ตอนที่ 300 สืบสวนขันที
หลายวันมานี้ฮ่องเต้เจียเฉิงต้องเหนื่อยล้าเพราะเรื่องขององค์หญิงเหอซื่อเป็นอย่างมาก แคว้นเซิ่นโจวก็ยังจับตามองมาที่เรื่องแต่งงานตลอดเวลา คิดอยากจะส่งพิราบสื่อสารมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ฮ่องเต้เจียเฉิงสะบัดมือของเย่ฮองเฮาออกทำท่าเหมือนต้องปีนลงจากเตียง
“ข้ายังอยู่ดีในวังหลวงนี่แท้ๆแต่ด้านนอกกลับมีข่าวลือเป็นพิษถูกแพร่ออกไป จะต้องเป็นอุบายแน่ๆ เจ้าเป็นผู้ปกครองวังหลังทั้งหกไม่เพียงไม่ช่วยข้าดูแลวังหลังให้ดี ยังปล่อยให้มีเรื่องน่าอับอายอย่างการลอบวางพิษในวังหลวงเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก?” สิ่งที่ฮ่องเต้เจียเฉิงไม่สามารถอดทนได้ก็คือเรื่องที่อำนาจของเขาถูกผู้อื่นล่วงละเมิด
เรื่องที่เกิดขึ้นมาในเวลานี้ได้ทะลุขีดจำกัดความอดทนของเขาไปไกลแล้ว ส่วนคนที่คุกคามอำนาจของเขานั้นจะต้องได้รับโทษหนักสูงสุด
“ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้โทษแล้วเพคะขอฝ่าบาททรงลงอาญา” เย่ฮองเฮารีบทรุดกายคุกเข่าลง ในตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสารเวทนายิ่งนัก
“ไม่ต้องรีบรับผิด รอไปดูพร้อมกับข้าก่อนเถอะ” ฮ่องเต้เจียเฉิงสวมรองเท้า ก้าวลงจากเตียง
เย่ฮองเฮารีบช่วยเขาสวมเสื้อคลุมมังกร เวลานั้นสองมือที่อยู่บนร่างของเขาก็สั่นออกมาโดยไม่รู้ตัว
ฮ่องเต้เจียเฉิงดูออกว่านางกลัวและยังสั่นออกมาก็ยืนมือตนไปจับมือของนางวางไว้บนอก ตบเบาๆพลางเอ่ยว่า “อย่ากลัว หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้าจะไม่มีทางลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
มีคำรับรองจากฮ่องเต้เช่นนี้แล้วคนปกติจะต้องรู้สึกวางใจลงอย่างแน่นอน ทว่าร่างของเย่ฮองเฮากลับยิ่งรู้สึกเย็นเยียบขึ้นมา ใบหน้าที่แสดงออกถึงความหวาดกลัวยิ่งเด่นชัด
ทั้งสองโดยสารเกี้ยวออกจากประตู เวลานี้เลยยามอู่แล้วและพายุหิมะด้านนอกก็ได้หยุดลงไปแล้วเหล่าขันทีเดินอย่างราบรื่น ระหว่างทางไม่ได้มีเหตุขัดข้องใดๆ
เมื่อถึงตำหนักของหลิงผินแล้วก็ได้ยินเพียงเสียงร้องประณามที่ทั้งดุดันและรุนแรงลอยออกมาปะปนกับเสียงร้องไห้ของนางกำนัล เป็นฉากภาพที่ชวนสะเทือนใจไม่น้อย
เย่ฮองเฮาบิดผ้าเช็ดหน้า ยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง สูดหายใจเข้าลึก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
การยกเท้ากลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากไปโดยพลัน ในขณะฮ่องเต้เจียเฉิงก้าวเท้าอย่างมั่นคงหนักแน่นแต่นางที่อยู่ด้านหลังกลับถอยร่นไปหลายส่วน
“เกิดอะไรขึ้น? คนวางยาอยู่ที่ใด? วางยาอะไร? หรงฝิน เจ้า...บอกกับข้าสิ” ฮ่องเต้เจียเฉิงเพิ่งเข้าไปในตำหนักก็เห็นเพียงขันทีกับนางกำนัลด้านในยืนอยู่ภายในอย่างเรียบร้อย
หรงฝินเห็นเขาเข้ามาก็รีบลุกขึ้นแล้วซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าเล็กของสตรีที่มีความหวาดกลัวทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกสงสารจับใจ
“เจ้านั่งลงก่อน ข้าอยู่ที่นี่แล้ว มีเรื่องอะไรข้าจะช่วยเจ้าเอง” ฮ่องเต้เจียเฉิงตบไหล่ปลอบใจนางจากนั้นก็นั่งลงบนแท่น
ขันทีที่ถูกมัดอยู่อย่างแน่นหนากำลังคุกเข่าอยู่ด้านล่าง สองมือสั่นเทาของเย่ฮองเฮาจับที่เก้าอี้เพื่อพยุงร่างตัวเองขณะมองไปยังเขา
“ฝ่าบาท ท่านจะต้องช่วยออกหน้าให้หม่อมฉันนะเพคะ! หม่อมฉันเข้าวังมาหลายสิบปีใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ แต่ว่าไม่รู้ว่าผู้ใดคิดอยากให้หม่อมฉันตาย กล้าทำแม้กระทั่งเรื่องต่ำช้าอย่างลอบวางยาพิษ ช่างป่าเถื่อนเกินไปแล้ว” หรงฝินเช็ดหยาดน้ำตา ท่าทางราวดอกฝูหรงของนางทำให้ฮ่องเต้เจียเฉิงที่มองมายิ่งรู้สึกปวดใจ
“เจ้าจงเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา วังหลวงเกิดเรื่องเช่นนี้ก็เหมือนกับหน้าเนื้อใจเสือ หากข้าจับได้ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือข้าจะไม่มีทางให้อภัยมันแน่เพื่อเป็นการส่งคำเตือนให้กับทั้งวังหลัง” สีหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิงเย็นชา เอ่ยขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” หลงผิงย่อกายคารวะ มองไปยังบ่าวรับใช่เฉี่ยวเฉี่ยว “เรื่องทั้งหมดเจ้าชัดเจนยิ่งกว่าผู้ใด เจ้าจงเล่าให้ฝ่าบาทฟังเถอะ”
เฉี่ยวเฉี่ยวที่ขี้ขลาดเดินสั่นงกไปคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้เจียเฉิง “ฝ่าบาทเพคะ เมื่อวานกลางดึกเหนียงเหนียงได้ตื่นขึ้นมาแล้วเกิดอยากเสวยน้ำแกงเม็ดบัว บ่าวจึงให้คนครัวเล็กไปทำ เพราะเป็นกลางคืนจึงไม่กล้าส่งเสียงดังมากบ่าวตามพ่อครัวคนหนึ่งไปยังครัวเล็กก็บังเอิญเห็นเขากำลังทำลับๆล่อๆอยู่ในครัวเพคะ”
เฉี่ยวเฉี่ยวด้านหนึ่งพูดด้านหนึ่งก็มองไปยังขันทีผู้นั้น
“เพราะเป็นคนแปลกหน้าดังนั้นบ่าวจึงสอบถามไปสองสามคำ แต่เพราะเขาตกใจขวัญฝ่อจึงรีบหนีไป แต่เนื่องจากบ่าวตะโกนเรียกเสียงดังจึงมีคนจับเขาไว้ได้ ผลสุดท้ายกลับพบว่ามียาพิษอยู่บนตัวเขา” เฉี่ยวเฉี่ยวชี้นิ้วไปยังยาพิษที่อยู่ด้านหลังขันทียามเมื่อนางเอ่ยถึง
มองไปยังทิศทางที่นางชี้นิ้วไปมีขวดสีแดงเขียวจำนวนหนึ่งวางไว้จริงๆ
ฮ่องเต้เจียเหวินหรี่ตา “ในเมื่อมียาพิษเช่นนั้นก็เรียกไปหมอหลวงมาดูว่าเป็นยาอะไรกันแน่”
จ้างกงกงที่อยู่ด้านข้างรับคำแล้วหมุนกายทำท่าจะออกไปเชิญหมอหลวง แต่เมื่อเขาหมุนตัวเย่ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างก็ร้องขึ้นกระทันหัน “ช้าก่อน”
สายตาของทุกคนมองมาที่นางโดยเฉพาะฮ่องเต้เจียเฉิงที่ในสายตามีความสงสัยอัดแน่นอยู่
เย่ฮองเฮากำนิ้วแน่น “ฝ่าบาทเพคะ เรื่องอับอายในบ้านมิควรเผยแพร่ออกไป หากวันนี้ตามหมอหลวงมาเกรงว่าขุนนางทั้งหลายจะต้องทราบเป็นแน่ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะต้องทำให้ราชวงศ์ได้รับความเสียหายอย่าแน่นอน ไม่สู้พวกเราเก็บเรื่องนี้ไว้เถิดเพคะ”
ท้ายเสียงเพิ่งกล่าวจบไปหรงฝินที่นั่งข้างฮ่องเต้เจียเฉิงผู้ที่ดวงตายังคงแดงก่ำก็เอ่ยขึ้นว่า “อย่าบอกนะว่าในใจของเหนียงเหนียง ความเป็นตายของหม่อมฉันไม่เกี่ยวข้องกับหน้าตาของราชวงศ์? หากหม่อมฉันตายเพราะเรื่องนี้จริงเกรงว่าใต้หล้าจะส่งเสียงประณามเสียมากกว่า! ฮองเฮาเพคะ พระองค์คิดว่าชีวิตของคนผู้หนึ่งนั้นไม่มีค่าเลยรึเพคะ?”
กล่าวจบก็เตรียมจะหลั่งน้ำตาอีกรอบ ยกผ้าเช็ดขึ้นซับน้ำตา
“เจ้า...” เย่ฮองเฮาไม่สามารถสู้ฝีปากคมกริบของนางได้จึงไร้ซึ่งคำพูดที่จะตอบกลับ
“ไปตามหมอหลวงมาเถอะ” ฮ่องเต้เจียเฉิงเอ่ยขึ้นมา
จ้างกงกงรีบรับคำอีกรอบจากนั้นก็จากไป
รอจนเขาจากไปแล้วรอบข้างก็พลันเงียบไป ฮ่องเต้เจียเฉิงก็ก้มหน้ามองขันทีที่อยู่บนพื้นพลันรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างแปลกหน้านัก
“เจ้าเป็นขันทีจากตำหนักใดกัน?” ฮ่องเต้เจียเฉิงถามขึ้น
ขันทีผู้นั้นกัดฟันแน่นมิตอบคำ
เวลาผ่านไปนานก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา คิ้วกระบี่ของฮ่องเต้เจียเฉิงขมวดเข้าหากัน ลมหายใจของคนรอบข้างกระชั้นขึ้นมา
“เจ้าบ่าวสมควรตาย ฝ่าบาทถามเจ้าแต่เจ้ากล้าไม่ตอบพระองค์งั้นรึ?” หรงฝินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างมีโทสะ
ขันทีผู้นั้นยังคงไม่ตอบคำ หรงฝินอธิบายว่า “ฝ่าบาทเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันถามไปแล้วเขาก็กัดฟันแน่นไม่ยอมตอบเช่นกัน ไม่ยอมตอบแม้สักคำเดียว หม่อมฉันลองหลายวิธีแล้วก็ไม่สามารถง้างปากของเขาได้เพคะ”
ใบหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิงฉายร่องรอยโทสะ พยักหน้าแต่ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
เวลานี้ด้านนอกก็แว่วเสียงฝีเท้าที่ก้าวอย่างโกลาหล หมอหลวงหลายคนตามจ้าวกงกงเข้ามาภายใน
หมอหลวงสามคนนี้ทำงานในวังหลวงมาไม่ต่ำกว่าหลายสิบปี ฝีมือทางการแพทย์ล้ำเลิศและเป็นหมอหลวงที่ฮ่องเต้เจียเฉิงให้ความสำคัญมาก
ผ่านพิธีการทำความเคารพเรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้เจียเฉิงก็ก้มลงมองขวดแก้วที่วางอยู่เบื้องล่าง เอ่ยว่า “พวกเจ้าจงมาดูขวดแก้วเหล่านี้ดูสิว่าข้างในใส่ยาอะไรไว้”
หมอหลวงที่อายุเยอะที่สุดในกลุ่มยื่นมือลูบเคราของตนเอง เขาคว้าขวดมาชิดปลายจมูกสุดลมช้าๆ ทันใดนั้นสะบัดมือวางมันกลับลงที่เดิมจากนั้นก็เซถอยหลังไปหลายก้าว
หมอหลวงที่เหลือที่อยู่ด้านหลังเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปพยุงเขา “หมอหลวงหลี่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“ไม่เป็นไร” หมอหลังหลี่มองหมอหลวงคนอื่นๆที่เข้ามาพยุงแล้วแสดงท่าทางบอกใบ้บอกให้พวกเขาปล่อยตน
ฮ่องเต้เจียเฉิงเห็นดังนั้นร่างก็เอียงลงหลายส่วน มองดูการวินิฉัยของหมองหลวงหลี่
คราแรกใบหน้าของหมองหลวงคนนั้นมีความตื่นตระหนก ตอนหลังค่อยสงบลงไม่น้อย แต่ทุกครั้งที่เขาดมยาพิษในขวด สีหน้าก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เมื่อมาจนถึงตอนท้ายใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ยามที่หันกายกลับมาก็ต้องอาศัยพยุงไหล่ของหมอหลวงคนอื่น เขาเดินกลับไปเบื้องหน้าพระพักตร์อย่างช้าๆ
“ฝ่าบาท ไม่ทราบว่ายาเหล่านี้ท่านได้มาจากที่ใดกันหรือพะย่ะค่ะ?” หมอหลวงหลี่ถาม สีหน้าไม่ดี
ใบหน้าของฮ่องเต้เจียเฉิงมืดครึ้ม มองดูสีหน้าท่าทางของหมอหลวงก็รู้ได้ทันทีว่ายาตรงหน้านี้ไม่ใช่ของดี
“พวกนี้คือยาอะไร?”
หมอหลวงหลี่ลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย “ทั้งหมดนี้คือยาพิษขั้นแรง! ดอกยี่โถว หญ้าต้วนฉาง หัวเถาวัลย์แดง ผลหม่าเฉียนจื่อ เหล่านี้เป็นสมุนไพรพิษดื่มลงไปแม้เพียงนิดเดียวก็จะทะลวงลำไส้จนตายได้พะย่ะค่ะ ”
เมื่อหมอหลวงหลี่เอ่ยจบใบหน้าของทุกคนที่นั่งอยู่ก็เปลี่ยนสีโดยเฉพาะหรงฝินที่ยกมือกุมท้องคล้ายอยากจะสำรอกออกมา
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท...” หรงฝินยื่นมือไปจับมือของฮ่องเต้เจียเฉิงแน่น “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันไม่เคยทำให้ผู้อื่นไม่ใจทว่ากลับถูกคนปองร้ายถึงเพียงนี้ เคราะห์ดีที่เฉี่ยวเฉี่ยวบังเอิญพบเข้า ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นหม่อมฉันก็คงไม่ได้เจอฝ่าบาทอีกแล้วเพคะ!”
หยดน้ำตาสีใสชวนสะเทือนใจกลิ้งลงมาจากใบหน้าของนางไม่หยุด ทั้งเสียใจทั้งโกรธแค้นไปในเวลาเดียวกัน แม้จะใจแข็งเพียงใจก็ไม่อาจทนได้
“อย่ากลัวไปเลยมีข้าอยู่นี่แล้ว ของสกปรกพรรค์นี้พวกเจ้ารีบเอาไปทิ้งให้ข้าเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เจียเฉิงตบมือบางของหรงฝินแสดงออกให้นางเห็นว่าไม่มีเรื่องใดน่ากลัว
“เจ้า เจ้าทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร? หรือว่ามีคนชักนำให้เจ้าทำ? รีบคายความจริงมาซะ” ฮ่องเต้เจียเฉิงชี้นิ้วไปที่ขันทีที่อยู่เบื้องล่างพลางเอ่ยอย่างโกรธแค้น
ทุกคนนิ่งเงียบสนิทรอเพียงคำตอบจากขันทีผู้นั้น
แต่ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่เขาก็ไม่ตอบกลับมา ลมหนาวจากข้างนอกพัดผ่านอย่างช้าๆ ร่างของเขาเต็มไปด้วยละอองเกล็ดหิมะแม้แต่คิ้วก็กลายเป็นสีขาวไปแล้ว
ฮ่องเต้เจียเฉิงกำลังคิดจะเอ่ยบางสิ่งทันใดนั้นมุมปากของขันทีผู้นั้นก็มีเลือดสีแดงสดไหลออกมา
“เขาจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย รีบเข้าไปห้ามเร็ว!” จ้าวกงกงเห็นท่าไม่ดีก็รีบร้องเสียงดัง
ทหารองครักษ์สองคนที่อยู่ด้านหลังทั้งซ้ายและขวารีบพุ่งไปข้างหน้ายึดร่างของเขาไว้แล้วบังคับเปิดปากออก
“ไม่มีใครชี้นำข้า ทั้งหมดล้วนเป็นข้าที่ทำเอง ฆ่าข้าเสียเถอะ” ขันทีผู้นั้นคำรามออกมาอย่างเลอะเลือน ใบหน้าดุดันรุนแรงราวกับบ้าไปแล้ว
“เด็กๆ จับมันไปขังเอาไว้ในคุกรอวันไต่สวน” ฮ่องเต้เจียเฉิงกัดฟันเอ่ย สีหน้าเขียวคล้ำ
หากยังควงไต่สวนอย่างไร้จุดหมายต่อไปไม่มีทางได้ผลแน่ คนผู้นี้ยอมตายแต่ไม่ยอมพูดอะไร เช่นนั้นก็ทำได้เพียงส่งคนที่สามารถง้างปากเขาออกมาไปไต่สวนเท่านั้น
ที่ลานกว้างเงียบลง ขันทีและหญิงรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ลุกขึ้นยืน สีหน้าของทุกคนราวกับคลายใจที่ปัญหาได้รับการแก้ไขในที่สุด
มีเพียงแค่ใบหน้าของเย่ฮองเฮาเท่านั้นที่ต่างไปจากผู้อื่นราวเผลอก้าวลงไปในนรกอย่างไรอย่างนั้น
“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันกลัวเหลือเกิน โชคดีที่ฝ่าบาทมาทันเวลาไม่อย่างนั้นหม่อมฉันก็คงจบชีวิตลงไปแล้ว ไม่ได้พบกับฝ่าบาทอีกแล้วเพคะ” หรงฝินดึงเสื้อบนร่างเขา เช็ดน้ำตาบนใบหน้า
ฮ่องเต้เจียเฉิงเห็นนางเป็นแบบนี้ก็ปวดใจแต่ก็ไม่ได้มีอารมณ์ใดปรากฏบนใบหน้าทำเพียงตบมืออีกฝ่ายเบาๆ
“ทำให้เจ้าต้องกลัวแล้ว หลังหน้าจะไม่เกิดขึ้นอีก” ฮ่องเต้เจียเฉิงปลอบขวัญ
“ขอเพียงมีฝ่าบาทอยู่ข้างๆหม่อมฉันก็ไม่กลัวเพคะ ขันทีผู้นั้นหม่อมฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นขันทีจากตำหนักใด นอกจากนี้หม่อมฉันอยู่อย่างสังโดษมาหลายปี ไม่เคยมีศัตรูข้างนอก เหตุใดเขาจึงคิดวางยาหม่อมฉันกันเพคะ?” หรงฝินไม่เข้าใจ เอ่ยวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
ฮ่องเต้เจียเฉิงนึกถึงนางที่หลายปีมานี้ใช้ชีวิตอย่างสงบไม่ได้มีเรื่องไปล่วงเกินใครจริงๆ
ทันใดนั้นเขาก็มองไปทางเย่ฮองเฮา
“ฮองเฮา บันทึกขันทีทุกคนในวังหลวงไม่ว่าจะเข้าหรือออกจงส่งมาให้ถึงมือข้าทั้งหมด ขันทีผู้นี้เป็นคนจากตำหนักใดข้าฝากให้เจ้าตรวจสอบแล้ว” ฮ่องเต้เจียเฉิงบอกกับเย่ฮองเฮา หรี่ตาทั้งสองข้างลงราวกับจะมองนางให้ทะลุ
เย่ฮองเฮาย่อคารวะ พยายามข่มร่างกายที่สั่นเทาของตัวเอง “หม่อมฉันรับบัญชาเพคะ”
พายุหิมะด้านนอกค่อยๆแรงขึ้น เย่ฮองเฮาถอนสายตาจากเงาร่างของฮ่องเต้เจียเฉิงที่กอดหรงฝินไว้ในอ้อมแขน รู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาใกล้จะไหลออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก