ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 280

ตอนที่ 280 คำพูดก่อให้เกิดความตื่นตกใจ

พอนึกถึง สถานการณ์ที่เกิดตอนนั้นทำให้ช่างน่าตกใจจริงๆ ถ้ามีคนเห็นเลือดที่ไหลดั่งแม่น้ำ ไม่รู้ว่าคนๆนั้นจะตกใจจนหมดสติไปหรือไม่

ในสมองของเย่เซียวหลัวมีแค่ภาพความทรงจำแบบนี้โผล่ขึ้น แค่รู้สึกว่าตอนนี้ทั้งร่างกายของนางเจ็บเหมือนมีคนมาแทง วันนั้นเพราะความอิจฉาริษยาของนาง ไปบาดองค์หญิงเหอซื่อ แค่กลัวเรื่องมันจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าต้องฟังผิดแน่ๆ ข้าไม่ได้ฆ่านาง ทำไมถึงตายง่ายเยี่ยงนี้ล่ะ?” เย่เซียวหลัวชยี้ผมของตนเอง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจที่ทำเยี่ยงนี้

ทั้งสองไม่เคยเห็นเย่เซียวหลัวในสภาพเยี่ยงนี้ ไม่กล้าพูดเยอะอะไร

ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็นองค์หญิงเหอซื่อตายไปกับตา แต่คนๆนั้นเล่าให้เห็นภาพ จะไม่กลัวได้เยี่ยงไร?

“พระชายาขอรับ จะให้พวกข้าเข้าไปในวังสืบเรื่องนี้ดีหรือไม่ขอรับ? ไม่แน่คนที่อยู่ในโรงน้ำชาอาจจะพูดไม่จริงหมด เดี๋ยวนี้เรื่องเล่าต่อกันมาจะไม่ค่อยน่าเชื่อเสียเท่าไหร่ มันอาจจะมีการใส่พริกใส่เกลือมาบ้าง” คนข้างล่างคิดไตร่ตรองอย่างละเอียด ก็ได้แต่ทำเยี่ยงนี้

แต่ว่าในราชวังจะสืบข่าวง่ายเยี่ยงนั้นเลยหรือ?

คนข้างล่างพูดขึ้นอีกครั้ง “พระชายาขอรับ เกิดเรื่องใหญ่ที่กระทบกับบ้านเมืองเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้จะปล่อยให้ข่าวมันรั่วออกมาได้เยี่ยงไร? เขาอาจจะปกปิดเรื่องนี้ไปนานแล้ว ถ้าเข้าไปสืบข่าวในวัง คิดว่าน่าจะสืบอะไรไม่เจอ”

“นั่นคนที่อยู่ตรงโรงน้ำชาจะรู้ได้เยี่ยงไร? พวกเขายังรู้ได้ ทำไมพวกข้าถึงรู้ไม่ได้?” อีกคนใช้หางตามองนางอยู่

ทั้งสองมองตากัน พวกเขาพูดไปคนละทิศ ความคิดเห็นไม่ตรงกัน เหมือนอาจจะสร้างผลงานต่อหน้าเย่เซียวหลัว

“ก็คนในโรงน้ำชาพูดไปแล้วไม่ใช่หรือ? น้องของเขาเป็นทหารในดงหัวเยี้ยน ถ้าในวังไม่มีญาติพี่น้อง เขาจะรู้ได้เยี่ยงไร?” คนๆนั้นพูดขึ้น

อีกคนยังอยากพูด แต่เย่เซียวหลัวตีโต๊ะขึ้นแรงๆ เสียงนั้นสั่นไปถึงแก้วหูและดังสนั่นรอบห้อง

“พอได้แล้ว พวกเจ้ามาช่วยข้าแก้ปัญหา หรือมาทะเลาะกันกันแน่?” เย่เซียวหลัวค่อยๆเงยหน้าขึ้นสายตาอันโหดร้ายของนางจ้องพวกเขาอยู่ “ไสหัวออกไปให้หมด เรื่องนี้ห้ามบอกใคร ได้ยินหรือไม่?”

พอเห็นทั้งสองเดินออกไป บรรยากาศในห้องค่อยๆเงียบสงบลง เย่เซียวหลัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมยุ่งจนบังหน้า ตอนนี้ไม่มีหน้าตาที่ดูสง่าและสูงส่งเหมือนปกติ

มีชีวิตอีกชีวิตหนึ่งที่ตายบนมือของนาง มือของนางเปื้อนเลือดจนหวนกลับไม่ได้อีกแล้ว

ยังไงก็ย้อนกลับไม่ได้แล้ว นั้นนางจะย้อนกลับไปทำไม?

เรื่องมันไปถึงขั้นที่ไม่สามารถหวนกลับมาแล้ว ถ้ายังมีใครกล้ามาขัดขวางนางอีก นางจะฆ่าให้หมด

สายตาของแหลมคมของนางเปล่งขึ้น สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตร

นางกระโดดขึ้นบนเตียงและจับผ้าห่มไว้แน่นๆ ทั้งตัวของนางสั่นไม่หยุด

สองสามวันมานี่ทำแผลได้ถี่กันมาก ตั้งแต่คนๆนั้นรู้เวลาที่นางจะทายา ก็มาดงหัวเยี้ยนทุกวันเพื่อจะทายาให้นาง

ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ มือของเขาคล่องแคล่วและคุ้นเคยมากๆ

ทายามาแค่ไม่กี่วัน แผลของนางทำไมถึงไม่มีเลือดซึม

แต่สำหรับโล่หวินหลานแล้ว วิธีที่ดีที่สุดก็คือการเย็บ ถ้าแผลถูกเย็บ จะหายเร็วกว่าเยอะ

แต่ว่ามันมีเงื่อนไขที่จำกัด นางไม่สามารถเย็บแผลให้กับตนเองได้ แต่ไม่ได้มีแรง อีกอย่างยาที่ใช้ก็มีจำกัด ยาที่ใช้ทำแผลไม่ครบ และจะติดเชื้อง่าย

“วันนี้ข้าพาคนๆหนึ่งมารักษาเจ้า เดี๋ยวจะให้เขาเข้ามาวัดชีพจรให้เจ้า” โม่ฉีหมิงทายาให้เขาเสร็จ และพูดขึ้น

พาคนมารักษานาง?

หมอหลวงในวังก็เคยมากันตั้งนานแล้ว ถึงแม้ไม่ได้มาทุกวัน แต่ก็มาบ่อยมากๆ อีกอย่าง นางก็เป็นหมด แผลของตนเองตนเองจะไม่รู้ได้เยี่ยงไร?

ตอนนี้จะเรียกหมอมาอีกก็เป็นเรื่องไม่จำเป็นหรือไม่?

“แผลของข้าหายพอสมควรแล้ว ไม่ต้องหาหมออีกแล้ว” โล่หวินหลานปฏิเสธ

“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาปฏิเสธ ข้าไม่ได้ให้เจ้าเลือก ข้าแค่บอกเจ้าให้รับรู้” โม่ฉีหมิงทำหน้าเดิมไม่เปลี่ยน

พูดจบ เขาก็ปรบมือ ประตูถูกผลักออก คนที่มามีฝีเท้าที่หนักหน่วงมาก พอเขาเดินอ้อมจากฉากกั้น โล่หวินหลานจึงจะเห็นหน้าของเขา

ผ่านไปเป็นปีแล้ว เขายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงสวมใส่่ชุดสีดำ และไม่ได้สวมเสื้อคลุม ดูๆแล้วสุขภาพร่างกายยังแข็งแรง เมื่อครู่เขาเดินมาจากข้างนอก แต่ไม่เห็นมีหิมะติดตามตัวเขาเลย

“นี่เป็นเพื่อนของข้าเอง วิชาการแพทย์ยอดเยี่ยมมาก เป็นคนเที่ยงธรรม ข้าบอกกับเขาแล้ว จะไม่บอกเรื่องของเจ้าออกไปให้ใครรู้” โม่ฉีหมิงลุกขึ้นเพื่อหลีกที่นั่งให้เขา พูดทุกอย่างให้โล่หวินหลานหายห่วงในทุกอย่าง

โล่หวินหลานกวาดสายตาไปที่อื่น และพูดขึ้นเสียงเบา “ถ้าเป็นเพื่อนของท่านอ๋องจริง ข้าก็วางใจได้”

สวินโม่ยืนกอดอก เขาทำท่าทางพิงตัวเองไว้ตรงเสาไม้ และทำสายตาที่เหมือนทนไม่ได้

ได้รับจดหมายนกพิราบจากโม่ฉีหมิง เขาก็พาหรูซูวิ่งม้ากลับมาภายในสามวันโดยเร็ว ทีแรกก็นึกว่าเขาเกิดเรื่อง แต่กลับเป็นองค์หญิงจากแคว้นอื่นเกิดเรื่อง อีกอย่างเป็นแค่แผลเล็กๆ!เขาจะไม่ทำทีท่าเยี่ยงนี้ได้เยี่ยงไร?

นี่หญิงผู้นี้มีอะไรพิเศษนักหนา? ถึงกลับทำให้โม่ฉีหมิงเป็นห่วงนางเยี่ยงนี้?

หน้าตาก็ไม่เหมือนโล่หวินหลาน และไม่ได้ใสซื่อ ที่สำคัญคืองดงามเกินไป ดูแล้วเหมือนไม่ค่อยปลอดภัย บอกว่าจะมาสมรสเพื่อสร้างสัมพันธภาพ จริงๆมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย แค่เป็นเครื่องมือขององค์ชายเท่านั้น

ไม่รู้จริงๆว่าจะช่วยนางสุดชีวิตไปทำไม

สวินโม่ยืดอกตนเองให้ตรง สายตาของเขาเหมือนดั่งเข็มที่มองไม่เห็นกวาดไปยังโม่ฉีหมิง แต่เขากลับไม่ตอบสนองอะไรใดๆ บนใบหน้าของเขายังสื่อให้เห็นว่าถ้าเจ้ารักษาไม่ง่าย อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่สุขสบายอีก

“องค์หญิงขอรับ ได้โปรดยื่นมือออกมา ให้ข้าได้วัดชีพจร” สวินโม่ทำสายตาปกติขึ้นทันที

สวินโม่ทำสีหน้าที่ดูช่างไม่เต็มใจ โล่หวินหลานปริตาลงและส่ายหัวไปมา รอให้นางได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าหรูซูให้หายแค้นไปเลย

“ได้ นั้นก็วานเจ้าช่วยหน่อยนะเจ้าค่ะ” โล่หวินหลานยื่นมือออกมาอย่างเชื่อฟัง โผล่อันขาวเนียนของนางก็ได้โผล่ออกมา

หมอเทพเจ้า? สวินโม่มีความอยากต่อต้านคำพูดของตัวเอง ถ้าโล่หวินหลานไม่เคยปรากฏขึ้น เขาอยากจะเหมาะกับชื่อนี้

แต่ไม่มีถ้า แพ้ก็คือแพ้เลย วันนี้คำว่าหมอเทพเจ้าเป็นการเป็นคำพูดที่ตำหนิเขาเป็นอย่างมาก

สวินโม่กดจุดชีพจรของนางไว้ หลับมาลงและสัมผัสถึงจังหวะการเต้น ในห้องสงบจนผิดปกติ ขนาดลมพัดมากี่รอบก็ยังคงได้ยิน

รอตาของเขาได้เปิดขึ้น โม่ฉีหมิงเลยรีบถามขึ้น “เป็นอะไรไป?”

สวินโม่ปล่อยมือนาง และหันไปยิ้มให้เขา และกำลังกัดฟันพูด “อาการขององค์หญิงเหอซื่อดีมากๆ จุดที่เป็นแผลไม่ได้มีอาการร้ายแรงแล้ว ทุกอย่างแค่ต้องใช้เวลาในการทายาและกินยา ก็จะดีขึ้นเอง”

ไม่มีอะไรร้ายแรง มีคุ้มหรือที่เรียกเขากลับมาจากแดนไกลเยี่ยงนี้?

สวินโม่ขอสาบานว่าจะไม่เชื่อจดหมายของเขาที่นกพิราบส่งมา วันหน้าถ้าเห็นนกพิราบของเขากลางทาง จะยิงให้ตายเองเลย

แค่ว่าทำไมกำลังภายในขององค์หญิงเหอซื่อถึงมีแรงที่ใหญ่มหาศาลปกคลุมจิตใจของนางอยู่? พลังเยี่ยงนี้รู้สึกคุ้นเคยมาก เหมือนเขาเคยได้กินยาวิเศษอะไรมาก่อน

โม่ฉีหมิงรู้สึกโล่งอกไปมาก ถ้าไม่ผ่านการรักษาของสวินโม่ เขาก็จะไม่วางใจ

“ไม่เป็นไรก็ดี เดี๋ยวเจ้าไปสำนักหมอหลวงไปเบิกยามาหน่อย แล้วให้คนส่งมาให้องค์หญิงเหอซื่อ” โม่ฉีหมิงสั่งถึง

สวินโม่ใช้สายตาอันเย็นชามองหน้าเขา และพูดขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร “นี่เป็นเรื่องของหมอ หากคนที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์ ก็อย่ามาขัดขวางการทำงานของพวกข้า ข้ารู้ว่าต้องทำเยี่ยงไร”

เขาต่อต้านอย่างรุนแรง สวินโม่เก็บของแล้วจากไป

โม่ฉีหมิงจับจมูกตนเอง รู้ว่าตนเองใช้จดหมายนกพิราบมันดูรีบร้อนเกินไป เรียกเขากลับมาจากแดนไกล ยังมาขัดแผนการท่องโลกของเขา แต่ว่าช่วยไม่ได้ ใครสั่งให้เขาเป็นนายของเขาล่ะ?

ในห้องเต็มไปด้วยความมืดมัว หน้าของโม่ฉีหมิงเห็นไม่ค่อยชัดเจน เขาได้สั่งโล่หวินหลานทำโน่นนี่เสร็จแล้วเดินออกจากประตู

หิมะข้างนอกตกเบาลง นึกไม่ถึงเลยว่าสวินโม่จะแบกตลับยาของตนออกจากศาลา

นางมองผ่านแท่นแล้วเห็นเขากำลังยืดตัวตรง คิดว่าเขามีเรื่องมากมายอยากถามตนเอง

“ทำมไม่กลับตำหนักมัวแต่อยู่กับคนรัก? เจ้าไม่ได้ชอบอยู่ท่ามกลางในหิมะที่หนาวเย็นเยี่ยงนี้” โม่ฉีหมิงเดินเข้าไปในศาลา และถูไถมือของตนเอง

พอได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา โม่ฉีหมิงหันหน้ากลับมาทันที และขมวดคิ้วเล็กน้อย ในหัวสมองเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ท่านอ๋อง ข้าสงสัยว่าหญิงผู้นี้มีฐานะอะไร ข้าว่านางไม่ใช่องค์หญิงแคว้นเซิ่งโจวที่ใส่ซื่อบริสุทธิ์?”

“เห็นเยี่ยงไรได้เยี่ยงไร?” โม่ฉีหมิงไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ง่ายมาก มีหลักฐานสามอย่าง หนึ่ง หลังจากที่พระชายาจากไป เจ้าไม่เคยยิ้มออกมาให้ใครเลย แต่ว่าหญิงผู้นี้เจ้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีกอย่างตอนที่ข้าบอกว่านางไม่เป็นไร เจ้ากลับถอนหายใจแรงๆ

สอง สภาพภายในของนางมีพลังชนิดหนึ่งที่คอยคุ้มครองนาง ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นยาชุบชีวิตที่ข้าให้ไว้กับเจ้า

สาม เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเป็นแค่แผลเล็กๆ ยังเรียกข้ากลับจากแดนไกลอย่างเร่งรีบ หญิงผู้นั้นสำคัญต่อเจ้ามาก แต่ว่าไม่มีเหตุผลใดเลยที่เจ้าต้องทำดีกับองค์หญิงที่มาจากแคว้นศัตรู

ประเด็นหลักฐานข้างบน ทำให้ข้ารู้ว่านางไม่ธรรมดา” สวินโม่คิดวิเคราะห์เหตุผลมาเป็นข้อๆ

“ท่านอ๋อง ไม่เช่นนั้นเจ้าบอกตัวตนจริงๆของนางคืออะไร ข้าก็อยากรู้ว่าเป็นใครกันแน่ จึงจะทำให้เจ้าตื่นเต้นขนาดนี้”

สุดท้ายสวินโม่เข้าใจเขาที่สุด แค่เจอกันครั้งเดียว ก็สามารถเดาใจเขาออกอย่างละเอียดและชัดเจนเยี่ยงนี้

โชคดีนะที่เป็นเพื่อนกัน ถ้าเป็นศัตรู ก็คงเดาใจเขาออกหมด

แค่คิดก็น่ากลัว

โม่ฉีหมิงกระตุกมุมปากขึ้น และพูดขึ้น “ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจ แค่ตัวตนแท้จริงของนา งข้าแค่เดา ขนาดข้ายังไม่แน่ใจ ดังนั้น รอให้ข้ารู้ความจริงทั้งหมด ก็จะบอกเจ้าเอง”

มีอะไรปิดบังกันอยู่?

สวินโม่ไม่เข้าใจเขาคิดอะไรอยู่ และรู้สึกว่ามันไม่ปกติขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่โล่หวินหลานจากไป คิดว่าในโลกของเขามีแค่ความมืดมัว

“ก็ใช่ ถึงเวลาที่เหมาะสม เจ้าไม่ต้องบอกข้าก็รู้เอง ข้าจะรอ” สวินโม่น้อมคำนับ แล้วยกตลับยาของตัวเองออกจากวัง

โม่ฉีหมิงมองเชาที่ค่อยๆเดินจากไป ในใจไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก