ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 281

ตอนที่ 281แผนการรัดกุม

วังหลวงสงบไปหลายวัน แต่ความเงียบสงบนี้กับทำให้รู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ราวกับจะมีคลื่นลูกใหญ่หลังทะเลสงบมานาน

อาลั่วหลันยังคงไปที่ห้องด้านข้างของดงหัวเยี้ยนเพื่อส่งอาหารให้กับหมิงซี เมื่อเข้าไปถึง ก็เห็นเขาใช้มือข้างหนึ่งจับที่หน้าต่าง ฟ้าสีครามด้านนอกมีเมฆบางลอยไปมา สะท้อนเงาของเขาเข้ามาด้านในห้อง

"หมิงซี ทานข้าวเถอะ" อาลั่วหลันบอกพร้อมเปิดกล่องข้าว พลันสายตาเหลือบไปเห็นหน้ากากหนังคนที่วางอยู่บนโต๊ะ

หน้ากากหนังคนนั้นมีผิวที่ขาวราวกับกระดาษ ใบหน้างดงาม มองดูแล้วต้องเป็นหน้ากากของหญิงงามแน่ๆ

"หน้ากากหนังคนทำเสร็จแล้วหรือ?" อาลั่วหลันถามอย่างตื่นเต้น จากนั้นขณะที่นางกำลังเอื้อมมือจะหยิบ กลับถูกมือใหญ่หยุดเอาไว้

"ห้ามจับเด็ดขาด ยังทำไม่เสร็จ หากเจ้าแตะต้องมันอาจจะทำให้ผิดรูปไปได้ มิเช่นนั้นข้าต้องทำใหม่อีกครั้ง" หมิงซีบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง มือของเขาจับที่แขนของนางแน่นอย่างลืมตัว

อาลั่วหลันไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด มืออุ่นของเขาทำให้นางหยุดไม่ได้ที่จะจ้องมอง นี่เป็นครั้งที่สองที่นางและเขาแตะเนื้อต้องตัวกัน

ไม่อาจทราบว่าเพราะเหตุใดความรู้สึกครั้งนี้จึงแตกต่างไปจากครั้งแรก สิ่งเดียวที่นางรู้สึกคือนางมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

"คือ คือหม่อมฉันไม่ทราบ ท่าน ท่านปล่อยมือหม่อมฉันได้หรือยัง คุยกันแบบนี้มันแปลกๆ ไว้ตอนกลางคืนค่อย....." อาลั่วหลันก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย

"ประทานโทษด้วย" หมิงซีพูดตัดประโยคนาง จากนั้นก็ปล่อยมือนางทันที คนที่ดูนิ่งๆอย่างเขา ครั้งนี้เริ่มควบคุมตนเองไม่ได้ "ขอโทษด้วย ข้าเพียงไม่อยากให้เจ้าแตะต้องหน้ากากนั้นก็เท่านั้น"

ใบหน้าของทั้งสองแดงระเรื่อง โดยเฉพาะหมิงซี เพราะเขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับหญิงใดมาก่อน

แขนที่ถูกเขาปล่อยอย่างกะทันหันนั้น ทำให้นางรีบดึงมือกลับ นางยิ้มเขินอาย“ไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่หม่อมฉันแค่สงสัยก็เท่านั้น" ที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษ เพราะข้าชอบความรู้สึกนี้เหลือเกิน

ประโยคสุดท้ายนั้นอาลั่วหลันไม่ได้พูดออกไป นางไม่กล้า และไม่มีความกล้าพอ

"ยังเหลือขั้นตอนสุดท้าย วันพรุ่งนี้น่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ก่อนที่เจ้าจะสวมหน้ากากนี้ข้าจำเป็นต้องบอกกับเจ้าก่อน

หน้ากากหนังคนนี้มองผิวเผินอาจจะดูธรรมดา แต่หากสวมเข้าไปแล้วนั้นจะทำให้ผิวหน้าของคนที่สวมมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับผิวหน้าของคนนั้นๆด้วย

อีกทั้ง หลังจากที่สวมหน้ากากหนังคนนี้แล้ว ก็ไม่อาจที่ถอดลงมาโดยง่าย ต้องใช้น้ำที่คิดมาเพื่อถอดหน้ากากโดยเฉพาะในการถอด หากดื้อดึงถอดด้วยตนเองนั้น อาจทำให้ผิวเสียหายได้

หน้ากากนี้สามารถโดนน้ำและแต่งหน้าได้อย่างปกติราวกับเป็นผิวจริง เวลาที่สัมผัสนั้นจะเนียนเรียบเหมือนผิวคน นี่คือข้อดีของหน้ากากหนังนี้" หมิงซีพูดพลางมองไปที่หน้ากาก

นี่เป็นเหตุผลที่อาจารย์ของเขาไม่ยอมลงมาจากหุบเขาแม้จะได้รับคำเชิญหรือขอร้องจากใครก็ตาม

หนังกากหนังคนนั้นสามารถเปลี่ยนอีกคนให้กลายเป็นอีกคนได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์

และง่ายที่จะไปทำร้ายชาวบ้าน หรือแม้แต่แคว้นต่างๆด้วย

"อ่อเป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่เป็นไร อย่างไรหม่อมฉันก็ไม่ได้สวมหน้ากากนี้เป็นเวลานานอยู่แล้ว หลังจากที่ช่วยเสี่ยวฮัวออกมาได้นั้น หม่อมฉันก็จะรีบถอดทันที" อาลั่วหลันบอกเป็นการปลอบใจตนเอง

การที่นางคิดได้เช่นนี้ หมิงซีเองก็รู้สึกประทับใจ ดูจากการกระทำของนางนั้น นางคงอยากจะช่วยเสี่ยวฮัวจากใจจริง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอย่างไร นางก็ไม่เคยเปลี่ยนความคิด

"เป็นเช่นนี้ก็ดี หน้ากากหนังนี้ในเมื่อข้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ข้าก็จะรับประกันความปลอดภัยของเจ้าด้วย ใบหน้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของหญิงสาว ข้าจะไม่มีวันให้เจ้าต้องตกที่นั่งลำบาก?" หมิงซียิ้มให้นาง แววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่

การรับประกันของหมิงซีนั้น ทำให้อาลั่วหลันดีใจยิ่งนัก นางไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก เพราะตอนนี้มีหมิงซีคอยปกป้องนางอยู่

"งั้นท่านต้องรักษาคำพูดของท่านนะ ไม่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านต้องรักษาความปลอดภัยให้หม่อมฉัน!" อาลั่วหลันเล่นคิ้วกับหมิงซี

สิ่งที่เขาพูดทำให้อาลั่วหลันเข้าใจผิดอีกแล้ว เขาหมายถึงว่าจะปกป้องใบหน้าของนางไม่ให้เสียโฉม แต่นางกลับเข้าใจว่าเขาจะปกป้องนางไม่ให้เกิดอันตราย

หมิงซีอยากจะอธิบาย แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง เขาก็พูดไม่ลง

สุดท้าย เขาจึงทำได้เพียงส่งยิ้มให้

คงเป็นเพราะเราต่างก็รู้จักกันนานมากขึ้น ทำให้บางครั้งบางคำพูดก็ไม่อาจที่จะกล่าวออกไปได้ ช่างเถอะ เป็นอย่างนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

"ไปกันเถอะ พวกเราไปหาเสี่ยวฮัวที่ดงหัวเยี้ยนกัน" หมิงซีบอกแล้วมองไปที่หน้ากากหนังคนบนโต๊ะ

ทั้งสองเดินออกไปด้านนอกพร้อมกัน ที่นี่คือห้องด้านข้างของดงหัวเยี้ยน เดินผ่านสวนดอกไม้ของดงหัวเยี้ยนไม่นาน แล้วข้ามสะพานขนาดเล็กนั้น ก็สามารถไปถึงตำหนัก

"เสี่ยวฮัว" หมิงซีเคาะประตู จากนั้นคนด้านในก็รีบขานรับ พร้อมกับเปิดประตูให้พวกเขา

"เหตุใดไม่มีนางกำนัลคอยดูแล? เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?" หมิงซีเมื่อเข้ามาแล้วไม่เห็นนางกำนัลจึงถามขึ้น

โล่หวินหลานกึ่งนั่งกึ่งนอน นางเอาหมอนใบหนึ่งหนุนไว้ที่ด้านหลัง ตอนนี้รอยแดงบนใบหน้านั้นลดลงไม่น้อยแล้ว

"หลังจากที่ข้าป่วย ข้าก็อยากจะอยู่คนเดียว จึงไม่ให้นางกำนัลเข้ามาปรนนิบัติ มีเพียงเวลาที่ต้องกินยาถึงจะให้พวกนางเข้ามา" โล่หวินหลานบอกแล้วยิ้ม

"ถึงแม้ว่าเจ้าอยากจะอยู่คนเดียวอย่างสงบ แต่ก็ควรมีนางกำนัลสักคนมาคอยดูแลเจ้าสิ คราวหน้าห้ามทำเช่นนี้อีก ต้องเหลือไว้สักคนให้รับใช้" หมิงซีไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนาง

อย่างไรนางก็เป็นองค์หญิงของแคว้น และนี่ยังได้รับบาดเจ็บอีก หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็คงหาตัวนางไม่พบแน่ แบบนี้นางก็ลำบากแย่ไม่ใช่หรือ?

โล่หวินหลานรู้ดีว่าหมิงซีหวังดีต่อนาง จึงไม่ได้พูดอะไร นางเพียงถามก็เท่านั้น “หน้ากากหนังคนทำเสร็จแล้วหรือ?"

นางลองคำนวณดูระยะเวลาการเริ่มทำหน้ากากหนังคนของหมิงซี ตอนนี้เขาก็ใกล้ที่จะทำเสร็จแล้ว

นางรู้ทุกอย่างจริงๆด้วย หมิงซีพยักหน้า“ทำเสร็จแล้ว เพียงพ้นคืนนี้ไป รอให้หน้ากากแห้ง พรุ่งนี้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว"

เป็นไปตามที่นางคาดการณ์เอาไว้ โล่หวินหลานพยักหน้า เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด พรุ่งนี้ก็สามารถนำไปใช้ได้แล้ว นางเองก็ยังมีเวลาเหลือหนึ่งวันในการไปเตรียมตัว

"ดี งั้นคืนพรุ่งนี้เราก็เริ่มแผนกันเลย" โล่หวินหลานคิดแล้วคิดอีก พวกนางอยู่ในพระราชวัง เย่เซียวหลัวอยู่นอกวัง เวลาลงมือที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นเวลาที่อยู่นอกวัง

"ทำอย่างไร?" หมิงซีถาม

เขาและอาลั่วหลันตั้งใจฟังในสิ่งที่นางพูด

เรื่องนี้ ต้องได้รับความช่วยเหลือจากโม่ฉีหมิงถึงจะสามารถดำเนินได้ เพียงแต่โล่หวินหลานไม่ต้องการให้เขารู้เรื่องนี้ เพราะเมื่อให้โม่ฉีหมิงช่วยแล้ว ก็ไม่อาจที่จะปิดบังเขาได้อีก"

โล่หวินหลานครุ่นคิด เพื่อแผนในอนาคต นางจึงไม่ได้เอะอะโวยวายไป

แค่เรื่องในวังนั้นนางก็จำเป็นต้องคิดตั้งมากมายแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายก็ต้องจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ โชคดีที่ของที่จำเป็นนั้นไม่มากมาย มีเพียงสองคนก็สามารถทำสำเร็จแล้ว"

ในห้องมีเพียงทั้งสามที่ได้ยินกันและกัน อาลั่วหลันเมื่อได้ฟังแผนการแล้วนั้น ดวงตาของนางก็ลุกวาว “มันเยี่ยมมากเลย หมิงซี ใช่หรือไม่?"

อาลั่วหลันขยับข้อศอกตนชนกับเขา อย่างสนิทสนม

เพราะโล่หวินหลานอยู่ด้วย หมิงซีจึงทำได้เพียงตอบอื้มเบาๆ

"พวกท่านต้องระวังตัวให้ดี ยิ่งช่วงนี้ในวังหลวงเงียบสงบ เราจึงต้องรีบจัดการ จำเอาไว้ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามทำให้เป็นเรื่องใหญ่เด็ดขาด หากมีสิ่งผิดปกติให้รีบถอยกลับ" โล่หวินหลานบอกอย่างจริงจัง

หมิงซีพยักหน้า ในใจพลางคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะรอบคอบที่สุด เพราะแผนการนี้คือการสู้รบทางจิตวิทยา

"เสี่ยวฮัว บาดแผลของเจ้าดีขึ้นหรือยัง?" อาลั่วหลันถามพลางมองดูรอยแดงของนาง

โล่หวินหลานจับที่ท้องของตนเอง หลังจากที่สวินโม่จ่ายยาให้นางแล้วนั้น ก็ดีขึ้นมากแล้ว

"ตอนนี้หม่อมฉันไม่เจ็บแผลแล้ว สามารถลุกเดินได้ เพียงแต่หากไม่ระวังโดนใส่แผลก็จะเจ็บบ้าง แต่ก็เป็นธรรมดา" โล่หวินหลานยิ้ม ดวงตาทั้งคู่ของนางเปร่งประกาย

"โชคดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้ให้คนมาเรียกตัวเจ้าไปพบ ไม่เช่นนั้นบาดแผลที่เจ้าเป็นก็จะถูกเปิดเผย" อาลั่วหลันโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

"ตอนนี้หากเรียกพบก็ไม่เป็นอันใดหรอก หม่อมฉันสามารถลงจากเตียงได้อย่างไม่มีปัญหา เพียงแต่อย่าขยับเขยื้อนร่างกายด้วยความรุนแรงก็เท่านั้น" โล่หวินหลานพูดพลางจับที่ท้องน้อยของตน หากไม่แตะต้องก็ไม่ปวดเลยแม้แต่น้อย

หมิงซีจับที่คางของตนเอง สองสามวันนี้ช่างเป็นเวลาที่สำคัญ ทางด้านแคว้นเซิ่งโจวก็ได้เขียนจดหมายเร่งรัดการอภิเษก ต่อให้ฮ่องเต้เจียเฉิงจะเลือกอย่างพิถีพิถันอย่างไร ก็เหลือเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

ดังนั้น ช่วงเวลานี้ โล่หวินหลานห้ามได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด

"เย่เซียวหลัวทำความผิดใหญ่หลวงขนาดนี้ หากฮ่องเต้รู้เข้า คงลงโทษนางอย่างสาหัสแน่นอน พวกเราจำเป็นต้องช่วยนางปิดบังด้วยหรือ? แบบนี้มันก็ทำให้นางมีความสุขเกินไปละสิ?" หมิงซีพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

โล่หวินหลานส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ข้าเพียงต้องการได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นจากเปิดของเย่เซียวหลัว หากนางเป็นคนทำจริง ข้าจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆแน่ แต่หากไม่ใช่นาง ข้าก็จะให้ฮ่องเต้เป็นคนจัดการนาง ในแบบที่ควรจะเป็น"

สรุป ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เย่เซียวหลัวก็ไม่อาจหนีรอดวิกฤตครั้งนี้ไปได้

"เป็นเช่นนี้ก็ดี ต่อให้ไม่ได้ลงโทษนาง ก็อย่าให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข" หมิงซีเกลียดคนที่ใช้อำนาจในการรังแกคนอื่นนัก ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่เขาเช่นนี้มาทำร้ายเสี่ยวฮัวด้วย

ตอนนั้น ตอนที่นางยังเป็นโล่หวินหลาน เย่เซียวหลัวเองก็มักที่จะลอบทำร้ายนางต่างๆนาๆ แต่นางก็ไม่ได้สนใจ เพียงคิดว่าที่เย่เซียวหลัวทำเช่นนั้นก็เพราะความรักที่นางมีต่อเวินอ๋องก็เท่านั้น

แต่ใครจะไปคิด ว่าสุดท้ายแล้วการละเลยนั้น จะทำให้ตนเองเป็นเช่นนี้

สองมือของเย่เซียวหลัวผลักนางไปหาประตูแห่งความตาย ทำให้นางต้องแยกจากกับคนรัก เรื่องนี้นางไม่มีวันลืม และจะจำเอาไว้ในใจเป็นอย่างดี

วันนี้ นางเองก็จะล้างแค้นด้วยมือของตนเอง

พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่เปิดเผยความจริงแล้ว หวังเพียงทุกอย่างเป็นไปตามที่นางคิด หากไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด นางก็จะให้ทุกอย่างเปิดเผยจนได้

"พวกเจ้าอย่าเป็นห่วงเลย ข้าจะดูแลตนเองเป็นอย่างดี หมิงซีเจ้าต้องดูแลปกป้องอาลั่วหลัน ในวังหลวงแห่งนี้ ทุกอย่างก้าวเต็มไปด้วยอันตราย เจ้าเองก็รู้ดี" โล่หวินหลานกล่าวพลางมองไปที่ทั้งสอง นางช่างเป็นกังวลเพราะอาลั่วหลันนั้น ดูบอบบางยิ่งนัก

"ตอนลงจากหุบเขา ข้ารับปากอาจารย์แล้วว่าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี หน้าที่ของข้าคือปกป้องความปลอดภัยของเจ้า แต่อาลั่วหลันเองก็เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเซิ่งโจว ข้าเองก็จะปกป้องนางเป็นอย่างดี เจ้าวางใจเถอะ" หมิงซีบอกแล้วมองไปที่อาลั่วหลัน ตอนนี้เขามีภาระที่หนักอึ้งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก