ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 285

ตอนที่ 285 พายุฝนฟ้าเต็มเมือง

โล่หวินหลานสบตากับอาลั่วหลันแล้วส่ายหน้า“เรื่องมันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก หากการบอกฮ่องเต้เจียเฉิงแล้วสามารถแก้ปัญหาได้ ใต้ฟ้าดินก็คงไม่มีการถูกใส่ร้ายหรอก?"

นิสัยของฮ่องเต้เจียเฉิงนั้นก็ช่างสงสัย อีกทั้งครอบครัวฝ่ายแม่ของเย่เซียวหลัวเองนั้นก็เป็นตระกูลที่มีอำนาจ เวินอ๋องก็มีตำแหน่งสูงศักดิ์ในราชสำนัก ต้วนก้วยเฟยเองก็เป็นที่รักของฮ่องเต้ พวกเขานั้นมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ไม่อาจตัดได้ง่ายๆ หากต้องการให้เย่เซียวหลัวได้รับผิดนั้น ต้องไม่ง่ายแน่?

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเองก็ไม่มีหลักฐานที่มากพอ ว่าเย่เซียวหลัวและจิ่นชื่อเป็นคนร้ายในตอนนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น หากพลีพลามอาจจะทำให้ซวยได้

"แล้วเสี่ยวฮัว พวกเราควรทำอย่างไรดี? โชคดีที่ครั้งนี้เจ้ารอดมาได้ มิเช่นนั้นวางแผนการของพวกเขาสำเร็จ จะเป็นเช่นไหร?" อาลั่วหลันถามด้วยความกังวล

พวกเขาทำสำเร็จแล้วต่างหาก โล่หวินหลานยิ้มในลำคอ นางเป็นคนตายไปแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่มีวันให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นซ้ำสองแน่

"หม่อมฉันมีวิธีของหม่อมฉัน เย่เซียวหลัวไม่กล้าทำอะไรหม่อมฉันหรอกเพคะ หากนางทำสิ่งใดนั้น นางก็ต้องคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อน" โล่หวินหลานยิ้ม ราวกับคนที่ฝ่านรกมาเพื่อล้างแค้น

ค่ำคืนที่มืดมิดนั้น ค่อยๆสว่างต้อนรับวันใหม่

"ใครกัน? เหตุใดจึงนอนสลบอยู่บนพื้นหิมะนี่?"

"ดูสิ นางจะหนาวจนแข็งตายแล้วหรือยัง?"

"เจ้าไปดูสิว่ายังหายใจอยู่หรือไม่?"

"ข้าไม่ไปหรอก เจ้าไปสิ....."

รุ่งสางในตอนเช้า ชาวบ้านที่เดินไปมาต่างก็รุมล้อมมองดูคนที่สลบอยู่บนพื้น

ผ้าคลุมสีดำขนาดใหญ่ห่อหุ้มตัวนางไว้ หมวกหนาเองก็ปิดบังหน้าของนางไว้เช่นเดียวกัน ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน ไม่อาจทราบได้ว่ายังอยู่หรือตายไปเสียแล้ว

พวกเขายืนอยู่ด้านหน้า แต่กลับไม่มีใครกล้าพยุงร่างตรงหน้า

"แจ้งเจ้าหน้าที่เถอะ?"

"จากเสื้อผ้าที่สวมใส่่แล้วนั้น ต้องเป็นคนที่สูงศักดิ์แน่นอน ไม่แน่อาจจะเป็นขุนนางที่ไหนก็ได้ หากช่วยให้รอดชีวิตอาจจะได้ของตอบแทน?"

เมื่อสิ้นเสียง ความคิดที่หวังจะได้สิ่งตอบแทนนั้น จึงเปิดหมวก เป็นหญิงสาวหรือนี่!

และยังเป็นพระชายาเวินอ๋องผู้เย่อหยิ่งด้วย!

ตอนที่เย่เซียวหลัวตื่นขึ้นมานั้น รอบตัวมีแต่คนรายล้อม

นางเหน็บหนาวไปทั้งตัว จนชาไปหมด แขนและขาเองก็แข็งไปหมด ไม่สามารถงอได้เลยด้วยซ้ำไป

โชคดีที่ผ้าคลุมนี้หนาพอ ไม่เช่นนั้นนางคงหนาวตายไปเสียแล้ว

นางค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยความลำบาก คนรอบตัวต่างมองมาที่นางไม่หยุด

"พวกเจ้า มอง มองอะไร? ไปให้พ้น" เย่เซียวหลัวพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ชาวบ้านพวกนั้นต่างก็รู้นิสัยของเย่เซียวหลัวดี เพราะได้ยินชื่อเสียงในด้านเจ้าอารมณ์มานานแล้ว มีบางคนที่เคยเห็นหน้านางมาก่อนเช่นกัน จึงไม่กล้าที่จะพูดสิ่งใด ทำได้เพียงทำตามที่นางพูดอย่างว่าง่าย แล้วรีบออกห่าง

เพียงแต่ เรื่องนี้ไม่อาจที่จะเงียบลงได้ ไม่นานก็ลือให้ทั่วเมืองแล้ว

พระชายาเวินอ๋องไม่กลับตำหนักทั้งคืน และยังนอนอยู่บนพื้นหิมะที่หนาวเหน็บอีก ทั้งยังตื่นมาตอนรุ่งสาง จึงไม่แปลกที่จะเป็นหัวข้อในการนินทาของชาวบ้าน ตำหนักเวินอ๋องจึงขายหน้าเพราะนาง

เย่เซียวหลัวที่นั่งอยู่นานสักพักแล้ว ทำให้รู้สึกดีขึ้น ตอนนี้เท้าของนางเริ่มกระดิกนิ้วได้แล้ว ร่างกายเองก็ค่อยๆอุ่นขึ้น ขณะที่นางลุกขึ้นยืนนั้น ก็เวียนหัวเล็กน้อย ราวกับคนที่ป่วย

จนถึงตอนนี้ นางเองก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่

หากเป็นเรื่องจริง เหตุใดนางจึงสลบแล้วเวียนศีรษะเช่นนี้? หากไม่ใช่ ใบหน้านั้นทำไมถึงคล้ายกับโล่หวินหลานยิ่งนัก?

ขณะที่เดินไปถึงประตูทางเข้าของตำหนักเวินอ๋อง สาวใช้เองก็กำลังชะเง้อหน้ามองไปมา ราวกับกำลังรอใครบางคน

เมื่อเห็นเย่เซียวหลัวนางก็รีบวิ่งเข้ามาหา

"พระชายา ในที่สุดท่านก็กลับมา เมื่อคืนท่านไปที่ใดมา? เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่? เหตุใดตัวของท่านจึงเย็นเช่นนี้?" สาวใช้จับไปที่เนื้อตัวของเย่เซียวหลัว ที่เย็นไปทั้งตัว

"พยุงข้าเข้าไปด้านใน ไม่ต้องถามอะไรอีก" เย่เซียวหลัวยื่นมือไปจับแขนของนาง เนื้อตัวสั่นเทา

เมื่อเห็นนายหญิงเป็นเช่นนี้ สาวใช้เองก็ไม่กล้าที่จะถามมากความ ทำได้เพียงช่วยพยุงนางเข้าไป

ไปถึงที่สวนกลางบ้าน เย่เซียวหลัวก็ชี้ไปที่ทางเดินเล็กๆ นางไม่ต้องการที่จะเดินผ่านทางเดินหลัก เพราะกลัวเวินอ๋องจะเห็นนางในสภาพนี้

ต่อหน้าเวินอ๋องนั้น นางยังคงอยากให้เขาจดจำเพียงเย่เซียวหลัวที่งดงาม

"พระชายา หม่อมฉันไปตักน้ำร้อนมาให้ท่านอาบ ท่านรีบเปลี่ยนชุดที่เปียกนี่เถอะ แล้วไปอยู่ข้างเตาผิงเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ดูท่านสิหนาวเย็นไปทั้งตัวแล้ว!" สาวใช้กล่าวด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็รีบเปลี่ยนชุดให้นาง

ด้านในห้องนั้นอบอุ่นมาก แต่เย่เซียวหลัวเองก็ยังคงรู้สึกหนาว ไม่รู้ว่าตอนนี้นางเหน็บหนาวที่ใจหรือกายกันแน่

สาวใช้เร่งมือทำทุกอย่าง ไม่นานก็นำน้ำร้อนเข้ามา จากนั้นก็ผสมกับน้ำมันหอมละเหย ขณะที่นางก้าวเท้าลงไปที่น้ำอุ่นนั้น เย่เซียวหลัวก็รู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก

"ท่านอ๋องล้ะ?" เย่เซียวหลัวถามขึ้นขณะที่ยังคงหลับตาพริ้ม

"ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องโถงเพคะ เมื่อคืนเฝ้ารอพระชายาทั้งคืน แต่พระชายาก็ไม่กลับมา ท่านอ๋องทรงกริ้วมากเลยเพคะ!" สาวใช้ตอบตามจริง

เย่เซียวหลัวดวงตาเป็นประกาย นี่เขารอนางทั้งคืนเลยหรือ? เพราะเป็นห่วงนางงั้นหรือ? แต่เหตุใดเขาก็โมโห?

ความคิดของเวินอ๋องนั้น นางไม่เคยเข้าใจเลย

"เวินอ๋องได้กล่าวสิ่งใดอีกหรือไม่?"

สาวใช้ครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า“เรียนพระชายา ท่านอ๋องตั้งแต่กลับจากวังหลวงก็ไม่ได้รับสั่งสิ่งใดเลยเพคะ"

ไม่ได้พูดสิ่งใดงั้นหรือ? คงโมโหมากจริงๆ

นางอภิเษกกับเวินอ๋องมาปีกว่าแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้เข้าใจในตัวเขามาก แต่หากเขามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น นางก็จะคอยใส่ใจเสมอ

ทุกครั้งที่เขาโมโหนั้น เขาจะไม่พูดแม้แต่คำเดียว

เดี๋ยวก่อน นางจะอธิบายเรื่องนี้กับเขาอย่างไรดีล้ะ?

ตอนนั้นที่นางทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้นเพราะอารมณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้แต่ยามหลับนางยังไม่อาจหลับได้เต็มตาได้ ใครจะไปรู้กัน ว่าเพียงคืนเดียวนั้น นางกลับพูดทุกอย่างไปจนหมด

นางยังไม่รู้เลยว่าสิ่งที่นางพูด้วยเมื่อคืนนั้นเป็นผีหรือเป็นคน

สาวใช้ หยิบผ้าคลุมผืนบางมาให้

จากนั้นเสื้อผ้าหลายๆชั้นถูกสวมใส่่เอาไว้ นางแต่งหน้าทำผมเพื่อปกปิดความเหนื่อยล้าเมื่อคืน จนตอนนี้ใบหน้าของนางนั้นดูสดใสงดงามเหมือนเดิม

ระหว่างทางเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ เย่เซียวหลัวก็เอาแต่ครุ่นคิดว่าจะบอกเรื่องเมื่อคืนกับเวินอ๋องอย่างไรดี

หากเมื่อคืนมีแค่นางคนเดียวก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อคืนกลับมีองครักษ์ไปด้วย และตอนนี้ก็หาตัวองครักษ์คนนั้นไม่พบ นางไม่รู้จะโกหกอย่างไรดี

"ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่างต้องช่วยข้าด้วย!” เมื่อไปถึงห้องโถง เย่เซียวหลัวก็รีบคุกเข่า

เวินอ๋องที่เห็นเช่นนั้น ก็แปลกใจย่งนัก

"เย่เซียวหัว เจ้าเป็นถึงพระชายาเวินอ๋อง เจ้ากลับไม่ทำหน้าที่ของตนเอง ไม่ค่อยดูแลสั่งสอนคนในตำหนัก แต่เจ้ากลับออกไปแล้วไม่กลับมาทั้งคืน เจ้ายังคิดว่าตนเองเป็นพระชายาของข้าอยู่หรือไม่?" เวินอ๋งถามขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโมโห

เย่เซียวหลัวบีบน้ำตา“ท่านอ๋อง ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันไม่ได้ใส่ใจตำหนัก เพียงแต่เมื่อคืน หม่อมฉันไปเอาผ้าในเมือง ขากลับมานั้นโดนใครก็ไม่ทราบขวางทางเอาไว้"

"พวกมันไม่เพียงแต่เอาเงินของหม่อมฉันไป แต่ใช้ผงยาพิษทำให้หม่อมฉันสลบอยู่ข้างถนน แม้แต่องครักษ์ที่ดูแลหม่อมฉันก็ไร้ร่องรอย ทำให้หม่อมฉันต้องนอนอยู่ข้างถนนทั้งคืน จนตื่นขึ้นในตอนรุ่งสาง ระหว่างทางที่เดินกลับมานั้นก็ถูกตราหน้า หม่อมฉันเองก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเพคะ"

เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูดแล้วนั้น สีหน้าของเวินอ๋องก็ดีขึ้น แต่ยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก

เรื่องทั้งหมดนี้ ไม่เหมือนการถูกปล้นจี้ แต่ราวกับมีใครวางแผนเอาไว้เพื่อหวังผลบางอย่าง

"เจ้าพูดจริงหรือ? แล้วเจ้าเห็นหน้าพวกมันหรือไม่?" เวินอ๋องเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ในใจกลับมีคนที่เขาสงสัยแล้วหนึ่งคน

เมื่อนึกถึงใบหน้าของโล่หวินหลานนั้น เย่เซียวหลัวก็รีบส่ายหน้า“เขาปิดหน้าเอาไว้ หม่อมฉันมองไม่เห็นเพคะ ท่านอ๋องต้องจับตัวคนร้ายมาให้ได้นะเพคะ อย่าให้พวกมันหนีรอดเด็ดขาด!”

สองสามวันนี้เพราะเรื่องขององค์หญิงเหอซื่อ และโม่ฉีหมิงที่คอยขัดขวางทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะไม่แสดงสีหน้าหรืออาการใดๆ แต่ในใจไม่อาจรู้ได้ว่ากำลังวางแผนคิดฆ่าอยู่หรือไม่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างก็มีเป้าหมายแตกต่างกัน เมื่อมีเป้าหมายแตกต่งกันนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้

เวินอ๋องกำลังจะเอ๋ยถามนั้น ด้านนอกก็มีชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามา เนื้อตัวของเขามีผ้าคลุมสีน้ำเงิน ที่เต็มไปด้วยหิมะ

"ท่านอ๋อง เมื่อคืนข้าน้อยปกป้องพระชายาไม่ดีเอง ทำให้พระชายาตกอยู่ในมือของคนร้าย เป็นความผิดของข้าน้อยเอง ท่านอ๋องโปรดลงโทษเถอะ" องครักษ์ที่ดูแลเย่เซียวหลัวเมื่อคืนวิ่งเข้ามา ประจวบเหมาะกับที่เขาเองก็มีคำถามอยากจะถามมากมาย

"เรื่องเมื่อคืนนั้น พระชายาได้บอกกับข้าหมดแล้ว สิ่งที่ข้าอยากถามคือ เจ้าเห็นหน้าคนร้ายหรือไม่?" เวินอ๋องอยากจะรู้คำตอบแล้วเหลือเกิน

องครักษ์นั้นไม่ได้พูดคุยกับเย่เซียวหลัวมาก่อน เขาเองก็พึ่งตื่นขึ้นมาเมื่อรุ่งสาง ตอนที่เข้ามาในตำหนักนั้นก็ไม่ได้บอกใครก่อนด้วย

"ท่านอ๋อง หน้าตาคนร้าย? สิ่งที่ข้าเห็นคือ......" องครักษ์พูดไปเพียงครึ่งหนึ่ง เย่เซียวหลัวก็พูดขัดขึ้นมา

"คนร้ายนั้นปล้นชิงของจากหม่อมฉันเพคะ ตอนนั้นองครักษ์เองก็สลบไปเสียก่อนแล้ว จึงไม่แปลกที่จะไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น" เย่เซียวหลัวรีบพูดขึ้นเพราะกลัวองครักษ์จะพูดไม่ตรงกับนาง

เรื่องผีสางพวกนี้ควรหยุดพูดเถอะ?

"งั้นหรือ?" สายตาของเวินอ๋องนั้น เต็มไปด้วยความสงสัย ราวกับเชื่อและไม่เชื่อในคราวเดียวกัน "เจ้าพูดด้วยตนเองเถอะ ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น"

เวินอ๋องบอกกับองครักษ์

องครักษ์รู้แล้วว่าพระชายาต้องการปกปิดเรื่องเมื่อคืน แต่เขาควรจะพูดส่งใดเล่า?

"ท่านอ๋องรับสั่งให้เจ้าพูด เจ้าก็พูดตามความจริงเถอะ เมื่อวานหลังจากที่กลับมาจากร้านผ้า ก็ถูกคนปล้น....." เย่เซียวหลัวเกริ่นนำ เพื่อให้องครักษ์ตามน้ำได้ถูกต้อง

"หุบปาก ข้าไม่ได้อนุญาตให้เจ้าพูด" เวินอ๋องกล่าวขึ้น แล้วมององครักษ์ด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์

องครักษ์นั้นเมื่อได้ยินคำเกริ่นนำของเย่เซียวหลัว จึงโกหกสร้างเรืองอีกเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตนเองสมควรพูดหรือไม่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะสบตาเย่เซียวหลัว

"ท่านอ๋อง แย่แล้วขอรับ!" เสียงจากด้านนอกร้องดังขึ้น

สิ่งที่เวินอ๋องเกลียดที่สุด ก็คือตอนที่เขากำลังพูดคุยอยู่นั้นถูกขัดจังหวะ หากไม่ใช่คนที่ร้องตะโกนนั้นเป็นพ่อบ้านที่อยู่กับเขามานานหลายปี เขาคงจะลงโทษไปเสียแล้ว

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ถึงตื่นตระหนกเช่นนี้?"

"ท่านอ๋องขอรับ ด้านนอกพูดถึงข่าวลือที่พระชายาไปนอนสลบอยู่ข้างถนน ชาวบ้านพูดกันสนุกปากเลยขอรับ ข่าวนี้แผ่มาถึงตำหนักเวินอ๋องแล้วขอรับ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก