ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 337

ตอนที่337 ใจสื่อถึงกัน

ร่างของทั้งสองค่อยๆหายไปจากประตูของวัง เดินมาทั้งทางอารมณ์ของโล่หวินหลานไม่ค่อยดีนัก จนถึงที่ๆไม่มีคนแล้วนางจึงผลักมือเวินอ๋องออก

“ท่านอ๋อง เมื่อกี้ท่านหมายความว่ายังไง?หลอกใช้ข้าทำให้อ๋องหมิงดูหรอ?”โล่หวินหลารหยุดเดินมองเวินอ๋องด้วยสายตาแบบตั้งคำถาม

ไม่คิดว่าการกระทำของตนเองเมื่อกี๊จะทำให้เขาโกรธ เวินอ๋องไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่ทำไปเมื่อกี้ตั้งใจทำให้โม่ฉีหมิงโกรธ แต่สิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อกี้ก็ถูกหลักอยู่แล้ว

ใครต้องการให้ผู้หญิงของเขาถูกจดจำโดยชายอีกคน

“เมื่อกี๊เจ้าก็เห็นแล้วว่า หมิงอ๋องตั้งใจจะพูดถึงเจ้า เรื่องแต่ก่อนของพวกเจ้าทุกคนต่างรู้ดี หากข้าไม่ทำอย่างนั้น เขาก็อาจจะทำอะไรที่ไม่ดีต่อเจ้า ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกทำร้าย”สิ่งที่เวินอ๋องพูดไม่ได้แก้ตัว แต่สิ่งที่เขาพูดก็ไม่อาจใช้ความจริงทั้งหมด

โม่ฉีหมิงจะทำอะไรตนเอง โล่หวินหลานรู้อยู่แก่ใจ เรื่องเมื่อกี้เวินอ๋องก็แค่อยากหลอกใช้นางเป็นเครื่องมือทำให้โม่ฉีหมิงโกรธแค่นั้นเอง

“ท่านรู้ก็ดี หมิงอ๋องกับข้าไม่ได้มีอะไรกันท่านอ๋องโปรดวางใจ”โล่หวินหลานพูดเสร็จก็เดินตรงไปอย่างไม่หันหลังกลับมา

หิมะใหญ่ด้านหน้าบังตานางหมด แต่นางก็ไม่หยุดเดิน ถ้าหากนางไม่ทำแบบนี้ เวินอ๋องก็อาจรู้สึกได้ว่าตัวเองกับโม่ฉีหมิงต้องยังมีอะไรกับแน่นอน

ความสามารถในการคาดเดาของเขานั้นแข็งแกร่ง เพียงเชื่อมโยงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ก็จะสามารถเดาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น และถ้าจะทำลายความรู้สึกแบบนี้ของเวินอ๋องก็ต้องทำให้เขารู้ว่าตัวเองนั้นแคร์เขามากจริงๆ

เห็นโล่หวินหลานเดินไปแบบยิ่งอยู่ยิ่งไกล เวินอ๋องไม่รู้สึกโกรธเลยกลับวิ่งตามนางไป

“เจ้าโกรธแล้วเหรอ?”เวินอ๋องจับมือนางแล้วถาม

โล่หวินหลานไม่พูดอะไร ทันใดนั้นก็หยุดเดิน

“ท่านอ๋อง ตั้งแต่แต่งงานกับท่านแล้ว ในใจข้าก็ต้องมีแต่ท่าน จะไปมีคนอีกได้ยังไง ถึงข้าจะเคยความสัมพันธ์อะไรกับหมองอ๋อง แต่มันก็แค่เรื่องที่ผ่านมาแล้ว หลังจากนี้ในใจข้าก็จะมีเพียงท่านคนเดียว ท่านก็ไม่จำเป็นต้องลองใจข้าแล้ว”โล่หวินหลานทำหน้าน่าสงสาร

สิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจทุกเธอพูดออกมาทั้งหมดเวินอ๋องในใจไม่รู้สึกโกรธเลยด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกผิดต่อเธอ

ได้ยินเสียงที่น่าสงสารของนางในใจของเสิน อ๋องก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีเข็มแทงหรือ ที่จริงแล้ว ตัวเองไม่ควรที่จะสงสัยนาง สุดท้ายก็เป็นเพราะความเครียดสงสัยของเขา เลยทำให้เขาไม่คิดถึงความรู้สึกของนาง

“ข้ารู้แล้ว คราวหน้าไม่มีอีกแล้วข้าจะเชื่อใจเธอ”เวินอ๋องลูบข้าของเธอแล้วถอนหายใจเบาๆ”เอาใจอยากจริงๆ”

โล่หวินหลานก็รู้ว่าควรพอแค่นี้ ถ้าหากทำมากเกินไป ก็อาจเกิดการต่อต้านได้ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วยิ้มออกมา

“ถ้าอย่างนั้น เรามาสัญญากัน ต่อจากนี้ไปเราจะเชื่อใจกัน ไม่สงสัยกันดีไหม?”โล่หวินหลานยื่นนิ้วก้อยออกมารอเขา

เห็นท่าทางของนาง ในใจของเวินอ๋องก็รู้สึกอ่อนวัยขึ้น แล้วยื่นนิ้วก้อยออกมาทำสัญญากับนาง

“รีบไปเถอะ ท่านแม่ยังรอ พวกข้าไปเข้าเฝ้าอยู่ในวังอยู่เลย”หลังจากที่เวินอ๋องทำสัญญากับนาง เสร็จก็พาเธอไปยังที่พักอาศัยของต้วนกุ้ยเฟย

ฝีเท้าของทั้งสองคนถือว่าเร็วใช้เล่น อาหารบนโต๊ะของต้วนกุ้ยเฟยเพิ่งวางลงทั้งสองคนก็มาถึงหน้าประตูแล้ว

“เคารพท่านแม่”

“สะใภ้เหอซื่อเคารพท่านแม่ ขอให้ท่านแม่สุขภาพแข็งแรง”โล่หวินหลานก็ทำความเคารพตาม

ต้วนกุ้ยเฟยที่ขึ้นนั่งก็พยักหน้า รับเอาน้ำชาไปจากโล่หวินหลานด้านในมีน้ำหลังฝนที่นางชอบอยู่เธอดื่มไปเล็กน้อยรู้สึกว่ารสชาตินี้ไม่เลว

“ลูกลุกขึ้นได้”ต้วนกุ้ยเฟยให้เพียงเวินอ๋องลุกขึ้นแต่ไม่ได้ให้โล่หวินหลานลุกขึ้น

ทุกคนที่เห็นเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร เวินอ๋องขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ลุกขึ้นมา แล้วยื่นมือไปจับโล่หวินหลานเตรียมตัวกำลังจะพยุงขึ้นมา

“ข้ายังไม่ได้ให้นางลุกขึ้นมา ข้ายังมีคำที่จะพูด”ต้วนกุ้ยเฟยดูท่าทางของเวินอ๋องแล้วพูดขึ้นเพื่อหยุดการกระทำของเขา

โล่หวินหลานเข้าใจความหมายของนาง ค่อยๆปัดใองของเวินอ๋องออกแล้วคุกเข่าอยู่บนพื้นต่อ

“ได้ข่าวว่า เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักเวินอ๋องเหรอ?”ต้วนกุ้ยเฟยมองนางจากที่สูง

ดูแล้วต้วนกุ้ยเฟยก็ส่งคนของตัวเองไปสอดส่องอยู่ที่ตำหนักเวินอ๋องเหมือนกัน รู้เรื่องของตำหนักเวินอ๋องเร็วมาก แม้กระทั่งเรื่องที่เวินอ๋องปิดไว้แล้วยังรู้

ต้วนกุ้ยเฟยยิ้มเหมือนยิ้มเยาะ “เจ้าอยากรู้ว่าข้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ใช่ไหม เมื่อคืนหลัวเอ๋อก็เล่าเรื่องความเป็นมาทั้งหมดให้ข้าฟังแล้ว วันนี้ข้าแค่อยากรู้ว่าเรื่องทั้งหมดความเป็นจริงมันเป็นอย่างไร”

ที่แท้ก็คือเย่เซียวหลัวนี่เองถึงว่าล่ะรีบร้อนเป่าประกาศให้คนข้างนอกรู้ เหมือนกับว่ากลัวคนไม่รู้ว่าเมื่อวานที่เรือนวี่หยวนเกิดอะไรขึ้นยังไงอย่างนั้นเลย

“เรียนท่านแม่ เรื่องเมื่อวานมันเป็นอย่างนี้มีคนสวมชุดดำคนหนึ่งเข้ามาทางบ้างหลังของเรือนวี่หยวน แล้วปีนขึ้นมาทางหน้าต่าง แต่โชคดีที่มามาในตำหนักเข้ามาได้ทันเวลาพอดี ถึงได้ยับยั้งเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นได้ ที่เวินอ๋องไม่อยากให้ท่านรู้เพราะกลัวไว้ท่านจะเป็นห่วง”

โล่หวินหลานพยายามพูดให้เรื่องมันเล็กลง ไม่อยากพูดถึงเรื่องของเมื่อคืนอีก

แต่ต้วนกุ้ยเฟยกลับถอนหายใจออก โล่หวินหลานขมวดคิ้วด้วย ความเป็นห่วงไม่รู้ว่าที่นางถอนหายใจนี้หมายความว่าอะไร

นางที่รู้เรื่องทุกอย่างแล้วรู้สึกไม่ค่อยเชื่อที่โล่หวินหลานพูด

หลินอ๋อง……ก็ไม่สามารถลงโทษได้เรื่องนี้ ก็ไม่สามารถให้ฮ่องเต้เจียเฉิงรู้ได้นางจะปกป้องหลินอ๋องดังนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือต้องขอโทษองค์หญิงคนนี้

“เรื่องเมื่อคืนคงทำให้เจ้าตกใจกลัวมากเลย ใช่ไหม?เรื่องนี้ข้าจะ กราบบังคมทูลให้ฮ่องเต้ทราบตำหนักเวินอ๋องมีโจรเข้าเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”ต้วนกุ้ยเฟยใช้คำพูดแบบลองใจเงยหน้าไปดูโล่หวินหลาน

นางอยากพูดอะไรกันแน่?โล่หวินหลานคิดอยู่ในใจสักพัก หากนางพูดแบบนี้ได้ก็ต้องรู้แล้วว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนทำถึงจะรู้แล้วยังตั้งใจถามแบบนี้……

ในใจของโล่หวินหลานเริ่มเข้าใจขึ้นมาทันที

“ท่านแม่ เรื่องนี้มีผลกระทบต่อตำหนักเวินอ๋องเกี่ยวกับอนาคตของเวินอ๋อง เรื่องนี้มันก็ผ่านไปแล้ว และข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่ต้องกราบเรียนให้เสด็จพ่อทราบแล้วจะทำให้ท่านเป็นห่วงสักเปล่าๆ”โล่หวินหลานก้มหน้าแสดงออกเหมือนสาวน้อยคนหนึ่งที่เป็นห่วงสามี

ฟังคำตอบของโล่หวินหลานเสร็จ ต้วนกุ้ยเฟยก็พยักหน้าเห็นด้วยกับที่นางพูดแล้วยื่นมือพยุงเธอขึ้นเอง

“เจ้าสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆได้อย่างนี้ ข้าก็วางใจแล้ว ลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้าคงหิวแล้ว?รีบนั่งลงกินข้าวเถอะ”ต้วนกุ้ยเฟยจับมือโล่หวินหลานพานางมาที่หน้าโต๊ะอาหาร

อาหารตรงหน้านั้นซับซ้อนและหลากหลายมาก ดูเหมือนว่ามีรสชาติมากมายกลิ่นนั้นลอยมา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะอยากอาหารขึ้นมา

แต่โล่หวินหลานกลับไม่มีอารมณ์อยากอาหารเลย เรื่องเมื่อกี้ทำให้นางเริ่มปกป้องตัวเองจากต้วนกุ้ยเฟย ใช่ที่ว่าตัวเองทำให้นางเลิกสงสัยในตัวเอง

“กินข้าวเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ช่วงนี้เขายุ่งมากจนบางทีก็ลืมกินข้าว ถ้านายมีใจไปเตือนเขาหน่อยเขาจะดีใจมาก”ต้วนกุ้ยเฟยพูดกับเวินอ๋อง

ช่วงนี้ฮ่องเต้เจียเฉิงยุ่งมากจริงๆเหมือนกับว่าตั้งใจทำให้ตัวเองยุ่งเลย แม้แต่นางที่ไปหาที่ห้องหนังสือก็ไม่ได้เข้าพบเลย

“ขอรับ แต่วันนี้ตอนที่ลูกเข้าวังเจอหมิงอ๋องอยู่หน้าวัง ไม่รู้ว่าเข้าวังมานี้ไปที่เสด็จพ่อหรือป่าว”เวินอ๋องพูดขึ้นมาแบบไม่รู้ว่าถูกมั้ย

โล่หวินหลานที่ในมือถือผ้าเช็ดหน้าไว้ หยุดนิ่งตั้งใจฟังที่เวินอ๋องพูด

ดูแล้ว เขาสองแม่ลูกไม่ได้คิดว่านางเป็นคนนอก หรือว่าพวกเขาปกติก็พูดกันแบบไม่กลัวอะไรแบบนี้อยู่แล้ว?

ต้วนกุ้ยเฟยจับเขาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “เขาเข้าวังมายังจะมีเรื่องอะไรอีก?นอกจากจะมาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ……”

พูดถึงครึ่งหนึ่งก็หยุดลงสายตาก็มองไปทางเวินอ๋องทันใดนั้นทั้งสองคนจ้องตากันสายตาทั้งสองคนเหมือนมีข้อสงสัย

เหมือนกับว่าคิดถึงเรื่องที่น่าตกใจมากขึ้นมาได้แล้วพูดขึ้นว่า “นายว่าใช่ฮ่องเต้เรียกพบเขาหรือเปล่า?”

สีหน้าของเวินอ๋องค่อยเปลี่ยนไปตอนเช้ารีบร้อนเกิน ไม่ทันหลอกถามอะไรจากปากเขาเลย

“ท่านแม่ ถ้าเสด็จพ่อเรียกพบเขาจะพูดเรื่องอะไรบ้าง?”เวินอ๋องถามแบบขมวดคิ้ว

ต้วนกุ้ยเฟยเดินไปมาในห้องหลายรอบคิดไตร่ตรองแล้วพูด “ช่วงนี้ฮ่องเต้นอกจากตอนเช้าเข้าห้องประชุมแล้ว นอกจากนี้ก็เรียกพบขุนนางนอกในห้องหนังสือ ข้าที่ไปเข้าเฝ้ายังถูกกันไว้นอกห้องตอนนี้ เรียกพบหมิงอ๋องต้องมีเรื่องสำคัญสั่งแน่นอนเลย”

เรียกโม่ฉีหมิงในตอนนี้ ต้องมีเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้แน่นอน เวินอ๋องเหมือนคิดอะไรได้แล้วเลยลุกขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น

“ท่านแม่ให้ข้าลองไปฟังดูมั้ย?”เวิรอ๋องถาม

ต้วนกุ้ยเฟยมองเขาแล้วพูด“ถ้าเขาเข้าวังเพื่อพบฮ่องเต้ตอนนี้ฮ่องเต้ต้องไม่มีเวลาเจอนายแน่นายไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”

โล่หวินหลานฟังเขาสองคนพูดกันอยู่เงียบๆ ข้างๆ

แต่ในสมองนางคิดถึงแต่เหตุการณ์ ตอนเช้าที่อยู่กับโม่ฉีหมิงทันใดนั้นก็เข้าใจอะไรบ้างอย่าง

ต้วนกุ้ยเฟยโบกมือ สุดท้ายคือไม่ได้ให้เวินอ๋องไป

“ช่วงนี้ก็ใกล้สิ้นปีแล้ว ฮ่องเต้อาจแค่คุยกับเขาเรื่องทั่วไปก็ได้ไม่ต้องไปจะดีกว่า”

โล่หวินหลานดื่มน้ำหนึ่งคำ แล้วหาข้ออ้างเพื่อออกไป

หิมะด้านนอกหยุดแล้ว แสงอาทิตย์ส่องผ่านก้อนเมฆออกมาโรยแสงสลัวๆลงพื้น

นางเดินตามระเบียบไปยังดงหัวเยี้ยน ตอนนี้นางแต่งงานออกไปแล้วตรงนั้นน่าจะไม่มีคนอาศัยอยู่

เดินไปยังทางลับเพื่อเข้าดงหัวเยี้ยน ถึงประตูใหญ่จะถูกปิดไว้แต่ประตูเล็กๆด้านข้างถูกเปิดไว้เล็กน้อยเหมือนกับว่าเปิดรอเธอเข้าไปเลย

โล่หวินหลานผลักประตูออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเหมือนตอนที่นางอยู่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย

เพิ่งเดินถึงหน้าประตู ก็เห็นโม่ฉีหมิงจากไกลๆร่างของเขายืนอยู่ที่ระเบียง ด้านนอกสะท้อนแสง ทำให้เขาที่ร่างกายสูงใหญ่เหมือนมีแสงเปล่งประกายออกมา

“วันนี้นายเข้าวังมา คงไม่ใช่เพราะมาหาความหลังที่ดงหัวเยี้ยนหรอกใช่ไหม?”โล่หวิรหลานกับเขายืนอยู่ด้วยกันแล้วมองออกไปดูหิมะด้านนอก

โม่ฉีหมิงยื่นมือไปจับที่ไหล่นาง ใช้เวลาสำหรับอารมณ์ตอนเช้าที่นุ่มนวลกอดคนที่ตัวเองรัก แล้วดูหิมะคือสิ่งที่ดีมากขนาดไหน

“งั้นที่เจ้ามา คงไม่ใช่เพราะเหตุผลเดียวกันใช่มั้ย?”โม่ฉีหมิงถามกลับ

โล่หวินหลานหนุดแล้วหัวเราะขึ้นมา

ก็ใช่ที่นางมาที่นี่ เพราะคิดขึ้นได้ไม่ได้นัดกับเขาไว้ก่อนไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะอยู่ที่นี่ แค่ในใจมีข้อสันนิษฐานอย่างนึงที่ดึงดูดนางมาที่นี่

“เมื่อกี้ต้วนกุ้ยเฟยกับเวินอ๋องพูดถึงนาย พวกเขาคิดว่าที่ไหนเข้าวังมา เพราะฮ่องเต้เรียกพบดังนั้นข้าจึงมาที่นี้”โล่หวินหลานพูดความจริงออกมา

นางแค่ต้องการพิสูจน์ในสิ่งที่ตัวเองคิดจึงมาที่นี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก