ตอนที่ 298 อาศัยอยู่ในตำหนักอ๋อง
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน ต้องโทษหมิงอ๋อง แต่ว่าทำไมหญิงรับใช้ของท่านจึงหน้าตาเหมือนกับพระชายาหมิงอ๋องได้? ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน” จื๋อเอ่อถาม
เดิมโล่หวินหลานก็ได้คิดจะปิดบังเขา เมื่อเขาถามขึ้นมานางก็บอกไปอย่างชัดเจน “หญิงรับใช้ผู้นั้นไม่ใช่พระชายาหมิงอ๋องจริงๆ แต่เป็นรูปโฉมที่เกิดจากการแปลงขึ้นมาต่างหากล่ะ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่จะล่อให้หมิงอ๋องพาตัวนางไป”
จื๋อเอ่อถูกทำสับสนไปหมด เหตุใดจึงต้องทำเรื่องวกไปวนมาเพียงเพราะต้องการให้หมิงอ๋องลักพาตัวนางไปจนก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่กันด้วยล่ะ?
“ท่านคิดจะทำให้โม่ฉีเกิดความโกลาหลจากเรื่องแต่งงานของท่านหรือ? ยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างหมิงอ๋องกับฝ่าบาท?” จื๋อเอ่อคาดเดา
โล่หวินหลานสั่นหน้า “หากข้ามีจุดมุ่งหมายเช่นนั้นจริงไม่จำเป็นต้องใช้ลูกไม้นี้หรอก ข้าให้คนแปลงโฉมให้เหมือนกับพระชายาหมิงอ๋องก็เพราะแค่ต้องการให้ทุกคนเกิดความเข้าใจผิด ให้พวกเขาสงสัยเกี่ยวกับการตายของพระชายาหมิงอ๋องแล้วรื้อคดีออกมาสืบสวนใหม่เท่านั้น”
ทุกเรื่องมีผลย่อมมีเหตุ แต่ว่าเรื่องมากมายกลับไม่ง่ายดายเหมือนที่ตามอง โล่หวินหลานหันกลับไปมองเขาประเดี๋ยวเดียวก็หลุบตาลง
“ที่กล่าวเช่นนี้เพราะการตายของพระชายาหมิงอ่องเมื่อปีนั้นมีปัญหาแต่ไม่มีใครเคยตรวจสอบงั้นรึ?” จื๋อเอ่ออุทานอย่างตกใจ
โล่หวานหลานผงกศีรษะ มองไปยังเปลวหิมะที่ถูกลมพัดด้านนอก “เป็นเช่นนั้น ทุกคนล้วนเข้าใจผิดว่าพระชายาหมิงอ๋องถูกไฟคลอกตายในกองเพลิงอย่างกระทันหัน เป็นเพลิงที่เกิดจากภัยธรรมชาติ แต่ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้กลับไม่ใช่เช่นนี้”
ที่แท้แผนการทั้งหมดก็เพื่อพระชายาหมิงอ๋อง
ดูแล้วตอนที่พระชายาหมิงอ๋องยังมีชีวิตอยู่จะต้องเป็นคนที่ดีอย่างมากแน่ๆ เมื่อตายแล้วก็ยังมีมากมายนึกถึงนาง
“เช่นนั้นเจ้ากับพระชายาหมิงอ๋องเคยเป็นสหายสนิทกันอย่างนั้นรึ?” จื๋อเอ่อถามอย่างระมัดระวัง เกรงว่าตนจะไปสัมผัสเข้ากับปากแผลในใจของอีกฝ่าย
โล่หวินหลานหยุดชะงักไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวว่า “สนิท พวกเราเป็นเหมือนดั่งพี่น้อง”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ จื๋อเอ่อไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีกภายในศาลาจึงเงียบลง
ตำหนักหมิงอ๋อง
แสงตะวันแรกสะท้อนเข้าไปในห้องกว้าง ตอนที่อาลั่วหลันลืมตาขึ้นมาด้านหน้าก็มีหญิงรับใช้ยืนอยู่สองแถวรอคอยเพื่อที่จะปรนนิบัตินาง
กองทัพตรงหน้านี้ยังมีมากกว่าครั้งที่นางยังเป็นองค์หญิงหลายเท่า
“พระชายาตื่นแล้วหรือเพคะ เชิญล้างหน้าบวนปากก่อนเถิดเพคะ” หญิงรับใช้ด้านหน้าสุดยกอ่างน้ำขึ้นมาข้างหน้า คอยปรนนิบัติเธออย่างนอบน้อม
อาลั่วหลันยิ้มอย่างอึดอัด “พวกเจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าพระชายาหรอก ข้าไม่ใช่พะชายาจริงๆ เรียกข้าว่า...อาหลันก็พอ”
ปลายเสียงเพิ่งเปล่งออกไปบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านล่างก็คุกเข่าลงกับพื้น เห็นเพียงศีรษะสีดำสนิทเหมือนขนนกเป็ดน้ำเท่านั้น ร่างของพวกนางล้วนสั่นเทาอย่างหวาดกลัว
“บ่าวไม่กล้าเพคะ”
อาลั่วหลันยังคงรู้สึกไม่ดี นางอาศัยฐานะของโล่หวินหลานมายังตำหนักหมิงอ๋อง ทั้งยังมีกลุ่มสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางเพราะคิดว่านางเป็นโล่หวินหลานอีก อย่างนี้แล้วนางจะใจเย็นอยู่ได้อย่างไรกัน
“อย่างนั้นพวกเจ้าที่เหลือก็ออกไปสักสองสามคนเถอะ เหลือทิ้งไว้แค่สองคนก็พอแล้ว คนมากมายอยู่ในห้องเช่นนี้ข้ารู้สึกอึดอัด” อาลั่วหลันเอ่ยยิ้มๆ
หัวหน้าบ่าวรับใช้มองกลุ่มคนที่อยู่ด้านตน ใช้สายตาบอกให้พวกนางถอยออกไป
ครู่ต่อมาในห้องก็เหลือจำนวนเพียงสามคนเท่านั้น อาลั่วหลันผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
“พระชายาเพคะ หากพวกบ่าวปรนนิบัติรับใช้ได้ไม่ดี พระชายาโปรดช่วยบอกหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ” หัวหน้าบ่าวรับใช้เอ่ย
อาลั่วหลันโบกมือไปมา “พวกเจ้าปรนนิบัติได้ดีมากแล้ว เพียงแต่ข้าไม่คุ้นที่มีคนมากมายเช่นนี้มาช่วยดูแลก็เท่านั้นเอง ใช่แล้ว พวกเจ้าอย่างเรียกข้าว่าพระชายาเลย เรียกข้าว่าอาหลันเถอะนะ?”
เสียง “ปึงปัง” ดังขึ้นอีกครั้ง บ่าวรับใช้สองคนนั้นกลับลงไปคุกเข่าใหม่อีกรอบ
“บ่าวไม่กล้าเพคะ”
อาลั่วหลันกระพริบตาอย่างจนปัญญา หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วพวกบ่าวรับใช้หญิงก็พานางออกไปข้างนอก
“ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?” อาลั่วหลันถูกพวกนางเดินนำทางไปจึงไม่รู้เลยว่าทางด้านหน้ามีอะไรกำลังรอนางอยู่
คงไม่ได้พานางไปหาหมิงอ๋องผู้นั้นหรอกกระมัง?
อาโล่หลันคิดถึงตรงนี้ร่างทั้งร่างก็ขนลุกชันทันที ชายที่อารมณ์ดีร้ายไม่แน่นอน สีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งผู้นั้นสำหรับนางแล้วไม่ว่าจะชาตินี้หนือชาติไหนก็ไม่อยากเจอทั้งนั้น
เมื่อคืนที่ผ่านมาโชคดีที่นางได้นอนคนเดียว ยามจื่อก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ผู้ที่รักการนอนอย่างนางเมื่อคืนนี้กลับถ่างตาตื่นเกือบทั้งคืน
ไม่รู้ที่ตำหนักตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว เสี่ยวฮัวคงกำลังเป็นห่วงนางอยู่แน่ๆ
“ท่านอ๋องตื่นตั้งแต่เช้าแล้วเพคะ ตอนนี้กำลังรอเสวยมื้อเช้าร่วมกับท่านอยู่ที่ตำหนักหลักเพคะ!” หญิงรับใช้ตอบ
นางกำลังจะไปเจอมนุษย์หน้าน้ำแข็งนั่นจริงๆด้วยสินะ อาหลัวหลันนึกอยากให้มีปีกงอกออกมาที่กลางหลังจากนั้นนางก็บินหนีไปให้ไกล
“ข้ารู้สึกไม่สบายท้องอยากปลดทุกข์ พวกเจ้าล่วงหน้าไปกันก่อนเถอะข้าจะตามไปทีหลัง” อาลั่วหลันกุมท้อง แสร้งว่าปวดท้องจากนั้นก็หมุนกายวิ่งหนีไป
แต่หญิงรับใช้กลุ่มนั้นกลับวิ่งตามนางมาด้วยอย่างมาสนใจต่อสิ่งใด กล่าวอย่างว่องไวว่า “บ่าวจะไปช่วยปรนนิบัติเพคะ”
แม้ว่าอาลั่วหลันจะวิ่งรอบสวนกว้างใหญ่แห่งนี้ถึงสอบเข้าไปแล้วแต่กลุ่มคนที่ตามติดนางราวกับวิญญาณนั้น ไม่นางจะไปทางไหน พวกนางก็จะคอยตามติดไม่ห่าง
วิ่งไปวิ่งมาอยู่หลายรอบพวกเขาก็ไม่มีท่าทางเหน็ดเหนื่อยกลับเป็นอาลั่วหลันเองที่รู้สึกมึนหัวขึ้นมาแล้ว
แม้แต่นางกำนัลในแค้วนเซิ่งโจวก็ยังรับมือไม่ยากขนาดนี้ ดูแล้วพวกนางคงตั้งใจมุ่งมั่นอย่างแท้จริงแล้วว่าจะคอยตามนางไม่ห่าง
“พระชายาเพคะ ท่านกลับไปเสวยมื้อเช้ากับท่านอ๋องแต่โดยดีเถิดเพคะ หากท่านอ๋องไม่เห็นท่านก็จะส่งคนมาตามหานะเพคะ” หญิงรับใช้ที่หอกเล็กน้อยเอ่ยขึ้น ใบหน้าขึ้นสีแดงจางๆจากการวิ่ง
ไม่ใช่แค่กินมื้อเช้าเท่านั้นเองหรอกหรือ? มีอะไรให้น่ากลัวกัน?
อาลั่วหลันยกมือกุมหน้าตัวเอง ใบหน้าที่แปลงไว้ยังอยู่ดี ต่อให้เกิดอะไรขึ้นอย่างน้อยนางก็ยังมีใบหน้านี้ที่ยังสามารถคุ้มครองตัวเองอยู่
“ไม่ปวดท้องแล้ว ข้าหิวแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ” อาลั่วหลันยืดอกตรงสาวท้าวไปยังตำหนักหลัก
ผู้ใดจะรู้ว่าด้านหลังของนาง หญิงรับใช้กลุ่มนั้นต่างกำลังแอบเช็ดเหงื่อบนหน้าผากอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก