ตอนที่302 จดหมายรัก
กล่าวถึงเรื่องจดหมาย ในใจอาลั่วหลันตื่นอย่างกะทันหัน เขารู้ได้ยังไงว่าเมื่อคืนมีคนส่งจดหมายให้นาง
วันนี้ในเวลาที่เขานำจดหมายที่ตนเขียนเสร็จเข้าวังก็ไม่ได้ถามคำถามนี้กับนาง
อาลั่วหลันทำได้เพียงแกล้งโง่ “จดหมายอะไรกัน?ท่านนำจดหมายที่ข้าเขียนให้กับองค์หญิงเข้าวังแล้วไม่ใช่หรอ?”
โม่ฉีหมิงใบหน้าเย็นชายิ้มขึ้น แล้วนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เขาทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างชัดเจน แค่ไม่พูดมันออกมาเพียงเท่านั้นเขาคิดมาตลอดว่าคนที่นำจดหมายมาส่งเมื่อคืนนี้เป็นไซ่เย่ว จนกระทั่งวันนี้เข้าวังนางปิดปากเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เขาค่อยพบว่าคนที่นำจดหมายมาส่งเมื่อคืนนี้ไม่ช่ายนาง
ผู้ที่มีฝีมือในการต่อสู้ที่อยู่ข้างกายนาง นอกจากไซ่เย่วก็คือแม่ทัพจื๋อเอ่อในแคว้นเซิ่งโจว แต่ว่าทำไมจื๋อเอ่อถึงคุ้นเคยกับถนนในตำหนักหมิงอ๋องกันล่ะ?
“ไม่ต้องแกล้งโง่ รีบตอบข้ามา” โม่ฉีหมิงจ้องนาง
ตัวตนของหมิงซีเป็นความลับในวังเสมอ ไม่มีใครรู้ นางควรบอกไปหรือไม่?
คิดไปสักพัก อาลั่วหลันตอบ “หม่อมฉันมองเห็นหน้าคนเมื่อคืนนี้ไม่ชัดแต่ว่าคนข้างกายขององค์หญิงที่มีฝีมือการต่อสู้ขนาดนี้คงจะเป็นแม่ทัพจื๋อเอ่อเพคะ”
จื๋อเอ่อ?โม่ฉีหมิงได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับด้วยการเขย่าหัวถึงแม้จะไม่เชื่อสนิทก็ตาม
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ถามต่อ เนื่องจากจื๋อเอ่อมีฝีมือยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันทำความคุ้นเคยกับถนนในตำหนักหมิงอ๋อง สามารถส่งจดหมายไปยังตำหนักหมิงอ๋องอย่างเงียบได้งั้นคงไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว
แต่ว่าไม่ว่าคนที่ออกมาส่งจดหมายเป็นใครก็ตาม ขอแค่เป็นคนข้างกายของโล่หวินหลานก็คงไม่มีอันตรายกับนาง งั้นก็ดี
โม่ฉีหมิงเขย่าหัว สีหน้าดีขึ้น “พักผ่อนดีๆ”
หันออกไปยังประตู
ในห้องเงียบสงบลง มีเพียงเสียงหายใจที่นิ่งและตื่นเต้นของอาลั่วหลัน
หลับครั้งนี้ช่างหอมหวน ในเวลาที่โล่หวินหลานตื่นมาห้องนอนยังไม่ได้จุดไฟ แสงสว่างภายนอกส่องเข้ามายังห้อง มีตวารู้สึกมืดและไม่มืดปนอยู่
คนที่ได้ยินเสียงอย่างไซ่เย่วเดินเข้าไปจุดไฟ ภายในห้องสว่างขึ้นมา
“ไซ่เยว่ ตอนนี้เวลากี่ยามแล้ว?” โล่หวินหลานถามด้วยความเบลอเล็กน้อย
“ตอบองค์หญิง กำลังจะถึงหัวค่ำเพคะ” ไซ่เย่วตอบกลับ
ยังไม่ถือว่าดึก โล่หวินหลานลุกขึ้นหวีผมเล็กน้อย ไซ่เยว่ช่วยคลุมเสื้อตัวหนาให้นาง เมื่อทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้วจึงค่อยนำจดหมายฉบับนั้นออกมา
“องค์หญิง นี่คือจดหมายจากตำหนักหมิงอ๋องเพคะ” ไซ่เย่วส่งจดหมายให้ ลายมือบนซองเป็นของอาลั่วหลันอย่าไม่ต้องสงสัย
โล่หวินหลานมองจดหมายฉบับนั้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ครั้นยื่นมือไปรับมาแล้วก็ย่นคิ้วมองไซ่เย่ว “จดหมายฉบับนี้ใครให้เจ้ามา?”
นึกถึงที่หมิงอ๋องเตือนเมื่อเช้าไซ่เย่วก็ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังตอบตามเดิม “เป็นบ่าวรับใช้จากตำหนักหมิงอ๋องเพคะ ตอนนั้นบ่าวเห็นองค์หญิงกำลังพักผ่อนจึงรับไว้เพคะ”
บ่าวจากตำหนักหมิงอ๋อง? เดิมเรื่องที่วานให้หมิงซีไปส่งจดมายฉบับนั้นเป็นความลับ ถ้าหากบ่าวจากตำหนักหมิงอ๋องมาที่นี่นั่นย่อมหมายความว่าโม่ฉีหมิงรู้เรื่องนี้แล้ว
“บ่าวรับใช้ผู้นั้นเป็นใคร? ไว้วันหน้าข้าจะได้หาโอกาศขอบคุณเขา” โล่หวินหลานแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจ ทำเป็นว่าต้องการตอบแทนเท่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามบีบคั้นทีละก้าวของนาง ไซ่เยว่ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบเช่นไรทำเพียงตอบกลับไปว่า “คนผู้นี้บ่าวไม่เคยเห็นมาก่อนเพคะ แล้วก็ไม่ได้ถามว่าเป็นใคร หากองค์หญิงอยากรู้ตัวตนของคนผู้นี้ บ่าวจะไปสืบมาให้เพคะ”
ใบหน้าของไซ่เยว่มีความทุกข์ใจและไม่สงบเคลือบอยู่สามส่วน โล่หวินหลานสาดสายตาไปที่ใบหน้าของนาง มุมปากก็กระตุกเป็นรอยยิ้ม
“ไม่ต้องแล้ว ข้าก็แค่ถามไปเรื่อยๆ ข้าจะไปหาแม่ทัพจื๋อเอ่อที่ด้านนั้นสักหน่อย” โล่หวินหลานเอ่ย พกจดหมายไว้ขณะหยัดกายขึ้นยืน
ในใจไซ่เยว่เข้าใจความหมายของนางดี น้ำเสียงที่อีกฝ่ายเอ่ยต่อตนมีความขอไปทีทั้งยังแฝงความไม่พอใจจางๆ แต่นางก็จนใจ ไม่สามารถบอกความจริงและไม่มีวิธีขจัดความเข้าใจผิดของอีกฝ่ายได้
ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป รอสักวันยามเมื่อความจริงปรากฏ โล่หวินหลานก็จะรู้เองว่าโม่ฉีหมิงคิดถึงนางมากขนาดไหน
ไซ่เยว่กางร่มกระดาษเคลือบน้ำมัน ตามหลังโล่หวินหลานตรงไปยังที่พักของแม่ทัพจื๋อเอ่อ
“เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปสักครู่” โล่หวินหลานหันมาบอกไซ่เยว่
ทุกครั้งที่มาที่นี่โล่หลินหลานไม่เคยยอมให้ตนเข้าไปข้างในด้วย นอกจากนี้ทุกครั้งที่เข้าไปจะอยู่ในนั้นราวครึ่งชั่วยามไม่ผิดไปจากนี้
“เพคะ บ่าวจะรออยู่ตรงนี้เพคะ ขอองค์หญิงเข้าไปอย่างวางพระทัยเถิดเพคะ” ไซ่เยว่ยืนอยู่ในห้องโถง มองดูเงาด้านหลังของโล่หวินหลานที่ไกลออกไปเรื่อยๆ
เพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของคน โล่หวินหลานจึงตั้งใจจัดแจงใช้สวนของจื๋อเอ่อเป็นที่พักของหมิงซี ทุกครั้งที่เข้าไปล้วนต้องผ่านห้องโถงหลักนี้เสียก่อนถึงจะเข้าไปยังห้องด้านในได้
ตอนที่เคาะประตูเข้าไป หมิงซีกำลังบดยา บนหลังมือมีสีแดงชวนตะลึกพาดไว้ราวกับถูกคนใช้มีดกรีดเป็นแผล
“หมิงซี เจ้ารับบาดเจ็บได้อย่างไร? อย่าขยับ ข้าจะช่วยทายาให้” โล่หวินหลานจะดีชั่วอย่างไรก็เป็นหมอ รู้ว่าควรทายาอย่างไรจึงจะส่งผลดีต่อบาดแผล
นัยน์ตาของหมิงซีมีรอยประหลาดใจปรากฏสายหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสงบอย่างรวดเร็ว ยอมให้นางใช้ทักษะที่ชำนาญดูแลหลังมือของตน
“หมิงซี วรยุทธ์ระดับเจ้าคงไม่ถึงขึ้นถูกคนทำร้ายได้ แม้ปากแผลจะไม่ลึกแต่ดูไปแล้วเชื่อมต่อกันถึงสิบส่วน เจ้าได้รับบาดเจ็บจากตำหนักหมิงอ๋องใช่รึไม่?” โล่หวินหลานทายาเสร็จด้านหนึ่งก็พันผ้าพันแผลไปด้านหนึ่งก็เอ่ยถามขึ้นหมิงซีรวบแขนเสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก