ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 322

ตอนที่ 322 เสแสร้งแกล้งทำว่าเห็นด้วย

ถึงแม้ว่าฝั่งนี้คือความหวานชื่น แต่ในวังของต้วนกุ้ยเฟยเมื่อเร็วๆนี้กลับทะเลาะถกเถียงกันอย่างดุเดือด

เมื่อเวินอ๋องเข้าวังมาก็คิดไว้ว่าต้วนกุ้ยเฟยต้องคัดค้าน ทว่าคิดไม่ถึงว่าต้วนกุ้ยเฟยจะคัดค้านอย่างถึงที่สุด แม้แต่ทางหนีทีไล่ก็ไม่เหลือไว้ให้เขาสักนิด

สีหน้าของต้วนกุ้ยเฟยไม่อภิรมย์พอที่จะมองดูเวินอ๋องได้ ความรู้สึกเข้มงวดกับเวินอ๋องก็หวังจะให้เขาได้ดี

“เหวินหลาน ตั้งแต่เล็กเจ้าก็เป็นเด็กที่รู้ความ แต่ไหนแต่ไรมาไม่ให้แม่ต้องเป็นห่วง ตลอดมานั้นแม่ก็ไม่เคยถามไถ่ถึงชีวิตของเจ้า คิดว่าความคิดและประสบการณ์ของเจ้าคงพอที่จะทำให้มีสติสัมปชัญญะปฏิบัติเรื่องราวต่างๆได้ วันนี้แม่เพิ่งจะพบว่าแม่มองผิดไปเสียแล้ว ” ต้วนกุ้ยเฟยชักจูงเตือนแล้วเตือนอีกด้วยความหวังดี

มุ่งหวังว่าครั้งนี้เวินอ๋องจะฟังนาง ไม่ว่าจะแต่งกับผู้ใดล้วนได้ทั้งนั้น แต่กับองค์หญิงเหอซื่อนั้นไม่ได้

“ท่านแม่ ข้ารู้ดีว่าภายในใจของท่านกำลังคิดสิ่งใด ถึงแม้ว่าองค์หญิงเหอซื่อจะเป็นองค์หญิงที่มาเพื่อสร้างสัมพันธ์ไมตรีด้วยการสมรส แต่นางก็ไม่เหมือนกับสตรีธรรมดาทั่วไป นางมีความคิดเป็นของตนเอง หากทั้งยังมีความเฉลียวฉลาดเพียงพออีกด้วย ถ้าหากว่าลูกสามารถสมรสกับนางได้ แน่นอนว่ามันจะเป็นการช่วยเหลือลูกได้มากทีเดียว”

เวินอ๋องเดิมทีนั้นก็ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาสมรสกับองค์หญิงเหอซื่อ แต่เป็นเพราะว่าบนตัวขององค์หญิงเหอซื่อ เวินอ๋องสามารถเห็นเงาของโล่หวินหลานในอดีตได้

ดังนั้น เขาถึงพยายามอย่างที่สุดที่จะแต่งนางมาเป็นสนม

ใครจะรู้ว่าเมื่อต้วนกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดนั้น กลับเปล่งเสียงหัวเราะเยือกเย็น “มีความคิดเฉลียวฉลาดเพียงพอก็สามารถกลายมาเป็นสนมของเจ้าได้แล้วหรือ?เจ้าต้องจำไว้ว่า เจ้าคือบุตรชายของฮ่องเต้แคว้นโม่ฉี ถึงแม้ว่าเทียบไม่ได้กับองค์รัชทายาท แต่ก็เป็นบุตรชายของจักรพรรดิที่มีฐานะสูงศักดิ์ และองค์หญิงเหอซื่อเป็นเพียงแต่องค์หญิงเล็กๆ นางยังสามารถนำพาสิ่งใดมาให้เจ้าได้อีกเล่า?”

ตำแหน่งฐานะของตระกูลเย่สูงส่ง มีน้ำหนักเพียงพอที่จะชี้ขาดในราชสำนักได้ และแคว้นเซิ่งโจวซึ่งเป็นแต่เพียงแคว้นเล็กๆ ช้าเร็วต้องตกอยู่ใต้เบื้องล่างของแคว้นโม่ฉี

สมรสกับองค์หญิงต่ำต้อยของแคว้นเล็กๆ ไม่คุ้มค่า ไม่คุ้มค่าจริงๆ

“ท่านแม่ คำพูดนี้อาจรุนแรงเกินควรไปเสียแล้ว ถึงแม้ว่าลูกคือบุตรชายของฮ่องเต้แคว้นโม่ฉี แต่ลูกก็ไม่สามารถมีคนที่ลูกเองชอบพอรักใคร่ได้เลยหรือ?ลูกจักต้องสมรสกับสตรีที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลต่อลาภยศของลูกเองถึงจะได้เช่นนั้นหรือ?” เวินอ๋องเลิกคิ้วพูดเย้ยหยันตนเองออกมา

“ไม่ผิดไปจากนั้น” ต้วนกุ้ยเฟยตัดบทพูดของเวินอ๋องอย่างฉับพลัน ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะบอกเขาไป

นิสัยใจคอของสองคนนี้แท้จริงแล้วล้วนแต่พอๆกัน ต้วนกุ้ยเฟยพร้อมใจเพื่อตำแหน่งสูง อุปนิสัยถือทิฐิเป็นใหญ่ เวินอ๋องพร้อมใจเพื่อสมรสกับเหอซื่อ ไม่เห็นแก่ข้อที่ว่าต้องตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับต้วนกุ้ยเฟย

ต้วนกุ้ยเฟยเข้าใจดีถึงอุปนิสัยของบุตรชายตนเอง หากแม้นว่านางไม่ยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง เวินอ๋องจะตายใจได้อย่างไรกัน

“ลูกชายข้า แม่เข้าใจได้ว่าเรื่องที่เจ้ายอมรับไปแล้วไม่อาจเปลี่ยนใจได้โดยง่าย ทว่าเรื่องนี้แม่หวังว่าเจ้าจะใคร่ครวญไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ฮองเฮาเย่ถูกส่งเข้าไปอยู่ในวังที่เปล่าเปลี่ยว องค์รัชทายาทอนาคตเลือนราง ในเวลานี้เพียงแต่เจ้าแสดงด้านดีๆออกมาให้ประจักษ์ต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ ย่อมมีโอกาสขึ้นมาบ้างแล้ว!”

ต้วนกุ้ยเฟยไม่อยากให้เวินอ๋องพลาดโอกาสเช่นนี้ไป จึงใช้วาจาดีๆ ตักเตือนแกมขอร้อง

แต่ว่า คำพูดหว่านล้อมของต้วนกุ้ยเฟยที่ถ่ายทอดผ่านเข้าไปในโสตประสาทของเวินอ๋อง ก็เปลี่ยนเป็นแผนการที่มีอยู่ภายในใจนางเสียแล้ว เป็นความสมบูรณ์แบบในการพูดเพื่อตำแหน่งฐานะของตัวเองในอนาคตเท่านั้น

เดิมทีภายในใจของเวินอ๋องครั้งนี้ต้วนกุ้ยเฟยก็ไม่ได้นำพาต่อความรู้สึกและความสุขที่ฉายในแววตาของเขา เวินอ๋องไม่คิดจะผูกพันแต่งงานปรองดองกันเพราะผลประโยชน์เช่นนี้

“ท่านแม่ ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นลูกก็จะบอกท่านแม่ให้ชัดเจน ถ้าหากว่าไม่ได้แต่งกับองค์หญิงเหอซื่อ เรื่องราวภายในราชสำนักลูกก็จะไม่จัดการสะสางอีก เกี่ยวกับงานราชสำนักสำหรับลูกแล้ว มันไม่ได้สำคัญเลย” เวินอ๋องแสยะยิ้มด้วยความอกตัญญู เคร่งขรึมเย็นชา

ชั่วเวลาฉับพลันต้วนกุ้ยเฟยตะลึงงัน สายตาชำเลืองมองตรงไปยังเวินอ๋อง มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจกับความรู้สึกนึกคิดที่ถ่ายทอดออกมาจากคำพูดของเวินอ๋อง

คิดไม่ถึงว่าเวินอ๋องจะพูดแบบนี้ออกมา?แท้จริงแล้วเขาใช่บุตรชายนางหรือไม่?

เพื่อผู้หญิงคนเดียว ไม่คิดว่าจะตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับตนเอง อีกยังมีคำพูดแบบนี้ออกมาอีกว่าจะไม่จัดการงานในราชสำนัก

ต้วนกุ้ยเฟยพยายามอย่างยากลำบากมาทั้งชีวิตนี้ สุดท้ายแล้วเพื่อผู้ใดกัน?ไม่ใช่เพื่อให้เวินอ๋องมีอนาคตที่ดีหรอกหรือ ?

นางเดือดดาลอย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไปเสียแล้ว พูดออกไปด้วยความโมโห “โม่ฉีหมิง!หญิงสาวผู้นั้นวางยาเสน่ห์อะไรกับเจ้า?ไม่นึกว่าเจ้าจะมีความคิดเช่นนี้ได้?ข้าอยากเห็นนักหนาว่านางผู้นั้นสุดท้ายแล้วมีความร้ายกาจปานใด!”

หญิงสาวผู้นั้นไม่ได้มีพิษสงอันใดเพียงแต่นางให้ของบางสิ่งแก่เวินอ๋อง ที่แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยได้รับมันมาก่อนก็เท่านั้นเอง ของสิ่งนั้นก็คือความสุข

เวลาที่ได้อยู่กับองค์หญิงเหอซื่อ เวินอ๋องรับรู้ได้ถึงความสุข หลายปีมานี้ความรู้สึกภายในใจที่อึดอัด ได้ถูกปลดปล่อยออกไปเมื่ออยู่ต่อหน้านาง

เมื่ออยู่ต่อหน้านางเวินอ๋องไม่ต้องอำพรางสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องคิดว่าควรจะพูดสิ่งใดดี เขาสามารถทำในสิ่งที่เป็นตัวเองได้อย่างแท้จริงที่สุด ไม่ต้องกลัวเกรงอะไรให้มากมาย

“ท่านแม่ ลูกสามารถพูดได้มากเพียงเท่านั้น เรื่องอะไรๆลูกล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาท่านแม่ แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่ไม่ได้ ลูกคนนี้จะไปพูดกับท่านพ่อเอง เชื่อว่าท่านพ่อจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน” สายตาของโม่ฉีหมิงหลังพูดเสร็จมีความแน่วแน่ หันกายเดินจากไป

เพิ่งจะเอื้อมมือเปิดประตูไป สายตาของเวินอ๋องก็ปะทะเข้ากับเย่เซียวหลัวผู้ที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามประตูด้านนอก นางก้มหน้าลุกลี้ลุกลน เหมือนกับเด็กที่ทำความผิดมาอย่างไรอย่างนั้น

“ฟังพอแล้วก็ไปซะ ไม่ต้องไปใส่ไฟก่อเรื่องต่อหน้าท่านแม่” สายตาเวินอ๋องที่เรียบเฉยและเคร่งขรึมกำลังมองออกไปที่ทัศนียภาพด้านนอก โดยที่สายตาไม่ได้หยุดอยู่ที่ใบหน้าของเย่เซียวหลัว

เย่เซียวหลัวได้ยินดังนั้นทั่วทั้งสรรพางค์กายก็รับรู้ได้ว่าเวินอ๋องไม่มีเยื่อใยความรักเหลืออยู่ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เชิงซะทีเดียวว่าจะไม่มีทางแก้ไขเพียงแต่กำจัดองค์หญิงเหอซื่อซะ ก็สามารถทำให้เวินอ๋องกลับใจได้

ก็เหมือนกับกำจัดโล่หวินหลานไปอย่างง่ายดายเมื่อปีกว่าที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่านับแต่นั้นมาเวินอ๋องไม่เคยเอ่ยถึงชื่อโล่หวินหลานหรอกหรือ

เย่เซียวหลัวคว้าแขนเวินอ๋องไว้ตอนที่เขากำลังจะเดินจากไป นางจับไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเดินจากไป

“เวินอ๋อง วันนี้ที่ ข้าเข้าวังมาก็ไม่ใช่เพราะว่ามาหาเสด็จแม่ที่นี่เพื่อยั้บยั้งพระองค์ ข้ามาเพื่อโน้มน้าวพระทัยเสด็จแม่ พระองค์วางใจเถอะ ไม่ใช่ว่า ข้าจะไม่รู้ความอันใดจนทำให้พระองค์กับองค์หญิงเหอซื่อต้องแตกแยกกัน” เย่เซียวหลัวในเวลานี้ก็เหมือนกับหญิงสาวทั่วไปที่ใจเย็น แยกแยะเรื่องราวและเข้าใจได้อย่างผู้ใจกว้างคนหนึ่ง

ภายในใจเวินอ๋องรู้ถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของเย่เซียวหลัว จะจริงจังต่อคำพูดของนางได้อย่างไรกัน ฉับพลันก็สะบัดแขนของนางออก “เย่เซียวหลัว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าภายในใจของเจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ อย่างน้อยที่นี่เจ้าก็ยังเสแสร้งต่อข้า รีบๆกลับตำหนักเสีย”

ถูกพละกำลังอันมหาศาลของเวินอ๋องสะบัดออก ร่างเย่เซียวหลัวอีกนิดนึงก็จะปลิวออกไปแล้ว โชคดีที่มือของนางเกาะเวินอ๋องไว้แน่นไม่ยอมปล่อย มิฉะนั้นแล้วไม่อาจจินตนาการถึงผลสุดท้ายได้

นางทาบหน้าอกตัวเองด้วยความหวาดกลัว ถลึงตากว้างมองดูเวินอ๋อง “ถ้าหากว่าพระองค์ไม่เชื่อ ข้า ก็จงอยู่ด้านนอกฟังเอาเถิดเพคะ ดูว่าสุดท้ายแล้ว ข้าจะมาพูดอะไรกับเสด็จแม่กันแน่”

เวินอ๋องยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนเจ้าหรอกหรือ?ถึงจะสามารถลักลอบทำเรื่องอย่างนั้นออกมาได้?”

พูดเสร็จก็หันกายเดินหนีไป

มองดูร่างของเวินอ๋องที่จากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หลงเหลือความรู้สึกไว้แม้แต่เล็กน้อย สายตาของเย่เซียวหลัวใกล้จะลุกเป็นไฟ นางถอยออกมาให้ขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่สามารถได้รับความเชื่อใจจากเวินอ๋องได้?

นางกัดฟันกรอดๆมองดูอยู่ชั่วครู่ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเวลานี้ต้องไปคารวะต่อหน้าพระพักตร์ต้วนกุ้ยเฟย ใบหน้าที่ไม่มีความรื่นเริงก็รีบอ่อนแสงลง เปลี่ยนเป็นใบหน้าเปื้อนยิ้มที่เดินผ่านประตูเข้าไป

“ ข้าคารวะเสด็จแม่” เย่เซียวหลัวน้อมกายคารวะ หญิงรับใช้ที่อยู่ด้านข้างรีบเลื่อนเก้าอี้เข้ามาให้นาง

ต้วนกุ้ยเฟยทอดเสียงต่ำออกมาอย่างฝืนใจ “รีบนั่งเถอะ ทำไมเจ้าไม่มาพร้อมกันกับเวินอ๋องเสียล่ะ?และก็ตั้งใจฟังเวินอ๋องกล่าวคำพูดเหล่านั้น ยิ่งโตยิ่งไม่ฟังคำ ทำให้ข้าโกรธเคืองเสียจริง!”

“ เสด็จแม่ระวังพระวรกายด้วยเพคะ ไม่อาจให้เหตุที่เกิดจากเรื่องเล็กเป็นตัวทำร้ายพระวรกายได้ ล้วนแต่ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่งเพคะ” เย่เซียวหลัวขมวดคิ้วพูดปลอบใจ

“เรื่องเล็กหรอกหรือ?” ต้วนกุ้ยเฟยประเดี๋ยวนั้นก็เบิกตาสองข้างกว้าง ไฟแห่งความโกรธบนใบหน้าก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อชั่วครู่นั้นเวินอ๋องพูดสิ่งใดกับข้า?คิดไม่ถึงว่าเวินอ๋องต้องการที่จะอภิเษกสมรสกับองค์หญิงเหอซื่อ!ก็ไม่รู้ว่านางผู้นั้นทำไสยศาสตร์ยั่วยวนด้วยเสน่ห์อันใด แม้แต่ข้าก็ล้วนโน้มน้าวใจเวินอ๋องไว้ไม่ได้”

เย่เซียวหลัวขมวดคิ้วพูดคล้อยตาม “เรื่องนี้เวินอ๋องได้พูดกับ ข้าแล้วเพคะ ข้าก็เหมือนกับเสด็จแม่ เดิมทีนั้นก็ชักจูงเวินอ๋องไม่อยู่ ดูท่าว่าพระองค์จะตัดสินใจแต่งองค์หญิงเหอซื่อเป็นสนมเสียแล้ว”

เจตจำนงของเวินอ๋องประจักษ์แจ้งราวกับเปิดออกมา เดิมทีแล้วคนอื่นไม่ต้องพูดมาก ในเมื่อไม่อาจโน้มน้าวใจเวินอ๋องได้ ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดี?

ต้วนกุ้ยเฟยมองไปยังเย่เซียวหลัวด้วยความร้อนรนใจ “หลัวเออร์ เจ้าพอมีทางใดที่จะโน้มน้าวใจเวินอ๋องได้หรือไม่?”

ตรงกันข้ามเย่เซียวหลัวกลับยิ้มออกมาอย่างเฉยเมย “เสด็จแม่ เหตุไฉนต้องไปโน้มน้าวใจเวินอ๋องเล่า? ข้ารู้สึกว่าเรื่องเป็นเช่นนี้ย่อมดีมากแล้ว”

ดีมากหรือ?ต้วนกุ้ยเฟยสดับฟังอย่างเลือนราง ไม่เข้าใจว่าภายในใจของเย่เซียวหลัวกำลังคิดสิ่งใดอยู่

เห็นได้ชัดว่าเวินอ๋องทำเรื่องโง่ๆให้เกิดขึ้นจวนตัวยิ่งนัก เหตุไฉนยังเป็นเรื่องที่ดีมากได้เล่า?

“คำพูดเจ้าจะอธิบายได้ว่าอย่างไร” ต้วนกุ้ยเฟยถามด้วยความไม่เข้าใจ

เย่เซียวหลัวเผยอยิ้มออกมาอย่างมีความนัย “เสด็จแม่ ท่านคิดดูเอาเถิด คนนอกล้วนรู้สึกว่าองค์หญิงเหอซื่อผู้นี้เป็นองค์หญิงเล็กๆของแคว้นศัตรู เมื่อสมรสกับเวินอ๋องในความเป็นจริงแล้วล้วนแต่ไม่อาจช่วยเหลือเวินอ๋องได้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ตามจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม ท่าทีของเสด็จพ่อที่มีต่อองค์หญิงเหอซื่อและความรู้ความสามารถของนางเองนั้น พอที่จะเป็นหลักประกันได้ว่าองค์หญิงเหอซื่อมีตำแหน่งอันใดต่อพระพักตร์เสด็จพ่อ มิฉะนั้นแล้วเสด็จพ่อคงจะไม่ออกราชโองการเรื่องการแต่งงานของนางให้ล่าช้าออกไป”

ต้วนกุ้ยเฟยวิตกกังวลมองไปยังใบหน้าเย่เซียวหลัว แสดงออกทางสีหน้าว่าให้นางพูดต่อไป

“ถ้าหากว่าองค์หญิงเหอซื่อมีพระทัยชอบเวินอ๋องจริงๆ ต้องการที่จะแต่งกับเวินอ๋อง ถ้าอย่างนั้น ข้าก็เชื่อว่านางสามารถช่วยเหลือเวินอ๋องได้อย่างมากเป็นแน่แท้ ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ผลประโยชน์อย่างคณานับต่ออนาคตของเวินอ๋อง!” เย่เซียวหลัวพูดวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ดูจากท่าทีของฮ่องเต้เจียเฉิงที่มีต่อองค์หญิงเหอซื่อ แน่นอนว่าเหมือนกันกับที่เย่เซียวหลัวพูดมาทั้งหมด แต่ทว่า……

“ถ้าหากว่าองค์หญิงเหอซื่อไม่ได้จริงใจที่จะสมรสกับเวินอ๋องเพียงแต่อยากอยู่ข้างกายเพื่อหยั่งเชิ่งเวินอ๋อง หรืออาจอยากได้สิ่งใดจากตัวเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำเช่นไร?” ต้วนกุ้ยเฟยกล่าวถึงข้อสงสัยที่อยู่ภายในใจของตนเองออกมา

เย่เซียวหลัวกลับยิ้มอย่างสบายใจให้กับต้วนกุ้ยเฟย เพื่อให้นางเลิกกังวลต่อสิ่งที่อยู่ภายในใจ “มี ข้าจับตาดูองค์หญิงเหอซื่ออยู่ในตำหนัก นางยังจะสามารถปล่อยแมลงเม่าออกมาได้หรือ?ถ้าหากทำให้ ข้าจับได้ว่านางทำแผนชั่วอะไรภายในตำหนักเวินอ๋อง แน่นอนว่า ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ให้อภัยนาง”

เมื่อพูดมาถึงประโยคนี้ นัยน์ตาของเย่เซียวหลัวแสดงความเกลียดชังออกมาโดยไม่ตั้งใจเพียงแต่ว่ามันหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่อาจจับสังเกตได้

ในที่สุดถึงแม้ว่าองค์หญิงเหอซื่อจะไม่ได้วางแผนทำสิ่งใดภายในตำหนักเวินอ๋องก็ตาม เย่เซียวหลัวก็จะไม่ให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย

“ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนี้ แต่ทว่าภายในใจข้าก็ไม่อาจวางใจได้……” ต้วนกุ้ยเฟยยื่นมือข้างนึงคลึงไประหว่างหัวคิ้ว ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

ตัวต้วนกุ้ยเฟยเองรู้สึกว่าถูกเรื่องนี้ก่อกวนเข้าให้แล้ว ประสบการณ์ที่มีมามากมาย กลับไม่อาจจัดการบุตรชายของตนได้

เย่เซียวหลัวมีปฏิภาณไหวพริบ รีบเข้ามาอยู่ข้างกายต้วนกุ้ยเฟย สองมือคลึงนวดขมับนางเบาๆ

“เสด็จแม่ ลักษณะนิสัยของเวินอ๋องเสด็จแม่ก็ทราบดีอยู่แล้ว ถ้าหากไม่เห็นด้วย ก็พาลแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมารดาและบุตรของพวกท่านนับวันยิ่งห่างไกลกัน ถ้าหากว่ามันเป็นเพราะหญิงสาวผู้นั้นที่ยุให้เสด็จแม่กับเวินอ๋องแตกแยกกัน นี่อาจจะเป็นความเสียหายอันใหญ่หลวง!” เย่เซียวหลัวเป่าหูได้ทันเวลาพอดี ประจวบเหมาะกับพูดแย้มเป็นนัยๆ

คนที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเวินอ๋อง ณ ตอนนี้ข้างกายของต้วนกุ้ยเฟยเหลือเพียงเวินอ๋องที่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ล้วนพูดได้ว่ามารดาต้องอาศัยบุตรชายที่มียศสูงศักดิ์ คำพูดนี้ไม่ได้ผิดไปจากความจริงเลยซะทีเดียว

ต้วนกุ้ยเฟยใจจดใจจ่อเพราะคำนึงถึงเวินอ๋องเพียงเพราะคาดหวังว่าในอนาคต นางกับบุตรชายจะสามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมีความสุข ถ้าหากว่าไม่มีเวินอ๋อง นางจะดิ้นรนเพื่อเกียรติยศอันมากมายอีกทั้งผลประโยชน์ไปเพื่อสิ่งใดกัน?

ต้วนกุ้ยเฟยตบหลังมือของเย่เซียวหลัว ในที่สุดก็เห็นด้วยกับคำพูดของเย่เซียวหลัว

“เสด็จแม่เข้าใจสัจธรรมของชีวิตจริงๆ ถ้าหากว่าบอกเรื่องนี้กับเวินอ๋อง แน่นอนว่าเวินอ๋องต้องดีพระทัยมากเป็นแน่ และก็จะเข้าใจว่าผู้ใดเป็นคนที่แยแสพระองค์จริงๆ” เย่เซียวหลัวกล่าวพร้อมกับยิ้มแย้มออกมา

ภายในใจของเย่เซียวหลัวกลับริษยาอย่างบ้าคลั่ง ทำไมถึงต้องมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งมาเข้ามาแบ่งความสุขของเวินอ๋องไปจากตนเอง ทำไมตนถึงไม่สามารถได้รับความรักทั้งหมดจากเวินอ๋อง?

ในทันใดนั้นต้วนกุ้ยเฟยก็มองมายังเย่เซียวหลัว “หลัวเออร์ เจ้าไม่รู้สึกบ้างเลยหรือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม?หลังจากที่เวินอ๋องแต่งองค์หญิงเหอซื่อเป็นสนมแล้ว เจ้าก็ยังคงเป็นหวางเฟยอยู่เช่นเดิม”

เย่เซียวหลัวส่ายหน้า “เสด็จแม่ตรัสมาคำไหน ล้วนแล้วแต่เพื่อเวินอ๋องทั้งสิ้น จะให้ ข้าทำสิ่งใด ข้าล้วนเต็มใจทั้งนั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก