ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 329

ตอนที่329 วันแต่งงาน

ฟ้าเริ่มค่อยๆมืด ข้างนอกเงียบสนิด ปากหูท่อง(ปาบซอย)ที่แคบและเงียบก็ปรากฏเป็นร่างขึ้นมา และหายไปในกระพริบตาตา

คนนั้นเก่งด้านวิชาเบามาก ตัวกระโดด ก็ปีนเข้ามาจากกำแพงสูง ทั้งตัวเนียนไปกับกลางคืนที่มืด

ในห้องที่มืดมีแค่จุดโคมไฟได้อันหนึ่ง เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดมันทำให้ทั้งห้องเหมือนมีความแปลกประหลาด

เสียงดันประตู”โพ่ม” ร่างเร็วยาวสูงบุกเข้ามาในห้องนอน มองดูแสงไฟที่เดียวสว่างเดี๋ยวมืด มันทำให้ถอนหายใจ

“ ดึนดึกป่านนี้แล้ว ทำไมถึงไม่จุดไฟ ดูแล้วแปลกประหลาดจริงๆ“เสียงลึกลับนี่ทำห้องเงียบสงบนี่หาย

ตัวเย่อวิ๋นกว่างผิงเชียงๆอยู่ตรงประตูที่ใกล้เก้าอี้ คักดุไว้

คนที่กำลังนั่งอยู่ข้างบนก็ขยับเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืนเดินลงมา เสียงแหบที่ทำให้รู้สึกถึงขอบใจมาก

“ รบกวนท่านชายเย่รองมาดึกป่านี่ที่ตำหนัก เอาของให้ข้าเถอะ” องค์ชายยื่นมือออก

มองดูมือที่เร็วยาวตรงหน้า เย่อวิ๋นกว่างยิ้มเบาๆ แล้วจับจดหมายที่อยู่ในกลางอก ลีลาสักแปป แต่ไม่ได้เอามือยื่นให้เขา

“ ถ้าอยากรู้มากว่าข้างในนี้เขียนอะไรไว้ ถึงกับไม่สามารถมาส่งเปิดเผยได้?” เย่อวิ๋นกว่างยักคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ

ข้างในใจองชายสงสัย ยังไงก็คงไม่ให้ไงง่ายกับตัว เลยไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น คิดอยู่ในว่สควรจะทำยังไรดี

“ท่านชายเย่รองอยากรู้ขนาดนั้นเลยรึ ไปถามเย่กั๋วกงดีกว่ามั้ย ท่านอาจจะรู้ดี” องค์ชายพูดอย่างเย็นชา

เย่อวิ๋นกว่างยักคิ้ว ไม่ค่อยพึงพอใจกับคำตอบนี้ เพราะยังไงมันก็ไม่ง่ายเลยที่มาถึงที่นี่ แต่ทำไมตัวเองทำอะไรก็ไม่รู้เลย?

“ ท่านพูดเช่นนี้ก็เท่ากับไม่ได้พูดไม่ใช่รึ? ถ้าพ่อข้าบอกข้า ข้าจะมาถามท่านทำไม พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่?” เย่อวิ๋นกว่างพูดอยู่คนเดียว ทำอะไรก็ปิดบังเขา

องค์ชายไม่อยากพูดอะไรมาก ” มันดึกมากแล้ว ท่านชายเย๋รองเอาของให้ข้าเสร็จก็กลับได้แล้ว ไม่ฉะนั้นมันจะไม่ปลอดภัย“

ไม่ปลอดภัย? เย่อวิ๋นกว่างขำ อะไรไม่ปลอดภัยกันแน่ หรือว่าที่เขาดึกป่านนี้มาตำหนักองค์ชายก็จะปลอดภัยมากเลยหรือ?

“ ข้าว่า......”เย่อวิ๋นกว่างพูดอย่างเริ่มหงุดหงิด

“ท่านชายเย่รอง หากท่านยังไม่กลับไป เย่กั๋งกงจะคอยจนรีบเอา” องค์ชายพูดแทรก ใบหน้าไม่มีความอดทน

สีหน้าองค์ชายไม่ค่อยดี เย่อวิ๋นกว่างไม่พูดอะไรต่อ นำจดหมายที่อยู่ในกลางอกให้กับมือเขา แล้วก็เดินออกไป

ทุกอย่างสงบลง องค์ชายจับจดหมายที่อยู่ในมือ ค่อยๆเดินไปตรงเทียน

จากไฟที่เดียวสว่างเดียวดับ ค่อยๆอ่านจดหมายในมือ สายตาค่อยๆตรึงเครียดขึ้นมา เหมือนเดาอะไรไม่ถูก

บีดปากไปมา สรุปไม่ได้พูดอะไร แล้วนำจดหมายนั่นทิ้งลงไปในเทียน เผาจนสะอาด

ดูเหมือนว่า ฤดูหนาวนี้ จะไม่สงบแล้ว

สายตาขององค์ชายค่อยๆเย็นเฉียบขึ้นมา

ในวันแต่งวันนั้น คนที่มาร่วมยินดีก็มากมาย

โม่ฉีหมิงรูปร่างสูงเรวยืนอยู่กลางสวน เกล็ดน้ำแข็งกำลังโบยบินอยู่รอบตัวเขา เขาที่ไม่ได้ใส่ผ้าคลุมแต่กลับไม่รู้สึกหนาวเลย

ฉินหยิ่งถือผ้าคลุมคุมใส่บนตัวโม่ฉีหมิง แล้วเตือน “ท่านออ๋ง ได้เวลาแล้ว เราควรออกเดินทางกันแล้ว”

โม่ฉีหมิงเหมือนไม่ได้ยิน ไม่อยากออกเดินทาง

คนสองสามคนเดินตามหลังเขา ไม่พูดอะไรสักคำ แค่รอเขาขยับเท้า แต่ว่าเขาดันอยู่กับที่ไม่ขนับเลย

“ท่านออ๋ง......” ฮินหยิ่นมองดูสีท้องฟ้า แล้วเตือนอีกครั้ง

ใจโม่ฉีหมิงสั่นไหว ยื่นมือผูกเชือกผ้าคลุมเสร็จ แล้วค่อยๆเดินไปยังประตู

เสียงเท้าเดินของพวกเขาหนักแน่นมาก ตามหลังเขาไม่พูดสักคำ นอกจากเสียงเท้าเดิน นอกนั้นไม่มีเสียงอะไรเลย

บนถนนข้างนอกพวกคนกำลังไปมา ทุกคนต่างใส่เสื้อสีมงคลกันไว้ ยืนอยู่ข้างๆทั้งสอง รอรถม้าที่จะผ่านจากสายตาพวกเขาไป เผื่อจะเก็บเงินกับผลไม้

โม่ฉีหมิงแค่มอไปอย่างนิ่งๆเฉยๆ ไม่ทันใดก็รากสายตากลับมา ขึ้นรถม้า

คอนนี้ไม่เช้าแล้ว รถม้าค่อยๆขับไปยังทางตำหนักเวิน บนถนนค่อนข้างคึกคัก แต่ผู้คนก็รู้ว่าเป็นรถม้าใคร ต่างหลีกทางให้

โม่ฉีหมิวนั่งอยู่รถม้าเขย่าไปมา ในใจเหมือนกับมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับไว้ หายใจไม่ออก

เหมือนกับเก็บกดความโกรธข้างในลึกสุดในใจ ระเบิดได้ทุกเมื่อ

ไม่นานรถม้าก็หยุด ฉินหยิ่นรีบเปิดม่านขึ้น โม่ฉีหมิงกระโดดลง เงยหน้าขึ้นก็เห็นข้างนอกตำหนักเวินเต็มไปด้วยสีแดงมงคลสี

ตัวแดงนี้มันทำให้สะดุดตาจริงๆ ทำให้ใจเขาเจ็บปวดมาก

ยังไม่ทันเข้าไป หน้าประตูก็มีเสียงองค์ชายไม่กี่คนดังขึ้นมา เดินพลุกพล่านมาที่หน้าประตูตำหนักเวิน

“ดูเหมือนว่าพี่หกจะมีบุญวาสนา พวกเจ้าเคยเจอองค์หญิงเห่อซื่อมั้ย? เป็นนางที่งามจริงๆ!” คนที่พูดคือองค์ชายสิบสามเพียงแต่เป็นคนหยอกล้อ แต่ผู้คนต่างพากันเฮฮา

“น้องสิบสาม เจ้าเคยเจอองค์หญิงเหอซื่อรึ? นางอยู่แต่ดงหัวเยี่ยนไม่เคยออกมา เจ้าไม่ใช่คนที่ท่านพ่อเลือก จะเห็นได้อย่างใด?” องค์ชายอีกคนหัวเราะ

องค์ชายสิบสามเกาหัว ยักคิ้วพูด “ข้าก็ได้ยินเขาพูดกันมา ถึงข้าจะไม่เคยเจอมาก่อน แต่ผู้คนต่างว่ากันเช่นนี้ ไม่มีผิดแน่นอน!”

องค์ชายหลายๆคนส่ายหัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาหัวเราะไปเล่นกันไป เห็นโม่ฉีหมิง รีบเก็บรอยยิ้มเลย แล้ว คารวะโม่ฉีหมิ่งอย่างระเบียบ

ผู้คนเห็นสีหน้าโม่ฉีหมิงไม่ค่อยดี ก็ไม่ได้หยุดพัก ไม่นานก็จะเดินผ่านประตูเข้าไป ทันใดนั้นก็มีเสียงคุ้นๆดีงขึ้นมา

“น้องสิบสาม สักครู่นี่เจ้าบอกใครงาม? ตอนนี้อยู่ที่นี่หรือเปล่า? พาออกมาให้ข้าพบหน่อยได้หรือไม่” น้ำเสียงเหมือนเร่งรีบ

โมฉีหมิงได้ยินแล้วมองไป ตัวโมฉีมู่ก็เดินขึ้นไปบันไดแล้ว เดินตามองค์ชายไม่กี่คนไป ถามเรื่องคนงามอย่างเร่งรีบ

อะไรก็ไม่ได้ยิน ดันได้ยินคนงามสองคำนี้ พูดได้ว่าในหูของโม่ฉีมู่ที่สามารถทะลุเข้าไปได้ก็คงมีเพียงสองคำนี้แล้วสิ่น่ะ

ทุกคนหันมาหัวเราะกัน องค์ชายสิบสามพูด “ ข้าว่าพี่หก หูท่านนี่ดีจริงๆ สักครู่นี้พวกข้าพูดถึงองค์หญิงเหอซื่อ ได้ยินมาว่าเป็นสาวงาม พวกข้าก็ไม่รู้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวจะรอพิสูจน์ดู!”

องค์หญิงเหอซื่อ? สายตาของโม่ฉีมู่แปร่งประกายขึ้นมาทันที เขาไม่เคยเห็น แต่เคยได้ยินเขาลือกัน เป็นคนสวยคนงามจริงๆ

ถึงแม้เขาจะไม่สามารถสืบเชื้อสายได้ แต่ว่าเล่นๆกับนางก็พอได้

โม่ฉีหมิงจ้องโม่ฉีมู่อย่างแรง สีหน้าดูไม่ได้ ในสายตาดื่มด่ำกับความเฉยเมยและความโกรธในดวงตา

เขาสงบและไม่พูด ดูหลังหลานคนที่จากไป แล้วพูดกับฉินหยิ่ยไม่กี่คำเสร็จ ก็เดินออกไป

ตั้งแต่สว่างโหล่หวินหลานก็ถูกมือหลายคู่ดึงลงจากเตียง เริ่มแต่งหน้าทาปากต่างๆไม่หยุด ใส่เสื้อ เปลี่ยนเสื้อ ไปมาหลายรอบ นางเหนื่อยจนยกมือไม่ขึ้นเลย

“องค์หญิง หากรู้สึกเหนื่อย ท่านสามารถผิงพักผ่อนได้ คณะสู่ขอไม่มาเร็วขนาดนั้น” ไซ่เย่วกระซิบข้างหูนางอย่างห่วงใย

โหล่หวินหลานใส่หัวอย่างเหนื่อยล้า ถึงแม้จะลืมตา ในกระจกดูแล้วตัวเองเหมือนกับเป็นเครื่องประดับหยกชั้นดี สวยไม่มีที่ติ

ตัวนางเองก็อึ้ง ไม่คิดเลยในยุคสมัยนี้ ยังสามารถใช้ลิปอตางเพื่อให้คนดูดีได้

ไซ่เย่วเห็นสีหน้าที่ตกใจของนาง ก็รู้แล้วว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ชมว่า “องค์หญิง วันนี้ท่านสวยมากจริงๆ ยิ่งชุดแต่งนี่ เหมาะกับท่านมาก

พอฟังนางพูดเช่นนั้น โหล่หวินหลานก้มหัวมองดูชุดของนาง ถึงแม้จะไมใช่ครั้งแรกที่ใสชุดแต่ง แต่

“ไซ่เย่ว อะไรคือซือเฉิน?” โหล่หวินหลานถาม

“อีกไม่นานก็จะถึงเวลาแล้ว เมื่อถึงเวลา โม่ฉีหมิงก็จะเข้าวังมารับ”( 辰时คือเวลา 7 โมงถึง 9 โมงเช้า)

วันนี้ไซ่เย่วก็ใส่ชุดสีแดงมงคลไว้ ทุกคนเพียบพร้อมกันมาก

ทันใดนั้น ประตูเปิดออกมา วันนี้ซี่เหนียนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ในมือจับแอบเปิ้ลไว้ลูกหนึ่งแล้วยื่นให้โหล่หวินหลาน

“องค์หญิง แอบเปิ้ลลูกนี้คุมไว้ในมือตลอดจนถึงตำหนักหาน ความหมายคือปลอดภัยตลอดกาล”ใบหน้า ซี่เหนียนยิ้ม แล้วพูดอวยพร

“ไซ่เย่ว ให้” โหล่หวินหลานยิ้ม แล้วพูดกับไซ่เย่ว

ไซ่เย่วรับแอบเปิ้ลจากซี่เหนียนมา แล้วเอาเงินออกจากแขนเสื้อตัวเองให้ซี่เหนียน

หลังจากที่ซี่เหนียนรับไปอยางดีใจมีความสุข แล้วพูดคำอวยพร และเดินออกไป

ไม่นาน ข้างนอกมีตีกลองและเสียงเป่าตามด้วยประทัด

หลังจากที่เสียงประทัดจบลง ข้างนอกก็มีเสียงดังขึ้น

เฉียงหูค่อยๆฟัง ก็จะได้ยินเสียงผู้คนข้างนอกเดินไปเดินมา และมีเสียคนพูด เสียงของโม่ฉีหมิงดังเข้ามาในหูของโหล่หวินหลานอย่าชัดเจน

โหล่หวินหลานหายใจเข้าลึกๆ ในใจมีความตื่นเต้น

ส่งสายตาให้ไซ่เย่ว นางก็เปิดประตูแอบดู ต่อจากนั้นก็เอาผ้าคลุมหัวของโหล่หวินหลานลง

“องค์หญิง พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว” ไซ่เย่วกระซิบข้างหู

ซี่เหนียนพูดอะไรกับโม่ฉีหมิงสักครู่ แล้วเข้ามาอย่างไว ใบหน้ายิ้มแย้มแล้วมองไปที่โหล่หวินหลาน “อางค์หญิง โม่ฉีหมิงมาถึงแล้วเพค่ะ”

โหล่หวินหลานกุมแอบเปิ้ลในไว้แน่น ค่อยๆใส่หัว ไซ่เย่วกับซี่เหนียนค่อยๆพยุงนางเดินออกไป

ผ้าคลุมคลุมหัวไว้ นางเห็นเฉพาะ เกล็ดน้ำแข็งใต้เท้า เดินตามคนที่พาตัวนาง โหล่หวินหลานรู้สึกไม่ชิน

เพิ่งนานได้ไม่นาน ก็เห็นรองเท้าผู้ชายโผลิ่อกมา ถัดจากนั้นก็เป็นล้อรถ

“องค์หญิง เชิญขึ้นรถม้า” เสียต่ำแหบๆของโม่ฉีหมิงเห็นได้ชัดว่าตื่นเต้น

โม่ฉีหมิงรับมือโหล่หวินหลานต่อจากซี่เหนียน พยุงนางขึ้นรถม้า

มือของเขางุนงงเล็กน้อยและมือที่ละเอียดอ่อนของโหล่หวินหลานถูกลูบอย่างแน่นหนาด้วยมือใหญ่ของเขา นางมีความรู้สึกอยากจะเอามันออก แต่เขาบังคับให้ตัวเองให้ระงับ

นางไม่สามารถแสดงอาการใดๆต่อหน้าเขาได้ ทำได้แต่เดินตามข้างหน้าไป

ขึ้นรถม้าแล้ว รอโม่ฉีหมิงนำม่านบนรถออก โหล่หวินหลานก็รีบนำถ้าคุมหัวตัวเองออก

ความรู้สึกถูกปิดตามันแย่มาก แม้แต่ทางเดินก็มองไม่เห็น เห็นแต่สีแดงทั่วทิศ ทำได้แค่ให้คนอื่นพาตัวไป

นางไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกถูกผูกมัดในกำมือ

“พระชายาขึ้นเกี้ยว ไป”

เสียงราดยาวของทาสหลวงก็ได้ดังขึ้นหน้าดงหัวเยี้ยน ส่งสัญญาณว่าให้คนมารับเจ้าสาวเดินหน้าต่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก