ตอนที่ 304 ไม่มีวิธีอื่น
เวินอ๋องไม่ได้ตอบคำถามของนาง ทั้งคู่เป็นคนฉลาดย่อมต้องเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย
เขาหัวเราะบาง “ดูแล้วข่าวสารคงไปถึงหูองค์หญิงอย่างรวดเร็ว รู้แล้วด้วยว่าวันนี้ข้าจะเข้าวัง ดูแล้วองค์หญิงคงเดาได้แล้วกระมังว่าวันนี้ข้าจะมาหาท่าน”
“หม่อมฉันไม่รู้หรอกเพคะว่าท่านอ๋องจะมา เพียงแค่เมื่อครู่บังเอิญพบกับพระชายาเวินอ๋องที่ข้างนอกก็เท่านั้นเองเพคะ นางเป็นคนพูดเพคะ” โล่หวินหลานรู้จุดมุ่งหมายของเขาแค่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาวันนี้
“พระชายาเวินอ๋อง? นางพูดอะไรกับเจ้างั้นรึ?” เวินอ๋องฉับพลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักครั้งก่อนก็รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมา
เขากลัวว่าเย่เซียวหลัวจะก่อเรื่องอะไรกับโล่หวินหลานขึ้นมาอีก ครั้งก่อนเขาไม่สามารถควบคุมเย่เซียวหลัวได้ แต่ครั้งนี้เขาไม่มีทางปล่อยให้เย่เซียวหลัวทำอะไรนางได้อีก
“ก็แค่พูดคุยทั่วไปไม่กี่ประโยคเพคะ ท่านอ๋องเป็นห่วงเป็นใยพระชายาขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของพวกท่านช่างชวนให้ผู้คนรู้สึกอิจฉาเสียจริงเพคะ” โล่หวินหลานสาดยิ้มบางๆ ค่อยๆยกแก้วชาขึ้นจิบ
เพียงโล่หวินหลานเอ่ยออกมาก็ให้ความรู้สึกเหมือนถูกเสียดสีอยู่หลายส่วน
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอก เขามักจะรักษาความสัมพันธ์สนิทสนมฉันท์สามีภรรยากับเย่เซียวหลัวตลอด มีเพียงแค่พวกเขาที่รู้เท่านั้นว่าลึกลงไปแล้วพวกเขาเป็นเสมือนกับคนแปลกหน้า
คนที่ฉลาดอย่างโล่หวินหลานเหตุใดจึงดูไม่ออกกัน
“องค์หญิง ไม่คิดว่าท่านจะคิดเช่นนี้ วันนี้ที่ข้ามาก็ด้วยเรื่อง...” เสียงของเวินอ๋องสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มีความกระวนกระวายขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ว่าปลายประโยคยังไม่ทันพูดจบก็ถูกโล่หวินหลานตัดบทขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เรื่องระหว่าท่านอ๋องกับพระชายานั้น หม่อมฉันที่เป็นเพียงองค์ตัวเล็กๆจะรู้ได้อย่างไรกันเพคะ? ส่วนเรื่องที่ท่านอ๋องมาที่นี่ ในใจหม่อมฉันชัดเจนดีเพคะ”
แสงแดดอ่อนๆสาดเข้ามาภายในห้อง ความอบอุ่นของแสงสีเหลืองนวลดิ้นรนเพื่อเข้ามาอย่างไม่หยุดพัก วาดหวังหาทางฉายแสงผ่านบานหน้าต่างกระดาษเข้ามาด้านใน ทว่ากลับทะลุมาได้เพียงแค่หนึ่งสายเท่านั้นไม่ทันไรก็หายไป
ทว่าเตาผิงภายในห้องกลับแผ่กระจายกลุ่มควันบางเบาเท่านั้นเมื่อรวมตัวเข้ากับกลุ่มหิมะด้านนอกกลายลวดลายบุปผาที่หลากหลายชนิดแตกต่างไม่ซ้ำกัน
“ใคร่ครวญมาหลายวันแล้ว ในใจองค์หญิงคงรู้แล้วว่าควรทำสิ่งใด ส่วนที่องค์หญิงได้เลือกอย่างไรนั้นข้าคิดว่าคงไม่ต่างที่ข้าคิดคาดไว้เท่าไหร่กระมัง?” เวินอ๋องยังคงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม รอมยิ้มชัดเจนบนหน้าเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นได้
นางรู้ตัวว่าไม่มีทางเลือกอื่นใด หากนางไม่เลือกเขาฮ่องเต้เจียเฉิงก็จะสุ่มเลือกคนมาอย่างไม่ใส่ใจ หากเป็นเช่นนั้นจริงไม่สู้เลือกเวินอ๋องไปเสียดีกว่า
โล่หวินหลานเดินไปมาในห้องครู่หนึ่งสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเวินอ๋อง ดวงเนตรงดงามแสดงออกถึงรอยยิ้มส่งให้เวินอ๋องตาพร่า
“ตั้งแต่งานเลี้ยงครั้งก่อนที่ถูกโม่ฉีหมิงทำให้ขายหน้า หม่อมฉันก็ไม่ใช่หม่อมฉันคนเดิมแล้ว หม่อมฉันเชื่อว่านอกจากเวินอ๋องแล้วหม่อมฉันก็ไม่มีตัวเลือกอื่นเพคะ และเวินอ๋องท่านก็สามารถช่วยหม่อมฉันให้บรรลุถึงสิ่งที่หม่อมฉันต้องการด้วยเช่นกัน จริงหรือไม่ล่ะเพคะ?” โล่หวินหลานหรี่ตาเล็ก เพ่งความสนใจไปที่เขา
มุมปากเวินอ๋องกระตุกเป็นรอยยิ้ม เดินอ้อมไปด้านหลังโล่หวินหลานช้าๆ ริมฝีปากบางชิดใบหูของนาง “แต่งให้กับข้าแล้วสิ่งที่เจ้าต้องการข้าจะช่วยนำมันมาให้เจ้า”
ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบข้างหูของโล่หวินหลาน นางคิดอยากจะกระโดดหนีทว่าทำได้เพียงบังคับไม่ให้ตนเองหลบหลีก
มีคำสัญญาของเวินอ๋องแล้วไม่ว่าจะเป็นในวังหลวงหรือที่ตำหนักเวินอ๋องก็ถือว่ามีร่มสำหรับไว้ปกป้องคันหนึ่ง ก่อเรื่องอะไรขึ้นมาก็ยังมีโล่คอยกำบังให้
โล่หวินหลานเบี่ยงหลบอ้อมกอดของเขาอย่างคล่องแคล่ว ชั่วนาทีที่หันกลับมาสองมือของเวินอ๋องก็คว้าได้แต่อากาศ
“เวินอ๋อง หม่อมฉันอยากรู้เหลือเกินว่าเหตุใดท่านถึงเลือกที่จะให้หม่อมฉันแต่งงานกับท่าน สำหรับบรรดาโอรสของฝ่าบาทแล้ว หม่อมฉันถือเป็นเผือกร้อนชิ้นหนึ่ง” โล่หวินหลานเอียงศีรษะถาม
มองดูดวงหน้าน่ารักของนางแล้วเวินอ๋องกลับโกรธไม่ลง แม้ใบหน้านี้จะไม่เหมือนกับผู้ที่ตายไปแล้วทว่านางฉลาดมาก จึงมีบางเวลาที่ทำให้เขาก็มักจะเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ
นัยน์ตาของเวินอ๋องจ้องไปยังนางอย่างลึกซึ้ง “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นพราะใจของข้าชักนำให้ข้าทำเช่นนี้กระมัง”
หัวใจของโล่หวินหลานเต้นผิดจังหวะฉับพลัน แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
วาจากระล่อนปลิ้นปล้อนเช่นนี้ของเวินอ๋องนางรู้จักดี เมื่อก่อนนี้ก็พบเจอมาไม่ใช่น้อยทั้งยังเกือบเคยผิดใจกับโม่ฉีหมิงก็เพราะเขา
“ท่านอ๋องช่างล้อเล่นจริงๆ เรื่องนี้ถูกตัดสินใจให้ออกมาเป็นรูปแบบนี้แล้ว รออีกสองสามวันพวกเราค่อยไปขออนุญาตต่อหน้าพระพัตร์ฝ่าบาทเถอะเพคะ” โล่หวินหลานไม่ปรากฏรอยยิ้มสักเสี้ยวบนใบหน้า สำหรับนาง แต่งเข้าตำหนักเวินอ๋องด่านที่ยากที่สุดก็คือเย่เซียวหลัว
“เหตุใดต้องให้ผ่านไปสองสามวัน? ข้าเห็นว่าพรุ่งนี้ถือเป็นเวลาดี ไม่สู้พรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกัน เรื่องนี้รีบทำให้เสร็จเร็วก็ยิ่งดี” ในใจเวินอ๋องรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจลากยาวไปกว่านี้ มิฉะนั้นอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย
บนหน้าเขามีความเคร่งเครียด ริมฝีปากบางเม้มแน่น
โล่หวินหลานรู้ว่าในใจเขาร้อนรน กลัวสถานการ์ณจะเปลี่ยนไป เพียงแต่นางยังมีเรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จ
“พรุ่งนี้ก็ได้เพคะ เพียงแต่ไม่ทราบว่าพระชายาเวินอ๋องจะเห็นด้วยหรือไม่ ไม่สู้ท่านกลับไปบอกเรื่องนี้กับพระชายาก่อนเถิดเพคะ เผื่อหากถึงเวลานั้นหากว่าฝ่าบาทเห็นชอบแล้วแต่พระชายาอาจจะไม่เห็นด้วย” โล่หวินหลานซ้ายก็พระชายาเวินอ๋อง ขวาก็พระชายาเวินอ๋อง เวินอ๋องฟังแล้วรู้สึกเสียดแทงยิ่งนัก
คนด้านนอกล้วนรู้จักนิสัยของเย่เซียวหลัว เวลานี้นางเอ่ยถึงเย่เซียวหลัวขึ้นมาอีกชัดเจนว่านางต้องการเสียดสีเขาอ้อมๆว่าขืนวัวให้กินหญ้า
คิ้วกระบี่ของเวินอ๋องขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาเย็นชาคู่นั้นฉายประกายความเย็น ริมฝีปากบางเปิดออกกล่าวว่า “วางใจเถอะ เรื่องที่ข้าต้องการจะทำไม่มีผู้ใดสามารถมาขวางได้ นับประสาอะไรกับคนตัวเล็กๆอย่างเย่เซียวหลัว”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันก็ย่อมเชื่อท่านอ๋องเพคะ เวลาไม่เช้าแล้วขอเชิญท่านอ๋องกลับเถอะเพคะ ส่วนเรื่องเวลานั้นขอให้รอไปอีกสองสามวันแล้วหม่อมฉันจะบอกพระองค์เองเพคะ” โล่หวินหลานแสดงท่าทีเชิญ
สิ่งใดคือต้องรอไปอีกสองสามวัน? ใบหน้าเวินอ๋องมีความไม่พอใจทว่าเขาก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาเช่นเดิม ทำเพียงเปิดประตูเดินออกไปรอจนร่างของเขาลับสายตาไปแล้วไซ่เยว่ถึงผลักประตูเข้ามาอีกครั้ง
“องค์หญิง เมื่อครู่เวินอ๋องสีหน้าไม่ดีเลย ใช่ว่าเขามายั่วโทสะองค์หญิงอีกแล้วหรือเปล่าเพคะ?” ไซ่เยว่โกรธเคืองไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก