ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 332

ตอนที่332 แพะรับบาป

ในห้องวุ่นวายไปหมด สาวใช้กรีดร้องขึ้นมา ในห้องจากที่วุ่นวายอยู่แล้วยิ่งวุ่นวายเข้าไปใหญ่

คนคนนั้นก้มหัวอยู่ตลอดเวลาเดินไปทางประตูแบบทุลักทุเล

ในใจของหลินอ๋องคิดอยู่อย่างเดียวคือไม่ให้ใครเห็นหน้าของเขา เขาเป็นเหมือนแมลงวันไร้หัวที่หมุนไปมานอกประตู มือใหญ่ข้างหนึ่งถือตัวเขาขึ้นมาโยนเข้าไปในห้อง

“หลิน!อ๋อง!”

เวินอ๋องเห็นหน้าของเขาชัดๆ ตอนนี้บนใบหน้าเขียวข้างหนึ่งขาวข้างหนึ่ง ทั้งโกรธทั้งอายไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

น้องแท้ๆของตนเองแอบเข้ามาในห้องของพระชายารองของเขา ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปหน้าของราชวงศ์จะวางไว้ที่ไหน?

หลินอ๋องก้มร่างลงยกมือของตนเองขึ้นบางหน้าตัวเอง ค่อยๆหันตัวเพื่อจะออกไป แต่ข้างหลังกลับมีร่างสีดำมากมายบังทางเขาอยู่

ร่างของโม่ฉีหมิงบังอยู่ตรงหน้าเขาพูดแบบหน้าตาไร้ความรู้สึก ”น้องเจ็ดไม่อธิบายอะไรน้อยหรอ?”

หลินอ๋องตัวสั่น ตอนนี้อยากอธิบายแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แอบมองพระชายารองของพี่ตัวเองถ้าแพร่งพรายออกไปเขาจะไปเจอคนได้อย่างไร?

“อธิบายอะไร?ข้าก็แค่ผ่านมาทางนี้พอดี กลับถูกถือว่าเป็นพวกถ้ำมองยังถูกตีอีกข้า ยังไม่โทษพวกเขาเลยยังจะให้ข้าอธิบายอะไรอีก?นี้คือหลักการอะไร?”

สภาพหลินอ๋องที่ยืดคอเพื่อเล่นลิ้นหน้าแดงคอใหญ่นั้นดูเหมือนว่าเขาถูกทำร้ายจิตใจเลย

ที่เขาพูดก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลขนาดนั้นก็ไม่มีคนมากเท่าไรที่อยู่ที่นั้น ถ้าเขาไม่ยอมรับหากไม่มีหลักฐานก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไร

เวินอ๋องมือจับหน้าผากเดินไปเดินมาด้วยความเครียดสีหน้าวิตกกังวล

เรื่องหื่นของหลินอ๋องก็ไม่ใช่วันสองวันแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่โดนเขาตัดน้องชายของเขาหรอก แต่นี่ก็ไม่ทำให้เขาเลิกนิสัยนี้ได้

“พวกเจ้าออกไปให้หมด”เวินอ๋องเห็นว่ารอบข้างมีสาวใช้และมามามากมายสะบัดมือให้พวกนางออกไป

สาวใช้พวกนั้นก็ถอยออกไป ในห้องก็เริ่มสงบลงมีบรรยากาศที่แปลกไหลเวียนอยู่

“องค์หญิง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เวินอ๋องจับตัวนางแบบระมัดระวังพร้อมถามเบาๆ

มือใหญ่ของเขามีอุณภูมิร้อนอยู่เหมือนกับว่ามีเหล็กร้อนทับอยู่ที่ไหล่ของโล่หวินหลานเลย

โล่หวินหลานหลบออกแบบผิดปกติ สายตามองไปทางโม่ฉีหมิงเขากำลังมองออกไปทางหน้าต่างเหมือนไม่อยากเห็นเขาสองคนอยู่ใกล้กัน

“ที่จริงเมื่อกี้ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร เรื่องก็เป็นเหมือนที่หลินอ๋องพูดนั้นแหละ สาวใช้ของข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น งานเลี้ยงข้างนอกยังไม่จบท่านอ๋องรีบออกไปเถอะ”โล่หวินหลานพูดแบบหนักแน่นแต่ในมือนางกลับจับผ้าคลุมศีรษะสีแดงไว้แน่น

ท่าทางนี้แสดงให้เห็นชัดว่านางตื่นเต้นแล้วกลัวมาก

หลินอ๋องพยักหน้าอย่างสุด ”ใช่ๆๆๆเรื่องมันเป็นแบบนี้พี่หกอย่าบอกพ่อเลยไม่งั้นไม่งั้น……”

ได้ยินเสียงหลินอ๋องที่พูดออกมาอย่างกลัวนั้นทำให้เวินอ๋องที่เดิมทีโกรธมากกลายเป็นมืดครึมทันที มือทั้งสองข้างกำแน่น

เขาหันกลับมาถีบหลินอ๋องยังแรงจนร่างของเขาลอยตามพื้นออกไปไกล

“โม่ฉีมู่!ยังจะมาเล่นลิ้นอีก?เจ้าเป็นคนยังไงองค์หญิงเหอซื่อซื่อไม่รู้ข้าจะไม่รู้หรอ?ดีที่สุดเจ้าควรทำตัวดีๆไม่งั้นอย่าโทษว่าข้าไม่รักษาความรู้สึกของพี่น้อง”เวินอ๋องเตือนเขาแบบกัดฟัน

คอเสื้อของหลินอ๋องถูกเขาจับไว้แน่นเหมือนกำลังจะบีบให้หลินอ๋องตายในทันที

เขารู้ว่าตัวเองพูดอะไรในตอนนี้ก็ผิด เลยหุบปากไม่พูดอะไร

เขายังไม่ทันเห็นอะไรก็ถูกจับแล้วยังถูกสาวใช้ที่มีฝีมือคนนั้นกดตัวอยู่ในกองหิมะ ตัวเองยังถูกข่มขู่อีก

ครั้งนี้ถือว่าเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง

“พี่หกข้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆไม่เห็นอะไรทั้งนั้น……” หลินอ๋องพูดแบบเสียงต่ำ

เวินอ๋องโยนเขาทิ้งไปและไม่อยากให้เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ไม่ใช่แค่เสื่อมเสียวงศ์ตระกูลแต่ไม่ดีกับชื่อเสียงขององค์หญิงเหอซื่อซื่ออีกด้วย

“ครั้งนี้ยกโทษให้เจ้า อย่าให้ข้าเจอครั้งหน้า ใส่หัวออกไป”เวินอ๋องกำมือทั้งสองข้างแน่น กลัวห้ามตัวเองไม่อยู่แล้วจะไปต่อยเขา

ได้ยินเสียงให้อภัยของเวินอ๋อง หลินอ๋องรู้สึกโล่งแล้วรีบวิ่งออกไป

ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังมาจากอีกฝั่งโม่ฉีหมิงก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เวินอ๋อง บนใบหน้ามีรอยยิ้มเยาะเย้ย

“นึกว่าน้องหกจะอาละวาดหนักมากสักอีกไม่คิดว่าจะปล่อยตัวน้องเจ็ดไปง่ายแบบนี้?ข้าคงคาดหวังน้องหกมากไป”

เวินอ๋องค่อยๆพยุงโล่หวินหลานไปที่เตียงแล้วหันกลับมามองโม่ฉีหมิง สายตานั้นเย็นแข็ง ”พี่สี่หมายความว่ายังไง?”

เขาได้แต่งงานกับองค์หญิงเหอซื่อซื่อแล้วไม่ว่าโม่ฉีหมิงจะทำอะไรก็ทดแทนไม่ได้แล้ว เขาก็ไม่ได้อยากระแวงเขา

แล้วยังทำให้โม่ฉีหมิงเห็นถึงความหวานของเขากับองค์หญิงเหอซื่อซื่อ จงใจกระตุ้นโม่ฉีหมิงอีกด้วย

“ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า วันนี้วันมงคลของน้องหก และเรือนวี่หยวนทุกคนก็รู้ดีว่าเป็นสถานที่ใด ตอนนี้ทุกคนก็ดื่มเหล้าอยู่ข้างนอกมีแค่น้องเจ็ดที่เข้ามาวนเวียนอยู่ที่เรือนวี่หยวน หรือว่าขนาดนี้ยังไม่พอ?”

โม่ฉีหมิงยักคิ้วให้เขา ให้ความหมายว่าเวินอ๋องเจ้ามันก็แค่ผู้ชายขี้ขลาด

เวินอ๋องตบมือโล่หวินหลานเบาๆปลอบนางแล้วเอาที่ผ้าคลุมศีรษะสีแดงมาคลุมศีรษะนางไว้

“พี่สี่มีอะไรเราไปคุยกันข้างนอก ที่นี้ไม่ใช้สถานที่ที่ดีที่จะคุยกัน”เวินอ๋องทำมือเชิญเพื่อให้โม่ฉีหมิงไปคุยข้างนอก

โม่ฉีหมิงพยักหน้าแล้วเดินออกจากประตูไป

เวินอ๋องก็เดินตามออกมา ข้างนอกหิมะตกหนักแต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความหนาวเลย ในสมองมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้

“น้องเจ็ดมาถึงที่นี้ พี่สี่รู้ได้ยังไง?หรือพี่ตามเขามาทั้งทาง?หากเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมพี่ไม่ห้าม?หรือพี่ตั้งใจทำแบบนี้?”เวินอ๋องใช่สายตาบีบโม่ฉีหมิง

โม่ฉีหมิงแสดงหน้าตาเยาะเย้ย ”น้องหกตาลายพี่ไม่ลาย น้องเจ็ดเป็นคนยังไงทุกคนรู้ดีพี่ก็แค่ไม่อย่าให้น้องสะใภ้หกยังไม่ทันเข้าห้องหอก็เสียความบริสุทธิ์ไปแล้วน่าเสียดาย”

พูดเสร็จก็ถอนหายใจอีกครั้ง

พอเขาพูดแบบนี้เวินอ๋องอารมณ์ก็ไม่ค่อยสงบแล้ว สีหน้าเขียวขาวบวกๆกันไปน่าเกลียดมาก

“พูดอย่างนี้พี่ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วสิว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น”

“นี้พี่ยังต้องรู้อีกหรอ?คนที่มีตาทุกคนก็ต้องรู้”โม่ฉีหมิงตอบ

“เจ้า!....”เวินอ๋องกัดฟันไม่รู้จะสู้ยังไง

เวินอ๋องรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงแต่ก็ไม่ทำอะไรหลินอ๋องเพราะไม่อยากเสียหน้า

โม่ฉีหมิงแสดงให้เห็นว่าหากเป็นเขาจะไม่ยอมให้หลินอ๋องเดินออกไปจากประตูนี้แน่นอน

“ท่านอ๋องกว่าจะหาท่านเจอ ฝ่าบาทกำลังตามหาท่านอยู่ ท่านรีบไปเดี๋ยวนี้”เสียงของคนรับใช้พูดขึ้นแบบรีบร้อน

“รู้แล้วข้าจะรีบไป”เวินอ๋องพูด มองโม่ฉีหมิงไปหนึ่งที หันตัวเดินไปทางห้องโถง

ร่างของเขาเดินไปเร็วมากแค่ประเดี๋ยวก็ไม่เห็นเขาแล้ว

สีหน้าของโม่ฉีหมิงค่อยๆซบเซา เพียงประเดี๋ยวก็เหลือแต่ความเย็นชา

ข้างนอกค่อยๆเงียบลงแม้แต่เสียงเท้าที่เหลือก็ค่อยๆหายไป เงียบจนเหลือเพียงเสียงลม

“องค์หญิงท่านไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”ไซ่เยว่ถาม

โล่หวินหลานก็เปิดผ้าคลุมศีรษะขึ้นเดินไปดื่มน้ำที่โต๊ะ วางมือไว้บนโต๊ะแล้วคิด“ทำไมถึงไปบังเอิญขนาดนี้?”นางหรี่ตา

ไซ่เยว่มองเธอแบบไม่เข้าใจ ”อะไรบังเอิญ?”

เรื่องเมื่อกี้เกิดขึ้นเร็วมาจนทำให้คนค่อนข้างสับสน

ตั้งแต่วินาทีที่โม่ฉีหมิงเดินเข้ามา ที่ห้องก็เริ่มมีเงื่อนงำแล้วและมามาคนนั้นก็น่าจะมีคนตั้งใจให้มาดูว่าใครกันแน่ที่เข้ามา

และหลินอ๋องก็แค่ไม่แก้นิสัยเดิมแล้วมาที่นี้พอดีเลยเป็นแพะรับบาปไป

สาวใช้กับมามาข้างนอกก็เป็นคนที่เย่เซียวหลัวส่งมาจับตาดูนาง แค่เรียบเรียงเรียบร้อยแล้วก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“นางเริ่มลงมือแล้ว ไร้ความอดทนจริงๆ”โล่หวินหลานใส่หัว

ไซ่เยว่”อ้า”ไปหนึ่งที่ ไม่ค่อยเข้าใจที่นางพูด แต่พอคิดดูอีกทีนางก็เข้าใจสิ่งที่นางพูดหมายถึงอะไร

“องค์หญิงหมายถึงพระชายาของเวินอ๋องเริ่มลงมือแล้วหรอ?แต่คนที่จะขึ้นเมื่อกี้จริงๆคือเวินอ๋องนะ พระชายาเวินคงไม่สามารถเรียกใช้เวินอ๋องได้หลอก?”ไซ้ยว่ถามแบบขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าหมายถึงสาวใช้กับมามาที่เข้ามาต่างหาก ถ้าหากนางไม่รู้ว่าที่ข้าเกิดเรื่องนางจะส่งคนมาได้ยังไง?”โล่หวินหลานนั่งลงที่เก้าอี้แล้วหลับตาทั้งสองข้างคิด

ไซ่เยว่ใจเต้นแรง ”ท่านหมายถึงมีคนกำลังจับตาดูพวกข้าอยู่หรือ?”

“จับตาดูพวกข้ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ในตำหนักนี้ก็เป็นคนของนางทั้งหมดเลย ไม่ยากเลยที่จะรู้การเคลื่อนไหวของเรา?”โล่หวินหลานพูดออกมาช้าๆกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อ

“แล้วเราจะจัดการกับมันอย่างไร?”ไซ่เยว่ถาม

พวกนางก็เหมือนเรือรำเดียวที่กำลังลอยอยู่บนทะเลที่กว้างใหญ่ไม่เห็นฝั่ง หากไม่ระวังก็จะจมน้ำตายได้

“แค่ สาวใช้ไม่กี่คนเอง ไม่ต้องเป็นห่วง พูดอะไรก็ระวังหน่อย ทำภาพลวงตามากขึ้น ปล่อยให้พวกนางกลับไปรายงาน ทำให้เวินอ๋องไม่เชื่อนางอีก”โล่หวินหลานจับแก้วเหล้าไว้แล้วพูด

ไซ่เยว่พยักหน้าก็ทำได้เท่านี้แหละ

หลังเดินออกจากเรือนวี่หยวน เวินอ๋องสีหน้าไม่ดีเลยไม่แม้แต่จะยิ้มออกมาสักนิด

รอเพียงให้งานเลี้ยงนี้จบไปโดยเร็ว ในใจเขาตอนนี้ที่เป็นห่วงก็มีแค่องค์หญิงเหอซื่อซื่อ เรื่องเมื่อกี้จัดการไม่ดีจริงๆไม่รู้ว่านางจะตกใจหรือป่าว

เวลาผ่านไปเริ่มค่ำ ฮ่องเต้เจียเฉิงกับต้วนกุ้ยเฟยกลับไปก่อนแล้ว องค์ชายหลายคนก็กลับไปแล้วเหลือเพียงขุนนางไม่กี่คนที่สนิทกับเขา

เวินอ๋องกับขุนนางกี่คนตะโกนดันถ้วยเพื่อถามดื่มเหล้าคุยกัน เริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้า เหล้าเพียงไม่กี่แก้วลงท้องถึงกับจับโครงประตูแล้วอาเจียน

“ไม่ไหวไม่ไหวแล้ว ใต้เท้าหลี่ใต้เท้าลวี่ข้าดื่มไม่ไหวแล้วจริงๆปล่อยข้าไปเถอะ……”เวินอ๋องขอร้อง

ขุนนางพวกนั้นหัวเราะออกมา ”เรารู้ปริมาณของเครื่องดื่มของเวินอ๋องดี ทำไมถึงได้เมาง่ายขนาดนี้?จะรีบกลับไปหาพระชายาใช่มั้ย?”

เวินอ๋องคิดเพียงแต่จะทำให้พวกเขารีบกลับไป ถูกพูดถึงเรื่องในใจแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร

“ปริมาณเหล้าของใต้เท้าหลายท่านนี้ดี ข้าจะเป็นคู่แข่งของพวกท่านได้อย่างไร ข้าไม่ไหวจริงๆดื่มแก้วนี้หมดก็จบได้แล้ว”เวินอ๋องดื่มเหล้าลงไปก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก