ตอนที่338 ต่อสู้ในที่มืด
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะมาก็เลยรอดเจ้าที่นี่”โม่ฉีหมิงยิ้มแบบเพิ่งพอใจ
โล่หวินหลานอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเงียบ ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนจะใจสื่อถึงกันขนาดนี้ ขนาดเรื่องนี้ยังคิดไปในทิศทางเดียวกันได้
“รูปวาดวาดหรือยัง?”โม่ฉีหมิงถามขึ้นมา
ไซ่เยว่เป็นคนที่วาดรูป คนได้เหมือนมากคนที่นางเคยเจอ ทุกคนจะสามารถจำไม่ลืมและยังสามารถวาดรูปคนคนนั้นออกมาได้อย่างเหมือนจนหาที่ติไม่ได้
ก่อนเข้าวังไซ่เยว่ก็เคยเห็นสาวใช้ข้างกายของเย่เซียวหลัวแล้วสาวใช้ที่ชื่อตงอวี๋น
“วันนี้ไซ่เยว่ไม่ได้เข้าวัง วาดรูปอยู่ที่ตำหนัก เช้านี้ข้าเห็นสาวใช้ข้างกายเย่เซียวหลัวช่างฉลาดมากนัก เหมือนกับว่าเรื่องข้างตัวเย่เซียวหลัวส่วนมากคือสิ่งที่นางคิดออกมา”โล่หวินหลานพูดขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ
ดูจากท่าทางของตงอวี๋นในวันนั้นดูออกไม่ยากเลยว่าเธอสำคัญกับเย่เซียวหลัวขนาดไหน
ถ้าสามารถใช้โอกาสนี้กำจัดนางออกไปมืออันดับหนึ่งที่จะสามารถช่วยเย่เซียวหลัวแก้ไขปัญหาได้ก็จะหายสาบสูญไป
“เข้าใจแล้ว คืนนี้ข้าจะส่งคนไปรับรูปที่ตำหนักเวินอ๋องจะเร่งให้หมิงซีทำหน้ากากให้เสร็จโดยเร็ว”สายตาของโม่ฉีหมิงเย็นชาลงแล้งพยักห้า
ออกมานานแล้ว โล่หวินหลานดูสีท้องฟ้า ถ้าหากเวินอ๋องหาเธอไม่เจอ ต้องสงสัยอีกแน่
“ข้าต้องไปแล้ว ออกมานานมากแล้ว”โล่หวินหลานยกหัวออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ยังไม่ทันออกไปก็ถูกเขากดลงอีกครั้ง
“ไม่ต้องรีบ รออีกแป๊บนึง เจ้าไม่อยู่ข้าอยู่คนเดียวชอบคิดฟุ้งซ่าน”โม่ฉีหมิงจับมือนางไว้ไม่ให้เธอไป
โล่หวินหลานกลับยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คิดอะไร?”
“คิดเรื่องแต่ก่อนของ พวกข้า”โม่ฉีหมิงพูดออกมาแบบไม่ลีรอ
ช่วงนี้ที่ได้เจอนาง เขามักจะคิดถึงวันเวลาเก่าเก่าของพวกเขา ถึงจะไม่ได้เรียบง่ายเหมือนดัง ตอนนี้แต่ทะเลาะกันบ้างก็มีความสุขดี
โล่หวินหลานที่อยู่ในอ้อมกอดเขา ก็คิดถึงช่วงเวลาที่นางอยู่ที่หุบเต๋ตอนนั้นนางก็เหมือนเขาชอบคิดถึงเรื่องของอดีต
ยิ่งทรมานก็เองง่ายต่อการคิดถึงพอยิ่งคิดถึงก็ยิ่งทรมานวงเวียนไป อย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น
ถึงแม้จะรู้ดีว่านี่เป็นความทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะไปคิด
“ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ทำไมต้องไปคิดถึงเรื่องแต่ก่อน”โล่หวินหล่นพูด
สำหรับโม่ฉีหมิง ขอแค่เวลาที่มีนางอยู่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว แต่ก่อนก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ไม่สามารถขาดได้
ทันใดนั้นโม่ฉีหมิงก็จับไหล่นางอล้วยกนางไว้ที่ระเบียงอีกด้านกดคิ้วแล้วมองนางพร้อมกับทำท่าทาง ให้เธอเงียบ
ดวงตาที่แหลมคมของเขา เผยให้เห็นแสงที่คมชัดมองไปทางหน้าประตู
“มีคนมา”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ
โล่หวอนหลานพูดขึ้น “น่าจะเป็นเพราะเวินอ๋องไม่เห็นข้ากลับไป เลยให้คนมาตามนายรีบไปเถอะ”
โม่ฉีหมิงไม่เคลื่อนไหว
เสียงฝีเท้าด้านนอกยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามา เสียงที่เหยียบลงบนหิมะค่อยลอยเข้าหูเขาสองคนยิ่งอยู่ยิ่งใกล้
“เดี๋ยวข้าจะบอกเขาว่าคิดถึงเหตุการณ์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นเดินอยู่เดินอยู่ก็มาถึงที่นี่ แล้วเขาไม่สงสัยข้าหรอกนายรีบไปเถอะ”โล่หวินหลานยื่นมือไปผลักที่กลางอกของเขาเธอรู้ว่าเขากำลังคิดว่าเธอจะหาวิธีรอดยังไง
ได้ยินคำพูดของโล่หวินหลานแบบนี้โม่ฉีหมิงถึงจะวางใจ
“เจ้าระวังตัวหน่อย”โม่ฉีหมิงจับข้าของเธอค่อยหันตัวกลับไปแล้วออกไป
ชั่วครู่เดียว คนก็หายไปจนมองไม่เห็นแล้ว
จนแน่ใจว่าเขาออกไปแล้ว โล่หวินหลานถึงได้รู้สึกโล่งใจค่อยๆเดินออกไป
“พระชายารองอยู่ที่นี้ พระชายารองอยู่ที่นี้!”เสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้น
ขันทีของพระราชวังออกมาหานางหมดเลย ดูแล้วเวินอ๋องคงเป็นหว่งนางมาก ถึงได้ให้คนมากมายขนาดนี้มาตามหานาง
โล่หวินหลานปัดหิมะบนตัวออกมองพวกเขาแล้วพูด“ตะโกนอะไรนักหนา?ข้าได้ยินแล้ว”
ขันทีคนนั้นรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไร
สาวใช้หน้าประตูพวกนั้นก็หยุดไม่กล้าก้าวต่อ ร่างคนๆหนึ่งที่คุ้นเคยเดินมาหานาง
“ทำไมเจ้าถึงเดินมาถึงที่นี้?”เวินอ๋องถามขึ้นแบบสีหน้าไม่ค่อยนัก
ถ้าหากเขาไม่ได้สั่งคนมากมายขนาดนี้ มาตามหาแล้วเธอตั้งใจจะออกมาตอนไหน?
โล่หวินหลานยิ้มแบบรู้สึกผิด“เมื่อกี้ตอนเดินออกมา คิดถึงดงหัวเยี้ยน ไม่ได้มาสองเดือนแล้ว ที่นี้ก็มีความรู้สึกกับข้าดังนั้นจึงเดินมาดู”
เวินอ๋องก็เงยหน้าขึ้นมองสวนเล็กๆอันนี้ ตอนนั้นเขาก็อยากเดินเข้ามา แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เข้ามา
“ถ้าอย่างงั้น ข้าเดินเป็นเพื่อนเจ้าหน่อยแล้วกัน เพราะที่ท่านแม่ก็ไม่ต้องไปเข้าเฝ้าอีก”เวิรอ๋องพูดเสร็จก็ตับมือโล่หวินหลานกำลังเตรียมตัวเดินเข้าไปในสวนดงหัวเยี้ยน
โล่หวินหลานเงมือเขาไว้แน่น พูดแบบสีหน้าไม่ค่อยดี ”ไม่ต้องแล้ว เมื่อกี้ข้าเดินแล้วรู้สึกได้ถึงความเสียใจไม่ต้องเข้าไปจะดีกว่า”
ได้ยินนางพูดแบบนั้น ในสายตาของเวินอ๋องก็เริ่มรู้สึกมีข้อสงสัย ยิ้มที่มุมปากแป๊บนึงก็กลับมาสู่สภาพปกติ
“ทำไมล่ะ?เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวไม่ไป?มาก็มาแล้วเดินดูหน่อยแล้วกัน”เวินอ๋องพูดเสร็จก็ยกขาเดินเข้าไป
โล่หวินหลานเดินตามเขาแบบไม่พูดไม่จา รู้ว่าเขาต้องดูด้วยตัวเองถึงจะวางใจ
ไม่รู้ว่าโม่ฉีหมิวออกไปจากที่นี้หรือยัง แต่ความสามารถแบบเขาน่าจะออกไปนานแล้ว
แน่นอนว่า ด้านในนอกจากของที่นางเคยใช้แล้ว ไม่ได้เอาไปก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น
โล่หวินหลานรู้สึกโล่งอก
เวินอ๋องตรวจเช็คทุกห้องอย่างละเอียด จนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ เขาถึงยอมออกจากที่นั้น
โล่หวินหลานที่ยืนอยู่ที่หน้าระเบียง เอียงหัวแล้วยิ้มจนเขาออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องเหมือนกำลังหาอะไรอยู่เลย”
ถูกคนอ่านใจออกเวินอ๋องก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพียงแค่ยิ้มออกมาเบาๆ“ข้ากำลังหาร่องรอยเก่าเก่าที่เจ้า เคยอยู่ ดูว่ายังสามารถมีอะไรอีกไหมที่จะเอาไปได้”
เห็นเขาพูดคำโกหกออกมาแบบหน้าไม่แดง เลยสักนิดโล่หวินหล่นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ“ห้าห้า”ออกมา
“คำพูดของเวินอ๋องแบบนี้ทำให้เหอซื่อรู้สึกอัปยศแล้ว”
“อัปยศอะไร เจ้าเป็นพระชายาของข้า ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ก็เป็นเรื่องตามหลักเสมอตอนนี้ก็ดูหมดแล้ว พวกข้ากลับตำหนักกันเถอะ”เวินอ๋องยิ้มที่มุมปากและพานางออกจากดงหัวเยี้ยน
และเป็นขนาดเดียวกันกับที่พวกเขาออกไปแล้ว บนหลังคาของเงหัวเยี้ยนมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองยังคิดทางที่พวกเขาเดินจากไป
โม่ฉีหมิงขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็กระโดดลงมามือเย็นๆ ค่อยๆแตะเสาข้างหน้าของเขา ที่นั่นคือที่ที่โล่หวินหลานเคยพิงเมื่อกี้
แสงในดวงตาของเขาเริ่มร้อนขึ้นและร้อนขึ้น แล้วในที่สุดก็ระเบิดในน้ำแข็งค่ำคืนนี้และหายไปยังไม่มีวี่แวว
ในเวลาเดียวกัน ในห้องมีคนสองคนนั้นพันกันแน่นอยู่ด้วยกัน
แสงเทียนที่มืดมิดกำลังลุกไหม้อย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงที่ฟังกันไม่ได้ดังอยู่ในห้อง
บนเตียงขนาดใหญ่ มีผ้าสีขาวสองผืนชายและหญิงที่ไม่ชำนาญ แต่ในคืนฤดูหนาวที่หนาวเหน็บก็ใช้ผ้าห่มหนาๆห่มไว้
จิ่นชื่อนอนอยู่บนตัวไท่จื่อรู้สึกเหนื่อยตาของนาง จังปิดแต่ใจชัดเจนมาก
“ไท่จื่อวันนี้ท่านเป็นอะไร?เจอกับเรื่องที่ร้ายแรงอะไร?ถึงแม้จิ่นชื่อจะแรงไม่เยอะแต่ก็เต็มใจที่จะช่วยแบ่งเบาภาระไท่จื่อ”จิ่นชื่อเปิดปากพูด
นางก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไร หลายปีที่อยู่กับไท่จื่อมานี้ เกือบลืมเหตุผลที่นางมา
แต่นางก็ไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว นางรู้ว่าตนเองไม่คู่ควรกับไท่จื่อแต่นี่ก็ไม่สามารถห้ามใจนางกับไท่จื่อที่จะอยู่ด้วยกันได้
ไม่ว่าข้างหน้าจะอันตรายมากเพียงใด นางก็จะอยู่กับเขาอยู่ข้างเขาเดินไปพร้อมกับเขาอย่างนี้ตลอดไป
“ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกลำคานได้อยู่กับเจ้าเรื่องเครียดมากมายก็หายไปหมดแล้ว”ไท่จื่อหันกลับมาแล้วปล่อยตัวเธอทิ้งหันกลับไปลุกขึ้นจากเตียง
อ้อมกอดที่ว่างเปล่าทำให้จิ่นชื่อรู้สึกเจ็บปวดนางรีบลืมตาขึ้น แล้วลุกขึ้นมองด้านหลังของไท่จื่อ
“ท่านจะไปไหน”จิ่นชื่อถามแบบรีบร้อน
“ มีธุระ เจ้าคอยอยู่ที่นี่ช่วงนี้ ข้าอาจจะไม่ค่อยมีเวลามาดูเจ้า”ไท่จื่อใส่เสื้อผ้าไปพร้อมกับหันกลับมามองเธอแล้วพูด
ช่วงนี้จะไม่มีเวลามาดูตัวเอง?จิ่นชื่อใจเต้น นางรู้สึกชินกับเวลาที่มีเขาแล้วมาไม่ได้หมายความว่าอะไร?
“ไท่จื่อจะไม่เอาจิ่นชื่อแล้วใช่ไหม?จิ่นชื่อทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?ท่านพูดข้าจะแก้ไข”จิ่นชื่อรีบใส่เสื้อผ้าบางบางแล้วพูด
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่ช่วงนี้ในวังเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ข้าต้องรีบไปจัดการขอแค่เรื่องพวกนี้ จัดการเสร็จหมดแล้วข้าจะมาหาเจ้าเอง”ไท่จื่อติดกระดุมเสื้อแล้วยื่นมือไปตบที่ไหล่นาง
ฟังคำอธิบายจากเขา แล้วจิ่นชื่อรู้สึกโล่งอกขึ้น ไม่ว่าจะยังไงขอเพียงเขาไม่ใช่จะไม่มาเจอนางอีกก็พอ
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านต้องจำคำของตนเองไว้ให้ดี ต้องกลับมาเจอข้านะ”จิ่นชื่อจับมือเขาไว้แบบไม่เต็มใจที่จะให้เขาไปเหมือนกับกำลังขอร้องอยู่
ดวงตาของนางดูน่าดึงดูดภายใต้แสงเทียนไท่จื่อดูยังไงก็ดูไม่พอ
จากนั้นก็ยื่นมือไปอุ้มนางขึ้น แล้วค่อยๆเดินไปที่เตียงวางนางลงแบบอ่อนโยนและห่มผ้าหนาให้นาง
“ นอนได้แล้วข้างนอกหนาว”ไท่จื่อพูดขึ้นแบบเย็นชา
จิ่นชื่อนึกว่าเขาจะไม่อยากไปแล้ว จะอยู่กับเธอที่นี่คืนนี้ใครจะไปรู้คำตอบที่ได้มาจะเป็นแบบนี้
แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ไม่สามารถรู้ความคิดของเขาได้
เธอทำได้เพียงมองเขาค่อยๆเดินจากไปทีละก้าว
ไท่จื่อพันรอบเสื้อคลุมของเขาอย่างแน่น หน้าร่างสูงเรียวค่อยๆจมหายไปในตอนกลางคืนเดินไปทางตรงข้ามกับยองเซียงโหลว
คนทั้งคนค่อยๆกลมกลืนกับความมืดไปรอยเท้าบนพื้น ไม่นานก็ถูกหิมะกลบทับจนในที่สุดก็หายไป
เดินมาทั้งทางจนถึงหน้าตำหนักเย่ ไท่จื่อก็หันตัวกระโดดเข้ามาอยู่ด้านใน
ไฟในห้องหนังสือของตำหนักเย่สว่างอยู่ เหมือนกำลังรอใครอยู่เลย
ผลักประตูออกก็เห็นกั๋วกงนั่งอยู่ที่ห้องหนังสือในมือ ถือหนังสือได้ยินเสียงด้านนอกก็ไม่เงยหน้าขึ้นมาดู
“อาอารมณ์ดีอะไรทำไมเวลานี้ยังมีอารมณ์มานั่งดูหนังสือ”ไท่จื่อเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ข้างน้ำเสียงถากถาง
“หนังสือนั้นคือห้องทองเป็นรากฐานของการปลูกฝังตนเอง ไม่ว่าจะยังไงก็อย่าได้ทิ้งหนังสือ”เย่กั๋วกงปิดหนังสือ
“เป็นไงบ้าง?สืบได้ความอะไรมา?”เย่กั๋วกงหรี่ตามองไท่จื่อด้วยสีหน้าเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก