ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 282

ตอนที่ 282 เรื่องของความรักนั้นอยากที่จะจัดการ

จบจากการกล่าวราชสำนัก ด้านนอกมีหิมะโปรยปรายลงมา ฮ่องเต้เจียเฉิงได้รับสั่งให้องค์รัชทายาท อ๋องยี่ เวินอ๋อง หมิงอ๋องทั้งสี่อยู่ก่อน จากนั้นก็ได้เดินนำพวกเขาไปยังสวนดอกไม้ด้านข้างตำหนัก

พวกเขารีบเดินตามไป ในใจต่างก็คิดเอาไว้แล้ว วันนี้ฮ่องเต้คงตัดสินใจที่จะเลือกไม่ใครก็ใครคนหนึ่งอภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อเป็นแน่แท้

เพียงแต่ ทุกอย่างคงมิอาจเป็นไปตามใจหวัง ทั้งสี่ทำสีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น คงเป็นเพราะต่างก็มีคำตอบในใจแล้ว

แสงสว่างด้านนอกสาดส่องเข้ามาผ่านม่านหน้าต่าง โล่หวินหลานยกหมอนขึ้นหนุน จากนั้นก็ทำแผลให้ตนเอง ขณะที่นางกำลังจะมัดผ้าทำแผลนั้น ด้านนอกก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนั้นช่างคุ้นหูเหลือเกิน

"องค์หญิง ฮ่องเต้รับสั่งให้เข้าพบที่สวนดอกไม้ทางด้านทิศตะวันออกเพคะ"

โล่หวินหลานมองตามเสียงนั้น นางขมวดคิ้ว จ้าวกงกงมาแต่เช้าเยี่ยงนี้และฮ่องเต้ก็รับสั่งให้เข้าพบ หรือเพราะฮ่องเต้ไม่อาจรอได้แล้ว จึงคิดที่จะเลือกคู่ครองให้นางในวันนี้?

"หม่อมฉันรับทราบเพคะ ขอเวลาหม่อมฉันแต่งตัวทำผมแล้วจะรีบตามไป" โล่หวินตอบกลับ

เสียงจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง “หม่อมฉันจะรอองค์หญิงอยู่ด้านนอกนะเพคะ"

ตู้ด้านข้างนั้นคือที่ที่นางมักจะใช้เปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนหน้าต่างที่อยู่ทางซ้ายมือนั้นเป็นโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับแต่งหน้าทำผม รองเท้าอยู่ในตู้ด้านล่าง และผ้าผูกเอวนั้นจะถูกแขวนเอาไว้ โล่หวินหลานกวาดมองโดยรอบ โชคดีที่ปกตินางก็มักจะสังเกตว่าของเก็บไว้ตรงไหน มิเช่นนั้นนางก็คงหาไม่พบเป็นแน่แท้

หากไม่ใช่เพราะนางได้รับบาดเจ็บแล้วไล่นางกำนัลออกไปจนหมด วันนี้ที่ฮ่องเต้เรียกให้เข้าพบก็คงไม่ต้องเร่งรีบเช่นนี้?

หลังจากเลือกชุดได้แล้วนั้น นางพึ่งรู้ว่าผมของตนเองยังยุ่งมาก ทรงผมของหญิงสาวโบราณนางก็ไม่สามารถทำด้วยตนเองได้ หากนางออกไปโดยที่ผมยังยุ่งเช่นนี้ ก็คงถูกตราหน้าว่าไร้มารยาทแน่

โล่หวินหลานหวีผมของตนเอง จากนั้นก็มวยผมขึ้น เพื่อให้ผมดูเป็นทรงมากยิ่งขึ้น

ระหว่างที่นางกำลังปวดหัวกับการทำผมนั้น ประตูก็ถูกผลักออกอย่างเบามือ ไซ่เย่วเดินเข้ามาในห้อง

"องค์หญิง ให้หม่อมฉันช่วยองค์หญิงทำผมเถอะเพคะ" ไซ่เย่วเดินมาตรงหน้าของโล่หวินหลาน แล้วเอาหวีจากมือของนางไป จากนั้นก็ปล่อยผมของนาง

ไซ่เย่วถูกเซียวฉีหมิงนำตัวออกจากวังหลวงแล้วไม่ใช่หรือ?

นางคิดว่าไซ่เย่วจะไม่กลับมาดูแลนางแล้ว ไม่คิดเลยว่าโม่ฉีหมิงจะส่งนางกลับเข้ามาในวังหลวง หรือเป็นเพราะสิ่งที่นางบอกกับเขาในคราวที่แล้ว?

"ไซ่เย่ว หลายวันที่ผ่านมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใดมา? เหตุใดวันนี้ถึงกลับมาได้ทันเวลา?" โล่หวินหลานมองนางผ่านกระจกทองเหลือง หลายวันที่ไม่ได้เจอนางนั้น นางดูผอมลงไปมาก

ไซ่เย่วนิ่งไป จากนั้นก็ทำสีหน้าปกติแล้วทำผมของนางต่อ“แม่ของหม่อมฉันป่วยเพคะ ตอนออกจากวังจึงเร่งรีบมากไปเสียหน่อย ไม่ทันได้กล่าวลากับองค์หญิง หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ"

คำพูดของนางฟังดูก็มีเหตุผล แต่โล่หวินหลานกลับไม่เชื่อ นางไม่คิดว่าไซ่เย่วจะออกจากวังด้วยเหตุผลเช่นนี้

หลังจากที่นางได้รับบาดเจ็บ ไซ่เย่วเองก็ไม่ได้อยู่ในวัง คราวที่แล้วที่นางคุยกับโม่ฉีหมิงนั้น หลังจากนั้นไม่นานไซ่เย่วก็ได้เข้ามาในวังหลวง และพอนางได้รับบาดเจ็บไซ่เย่วก็หายไป คงเป็นเพราะนางทำให้ไซ่เย่วต้องตกที่หน้าลำบากเป็นแน่แท้

แต่โล่หวินหลานเองก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด นางยิ้ม“แม่ของเจ้าป่วยเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่ได้จะกล่าวโทษเจ้าหรอก แต่หากมีเรื่องเช่นนี้อีกเจ้าควรจะบอกกับข้าก่อน ข้าจะได้มอบอัตให้เจ้านำออกไปรักษาแม่ แล้วตอนนี้แม่ของเจ้าอาการดีขึ้นหรือยัง?"

มือที่หวีผมของโล่หวินหลานอยู่นั้นนิ่งไปชั่วขณะ นางยิ้มด้วยสีหน้าเก้กัง“ขอบพระทัยในน้ำใจเพคะองค์หญิง ตอนนี้แม่ของหม่อมฉันอาการดีขึ้นมากแล้วเพคะ"

"เป็นเช่นนั้นก็ดี ถึงแม้ว่าจะดีขึ้นแล้วก็ตาม อย่างไรเสียนั่นก็เป็นแม่ของเจ้า พรุ่งนี้เจ้ากลับไปดูแลนางสักสองสามวันก็ได้ ข้าจะได้เตรียมยาไปให้แม่ของเจ้าด้วย เผื่อจะทำให้อาการของแม่เจ้าดีขึ้น" โล่หวินหลานกล่าว สิ่งที่นางพูดนั้นทำให้ไซ่เย่วเองไม่อาจปฏิเสธน้ำใจนี้ได้

เมื่อนางพูดจบ ไซ่เย่วเองถึงกับมีเหงื่อไหล่ที่แผ่นหลัง แต่เพราะนางรับใช้โม่ฉีหมิงมาหลายปีทำให้สามารถปรับสีหน้าให้เรียบเฉยราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นได้

แม้ว่าในใจจะเต้นรัว แต่ใบหน้านั้นช่างเรียบเฉย ไซ่เย่วจึงย่อตัวขอบคุณ จากนั้นก็กล่าวปฏิเสธ

"ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง แต่แม่ของหม่อมฉันอาการดีขึ้นมากแล้ว ท่านเองก็รับสั่งให้หม่อมฉันรีบกลับเข้าวังหลวงมารับใช้องค์หญิงเพคะ!” ไซ่เย่วยิ้มจนเห็นลักยิ้มของนาง

คำว่าแม่นั้น เป็นคำที่นางได้ฟังหรือพูดทุกครั้งก็ปวดใจ เพราะนางไม่เคยเห็นหน้าของแม่ตนเองมาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของตนเองนั้นอยู่ที่ไหน

"หากเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็วางใจ คราวนี้หากมีเรื่องอันใดอีก เจ้าต้องบอกกับข้านะ" โล่หวินหลานกล่าว

ไซ่เย่วโล่งใจไปเปราะหนึ่ง สองมือมวยผมของโล่หวินหลานเอาไว้ จากนั้นก็ปักปิ่นปักผมให้นาง แล้วแต่งเติมใบหน้าด้วยผงดอกไม้ ทำให้องค์หญิงดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

ขณะที่ออกไปนั้น จ้าวกงกงก็ได้ยืนยิ้มอยู่ด้านนอก โล่หวินหลานจับที่แขนของไซ่เย่วเพื่อประคองตนเอง แสงแดดอ่อนๆส่องมาที่ใบหน้าของนาง ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก

"จ้าวกงก ช่วงนี้ท่านพักผ่อนไม่เพียงพอใช่หรือไม่? ท่านต้องรักษาสุขภาพของท่านด้วย" โล่หวินหลานกล่าว ขณะที่จ้าวกงกงที่ทำความเคารพนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน

เขาจับที่หมวกของตนเอง จ้าวกงกงยิ้มอย่างประหม่า“หม่อมฉันควรถูกลงโทษ ที่ให้องค์หญิงได้เห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของหม่อมฉัน"

จ้าวกงกงเป็นใครมาจากไหน คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่โล่หวินหลานนั้นรู้อย่างแจ่มแจ้ง

ตั้งแต่สมัยที่ฮ่องเต้เจียเฉิงเป็นเพียงท่านอ๋อง จ้างกงกงก็อยู่กับเขามาโดยตลอด เขาอยู่เคียงข้างฮ่องเต้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี มากเสียกว่าฮองเฮาเสียด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะเป็นองค์ชาย พระสนม หรือพระชายาล้วนต้องให้เกียรติเขา

เพราะ คำพูดของจ้าวกงกงนั้นที่คอยบอกกับฮ่องเต้นั้น มีอิทธิพลมาก

"จ้าวกงกงเป็นขันธีที่คอยดูแลฮ่องเต้ รับผิดชอบอาหารการกินของฮ่องเต้ เรื่องทุกอย่างต่างก็ต้องผ่านมาท่านก่อน จึงไม่แปลกที่ท่านจะเหนื่อยกว่าคนทั่วไป หากฮ่องเต้ไม่มีท่านข้างกาย คงต้องไม่คุ้นชินเป็นแน่แท้" โล่หวินหลานยิ้ม แล้วอธิบาย

จ้าวกงกงเองก็ยิ้มตอบ

โล่หวินหลานเหลือบเห็นจ้าวกงกงนำมือขึ้นเช็ดที่หน้าเล็กน้อย

เขาลำบากมาตลอดทั้งชีวิต ก็เพื่อรักษาตำแหน่งนี้ของตนเองเอาไว้ เพื่อที่จะได้รับความเคารพจากทุกคน

ตอนที่ไปถึงตำหนักชื่อ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับท่านอ๋องทั้งนี่ และเย่ฮองเฮาที่นั่งอยู่ตรงกลาง ท่านด้านต้วนก้วยเฟยนั้นก็นั่งอยู่ด้านข้าง

แต่ก็ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาของหรงฝิน ดูแล้วฮ่องเต้คงยังกริ้วกับเรื่องเมื่อคราวที่แล้วที่หรงฝินทำ คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็คือเย่ฮองเฮานี่เอง

อิทธิพลของครอบครัวฝ่ายหญิงนั้นช่างยิ่งใหญ่ หากตระกูลเย่ยังไม่ล้ม ฮองเฮาเองก็คงไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อสิ่งใด

"เหอซื่อทำความเคารพฮ่องเต้เพคะ" โล่หวินหลานกล่าวแล้วเดินไปตรงหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิง

"ลุกขึ้นเถอะ เชิญนั่ง" ฮ่องเต้พายมือเป็นความหมายให้นั่งลง

"ขอบพระทัยเพคะ"

โล่หวินหลานนั่งอยู่ตรงข้ามเวินอ๋อง

ฮ่องเต้เจียเฉิงชี้ไปที่องค์รัชทายาท“นี่คือบุตรชายคนโตของข้า โม่ฉีซิว ซึ่งก็คือองค์รัชทายาทในปัจจุบัน"

โล่หวินหลานยิ้มเล็กน้อยเป็นมารยาท

อันที่จริงเมื่อคราวที่แล้วฮ่องเต้เองก็ได้แนะนำให้นางรู้จักกับทุกคนแล้ว วันนี้ที่แนะนำอีกครั้งคงต้องการให้ทุกคนสนิทสนมกันมากขึ้น

"นี่คือบุตรคนที่สองของข้าอ๋องยี่ คนที่สี่หมิงอ๋อง คนที่หกเวินอ๋อง ซึ่งองค์ชายทุกคนล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ คู่ควรกับองค์หญิง" ฮ่องเต้พูดอย่างตรงไปตรงมา

เย่ฮองเฮาจับที่แขนของฮ่องเต้เบาๆ “ฮ่องเต้เพคะ ทรงดื่มมากไปแล้วเพคะ"

"ข้ารู้ว่าข้าดื่มได้เท่าไหร่ องค์หญิงเหอซื่อ เจ้าเองก็มาอยู่ที่แคว้นฉีหมิงได้เดือนกว่าแล้ว เหตุที่ข้ายังไม่รับสั่งให้เจ้าอภิเษกกับองค์ชายองค์ใดนั้น ก็เพราะข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรให้เจ้าอภิเษกกับใคร"

"บุตรชายทั้งสิบเจ็ดคนของข้า ต่างก็อภิเษกกันหมดแล้ว เหลือเพียงหมิงอ๋อง ที่ชายาของเขาด่วนจากไปเสียก่อน เดิมทีข้าก็อยากให้เจ้าอภิเษกกับหมิงอ๋อง แต่งเป็นชายาของหมิงอ๋อง แต่เขาไม่ยอม ทางด้านเวินอ๋องเองนั้นจึงเสนอให้เจ้าเป็นสนมของเขา เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?" ฮ่องเต้เจียเฉิงร่ายยาว ซึ่งในคำพูดของเขาก็บอกให้นางรู้แล้วว่าตัวเลือกของนางมีเพียงเวินอ๋องและหมิงอ๋อง

เป็นสนมของเวินอ๋องงั้นหรือ? อย่าถามเลยว่านางยอมหรือไม่ คนที่ควรถูกถามคำถามนี้มากที่สุดควรจะเป็นเย่เซียวหลัวต่างหาก ที่นางได้รับบาดเจ็บก็มาจากเย่เซียวหลัวไม่ใช่หรือ?

โล่หวินหลานยิ้มเล็กน้อย แล้วก้มหน้า“หม่อมฉันได้ยินมานานแล้วว่าเวินอ๋องเป็นวีรบุรุษที่มากความสามารถ คู่ควรกับพระชายาเวินอ๋องยิ่งนัก ทั้งคู่เหมาะสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เหอซื่อเองก็ไม่อาจเข้าไปกั้นกลางระหว่างทั้งคู่ ขอฮ่องเต้ทรงประทานอภัย"

เวินอ๋องจับแก้วเหล้าในมือด้วยความสั่นเทา พลันสายตามองไปทางโม่ฉีหมิงอย่างเย็นยะเยือก

เขาจับแก้วเหล้าเอาไว้ ไม่พูดไม่จา สายตาจับจ้องไปที่องค์หญิงเหอซื่อ

สองคนนี้ กำลังทำสิ่งใดกันแน่?

หรือโม่หมิงไม่ต้องการอภิเษกกับองค์หญิงเหอซื่อ?

การถูกปฏิเสธนี้ สีหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิงนั้นแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้พูดกล่าวสิ่งใด

"ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันเองก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเวินอ๋องและหลัวเอ๋อเองนั้นก็ดีมาก หากต้องการให้เวินอ๋องมีสนมนั้น ควรรออีกสักสองปีนะเพคะ หม่อมฉันกลับรู้สึกว่าองค์หญิงเหอซื่อและหมิงอ๋องดูเหมาะสมกันยิ่งกว่า ลองถามความคิดเห็นของสองคนนั้นหน่อยดีไหมเพคะ?" เย่ฮองเฮาที่นั่งข้างฮ่องเต้กล่าวขึ้น

ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่โล่หวินหลานเองก็ยังคงยืนนิ่ง

ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เพราะการตัดสินใจนั้นอยู่ที่ฮ่องเต้เจียเฉิง คนอื่นจะพูดอย่างไรนั้นก็สูญเปล่า

ฮ่องเต้เจียเฉิงครุ่นคิด ครั้งที่แล้วทีเขาเอ๋ยเรื่องนี้กับหมิงอ๋อง หมิงอ๋องเองก็ดูไม่พอใจยิ่งนัก หากจะถามอีกรอบ ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร

"ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันว่าอ๋องยี่เองก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกันนะเพคะ หน้าตาหล่อเหลาคมคาย เหมาะกับองค์หญิงเหอซื่อยิ่งนัก" ต้วนกุ้ยเฟยกล่าวขึ้น

คำพูดของทั้งสองนาง ทำให้ฮ่องเต้ทรงรำคาญยิ่งนัก

"องค์หญิงเหอซื่อ เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า? การเลือกคู่ครองครั้งนี้ก็เพื่อเจ้า เจ้ามีอะไรอยากจะกล่าวหรือไม่" ฮ่องเต้เจียเฉิงกล่าวถามองค์หญิงเหอซื่อ

แววตาของฮ่องเต้เจียเฉิงนั้นดูแน่วแน่ เพราะเขาต้องการที่จะดูว่าองค์หญิงเหอซื่อมีใครในใจแล้วหรือยัง หรือว่าชอบพอองค์ชายคนใด

องค์หญิงเหอซื่อเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเลือกใคร ช่างกดดันเหลือเกิน

นางพึ่งนึกขึ้นได้เพราะคราวที่แล้วโม่ฉีหมิงก็ได้บอกกับนาง ว่าไม่ให้พูดสิ่งใดกับฮ่องเต้เจียเฉิง ที่แท้ก็เพราะป้องกันไม่ให้ฮ่องเต้คาดเดาได้ว่านางอยากจะอภิเษกกับใครนี่เอง

"ฮ่องเต้เพคะ เหอซื่อพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน จึงไม่ได้สนิทกับองค์ชายท่านใด จึงทำให้หม่อมฉันยากที่จะตัดสินใจ เหอซื่อขอฮ่องเต้อนุญาตให้หม่อมฉันกลับไปคิดอีกสามวัน หลังจากนี้อีกสามวันหม่อมฉันจะให้คำตอบกับฮ่องเต้นะเพคะ" เหอซื่อบอกอย่างจริงใจ

ฮ่องเต้เจียเฉิงเองก็รู้สึกว่า วิธีนี้เป็นวิธีที่ดี

"เช่นนั้นก็ดี ข้าจะให้โอกาสเจ้าไปคิดอีกสามวัน หลังจากนี้สามวัน เจ้าต้องให้คำตอบกับข้า" ฮ่องเต้เจียเฉิงกล่าว

"เพคะ" เหอซื่อพยักหน้า

"ฮ่องเต้เพคะ ตอนนี้สามารถให้องค์หญิงเหอซื่อรินสุราให้กับองค์ชายแล้วเพคะ" เย่ฮองเฮากล่าวเตือน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก