ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 273

ตอนที่ 273 บาดเจ็บแสนสาหัส

ตามที่คิดไว้จริงๆ เย่เซียวหลัวมาถึงราชวัง และยังกล้าพุ่งเข้ามา หาตนเองเยี่ยงนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเรื่องสมรสจะเป็นเรื่องอะไรอีก

ถึงแม้นางไม่รู้ว่าทำไมเวินอ๋องถึงขอนางแต่งงานในห้องสมุด แต่ว่าสิ่งที่นางรู้คือ ไม่ว่าจุดประสงค์ของเขาจะเป็นเยี่ยงนี้ คนที่จะมาหาตนเองก็มีแค่เย่เซียวหลัว

หรือว่าเขาทำเยี่ยงนี้ แต่เป็นเพราะอยากจะประกาศศึกของเย่เซียวหลัวกับตนเอง ให้ฮ่องเต้ได้เห็น และลงโทษบาปของเย่เซียวหลัว?

ถ้าตามด้วยการเป็นคนของเวินอ๋องคงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน ในใจของโล่หวินหลานรู้สึกสงสัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเยี่ยงไร นางห้ามติดกับดักเขาเด็ดขาด

“พระชายาเวินอ๋อง เวินอ๋องเป็นของท่าน เขาทำเยี่ยงไรไปทำไม ท่านน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดถึงจะถูก นี่ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ จะไปรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง? เรื่องสมรสนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฮ่องเต้เป็นฝ่ายตัดสินใจทั้งหมด ข้าเป็นแค่องค์หญิงตัวเล็กๆ จะสามารถพูดอะไรได้บ้าง?” โล่หวินหลานตั้งคำถามมากมายเพื่อเป็นความเป็นจริงออกมา ถ้าจะพูดเรื่องนี้ ก็ไปหาเวินอ๋องถึงจะถูก”

แต่ว่ากลับไม่ได้คิดเยี่ยงนี้ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อก่อน ในใจของนางมีแค่เวินอ๋องเพียงผู้เดียว ไม่ว่าเวินอ๋องจำทำอะไรบ้าง เขาก็ไม่เคยผิด

“เจ้านี่มันนางร้าย เจ้าไปยั่วเวินอ๋องในที่ลับตั้งแต่เมื่อไหร่ ตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องสักอย่าง ดูๆแล้วเหมือนเวินอ๋องจะคิดผิดนะ” เย่เซียวหลัวเครียดจนหน้าร้อนแดง และชี้หน้าด่าองค์หญิงเหอซื่อ

โล่หวินหลานยิ้มแห้งๆขึ้น “พระชายาเวินอ๋อง เชิญท่านกลับก่อนเถอะ ข้ายังมีธุระต่อ ไม่ส่งท่านล่ะ”

คนที่ตกหลุมพรางความรักนี่มันไม่มีเหตุผลจริงๆ เย่เซียวหลัวมีแต่ความกล้าแต่ไม่มีการวางแผน มักจะใช้แต่อารมณ์ในการทำทุกอย่าง

พูดจบ โล่หวินหลานกำลังจะหันจากไป ถ้านางเดินจากไปแบบไม่สนใจอะไรเยี่ยงนี้ วันนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นความผิดของนางหมดหรือ

ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูของฮ่องเต้ ปกติที่นางพยายามทำตัวเป็นหญิงสาวที่ดีแต่คุณธรรมก็อาจจะถูกลบล้างจนหมด ถึงเวลา พระชายาต้วนก็มิอาจสนใจนางได้

ถ้าพวกเขาไม่ได้ปกป้องนางแล้ว เวินอ๋องคิดจะมองนางแม้แต่นิดเดียวอีกหรือ? นางจะอยู่กับเวินอ๋องได้เยี่ยงไร?

“ข้าสั่งให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าจะไปหาคนรักใช่หรือไม่? องค์หญิงเหอซื่อ เจ้ามันช่างกล้าจริงนัก ที่แอบมีคนรักในวังเยี่ยงนี้ เจ้าพูดออกมาให้หมด คนที่อยู่ข้างในนั้นคือใคร?” เย่เซียวหลัวก้าวไปข้างหน้าสองก้าว น้ำเสียงของนางแหบเล็กน้อย ฟังดูแล้วเหมือนกำลังจะหาเรื่อง

แต่ว่า ทันใดนั้นฝีเท้าของโล่หวินหลานได้หยุดลง เหมือนนางยกขาไม่ขึ้น

สีหน้าของนางดูเริ่มเขียวจนดูแย่ ยังดีที่นางหันหลังให้กับเย่เซียวหลัว สีหน้าของนางเลยไม่อาจทำร้ายตัวนางได้

อาลั่วหลันที่อยู่ข้างๆทนฟังไม่ได้อีกต่อไป จู่ก็มีหญิงสาวที่ไหนโผล่ออกมาแบบแปลกๆ แล้วยังจะมาพูดจาแปลกๆ ไม่สนแม้แต่มันคือเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก เรื่องเยี่ยงนี้ไม่สามารถพูดไปเรื่อยเปื่อยได้

“เจ้าอย่าพูดเรื่อยเปื่อย องค์…..องค์หญิงไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ แต่กลับเป็นเจ้า ดูแลคนรักของเจ้าไว้ไม่ได้ กลับมาว่าคนอื่นเยี่ยงนี้มันไม่ใช่เรื่อง ดูๆแล้วอีกไม่นานเจ้าคงถูกปลดจากการเป็นพระชายาอย่างแน่นอน” อาลั่วหลันดูจมูกของเย่เซียวหลัวเหมือนมีควันแห่งความโกรธพุ่งออกมา

ผ่านไปสักพัก สีหน้าของเย่เซียวหลัวยิ่งอยู่ยิ่งเขียวและม่วงขึ้น โล่หวินหลานเห็นแล้วตกใจ กลัวนางจะทำอะไรที่ทุกคนต่างคาดคิดไม่ถึง

“เจ้า เจ้าพูดว่าอะไรนะ? มีปัญญาก็พูดใหม่อีกรอบสิ?” เย่เซียวหลัวชี้ไปที่หน้าและหูที่เริ่มแดงของอาลั่วหลัน สีหน้านั้นแดงเหมือนกำลังจะเล่นงิ้ว

ที่แท้ สิ่งที่นางกลัวและกังวลที่สุดก็คือถูกเวินอ๋องปลดจากการเป็นพระชายา

มันก็ใช่ เพราะทีแรกที่ได้เป็นพระชายาเวินอ๋องนางก็ใช้วิธีสกปรกอยู่แล้ว ก็ย่อมกังวลจะถูกปลดเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่ต้องกระวลกระวายเยี่ยงนี้

เห็นนางโมโหและโกรธมาก อาลั่วหลันนึกว่าตนเองไปแตะต้องโดนจุดที่บาดเจ็บของนาง ไม่ทันพูดอะไรก็สะบัดมือนางออก และพูดขึ้น “ที่ข้าพูดเจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรือยังไง? หรือว่าเจ้าตั้งใจ? ถ้าตั้งใจจริงๆ ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดอีกต่อไป”

เย่เซียวหลัวไม่เคยโดนใครใช้ท่าทีแบบนี้ด่าว่านาง นอกจากตอนที่โล่หวินหลานยังอยู่ แต่หลังจากตอนนั้น นางเคยสาบานว่าจะไม่ยอมให้ใครด่าว่านางอีก

วันนี้ กลับมีบ่าวที่โผล่ออกมาจากไหนมาชี้จมูกต่อว่านางเยี่ยงนี้ เรื่องนี้นางสมควรอดทนต่อไปอีกหรือไม่?

“เจ้ามันเป็นแค่บ่าวรับใช้ กลับกล้าชี้หน้าด่าข้าหรือ? ยังอยากมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่?” เย่เซียวหลัวพูดจบ ยกมือตบไปตรงหน้าของอาลั่วหลัน

เสียงปรบหน้าดังขึ้นอย่างชัดเจนและส่งไปยังหูของโล่หวินหลาน สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที สายตาของนางมีแต่หน้าโกรธของเย่เซียวหลัวที่กำลังตบหน้าคนอื่น

เสียงตบไม่หยุดของนางได้ดังขึ้นและทำให้หลายๆคนฟังหนวกหู โดยเฉพาะโล่หวินหลาน จู่ๆนางก็ถูกคนตบสองทีอย่างไม่เหลือเยื่อใย และกำลังจะได้ระบายความโกรธในใจออกมา

“พวกเจ้ามันคนชั้นต่ำ กล้าดียังไงมาตบข้า ข้าจะทำให้พวกเจ้าตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน” เย่เซียวหลัวจับหน้าที่โดนตบไว้ น้ำตาไหลริมออกมา ตั้งแต่นางก็ไม่เคยเจอความลำบากเยี่ยงนี้มาก่อน ยังไงก็ถูกคนตบไปสองทีนะ เรื่องนี้ นางคงกั้นกลืนไม่ได้อีกหรือเปล่า

โล่หวินหลานดึงอาลั่วหลันเพื่อออกจากที่นั่นด้วยกัน ใครจะนึกถึง พอหันหลังแล้ว ท่าทีของเย่เซียวหลัวรวดเร็วมาก นางได้ดึงเสื้อของอาลั่วหลันและผลักนางไปที่เสาหินที่อยู่ข้างๆ

นางได้เรียนวิชาการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นศัตรูจะมาจากทิศไหนนางก็ต้านทานได้ทันที โล่หวินหลานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางอย่างแน่นอน

โล่หวินหลานรีบหันหน้ากลับไป ยังไม่ทันได้พูดอะไร เย่เซียวหลัวได้เอามีดเล่มเล็กที่หนีบอยู่ตรงเอวของนางออกมาแล้ว และแทงไปที่นางโดยเร็ว

มีดเล่มนั้นได้แทงเข้าไปตรงหน้าท้องเล็กของโล่หวินหลาน ถ้าไม่ใช่เพราะนางถอยหลบไปข้างหลัง คงจะแทงโดนจุดสำคัญแน่ๆ

ความเจ็บปวดทำให้โล่หวินหลานลืมหายใจไปสักระยะ ขนาดแข้งขาของนางยังอ่อนตัวลงจนทำให้นางล่มลงกับพื้น

พื้นหิมะหนาวเย็นแค่ไหนนางไม่รู้ ช่วงที่นางกำลังสลบ ดวงตาของนางยังไม่หลับ และมองไปยังเย่เซียวหลัวผ่านแสงไฟที่ทำให้นางมองไปไม่ชัด

สถานการณ์แบบนี้เหมือนเคยเห็นตอนไหนมิรู้ นางยังคงเช็ดมีดที่เปื้อนคราบเลือดอย่างดีใจ และมองตนเองที่นอนกองอยู่กับพื้น

หนึ่งปีที่ผ่านมา นางก็ได้แต่ทำให้ตนเองมาถึงจุดๆนี้ และทำร้ายตนเองเข้าไปเรื่อยๆ แล้วทำแต่เรื่องแย่ๆ

หนึ่งปีที่ผ่านมาตอนอยู่ที่กระท่อมนั้น เหมือนมีเงาคนยิ่งอยู่ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ตนเอง เหมือนคนๆนั้นจะเป็นเย่เซียวหลัวในวันนี้

ในหัวสมองของโล่หวินหลานมีแต่ทั้งสองคนนี้โผล่มาเรื่อยๆ และนางตะโกนเสียงไม่ออกเลย

หรือว่า นางจะตายอีกครั้ง?

หรือว่าเรื่องตอนหนึ่งปีก่อนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถูกคนอื่นแทงตาย?

แผลที่ได้รับบาดเจ็บตอนหนึ่งปีก่อน ความทนทุกข์ทรมานที่ได้เผชิญ มันก็มากพอแล้ว นางกับคนที่นางรักได้ห่างหายจากกัน ความคิดถึงมันทำให้ยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีกสองเท่า ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เซียวหลัว นางจะเป็นเยี่ยงนี้ได้อย่างไร?

ไม่ นางทำไม่ได้

ต้องแก้แค้นให้ได้

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง องค์หญิงฟื้นแล้ว”เสียงของไซ่เย่วฟังดูเหมือนมีความสุข จังหวะฝีเท้าที่เร็วๆกำลังวิ่งออกไปข้างนอก

ตอนที่นางกลับเข้ามากลับมาเสียงฝีเท้าหนักหน่วงเพิ่มขึ้นอีกคน และด้านหลังตามมาด้วยหมอหลวงและเดินมาอยู่ต่อหน้าเขา

นางมองอะไรไม่ชัดเจน รู้แค่ว่ามีคนเอามือมาวางตรงข้อมือของนาง และกำลังวัดชีพจรให้นาง

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง?” เสียงหนักแน่นได้ถามขึ้น

“ทูลท่านอ๋อง ตอนนี้องค์หญิงไม่เป็นเยี่ยงไรแล้ว แต่แค่ต้องกินยาอย่างต่อเนื่องไปครึ่งเดือนจึงจะทำให้นางหายได้” หมอหลวงเฒ่าผู้นี้ทูลกลับด้วยความระมัดระวังคำพูด

คนๆนั้นไม่กล้าเชื่อเลยถามอีกครั้ง”เจ้าแน่ใจนะว่าแค่ต้องพักฟื้นอีกแค่ครึ่งเดือน? ช่วงท้องของนางถูกแทง อาการไข้เยี่ยงนี้ มีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง หมอหลวงตรวจให้ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”

ถึงแม้จะไม่ได้ต่อว่าใดๆ แต่ว่าหมอหลวงทั้งสองท่านกลับปาดเหงื่อให้กับตนเอง และไม่รู้ว่าควรตอบเยี่ยงไร

สิ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แต่เป็นเรื่องที่เมื่อโม่ฉีหมิงรู้เรื่องแล้ว เป็นคนแรกที่มาถึงดงหัวเยี้ยนหรือไม่?

“ทูลท่านอ๋อง ข้าได้รักษาผู้ป่วยมานานนับสิบปี ไข้เช่นกันข้าพบเจอไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ข้าสามารถยืนยันได้ว่า องค์หญิงได้รับบาดเจ็บแค่ภายนอก ไม่มีอะไรร้ายแรง” หมอหลวงพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ และตอบกลับด้วยความเคารพอีกครั้ง

ก้อนหินที่ติดอยู่ในใจของโม่ฉีหมิงยังคงไม่ถูกยกออก และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อไป

“พวกเจ้าออกไปกันก่อน” โม่ฉีหมิงโบกมือขึ้น

จนกว่าเสียงฝีเท้าของทั้งหมดได้เงียบสงบลง เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน สีหน้าอันจืดซี้ดของโล่หวินหลานกำลังนอนอยู่บนเตียง ใจของเขาเหมือนถูกคนจับไว้อย่างแน่นๆ

เขาไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องที่เคยเกิดจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถ้าคราวนี้นางเป็นอะไรไป เขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต

“เจ้ายืนอยู่นี่ทำอะไร?” โล่หวินหลานค่อยๆลืมตาขึ้นเล็กน้อย แค่เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าเตียงเลยอยากให้เขานั่งลง

“อย่าพูด จะทำให้สูญเสียพลังงาน ยังเจ็บอยู่ไหม?” โม่ฉีหมิงรีบนั่งอยู่ข้างๆนาง และรีบเอามือค่อยๆสอดเข้าไปใต้ผ้าห่ม

บาดแผลของนาง ตอนที่เขาสดๆแล้วทำให้คนอื่นตกอกตกใจมากๆ

เขาเคยฆ่าคน เคยเห็นเลือด สายตาไม่เป็นอะไร แข้งขาไม่สั่น แต่ตอนที่เห็นเลือดของนางได้ไหลออกมา เลือดสีแดงสดเยี่ยงนั้น เหมือนเลือดทั่วร่างกายไหลออกมาทั้งหมด

เขาไม่สามารถเห็นนางเลือดไหลได้ ไม่สามารถอดทนเห็นได้

โล่หวินหลานส่ายหัว สีหน้าจืดซี้ด สายตาที่สว่างและเปล่งประกายออกมาเหมือนดาวที่ส่องสว่าง โครงหน้าที่ดูเรียวเล็กทำให้เหมือนนางฝ่าฟันอุปสรรคและความลำบากมามาก

“เย่เซียวหลัวล่ะ?” โล่หวินหลานถามขึ้นอย่างเสียงต่ำ

พอพูดถึงชื่อนี้ โม่ฉีหมิงแค่รู้สึกว่าความโกรธเคืองของทั้งชีวิตนี้เหมือนจะมุ่งไปที่นางคน ทุกอย่างก็เริ่มจากนาง

น้ำเสียงของเขาเย็นชา สีหน้าดูโหดเหี้ยม “ตอนที่ข้าไปถึง นางก็ไม่อยู่ที่นั่น คิดว่าน่าจะกลับตำหนักแล้ว แต่ว่ายังไงข้าก็ได้สั่งคนไปไปทูลฮ่องเต้เรื่องนี้ นางหนีไม่พ้นแน่นอน”

โล้หวินหลานจับหน้าท้องของตนเอง ข้างบนมีผ้าก็อตห่อไหม จับไม่โดนแผลเลย นึกไม่ถึงเลยว่าปกตินางรักษาคนอื่น วันนี้กลับโดนรักษา

“เจ้าช่วยทูลฮ่องเต้อย่าพึ่งจับนาง ข้าจะใช้ประโยชน์นางก่อน” โล่หวินหลานทำแววตาร้องขอให้ช่วยเหลือ

โม่ฉีหมิงใจอ่อนไม่ได้ “เจ้าจะเก็บนางไว้ทำอะไร? ข้าจะไม่ยอมให้นางมีโอกาสมีชีวิตอยู่อีก”

หลายปีที่ผ่านมานี้ ใครจะเป็นที่เข้าใจเขาสุดนอกจากโล่หวินหลาน ถ้าคนที่เขารักต้องได้รับบาดเจ็บ เขาจะไม่ให้คนๆนั้นมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน

แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้ มันไม่ง่ายเลยที่นางจะหาเบาะแสบางอย่างเจอ ไม่สามารถทำให้มันหายไปได้อีก

“ท่านอ๋อง ข้าจะใช้ประโยชน์จากนางจริงๆ ข้าอยากสืบหาเรื่องราวเก่าๆ ท่านอ๋องช่วยข้าได้หรือไม่ อย่าให้ตำหนักเวินอ๋องรู้เด็ดขาดว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ แค่ต้องให้คนส่งข่าวเท็จให้เย่เซียวหลัว แค่บอกว่าข้าโดนนางแทงแค่ครั้งเดียว ก็ตายไปแล้ว” ตอนที่โล่หวินหลานคุยเหมือนจะสูญเสียพลังงานมาก นางเหมือนมีลมหายใจและไม่มีพละกำลัง ระหว่างพูดยังต้องหยุดพักก่อน

หรือว่านางสืบค้นเจออะไรบางอย่าง ปัญหาที่เกิดก็คือเย่เซียวหลัวนั้นหรือ?

โม่ฉีหมิงคิดแล้วคิดอีก ยังไงเขาไม่ยอมให้เย่เซียวหลัวรอดไปได้ ยังไงนางก็อยู่ในกำมือเขาแล้ว จะหนียังไงก็หนีไม่รอด

“ถ้ามันเป็นเยี่ยงนี้ ข้าจะตอบตกลงช่วยเจ้า แต่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องกินยา ฟื้นฟูตรเอง ถ้าภายในครึ่งเดือนเจ้าไม่หายดี ถึงเวลาเจ้าเจอดีแน่ๆ” โม่ฉีหมิงทำสีหน้าที่ดูหนักแน่นมากๆ น้ำเสียงที่ทรงอำนาจทำให้โล่หวินหลานทำตัวไม่ถูกเลย

แต่ก่อนเขามักจะใช้น้ำเสียงเยี่ยงนี้คุยกับนาง ผ่านมาเป็นปีแล้วที่ไม่ได้ยิน มันก็จะรู้สึกคิดถึงขึ้นมาหน่อย

“ท่านอ๋อง ข้ายังมีบางอย่างที่จะคุยกับท่าน” โล่หวินหลานยังไม่ได้ถามคำถามอีกมากมาย แต่ว่าโม่ฉีหมิงกลับขมวดคิ้วและพูดแทรก

“พักผ่อนให้ดี ห้ามถามอีก เรื่องข้างนอกข้าจะจัดการเอง” โม่ฉีหมิงทำนัยน์ตาที่เฉยชาอีกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก