ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 301

ตอนที่301รักที่ไร้คำบรรยาย

ในห้อง โล่หวินหลานกำลังจิบชาอย่างผ่อนคลาย ข้างกายไม่มีสาวรับใช้สักคนแม้กระทั่งไซ่เยว่ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน

โล่หวินหลานลืมว่านานแค่ไหนแล้วที่ตนไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างเงียบสงบเช่นนี้

ตั้งแต่มาแคว้นโม่ฉี เดินทุกก้าวก็เต็มไปด้วยน้ำแข็งบางๆ กระวนกระวาย เป็นเวลาเงียบสงบที่หายาก

เสียงเคาะประตูจากข้างนอก เสียงของไซ่เยว่ดังขึ้น โล่หวินหลานปล่อยให้นางข้ามาทันที

ไซ่เยว่กวาดดอกหิมะบนร่างกายนางหันมาพูดขึ้นว่า “องค์หญิง หม่อมฉันได้ยินมาว่าเป็นหรงฝินที่หลั่วไหลข่าวไปยัง ฮ่องเต้เจียเฉิง เมื่อครู่ ฮ่องเต้เจียเฉิงและ ฮ่องเต้เจียเฉิงนีไปยังตำหนักของหรงฝินพร้อมกัน เมื่อทดสอบสารพิษเหล่านั้นจึงรู้ว่าเป็นหญ้าในลำไส้เป็นพิษเสมือนนกกระเรียนแดง

ฮ่องเต้เจียเฉิงโรธอย่างหนักไม่ตรัสออกมาสักคำและอยากกัดลิ้นโชคดีที่มีคนมาพบเลยหยุดได้ทัน ตอนนี้ถูกส่งไปยังคุกใต้ดินแล้วมันเป็นการแก้ปัญหาของหรงฝินนี่เอง ตนไม่สามารถเปิดปากนักโทษนั้นได้เลยมอบหมายให้กับ ฮ่องเต้เจียเฉิง

แต่ว่านางทำเช่นนี้ ย่อมกระตุ้นความสงสัยทำให้ผู้ร้ายหยุดลงมือได้ทันเวลาและเก็บกวาดอย่างสะอาด แม้ว่าต่อไปจะพบเห็นอะไรก็ไม่มีหลักฐาน

อย่างไรก็ตาม มันมีข้อดีและข้อเสีย หรงฝินทำเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาที่จับตัวฆาตกรก็ยากที่จะหลบหนีได้และถูกลงโทษหนักอย่างแน่นอน

แล้วถ้าเกิดจับไม่ได้หล่ะ

ไม่มีถ้า

“เหตุการณ์นี้ ฮ่องเต้เจียเฉิงได้มอบหมายให้ขุ่นนางคนใดทำการสืบสวนหรือไม่?” โล่หวินหลานจับถ้วยชาและคิดอะไรบางอย่างอยู่ไซ่เหย่ส่ายหัว “ ฮ่องเต้เจียเฉิงแค่ตรัสว่าจะกดไปยังคุกใต้ดินแต่ไม่ได้มอบหมายให้ขุ่นนางไปสืบสวน โดยประมาณว่ายังไม่มีผู้สมัครทันใดนั้น ดูเหมือนว่าบางสิ่งบางอย่าง ขมวดคิ้ว “แม้ว่า เหตุการณ์นี้จะมุ่งเป้าไปยัง ฮ่องเต้เจียเฉิงนี ความหมายในคำก็มุ่งจะลาก ฮ่องเต้เจียเฉิงนีลงน้ำอยู่แล้ว ฮ่องเต้เจียเฉิงรับสั่งให้ ฮ่องเต้เจียเฉิงนีเช็ครายชื่อของผู้หญิงทุกคนในวัง ต้องการที่จะสืบสวนที่มาของนักโทษผู้นี้อย่างแน่ชัด

ไม่ได้มอบหมายให้ขุ่นนางไปสอบสวน ความเป็นไปได้ที่ใหญ่ที่สุดคือในใจของพระองค์ยังไม่ได้เลือกใคร หรือคิดปล่อยให้การลงโทษในคุกใต้ดินทำให้เขาเปิดปากพูดการเคลื่อนไหวที่แท้จริงออกมา

ทำได้เพียงแต่กัดลิ้นอยู่คนเดียวและก็ไม่ยอมบอกคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา การลงโทษในคุกใต้ดินมีประโยชน์ไหม?

ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เลือดไหลดั่งแม่น้ำ

ยิ่งกว่านั้น ฮ่องเต้นียังไม่มีประสบการณ์ในการสืบสวน ถ้าถึงเวลาเรื่องนี้ยังสืบสวนไม่แน่ชัดคงจะต้องเกิดเรื่องร้ายเป็นแน่

“ไซ่เยว่ ในเวลาที่ฮ่องเต้นีกำลังเช็ครายชื่อนักโทษ เจ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของนางไว้ รวดเช็ครายชื่อของคนในวังด้วยว่ามีอะไรภายในซ่อนไว้ที่เรายังไม่รู้บ้าง” โล่หวินหลานสั่ง

นักโทษผู้นี้ทำเรื่องยุ่งยากตกลงเป็นคนแบบไหนกันแน่ถึงทำกับคนๆนึงได้ถึงขั้นนี้?

ขันทีผู้นี้กลับปกปิดความจริงด้วยชีวิต แม้ว่าต้องตายก็ต้องนำความลับนี้เข้าไปในโรงศพ แล้วทำไปเพื่ออะไร?

วางยาพิษในร่ายกายของหมิงซี แล้วทำมันไปเพื่ออะไร?

ข้อสงสัยตีแผ่มาในใจของโล่หวินหลาน ไม่ว่านางจะคิดอย่างไรก็ตามแต่ก็ไม่สามารถคิดผลลัพธ์ได้

“องค์หญิง ไม่กี่วันนี้องค์หญิงแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย ช่วงนี้ในวังก็ยังราบรื่นดี องค์หญิงรีบพักผ่อนเถอะ”ไซ่เยว่ค่อนข้างเป็นห่วงที่เห็นนางในสภาพที่เป็นกังวลกับทุกเรื่อง

“ข้ารู้แล้วข้าไปนอนก่อนสักพัก หากมีเรื่องอะไรโปรดเรียกข้า”อันที่จริงโล่หวินหลานง่วงบ้างแล้ว หันเข้าไปในห้องนอน

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่พาอาลั่วหลันกลับไปแล้ว โม่ฉีหมิงก็ไม่พระราชสำนักอีกเลย แม้กระทั่งเกิดเหตุวางยาพิษในวังก็ยังไม่ค่อยใส่ใจเลย

แต่ว่า วันนี้กลับเข้าวังมา

ผ่านเข้ามาในวังเดินตรงไปยังดงหัวเยี้ยน

ไซ่เหย่ปิดประตูอย่างเบา หันอย่างระมัดระวังแล้วเดินออกไปยังลายด้านนอก

ทันทีที่หันไปก็พบเสื้อคุมสีดำที่ถูกลมพัดของโม่ฉีหมิง ไม่เห็นมาหลายวัน เขาก็ยังเย็นชาเหมือนเคย แก้มที่ผอมทั้งสองข้างจมลงเล็กน้อย

ใบหน้าดูเหมือนมีด แต่มองไปนานๆก็รู้สึกหนาวสั่นอย่างกับโดนหิมะ

“ไซ่เยว่กราบทูลองค์ชายเพคะ ” ไซ่เยว่พบเจอเขารู้สึกประหลาดใจและตกใจเล็กน้อย

“ลุกขึ้น ” โม่ฉีหมิงพูดขึ้น

ไซ่เยว่ค่อยลุกขึ้น “หม่อมฉันไม่ทราบว่าองค์ชายจะเสด็จมาวันนี้เลยไม่ต้องต้อนรับเพคะ”

โม่ฉีหมิงเข้ามายังพระราชสำนัก

“องค์หญิงเหอซื่ออยู่ไหน?”

ไซ่เยว่ชี้ไปยังด้านหลังของห้องโถง “ตอนนี้องค์หญิงหลับอยู่ หากว่าองค์ชายมีเรื่องด่วน หม่อมฉันจะไปเรียกองค์หญิงเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”

หลับงั้นหรอ? โม่ฉีหมิงมองสีของท้องฟ้า ตอนนี้พึ่งจะหัวค่ำซึ่งได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ทำไมถึงหลับในเวลานี้กันหล่ะ?

ดูเหมือนจะเป็นคำถามของโม่ฉีหมิง ไซ้ยว่ตอบกลับ “ช่วงนี้เกิดเรื่องภายในวังมากมาย องค์หญิงนอนหลับไม่สนิทและกังวลใจ ดังนั้นจึงทำให้เกิดความเหน็ดเหนื่อยบ้างเพคะ”

ทานข้าวไม่อร่อย? หมดแรงด้วย?

โม่ฉีหมิงได้ยินคำพวกนี้แล้ว สีหน้าดูไม่ดีอย่างกับจะกลืนนางเข้าไป

“วัตถุประสงค์ที่ข้าเรียกเจ้ามาอยู่ข้างกายนางก็หวังจะให้ช่วยนางแก้ปัญหา แต่เรื่องแค่นี้เจ้ายังทำมันไม่ดีพอ ข้าจะเก็บเจ้าไว้เพื่ออะไร?” เสียงของเขาเย็นชาไร้ร่องรอยของความรู้สึก

ไซ่เยว่ตกใจ กัดลิ้น แล้วคุกเข่าลง “หม่อมฉันทำเรื่องไม่สำเร็จ องค์ชายโปรดลงโทษเลยเพคะ”

โม่ฉีหมิงได้ความภาคภูมิใจจากหลายคน ก่อนหน้านี้หากไม่เป็นเพราะไซ่เยว่หน้าตาสวยหวานเขาก็คงไม่พานางเข้ามายังวัง

ตอนนี้ เรื่องมันไม่เป็นไปตามอย่างที่หวัง แต่ว่า ครั้งก่อนพูดไว้ว่า ขอแค่เจอไซ่เยว่ก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมา เขาถึงพานางเข้ามายังวัง

“เจ้าคิดว่าแค่คำว่าทำงานไม่สำเร็จก็จะได้รับการลงโทษน่ะหรอ?” โม่ฉีหมิงมองดูลมหิมะภายนอก พูดอย่างเบาๆ “นางชอบเจ้า งั้นเจ้าก็อยู่รับใช้นางต่อไปเถอะต้องดูแลนางให้ดีอย่าให้นางได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย เข้าใจไหม?”

ไซ่เยว่โล่งอก แล้วเขย่าหัวอย่างแรง “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”

คิ้วของโม่ฉีหมิงยังคงหมวดอยู่ สายตาของเขายังคงมองไปยังห้องโถงด้านหลัง ดูเหมือนมีความคิดมากมาย

แต่ว่า เขาก็ยังควบคุมแรงกระตุ้นในใจไว้ได้

หยิบจดหมายฉบับนึงจากแขนเสื้อออกมา มอบให้กับไซ่เย่ว

“รอนางตื่นมาแล้วนำจดหมายฉบับนี้มอบให้กับนาง และก็อย่าให้ใครรู้เป็นอันขาดว่าข้ามาที่นี่ ถ้านางถามว่าเป็นใครที่นำจดหมายนี้มาให้ ตอบนางไปว่าเป็นคนในตำหนักหมิงอ๋องนำมาให้ ”โม่ฉีหมิงสั่งไว้

ไซ่เย่วรับจดหมายฉบับนี้ไว้ เก็บเข้าแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง

แต่ว่า คิ้วของนางกระชับ มองดูโม่ฉีหมิงสองสามครั้งแล้วหยุดพูด

โม่ฉีหมิงทราบถึงความคิดของนาง “เจ้ามีอะไรจะพูด ก็พูดมา”

ไซ่เย่วกัดริมปาก อย่างไรก็ตามมีเพียงเขาสองคนที่อยู่ที่นี่ นางเลยถามขึ้น “องค์ชายเป็นห่วงองค์หญิงถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงห้ามไม่ให้หม่อมฉันบอกกับนางว่าเป็นท่านที่นำจดหมายนี้มาให้ล่ะเพคะ? หรือท่านไม่ต้องการให้นางรับรู้สิ่งที่ท่านทำเพื่อนางทุกอย่าง?”

พูดถึงข้างหลัง สีหน้าของโม่ฉีหมิงดูไม่ดีขึ้นมา ขมวดคิ้วทั้งสองข้าง ตาทั้งสองข้างแคบลง ไซ่เย่วรู้ว่านี่เป็นอาการไม่พอใจของเขา

“หม่อมฉันถามเยอะไปเพคะ” ไซ่เย่วรับผิดที่ก่อไว้เมื่อกี้

“รู้ว่าถามเยอะก็ดี อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม” โม่ฉีหมิงจับแขนเสื้อแล้วหันจากไป

หิมะภายนอกทำให้ร่างกายของเขาเลือนลางไปช้าๆเหลือเพียงลอยเท้า

ไซ่เย่วจับจดหมายที่อยู่ข้างในแขนเสื้อของนาง ค่อยๆเดินผ่านไปยังห้องนอนที่โล่หวินหลานพักผ่อนอยู่

สายตามองดูหิมะที่ลอยอยู่ภายนอก และมองดูหิมะที่หยุดตก ไม่รู้ว่าหิมะตกกลับมาเท่าไหร่แล้ว

อาลั่วหลันครานออกมาจากโต๊ะ จับคางมองดูหิมะข้างนอก ทันใดนั้นเกิดความรู้สึกเล็กน้อย ในหัวเอาแต่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้

“เขากลับมายัง?” อาลั่วหลันจับสาวรับใช้คนหนึ่งแล้วถาม

“พระชายาเพคะ เขาที่พระชายาพูดถึงคือใครกันเพคะ?” สาวรับใช้ถามขึ้น“โม่ฉีหมิง องค์ชายของพวกเจ้า”

สะดุ้ง ยังไม่มีใครกล้าเรียกชื่อขององค์ชายเช่นนี้ พระชายาช่างกล้ายิ่งนัก สาวรับใช้ผู้นี้รีบปิดปากของตน นำคำพูดที่จะพูดออกกลืนลงท้อง

“ทูลพระชายา องค์ชายยังไม่เสด็จกลับมาเพคะ”

อาลั่วหลันถอนหายใจและคุกเข่าบนโต๊ะ

ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จดหมายที่หมิงซีเขียนแล้วส่งมาให้นาง นางก็ค้นหาวิธีการตอบกลับอย่างไม่สนอะไรทั้งนั้น

แม้ว่าบนจดหมายจะมีเพียงสองคำ แต่นางก็หำตอบมาทั้งคืน เช้าวันรุ่งในที่สุดก็กลับไปที่จดหมายฉบับสุดท้าย

ฉบับของเสี่ยวฮัวมีเพียงคำว่า“สบายดีรึไม่”แค่สองคำ นางถึงมุ่งมั่นในการตอบเนื้อหาเพียงสองฉบับ เมื่อดูฉบับสุดท้าย กลับมีเนื้อหามากมายที่ไม่สอดคล้องกันเลย

แต่นี่ก็ไม่มีอะไร สิ่งที่เลวร้ายคือในเวลาที่นางกำลังจะม้วนมันเข้า โม่ฉีหมิงกลับดันประตูเข้ามาอย่างเงียบ เอาแต่จ้องมองจดหมายฉบับที่นางพึ่งเขียนเสร็จบนโต๊ะ

“นี่คืออะไร?” โม่ฉีหมิงยื่นมือหยิบกระดาษแผ่นนั้นวางไว้ข้างหน้าดวงตาของตน

“คืนข้ามานะ!ห้ามเปิดมันอ่านเด็ดขาด!”อาลั่วหลันกระโดดขึ้นแย่งจดหมาย ในที่สุดก็โดนเขาจับได้

เมื่อเขาอ่านมันจบ จึงปล่อยนาง

“อยากจะเขียนจดหมายถึงองค์หญิงเหอซื่อรายงานความปลอดภัยน่ะหรอ?” โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วถาม

การโดนจับได้นี่มันเป็นความรู้สึกอย่างนี้นี่เอง ชาและเมื่อยไปทั้งตัวด้วย ไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง

ความแค้นทั้งสองนี้ นางไม่ชำระไม่ได้

ตาทั้งสองข้างของนางจ้องมองโม่ฉีหมิง “จอมวายร้ายอย่างเจ้ามาเกี่ยวอะไร มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?รีบคืนข้ามา!”

ร่างกานของโม่ฉีหมิงแข็งแรงอย่างมาก นางเอื้อมไม่ถึงจดหมายในมือเขาอย่างแน่นอน ทำได้แค่วุ่นวายข้างกายเขาอย่างไม่หยุด

ใครรู้ สองนิ้วของเขาขยับอย่างกระทันหันทำให้นางจับได้

อาลั่วหลันจ้องมองอย่างทำอะไรไม่ถูก จ้องมองคนที่ยิ่งใหญ่อย่างโม่ฉีหมิง

“เนื่องจากเป็นจดหมาย งั้นข้าก็จะช่วยเจ้าส่งมันเข้าไปยังวังก็แล้วกัน” โม่ฉี่หมิงม้วนกระดาษแผ่นนี้แล้วนำมันใส่เข้าไปในแขนเสื้อ หันจากไป

ก่อนออกจากประตู พูดอย่างไม่หันหัวกลับไปมอง “หลังจากผ่านไปหนึ่งยาม จี้จุดจะถูกแก้ไข”

บอกหนึ่งยามมันไม่ต่างอะไรกันเลย

เมื่ออาลั่วหลันแก้จี้จุดได้แล้ว จะได้รับการยอมรับอย่างแน่นอน แม้แต่เดินบนถนนก็จะถูกรักษาท่าทางไว้

ผ่านไปสักครู่ เพียงค่อยๆดีขึ้นเล็กน้อยนี่แค่คุกเข่าบนโต๊ะรอโม่ฉีหมิงกลับมา สามารถนำจดหมายตอบกลับของเสี่ยวฮัวมาให้นางได้ แต่ว่าสิ่งที่นางคิดไว้ง่ายดายเกินไป

หลังจากที่โม่ฉีหมิงเข้าไปยังวังก็เดินตรงไปยังห้องนอนของอาลั่วหลัน

“พวกเจ้าออกไปมหมด”โม่ฉีหมิงไล่สาวรับใช้ข้างกายของอาลั่วหลันออกไป

อาลั่วหลันกวาดสายตาหันไปเพียงครั้งเดียวอย่างรวดเร็วก็ไม่หันกลับไปมองเขาอีกเลย

โม่ฉีหมิงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยต่อหน้าต่อตาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้ แต่ว่าเขากำมือตัวเองไว้อย่างแน่น ไม่ให้ตัวเองกระทำอะไรนอกกรอบ“ข้าถามเจ้า ผู้ที่ส่งจดหมายให้เจ้าเมื่อคืนเป็นใคร?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก