ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 318

ตอนที่318 วางเเผนเเต่งงาน

เรื่องนี้ก็หลบหนีมานานมากเเล้ว โล่หวินหลานรู้ดีว่าไม่สามารถหลบได้อีกต่อไปเเล้ว

ทางฝั่งเวินอ๋องนี้ เเละฝั่งโม่ฉีหมิงนั้น ก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป ยิ่งยืดเวลาออกไปเท่าไหร่ ความสงสัยของเวินอ๋องก็จะมากขึ้น เรื่องนี้ต้องจัดการให้จบโดยเร็วเท่านั้น

“เวินอ๋อง เรื่องนี้ข้าลองไปคิดมาเเล้ว เเต่เเค่ไม่มีเวลาบอกท่านเท่านั้นเอง พอดีที่วันนี้ท่านมา ไม่รู้ว่าฮ่องเต้มีเเนวว่าจะจัดการเรื่องของเราไหม?”

ดวงตาของโล่หวินหลานเหมือนกับปีกของผีเสื้อที่ค่อยๆขยับ

ได้ฟังเเล้วรู้สึกว่านางอยากจะเเต่งงานกับตัวเองเเล้ว ในใจของเวินอ๋องก็หวานเหมือนน้ำผึ้ง ถึงกับมีความตื่นเต้นที่ปกปิดไว้

เขาไม่รู้นานเท่าไหร่เเล้วที่ตัวเองไม่ได้มีความสุขเเบบนี้ ตั้งเเต่เเต่งงานกับเย่เซียวหลัว ชีวิตของเจ้าก็ไม่เคยสงบสุขเลย

ตอนนี้ ความสุขเเละชีวิตที่สงบสุขเกิดขึ้นบนตัวของเขา เเค่เวลาสั้นเเปปเดียวเขายังไม่กล้าเชื่อ

เเม้เเต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้ หรืออาจเป็นเพราะหาความรู้สึกที่คุ้นเคยของเมื่อก่อนได้อีก

เจอองค์หญิงเหอซื่อ ก็เหมือนกับได้เจอโล่หวินหลาน

“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ทั้งหมดยังมีข้าอยูตลอด ทางฝั่งเสด็จพ่อข้าจะไปพูด” เวินอ๋องดับความสงสัยในใจนาง

โล่หวินหลานพยักหน้า เชื่อในความสามารถของเขา “ท่านอ๋อง ยังมีอีกเรื่องนึง พระชายาของท่านตระกูลเย่….ไม่ทราบว่าท่านได้คุยกับนางเเล้วหรือยัง?”

จริงๆเเล้วเรื่องนี้ เวินอ๋องไม่ได้พูดถึงหรือเเสดงถึงอะไรเลย “ตำหนักนี้เป็นของข้า นางเป็นเเค่พระชายา ทำไมต้องบอกนาง? ข้าอยากจะเเต่งกับใครก็เเต่ง”

เวินอ๋องไม่ชอบเย่เซียวหลัวมาตลอด เรื่องนี้โล่หวินหลานก็รู้ ถ้านางเเต่งเข้ามาอยู่ในตำหนักของเวินอ๋อง เย่เซียวหลัวก็คงเป็นคนเเรกที่ไม่เห็นด้วย

ถึงเเม้ตอนนี้ฮองเฮาเย่จะไม่มีอำนาจ เเต่ว่าตระกูลเย่ยังมีอำนาจอยู่ เเต่ฮ่องเต้ก็คงไม่ละเลยตระกูลเย่ ถ้าเวลานี้เย่เซียวหลัวไปพูดอะไรต่อหน้าราชครูเย่ ได้ยินถึงหูของฮ่องเต้ ถึงเวลานั้น เพราะการฟ้องร้องของราชครูเย่คนเดียว ทำให้ความทุมเทของเขาที่มีมานานขนาดนี้สูญเสียเปล่า ก็กลายเป็นว่าเสียไปเปล่าๆโดยที่ไม่ได้อะไรเลย?

“เวินอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านเป็นเจ้าของตำหนักนี้ เเต่พระชายาคือชายาเองของท่าน ท่านไม่ใส่ใจไม่ได้ ถึงเเม้ท่านจะไม่ได้ใส่ใจ เเต่ก็ต้องนิดเผื่อข้า ถึงเวลาเข้ามาในตำหนักเเล้ว นางจะทำอะไรกับข้า?” โล่หวินหลานพูดปราม

จัดการ? ตัวหนักนี้เวินอ๋องเป็นคนจัดการทุกอย่าง เวินอ๋องก็ไม่เชื่อว่าเย่เชียวหลัวจะกล้าหาวิธีมาจัดการกับนาง?

“องค์หญิง ในเมื่อเจ้าเชื่อใจข้า ยอมที่จะเเย่งงานเข้ามาในตำหนักนี้ ข้าจะยอมให้เจ้าโดนทำร้ายได้อย่างไร? ไม่ว่าเย่เซียวหลัวจะมีฐานะเป็นอะไร

เเต่ถ้านางกล้าทำร้ายเจ้า ข้าก็ไม่ปล่อยไว้เเน่”

นี่เป็นครั้งเเรกที่นางเห็นเขามีสีหน้าที่เเสดงถึงความเย็นชาต่อหน้าของนาง ดูเเล้วก็จะทำเพื่อตัวเอง ยอมจะเป็นศัตรูกับเย่เซียวหลัว

ในเมื่อเขาพูดถึงขนาดนี้เเล้ว โล่หวินหลานก็ไม่อยากจะพูดอะไรเเล้ว เพราะเรื่องของทั้งสองก็ไม่สามารถให้เรื่องพวกนี้ยื้อออกไปอีกเเล้ว

โล่หวินหลานพยักหน้า “ในเมื่อเวินอ๋องก็พูดเเบบนี้เเล้ว อย่างนั้นข้าก็เชื่อท่านอ๋อง”

ได้ยินนางพูดเเบบนี้ ในใจของเวินอ๋องก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

“พรุ่งนี้ข้าจะไปบอกกับเสด็จเเม่ ช้าสุดก็คือมะรืนนี้ ข้าจะไปขอกับเสด็จพ่อเเน่นอน” ความมั่นคงในสายตาของเวินอ๋องไม่ทำให้นางสงสัยเลย

โล่หวินหลานยิ้มให้เขา “ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะรอฟังข่าวดีจากท่านอ๋อง”

เวินอ๋องเหมือนกับจะละลายไปกับสายตาของนาง ถึงกับมีความรู้สึกที่ไม่อยากจาก

ยังไม่ได้เเต่งก็หลงนางขนาดนี้ เวินอ๋องก็คงอยากจะเเต่งกับนางตอนนี้

อ่อนโยนหอมเป็นเหมือนหยก ใครบ้างที่จะไม่รีบร้อน?

รอจนเวินอ๋องไป ไซ่เย่วค่อยๆมาด้านหน้า เหมือนอยากจะพูดอะไร มองดูสีหน้าขิงโล่หวินหลานก็รู้สึกเเปลกๆ

“ไซ่เย่ว ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร ถึงเเม้เวินอ๋องจะไม่ใช่คนดี เเต่ว่าตอนนี้เขาคือคนที่เหมาะกับข้าที่สุด” โล่หวินหลานหันมามองนาง นางรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองคิดอะไรอยู่

ไซ่เย่วคงไม่เข้าใจจริงๆ เเต่เสียงกลับดูเเข็ง “องค์หญิง ข้าน้อยไม่รู้จริงๆว่าทำไมท่าถึงต้องเเต่งงานกับเวินอ๋อง เเต่ว่ามีองค์ชายมากมาย ทำไมต้องเป็นเวินอ๋องด้วย?”

นี่นางกำลังขอความยุติธรรมเเทนโม่ฉีหมิงหรอ?

โล่หวินหลานดูงง อธิบายกับนาง “ข้ามีเรื่องที่ข้าต้องทำให้เสร็จ นี่คือสิ่งที่องค์ชายคนอื่นให้ข้าไม่ได้”

ไซ่เย่วนิ่งไปนาน พูดขึ้นมากะทันหัน “องค์หญิงอยากได้อะไร? สิ่งที่ท่านอยากได้ ก็ต้องมีคนให้ท่านเสมอ อีกอย่างเวินอ๋องไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่สุด”

นางรู้อยู่เเล้วว่าเวินอ๋องไม่ใช่คนที่ดีที่สุด ในใจของนาง ยังมีใครที่จะเทียบกับโม่ฉีหมิงได้?

เเต่เเค่ว่านางอยากเเก้เเค้น โม่ฉีหมิงให้นางได้ไหม?

ถ้าเขาให้นางได้ ในเวลาหนึ่งปีนี้ นางก็คงจะไม่ได้เบาะเเสอะไรเเบบนี้เลย เเละก็คงไม่ปล่อยให้เย่เซียวหลัวไปทำตัวอิสระด้านนอก

เเละสิ่งที่นางจะทำตอนนี้คือเเต่งงานกับเวินอ๋อง มีเเค่เข้าใกล้เย่เซียวหลัวเท่านั้น ถึงจะเเก้เเค้นได้สบาย

“ไซ่เย่ว เจ้าไม่เข้าใจ หลายๆอย่างก็ไม่ได้ดูง่ายเหมือนกับที่เห็น ข้ามีเรื่องที่ข้าอยากจะทำ รอทำเสร็จเเล้ว ทุกอย่างก็จะกลับสู่ปกติ” โล่หวินหลานพูดกับนาง

ถ้าไซ่เย่วไม่ใช่คนของหมิงอ๋อง นางคงไม่บอกนางเยอะขนาดนี้

นางรู้ว่าเพราะเรื่องนี้ไซ่เย่วต้องไปหาโม่ฉีหมิง เเบบนี้ยิ่งดี มีอะไรจะได้คุยกันชัดเจน

“จริง ข้าน้อยไม่เข้าใจ” ไซ่เย่วรีบทำความเคารพเเล้วหันออกไปนอกประตู

ในห้องก็เหลือเเค่โล่หวินหลานคนเดียว อากาศอบอุ่น เเต่โล่หวินหลานกลับรู้สึกว่ารอบข้างกลับหนาวเย็น

หรืออาจจะเป็นเพราะนางวู่วาม ไม่เหลือทางกลับให้ตัวเอง ไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ไม่คิดถึงวิธีอื่น

เเต่ว่า เมื่อเลือกทางนี้เเล้ว ก็ไม่สามารถถอยได้

ไซ่เย่วออกไปอย่างโมโห ในใจเหมือนมีก้อนหินทับไว้ รู้สึกว่าองค์หญิงทำเเบบนี้มันยุติธรรมกับหมิงอ๋อง ผิดต่อที่คนอื่นทำเพื่อนางทั้งหมด

นางพิงที่เสาอย่างเสียใจ ยื่นมือไปรับหิมะที่กำลังตกลงมา ความหนาวเย็นสัมผัสถึงมือนาง เเต่นางกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นใดๆ

นิ่งมองดูหิมะด้านนอก นางก็ตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับโม่ฉีหมิง

เรื่องที่นางทำไม่ได้ ก็ให้เขาไปหยุดมันซะ

อุดอู้อยู่ในตำหนักหลายวัน เรื่องข้างนอกก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

อาลั่วหลานเเอบฟังโล่ฉีหมิงคุยกับคนอื่นที่หน้าประตูห้องหนังสือ พูดอะไรเรื่องฮองเฮาเย่กับหลินซง

อยู่ที่นี่ ก็เหมือนกับถูกเเยกกับโลก ข่าวคราวอะไรก็ไม่มี ก็จะเป็นเต้าหู้เหม็นเเล้ว

“นี่ เจ้ามานี่” อาลั่วหลันเท้าใส่เอวมองดูสาวใช้ทั้งสองเเล้วพูด

สาวใช้ทั้งสองที่กำลังจะเดินผ่านเห็นอาลั่วหลานโบกมือเรียก พอหันมามอง ก็รีบเดินไปหา

“พระชายามีอะไรจะรับสั่งหรือเพค่ะ?” สาวใช้ถาม

อาลั่วหลันเอียงหัวเเล้วมองพวกนาง มองตา รู้สึกว่าจะมีความอันตรายนิดนึง

สาวใช้ทั้งสองเห็นนางเเสดงสีหน้าเช่นนี้ ก็รู้สึกเเปลกๆ กำลังอยากจะถามที่มาสาเหตุ ก็ได้ยินอาลั่วหลานพูดอย่างโมโห “ข้าเบื่อจะตาย! ข้าสั่งให้พวกเจ้าพาข้าออกไปเล่นนอกตำหนัก!”

ออกไปเล่นนอกตำหนัก? ได้ยินสองคำนี้ สาวใช้ทั้งสองก็เหมือนชีวิตอยู่บนเส้นด้าย

“พระชายา ท่านอ๋องสั่งไว้ ท่านออกจากตำหนักไม่ได้” สาวใช้คนนึงพูดขึ้น

ออกจากตำหนักไม่ได้? วันนี้เป็นคนที่อาลั่วหลานถามเป็นคนที่สิบเเล้ว ทุกคนต่างก็พูดเเบบนี้ เหมือนกับว่านัดกันมาก่อน

“ข้าคือพระชายาของหมิงอ๋อง พวกเจ้ากล้าที่จะไม่ฟังข้า? ข้าบอกออกก็ออกสิ พวกเจ้ารีบพาข้าออกไป ไม่เช่นนั้น ข้าก็จะ….” อาลัาหลานยกมือขึ้นมาวาดบนคอของตัวเอง ก็ยิ้มเเห้งๆให้

สาวใช้ทั้งสองก็ดูตามมือของนาง ก็รู้สึกว่าไม่ค่ิยสบายใจ

ตั้งเเต่โม่ฉีหมิงพาพระชายาคนนี้เข้ามา พวกนางก็ไม่เคยรับใช้อย่างใกล้ชิด เเค่ได้ยินว่าท่านอ๋องรักพระชายาคนนี้มาก เเล้วเเต่นางทุกอย่าง เหมือนจะพูดอะไรก็คืออะไร

เเต่ไม่ให้พระชายาออกจากตำหนัก เรื่องนี้ไม่ใช่เเค่ครั้งสองครั้งที่ผู้คุมพูดขึ้นมา เเต่ว่าเป็นการกำชับทุกเช้า

“พระชายา ถึงเเม้ท่านจะฆ่าพวกข้า…..ก็ ก็ออกจากตำหนักไม่ได้!” คนๆนั้นก้มหน้าพูด พูดถึงสุดท้ายเสียงยิ่งอยู่ยิ่งเบา เกือบจะไม่ได้ยิน

“พวกเจ้า!” อาลั่วหลันมองสาวใช้ทั้งสองที่เเม้เเต่ตายก็ไม่กลัว ไม่รู้จริงๆว่าจะขู่พวกนางยังไงดี

ช่างเถอะ ต่อให้พวกนางยอม ทหารที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็คงไม่ยอมปล่อยพวกนางออกไป คิดหาวิธีอื่นดีกว่า

ในขณะที่อาลั่วหลานทำมือให้นางทั้งสองไปได้ ก็รู้สึกปลอดภัย บนใบหน้าเเสดงความรู้สึกว่าจะมีชีวิตรอดต่อไป รีบวิ่งหนีไปเลย

นางพิงเสาที่อยู่ด้านข้างอย่างเบื่อหน่าย มีลมหนาวพัดมาก็รู้สึกไม่สบาย ในขณะที่นางจะหันกลับไปในห้องนั้น ก็มีเสียงของผู้หญิงคนนึงดังมาจากด้านหลัง

“พระชายา ท่านอยากออกไปเล่นใช่ไหม?” เย่หวินเบิกตาโตกว้าง มองอาลั่วหลาน

“ใช่น่ะสิ” อาลั่วหลันไม่หันกลับไปเลย ตอบอย่างขี้เกียจ

“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญท่านไปที่ห้องหนังสือสักครู่ ท่านอ๋องกำลังรอท่านอยู่ ไม่เเน่ท่านอ๋องอาจจะพาท่านออกไปเล่นได้” เเววตาของเย่หวินยิ้มๆ พูดเสียงเรียบ

ได้ยินถึงตรงนี้ อาลั่วหลานก็รีบหันไป เเต่กลับเห็นว่าคือสาวใช้คนประจำของโม่ฉีหมิงเย่หวิน ทำให้นางตกใจ

ไปห้องหนังสือ อาจจะได้ออกไปเล่นข้างนอกกับโม่ฉีหมิง?

อาลั่วหลานได้ฟังเเบบนี้ ก็ทำให้นางขนลุกตกใจ ให้นางออกไปข้างกับโม่ฉีหมิงสองคน เอาชีวิตนางไปดีกว่า

“ไม่ไปเเล้ว ไม่ไปเเล้ว อากศหนาวขนาดนี้ คิดว่าข้างนอกก็คงไม่มีอะไรสนุกๆเล่น อยู่ในบ้านดีกว่า” อาลั่วหลานขยับๆร่างกาย หันกลับไปกำลังจะออกไป

เเต่ว่า เย่หวินกลับบังไว้ตรงหน้านาง “พระชายา ท่านอ๋องรอท่านอยู่ที่ห้องหนังสือ”

มองดูเย่หวินที่โผล่มาอย่างไม่ตายใจ อาลั่วหลานรู้ฝีมือนางดี ก็ไม่ได้เดินต่อ

“รู้เเล้วรู้เเล้ว” อาลั่วหลานเเค่ขยับ ก็สามารถเลยผ่านระเบียงยาวข้างหน้าได้เเล้ว

เย่หวินเดินจามนางอย่างไม่ทิ้งก้าว ทิ้งระยะห่างพอสมควร ก็ไม่ได้มีการละเลยอะไร

ตอนที่ทั้งสองมาถึงประตูห้องหนังสือ เย่หวินก็เดินไปเคาะประตู

“ท่านอ๋อง พระชายามาเเล้ว” เย่หวินพูดเสร็จ ก็รีบเดินออกไปเลย

อาลั่วหลานอยู่กับโม่ฉีหมิงเเบบนี้ เเค่รู้สึกตัวชา ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา เเละยิ่งไม่กล้าพูด

โม่ฉีหมิงที่อยู่ด้านบนวางปากกาลง มีเเสงมาจากหน้าต่างด้านข้างนิดหน่อย ทำให้ออร่าความหล่อของเขาเผยออกมา

โม่ฉีหมิงเงยหน้ามองอาลั่วหลานที่อยู่ด้านหลัง หน้าที่คุ้นเคยนี้ทำให้คิดถึงเรื่องในอดีตมากมาย นางอยู่อยู่ที่ข้างล่างเงียบๆ มันจะให้ความรู้สึกที่ผิดๆกับนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก