆนั้นพยักหน้า นางก็พูดขึ้นอีก “องค์รัชทายาทฉลาดหลากแหลมจริงๆ ท่านรู้ได้เยี่ยงไรว่าคืนนี้พระชายาเวินอ๋องจะมาถามข้าเรื่องนี้?”

องค์รัชทายาทสวมใส่ชุดสีดำ ทำให้เขาดูยิ่งผอมเพรียว แต่ว่าดวงตาของเขานั้นไม่เหมือนคนธรรมดา เหมือนกำลังคิดจะวางแผนอะไรบางอย่างอยู่

เขาค่อยๆเอ่ยปาก “ข้าบอกเรื่องที่เวินอ๋องขอองค์หญิงเหอซื่อเล่าให้นางฟัง นางไม่ได้คำตอบจากเวินอ๋อง ก็ต้องมาหาเจ้าเป็นเรื่องธรรมดา”

จิ่นซื่อหัวเราะหนักมาก นางขยับร่างของตนไปเข้าใกล้กับร่างของเขา และยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “องค์รัชทายาทเก่งกาจจริงๆ จิ่นซื่อมิกล้าเอาตนเองไปเปรียบเทียบเลยทีเดียว”

มือของนางค่อยๆลูบไล่ขึ้นไปตรงแผงอกด้านบนของเขา และค่อยๆแกะกระดุมของออก ร่างของนางเหมือนงูที่เลื้อยพันตัวของเขาไว้

องค์รัชทายาทก้มหน้าลงมองนาง และอุ้มตัวนางขึ้นแล้วเดินไปที่เตียงนอน

ม่านถูกปิดลง ผืนฟ้าข้างนอกได้มืดมัวลงแล้ว มีแค่แสงไฟจากเทียนไขในห้องนอนสว่างไสว

อาการของหมิงซีดีขึ้นเยอะ ถึงแม้จะไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนขึ้นแล้ว แต่ทั้งตัวก็ยังคงอ่อนเพลียและไม่มีแรงลุกขึ้น

ตอนนี้นับจากเวลากินยานั้นผ่านไปสองวันแล้ว ดอกบัวจากภูเขาหิมะเริ่มออกฤทธิ์ แล้วค่อยๆทำให้พละพลังของหมิงซีฟื้นฟูกลับมา

“อาลั่วหลัน เจ้าป้อนข้าวให้เขากินได้เลยนะ อย่าให้เขาดื่มโจ๊กอีก” โล่หวินหลานจับมือหมิงซีเก็บเข้าไปใต้ผ้าห่ม

“ร่างกายปรับสภาพได้เร็ว ไม่กี่วันก็คงหายแล้ว สรรพคุณของดอกบัวจากภูเขาหิมะยอดเยี่ยมไปเลย” โล่หวินหลานพร่ำเพ้อถึง ดอกบัวจากภูเขาหิมะหาได้แค่ในยุคสมัยโบราณจริงๆ

“ร่างกายของข้า ข้ารู้ดีที่สุด ตั้งแต่ที่ได้กินดอกบัว ข้าก็รู้สึกมีพลังภายในแปลกๆที่กำลังฉุดข้าไว้ ทำให้ข้ามีพละกำลังเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า มีชีวิตชีวมากยิ่งขึ้น เหมือนทั่วร่างกายของข้ากระฉุดมีกำลังขึ้นมา” หมิงซีขยับไหล่ของตนเอง ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ที่เขาอยู่บนเขา เขามักจะกินยามาหลายๆอย่าง แต่ไม่มีอันไหนที่มีฤทธิ์เยอะเยี่ยงนี้ วิชาการแพทย์ของโล่หวินหลานยิ่งอยู่ก็ยิ่งอัศจรรย์ขึ้นเรื่อยๆ

“เป็นเยี่ยงนี้ไม่ถือว่าดี เพราะว่ามีอาลั่วหลันดูแลเจ้าอยู่ข้างๆทั้งวันทั้งคืน เจ้าถึงได้หายไวเยี่ยงนี้” โล่หวินหลานมองอาลั่วหลันที่ยืนอยู่ข้างๆนาง นางทำหน้าเขินอายเหมือนท่าทางที่สาวน้อยมักจะมี และมิกล้าพูดอะไร

เขาสลบไปหลายวันเยี่ยงนี้ คนที่ไม่ออกห่างไปไหนก็มีแค่อาลั่วหลันนี่แหละ

ถ้าไม่ใช่เพราะอาลั่วหลันคอยดูแลเขาไม่ไปไหน อาการของเขาก็คงไม่หายไวเยี่ยงนี้ แค่เขาไม่ยอมรับเท่านั้นเอง

“ข้าไปดูซุปที่ห้องครัวว่าเสร็จหรือยัง พวกเจ้าคุยกันไปก่อน” แก้มของอาลั่วหลันเริ่มร้อนและแดงขึ้น และค่อยๆก้มหน้าลงแล้วหันหลังผลักประตูออกแล้วเดินออกไป

อยู่ในแคว้นเซิ่งโจว นางไม่เคยชอบชายผู้ใดเลย และก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ถูกชอบเป็นเยี่ยงใด แต่ว่าตั้งแต่มาเจอหมิงซี นางก็รู้เลยว่าใจสั่นคือเยี่ยงไร ถ้าไม่ใช่เขา นางก็คงไม่รู้ว่ารักคืออะไร

ต่อหน้าเขา บอกว่าไม่ตื่นเต้นเป็นเรื่องโกหก มันก็มีบางครั้งที่รู้สึกอึดอัด แต่ว่านางก็สามารถแยกแยะและควบคุมตัวเองได้

พอมองอาลั่วหลันค่อยๆเดินจากไป โล่หวินหลานถอนหายใจแรงๆ และดูไปยังหมิงซีที่ทำสายตาเย็นชาอยู่

“เจ้าต้องรู้ความในใจของนางหรือเปล่า ผ่านมานานเยี่ยงนี้ นางอยู่เคียงข้างเจ้าไม่จากไปไหน แม้แต่ตอนเวลาที่ลำบากที่สุดนางก็ฝ่าฝันมากับเขา ทุกวันนี้ คนที่ยอมดูแลเจ้าขนาดนี้มีน้อยคนจริงๆ” โล่หวินหลานมองหมิงซี สีหน้าของนางสื่อให้เห็นว่าอยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน

“ข้าแบ่งแยกไว้อยู่แล้ว เรื่องของตนเองยังไม่ได้จัดการเลย ทำไมถึงมากลุ้มเรื่องของข้า” หมิงซีขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ และพลิกตัวไปแล้วมองไปอีกข้างหนึ่ง

มีแต่ความคิดที่ยึดตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เดี๋ยวถึงเวลาที่ได้จากกันจริงๆแล้วจะกลัว ถึงจะรู้ความในใจของตัวเองจริงๆ

ตัวของเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน คำพูดของโล่หวินหลานและหมิงซีเมื่อครู่ ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เกล็ดหิมะข้างนอกลอยไปลอยมาอย่างรุนแรง และตกลงมาเกาะอยู่เรือนร่างนาง ทำให้ความร้อนรนและความตื่นเต้นนั้นได้หายไป

อาลั่วหลันยทนอยู่ข้างนอกเพื่อรักลมหนาว และกำลังเตรียมตัวไปห้องครัวไปดูซุปที่ต้มไว้เสร็จหรือยัง และยังไม่ทันได้เดินก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น

“ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ขนาดข้าพวกเจ้ายังกล้าขวาง คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่?” เย่เซียวหลัวด่าพวกบ่าวที่ขวางนางไว้

อาลั่วหลันอาศัยอยู่ที่พักของนางสนมมานาน ไม่เคยเห็นเย่เซียวหลัวที่ดูร้ายกาจและน่ากลัวเยี่ยงนี้มาก่อน และไม่เคยรู้จักนางเป็นใคร และได้แต่ไปยืนขวางนางไว้

“เจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงบุกรุกเข้ามาตำหนักของคนอื่นเยี่ยงนี้?” อาลั่วหลันมองนางแต่งตัวไม่เห็นบ่าวรับใช้ คงจะเป็นพระชายาหรือองค์หญิงนี่แหละ

เย่เซียวหลัวจะพุ่งเข้าไปในนั่นให้ได้ ตอนนี้นางขาดสติไปแล้ว ไม่รู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่

ในสายตาและหัวสมองชองนางคิดแค่เรื่องที่จะยับยั้งความคิดขององค์หญิงเหอซื่อ นางตอนที่โมโหไม่อาจจะทำตามสิ่งที่คนอื่นตักเตือนได้

นี่แท้ก็คือเสือที่แกมโกงนี่เอง ตอนอาลั่วหลันอยู่แคว้นเซิ่งโจวมีอะไรบ้างที่นางไม่เคยเจอ นิสัยอย่างเย่เซียวหลัวนางไม่เคยเอาไปคิดและรู้สึกกลัวในใจเลย

ตอนแรก นางถูกทารุณจนต้องทนทุกข์ทรมาน คนที่เคยเจอก็มีแค่คนตีสองหน้า จิตใจโหดเหี้ยมก็มีมาก ที่จริงนางนึกว่ามาถึงแคว้นโม่ฉีจะสามารถสงบสุขขึ้นมาสักพัก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าที่นี่จะเป็นเหมือนกัน

“ข้าเป็นใครเจ้าไม่สมควรได้รู้ ไปตามองค์หญิงเหอซื่อออกมา ข้าจะเจอนาง” เย่เซียวหลัวคุมเสื้อคลุมสีม่วงอ่อนไว้ เสื้อข้างในก็เป็นสีม่วงเช่นกัน ในท่ามกลางฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะขาวทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา

พอฟังคำที่ไม่ค่อยเป็นมิตร อาลั่วหลันกำลังจะเอ่ยปากพูดคำๆนึงออกมา แต่ลิ้นของนางกลับพูดคำอื่นออกมา “องค์หญิงของพวกข้าคือใครอยากเจอก็เจอได้เลยหรือ? ท่านมีนามว่าอะไร ข้าจะเข้าไปทูลก่อน”

เย่เซียวหลัวมาตัวคนเดียว ขนาดบ่าวยังไม่ติดตามมาสักคน นางได้เตรียมตัวจะมาสู้ตาย ถ้าไม่บรรลุเป้าหมาย นางจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

นางฟังคำพูดของอาลั่วหลานเหมือนจะตื่นเต้น เลยหัวเราะขึ้น “จากคำพูดของเจ้าแสดงว่านางอยู่ข้างใน ถ้าเจ้าไม่เรียกออกมา ข้าได้แค่จะพุ่งเข้าไปอย่างเดียว

คิ้วของนางดูเย็นชาขึ้นมาทันที นางกระตุกคิ้วขึ้นอย่างเย็นชา สายตาคู่นั้นจับจ้องฝ่ายตรงข้ามอยู่ ทำให้คนอื่นรู้สึกกลัวขึ้นมา

“หยุดเดี๋ยวนี้ ช้าไม่สนว่าที่มาของเจ้าคือเยี่ยงไร ยังไงข้าอยู่ที่นี่ เจ้าอย่าคิดเลยว่าจะหลุดเข้าไปได้ ข้าจะไม่ยอมให้จ้าเข้าไปเด็ดขาด” อาลั่วหลันยื่นมือทั้งสองข้างออกไปต่อหน้านาง

ผู้หญิงที่โหดเหี้ยม ชอบบังคับคนอื่นไปมั่ว ก็มีขอบเขตจำกัดไว้บ้าง

แค่พลังที่แสดงออกมาก็เหนือกว่าอาลั่วหลันแล้ว อารมณ์ของนางตอนนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกตกใจ

“ที่มาของข้าเป็นเยี่ยงไรเจ้าไม่สมควรได้รับรู้ เจ้ารู้แค่ว่าวันนี้ข้าเป็นเจอองค์หญิงเหอซื่อให้ได้ก็พอ” เย่เซียวหลัวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เสียงทะเลาะกันของทั้งสองถูกส่งเข้าไปในหูของโล่หวินหลาน นางฟังได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่ฟังออกว่าน้ำเสียงของพวกเขาไม่ค่อยเป็นมิตรกันนัก เหมือนกำลังจะทะเลาะขึ้นมาจริงๆ

“หมิงซี ข้าออกไปดูก่อน เจ้าไม่ต้องออกไป” โล่หวินหลานทำหน้าผากเหี่ยว ในใจรู้สึกไม่ดีเลย

“ไปเถอะ เจ้าระวังตัวหน่อยละกัน” หมิงซีพยักหน้าให้นาง เพื่อสื่อให้นางเดินไปข้างหน้า

เย่เซียวหลัวกดคิ้วให้ต่ำลง สีหน้าของนางเผยยิ้มที่ดูโหดเหี้ยมออกมา และเดินไปใกล้อาลั่วหลันเป็นก้าวๆ วันนี้ยังไงนางก็ต้องเจอองค์หญิงเหอซื่อให้ได้

“ถอยไป” ฝีเท้าของนางหยุดอยู่ตรงหน้าของอาลั่วหลัน ทั้งร่างกายของนางห่างจากนางไม่กี่ก้าว แค่ยื่นมือออกไป ก็สามารถบีบคอนางตายได้

จู่ๆไหล่ของอาลั่วหลันก็ถูกใครบางคนจับไว้ ดวงตาอันเรียวยาวนั้นทำให้นางต้องออกจากที่นั่น โล่หวินหลานมาจับนางไว้

“ที่แท้ก็คือพระชายาเวินอ๋องนี่เอง ไม่รู้ว่าท่านเสด็จมา มีธุระอะไรหรือเจ้าคะ?” โล่หวินหลานผลักอาลั่วหลันที่อยู่ข้างหลังนางอย่างไม่บอกกันก่อน

เย่เซียวหลัวกำลังจ้องมองนางอยู่ และใช้สายตาที่โหดเหี้ยมมองไปที่นาง “ข้าคิดว่าเจ้าไม่กล้าออกมาสักแล้ว? เลยเรียกบ่าวมาขว้างไว้ เจ้าคงไม่คิดกำลังจะวางแผนจะต่อกับข้าเยี่ยงไรใช่หรือไม่?”

พอฟังคำพูดของนางแล้ว โล่หวินหลานยิ้มแบบกดขี่นาง และหัวเราะขึ้นอย่างไม่เกรงใจ และเดินไปข้างหน้า “พระชายาเวินอ๋อง ท่านคิดว่าท่านเป็นใคร? ทำไมข้าต้องคิดแผนจะสู้กับท่าน? อีกอย่างพวกข้าไม่ได้สนิทสนมกัน ข้าจำเป็นต้องเสียเวลาไปต่อสู้กับผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตข้าเยี่ยงนี้เลยหรือ?”

โล่หวินหลานกำลังหัวเราะเยาะ เย่เซียวหลัวทำฐานะที่ตนมีให้สูงขึ้น ที่จริงก็แค่นางเป็นลูกสาวตระกูลเย่ แล้วภายหลังก็แต่งงานกับเวินอ๋อง ตำแหน่งและยศศักดิ์ก็เลยสูงส่งขึ้น

แต่ว่าถ้าพูดคำพูดพวกนี้ออกไป ก็คงจะหาที่ตาย

“เจ้า ดีที่เจ้าทำเป็นปากเก่ง ข้าก็ไม่อยากพูดพวกนี้กับเจ้า ข้าแค่จะถามเจ้า เจ้าเองใช่หรือไม่ที่ขอให้เวินอ๋องสู่ขอเจ้าต่อหน้าฮ่องเต้?” เย่เซียวหลัวทำตากลมมองนางอยู่ เหมือนกำลังรอคำตอบจากนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก