ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 275

ตอนที่ 275 วางกับดัก

พอนึกขึ้นได้ทันที โม่ฉีหมิงเคยบอกว่าพวกเขาว่าตัวตนที่แท้จริงขององค์หญิงเหอซื่อ ตอนนี้นางยังสงสัยอยู่ในใจ แต่ว่า ณ ตอนนี้ ดูจากสถานการณ์แล้ว หรืออาจจะเป็นเรื่องจริง

“ถ้าข้ารู้ ก็คงไม่ต้องตกใจเยี่ยงนี้” ฉินหยิ่นส่ายหัวอย่างทนไม่ได้ ยิ่งอยู่เขาก็ยิ่งเดาใจของท่านอ๋องไม่ออก

“สิ่งที่ท่านอ๋องทำมันย่อมมีเหตุผล พวกข้าไม่ต้องถามมากแล้ว เมื่อครู่สามีตุ๋นหิมะลอยน้ำให้เจ้าชุดหนึ่ง ไปดื่มที่ห้องครัวด้วยล่ะ” เย่หวินทำหน้าแดง โชคดีที่เป็นตอนกลางคืน เลยเห็นสีหน้าของนางไม่ค่อยชัด มิฉะนั้นคงถูกฉินหยิ่นเดาว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากที่โล่หวินหลานจากไป นางมักจะกลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องทั้งหมดของโม่ฉีหมิง ทำเยี่ยงนี้คงจะทำให้ตนสบายใจหน่อย และดูและโม่ฉีหมิงแทนนาง อาจต้องทำทุกอย่างด้วยความละเอียดอ่อน

ฉินหยิ่นยังคงรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย และไม่ยอมทนดูนางเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป “เย่หวิน อย่าทำให้ตนเหนื่อยเยี่ยงนี้ เจ้าต้องเชื่อว่า ไม่เคยมีใครเคยโทษเจ้าเลย”

เรื่องราวที่ผ่านมาถูกลื้อฟื้นอีกแล้ว เย่หวินทำเป็นยิ้มแล้วส่ายหัว “รีบไปเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวสาลี่ตุ๋นเย็นหมด”

ในตำหนักเวินอ๋อง ไม่ได้สงบอย่างที่คิด

หลังจากที่องค์หญิงเหอซื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนวันรุ่งเช้าของวันนี้ พอกลับถึงตำหนักเวินอ๋อง เย่เซียวหลัวเข้าไปในห้องโดยเร็ว เลยไม่ยอมออกไปไหน ขนาดเลือดที่เปื้อนบนมือของตนยังไม่ได้ล้างออก

บ่าวที่อยู่ข้างนอกเรียกยังไงนางก็ไม่สนใจ

พื้นที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาวมีเลือดแดงสดปะปนอยู่ แล้วยังคงไหลออกจากหน้าท้องของเหอซื่อไม่หยุด และซึมเข้าไปในหิมะ สีแดงสดจากเลือดทำให้นางรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

นี่เป็นครั้งที่สองที่นางฆ่าคน

หนึ่งปีที่แล้ว ในกระถ่อมนอกเมืองจิงเฉิงนั้น นางฆ่าโล่หวินหลานเองกับมือ และคอยมองนางสลบต่อหน้าตนเอง สุดท้ายก็ฆ่านางให้ตายไป

ครั้งนี้ นางไร้ซึ่งการควบคุม ชักมีดออกมาแล้วบาดไปยังร่างกายขององค์หญิงเหอซื่อ นางไม่สามารถหลบหนีเหมือนครั้งที่แล้วได้อีก และไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้อีก

ครั้งนี้มีคนเห็นนางฆ่าคน บ่าวผู้นั้น บ่าวที่นางด่าว่ากลับเห็นนางแทงเหอซื่อ

“พระชายาเจ้าค่ะ ท่านยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้ต้องกินมื้อค่ำนะเจ้าคะ!ไม่เช่นนั้น ร่างกายของท่านก็จะหิวนะเจ้าคะ” บ่าวที่คอยติดตามเย่เซียวหลัวตะโกนเรียกนางอยู่นอกประตูไม่หยุด

เย่เซียวหลัวไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอกเลย แต่ว่าเสียงข้างนอกก็ยังดังขึ้นไม่หยุด นางรู้สึกเบื่อหน่ายและโมโหพูดขึ้น “ไสหัวไป อย่ามายุ่งกัยข้า บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่กินไม่กิน มาตามรำคราญข้าอีก ข้าจะลงโทษเจ้า”

แต่ก่อนเย่เซียวหลัวไม่เป็นเยี่ยงนี้ แต่ทำไมวันนี้นางกลับกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์เยี่ยงนี้ล่ะ?

ฟังจากที่นางพูดเยี่ยงนี้แล้ว ไม่กล้าเรียกนางอีก และรีบเดินออกมาจากนั่น

เสียงข้างนอกหยุดเงียบสงบไปแล้ว มีแค่เสียงเกล็ดหิมะพัดพาไปตกอยู่บนพื้น เสียงลมพัดเบาๆดังข้างหูเย่เซียวหลัว นี่เป็นเสียงที่น่ารำคาญอีกครั้ง

เฝ้ามาหนึ่งคืน เวินอ๋องไม่ได้กลับมาเลย บ่าวผู้นั้นเฝ้ารออยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนข้างนอกจนเผลอหลับไป

ถ้าข้างในมีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นเล็กน้อย ทำให้นางตกใจจนตื่น นางวิ่งพุ่งเข้าไปในห้องอย่าไม่สนใจใดๆ เห็นแค่เย่เซียวหลัวกำลังแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางไม่ระวังทำตุ้มหูข้างหนึ่งตกลงไปกับพื้นมันสลายหมด

“พระชายาเจ้าคะ ยังดีที่ท่านยังปลอดภัย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ นี่ท่านกำลังจะเตรียมตัวแต่งตัวหรือเจ้าคะ? ให้บ่าวได้ช่วยเหลือท่านนะเจ้าคะ!” บ่าวผู้นั้นพูดจบ ก็ยื่นมาหนึ่งข้างของนางช่วยเย่เซียวหลัวหวีผม นางมองไปที่กระจกและเห็นนางอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้รู้สึกตกใจมากๆ

ถุงใต้ตาของนางดำปรี๋ ใบหน้าของนางดูซี้ดเขียว ขนาดคางยังแหลมเป็นพิเศษ

ผ่านไปแค่คืนเดียว ทำให้กลายเป็นแบบนี้เลยหรือ?

“พระ พระชายา เมื่อวานท่านหลับไม่ดีหรือเจ้าคะ?” บ่าวผู้นั้นถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

“ไม่มีอะไร เจ้าไม่ต้องมายุ่ง เจ้าไปช่วยข้าสืบเรื่องๆหนึ่งก็พอ” เย่เซียวหลัววางปิ่นหยกลง และมองบ่าวที่อยู่ข้างๆ

“พระชายาบอกมาได้เลยเจ้าคะ” บ่าวผู้นั้นขยับหูเข้าไปใกล้

เย่เซียวหลัวเอียงตัวไปกระซิบข้างหูนาง บ่าวผู้นั้นพยักหน้าแล้วเดินจากไป

ในวังปิดบังข่าวไว้ ไม่ได้ให้ใครรู้เรื่องนี้เลย

เรื่องนี้เย่เซียวหลัวเป็นคนทำ นางคงไม่โง่ถึงกับขั้นบอกเรื่องนี้ให้ใครๆ และวันนั้นมีแค่อาลั่วหลันเท่านั้นที่เห็น คนที่ตามมาทีหลังก็มีแค่โม่ฉีหมิงและหมิงซี

โล่หวินหลานสั่งไว้ตั้งแต่แรก ไม่ให้พวกเขาพูดออกไปอย่างแน่นอน ดังนั้น ช่วงนี้สุขภาพร่างกายของนางก็ได้แต่พักฟื้น

ตอนที่โม่ฉีหมิงมาถึง ไซ่เย่วกำลังจะยกยาเข้าไป เขาเห็นฟ้าข้างนอก เป็นเวลาที่ทานอาหารเช้าเสร็จพอดี และพอดีกับเวลากินยา

“ไซ่เย่ว เมื่อคืนอาการขององค์หญิงดีขึ้นหรือยัง? กลางคืนให้มาให้ยานาง และนางได้ร้องเจ็บตอนกลางคืนหรือไม่?” โม่ฉีหมิงถามทุกเรื่องที่อยากถาม

ทั้งสองยืนอยู่ตรงประตูห้อง ศาลาข้างนอกเป็นสวนหลักของที่นี่ ตอนนี้กำลังมีหิมะตกลงเบาๆ มีความหนาวเย็นเล็กน้อย

“ทูลท่านอ๋อง อาการขององค์หญิงดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ บ่าวเป็นคนให้ยาท่านเอง กลางคืนก็ไม่ได้ร้องเจ็บ นอนหลับสนิทมาก” ไซ่เย่วป้อนนางดื่มยา”

นางติดตามเขามานานหลายปี ไม่เคยเห็นเขาใส่ใจผู้หญิงใดเลย นอกจากโล่หวินหลาน

·วันนี้ ความสำคัญขององค์หญิงเหอซื่อที่อยู่ในใจของเขา บางครั้งมันยังมากกว่าโล่หวินหลานเสียอีก

นางรู้ว่าโม่ฉีหมิงเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไซ่เย่วไม่เคยแม้แต่จะต่อต้านความคิดของเขา เลยรีบยื่นยาให้เขาทันที

โม่ฉีหมิงมาตั้งแต่เช้าก็ไม่แปลก ตอนเขานั่งอยู่ข้างๆโล่หวินหลาน ตอนเขายกช้อนขึ้นมาจะป้อนนาง นางก็ยังคงยื่นมืออันอ่อนแรงของนางขึ้นมา

“ให้ข้าเถอะ เดี๋ยวข้าดื่มเอง”

“เอามือเข้าไป อย่าขยับ อ้าปาก” น้ำเสียงอันทรงพลังของเขาทำให้โล่หวินหลานไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธ กลัวว่าเดี๋ยวเขาจะจับคางของตนไว้แล้วจะเทยาใส่นางทันที

แต่ก่อนทำไมไม่เคยสังเกตว่าโม่ฉีหมิงมีความเคยชินที่ชอบป้อนยาให้คนอื่นหรือ?

โล่หวินหลานพยายามจะลุกขึ้นนั่ง นางก็ไม่ได้รู้สึกปวด แต่ว่าตอนที่นางแค่งอตัว ก็ถูกเขากดลงไป

“เชื่อฟังหน่อย อย่าขยับ” โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วขึ้น และกดร่างของนางลงไป และมองหน้านางอย่าไม่พอใจ

โล่หวินหลานถูกสายตาของเขามองจนนางทำตัวไม่ถูก และค่อยๆนอนลง เขาป้อนตนดื่มยาไปคำแล้วคำเดียว สุดท้ายที่ใส่ใจที่สุดก็คือยังเช็ดคราบยาบนริมฝีปากนางได้ด้วย

“ท่านอ๋องเจ้าค่ะ ท่านมาทุกวันตอนเช้าๆเยี่ยงนี้ และยังมีถึงดงหัวเยี้ยนสักอีก กลัวว่าความลับนี้คงเก็บไว้ได้แปบเอง” โล่หวินหลานเแง้นมองดูแล้วถามขึ้น ช่วงนี้สายตาของทุกคนในวังไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่จะมองนางมาตลอด

ข้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว แต่ระวังตัวหน่อยก็พอ รอบๆดงหัวเยี้ยนไม่มีรู้ว่ามีคนเยอะขนาดไหนที่คอยจับจ้องนางอยู่ รอจับผิดนาง แค่นางขยับนิดหน่อย เรื่องทุกอย่างก็จะถูกส่งไปที่หูของฮ่องเต้

“ตอนที่ข้าเข้ามาในวังไปถวายบังคมฮ่องเต้ก่อนแล้วไปสนามซ้อมการต่อสู้ ทุกอย่างข้าจะซ้อมอยู่ที่นั่นสักพัก ในนั้นมีคนของข้า แค่ทุกๆหัวค่ำข้ากลับไปถึงที่นั่น แล้วค่อยออกจากวังก็พอ” โม่ฉีหมิงพูดขึ้นอย่างง่ายดาย

โล่หวินหลานคิดๆดูแล้ว เขาสามารถปิดหูปิดตาคนอื่นจริงๆ ขนาดที่นั้นยังมีคนของเขาอยู่ได้?

คิดๆดูแล้วเขาเป็นจอมวางแผนเยี่ยงนี้ นางสามารถพูดอะไรได้อีก?

“ท่านอ๋องคนเป็นคิดรอบคอบ ทำอะไรไม่มีหลักฐานทิ้งไว้ให้คนสงสัยอย่างแน่นอน จริงๆมันทำให้คนอื่นนับถือมากๆ แต่ว่าในวังนี้ยังไงมันก็ไม่มีกำแพงที่ไม่มีรูโหว่โผล่ออกมา ยังไงก็ต้องมีคนที่ไม่เชื่อฟัง ฉะนั้นเลยอยากให้ท่านอ๋องอย่าเสี่ยงเลย ที่นี่มีไซ่เย่วคอยดูแลก็พอ” สีหน้าของโล่หวินหลานดีขึ้นหน่อยแล้ว ริมฝีปากไม่ได้ขาวซี้ดเหมือนเมื่อวาน

“บอกแล้วไงว่าข้าเสี่ยง ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าจะมาหรือไม่มา เป็นเรื่องของข้า” โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วขึ้น พลังแห่งความบ้าอำนาจของเขาแสดงออกมาผ่านสีหน้าของเขา

คนๆนี้ โล่หวินหลานรู้แล้วเขาไม่ฟังตนเองอย่างแน่นอน เลยไม่พูดอะไรเยอะ และหลับตาลงพักผ่อนไปสักพัก แค่ได้ยินเสียงที่เขาเอาขวดสีแดงออกมา

“เดี๋ยวกินมันซะ” โม่ฉีหมิงเอาขวดตะลับยานั่นวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ

“อะไรนะ?” โล่หวินหลานถามขึ้นอย่างสงสัย ดูๆแล้วเหมือนขวดยา

“นี่เป็นยาแก้พิษ จะช่วยให้อาการเจ้าดีขึ้น” โม่ฉีหมิงพูดขึ้น

ยาแก้พิษ? โล่หวินหลานเคยเห็นยาชนิดนี้ในตำรา การผสมยานี้ยุ่งยากซับซ้อนมาก สมุนไพรที่ต้องเอามาผสมต้องหลายชนิด และในเมืองจิงเฉิงหาไม่ได้เลย ถึงแม้จะหาวัตถุดิบเจอ แต่ไม่มีใครสามารถผสมออกมาได้

และยาที่ผสมยากหายากเยี่ยงนี้ เขากลับยอมให้ตนเอง?

“ยาชนิดนี้หายากมาก เจ้ายอมให้ข้านั่นหรือ?” โล่หวินหลานมองขวดยาที่วางอยู่ข้างๆ และเงยหน้ามองโม่ฉีหมิง

โม่ฉีหมิงกลับหัวเราะออกมา “ถึงแม้จะได้มาไม่ง่าย ยังไงก็ต้องใช้มัน กินมื้อเที่ยงเสร็จกินมันซะ”

ขวกกระเบื้องสีแดงที่วางอยู่บนโต๊ะ แสงอาทิตย์อ่อนๆสอดส่องลงมากระทบตรงขวดและสะท้อนแสงออกมา เหมือนดั่งโล่หวินหลานกำลังโบกมือ

“ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตา” โล่หวินหลานอมยิ้มให้เขา และแสดงการขอบคุณ

โม่ฉีหมิงเห็นว่าโล่หวินหลานกินมื้อเที่ยงวันเสร็จ และต้องมองนางกินยานี่ลงไปด้วยตา ถึงแม้ทั้งตัวของนางจะมีพลังแปลกๆ แต่ว่ากำลังภายในของนางได้ฟื้นฟูเป็นอย่างดี

“เสี่ยวฮัว ร่างกายของเจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?” หมิงซีมองโล่หวินหลานที่มีสีหน้าขาวซี้ดแล้วนอนอยู่บนเตียง เขาถามขึ้นด้วยความกังวล

โล่หวินหลานรู้ว่าเขาต้องมาแน่นอน เลยรีบส่ายหัว “ข้าไม่เป็นไร นั่งสิ”

ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆจากมะลิ และกระจุยกระจายไปทั่วห้อง ทำให้รู้สึกสงบสุขและสบายใจ

“พระชายาเวินอ๋องกล้ามาถึงดงหัวเยี้ยนทำร้ายเจ้าเลยหรือ? ข้าได้จดจำไว้แล้ว รอให้ข้าหายดีเมื่อไหร่ ช้าจะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่นอน” หมิงซีทำสีหน้าโกรธเคือง และก้มหน้ามองแขนของตนเอง ตอนนี้เขายังไม่มีพละกำลังเลย

อาลั่วหลันพยักหน้าแสดงความเห็นด้วน ใบหน้าของนางยังมีรอยตบหลงเหลืออยู่ ที่นางถูกตบสองทีจะไม่ยอมเจ็บตัวเฉยๆ เย่เซียวหลัวต้องได้รับผิดชอบ

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าจะพูดเหมือนกัน ครั้งนี้ที่พระชายาเวินอ๋องเข้าวังมาทำร้ายข้า และทำให้ข้ารู้เรื่องที่เคยเกิดขึ้นเป็นแผนการร้ายทั้งหมด ใครกันแน่ที่ทำร้ายข้า หมิงซี เจ้าช่วยข้าอะไรอย่างหนึ่ง” โล่หวินหลานคิดมาตลอดคืน และรู้ว่านางควรทำเยี่ยงไร

หมิงซีพยักหน้า “มีอะไรพูดมาได้เลย พวกข้าจะช่วยให้เต็มที่ที่สุด”

“ในหุบเขาที่เจ้าอาศัยอยู่ มีใครเคยศึกศัลยกรรมภายนอกบ้างหรือไม่?” โล่หวินหลานถามขึ้น

ศัลยกรรมภายหน้าตาเป็นการคิดค้นที่ยิ่งใหญ่และน่าภูมิใจมาก และในบรรดาหมอนี่เป็นทักษะสูงส่ง อีกอย่างการศัลยกรรมไม่ใช่ว่าใครอยากฝึกก็ฝึกได้

ตอนนั้นที่ข้าอยู่ที่นั่น เพื่อจะฝึกศัลยกรรม ไม่รู้ว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอนมากี่คืน ข้าได้ฝึกฝนมาอย่างหนัก และสุดท้ายก็ได้วิชามาบางส่วน

ถ้าไม่ใช่เหตุจำเป็นจริงๆ ไม่สามารถใช้วิชานี้ได้แบบตามอำเภอใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก