ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 341

ตอนที่ 341 ล้มลงบนพื้นหิมะ

เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้าสว่างได้เร็วมาก โล่หวินหลานก็ตื่นนอนเร็วด้วยเช่นกัน พอตื่นขึ้นมาไม่มีคนคอยอยู่ข้างๆ มันช่างเป็นวันที่ไม่เหมือนปกติจริงๆ

พอล้างหน้าแต่งตัวเสร็จ โล่หวินหลานไปถึงตำหนักหลักทานอาหารเช้า วันนี้กับข้าวดูธรรมดา ความรู้สึกเหมือนมันไม่พิเศษเท่าตอนที่เวินอ๋องอยู่

บ่าวที่อยู่ข้างๆยกอาหารวางบนโต๊ะเสร็จ และยืนเฝ้าโล่หวินหลานอยู่ข้างๆ แล้วรอนางสั่งการ

“พระชายาเจ้าคะ วันนี้อาหารเช้าอาจธรรมดาหน่อย แต่ท่านก็ต้องทานหน่อยนะเจ้าคะ เพราะว่าตั้งแต่เมื่อวานเวินอ๋องก็อยู่แต่ฝูเซิงหย้วนดังนั้นพ่อครัวดีๆไปอยู่ที่นั่นกันหมด" ฉีมามาบอกนางก่อนที่จะเริ่มกินข้าว

นางตั้งแต่พูดความรักใคร่ระหว่างเย่เซียวหลัวกับเวินอ๋อง จะดูว่านางจำโกรธหรือไม่

ถ้าตนเองโกรธแล้ว นั่นนางก็จะมีข้ออ้างไปพูดเรื่องนี้ให้ดูรุนแรงกว่านี้ ก็สามารถทำตามใจหวังของเย่เซียวหลัว

"ใช่หรือ?" โล่หวินหลานคีบอาหารขึ้นชิม และพยักหน้า "อาหารของวันนี้อร่อยกว่าปกติ"

ฉีมามาอึ้งไปสักพัก ทีแรกกะจะพูดโน้มน้าวนาง แต่ตอนนี้นางกลับไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

ได้แค่ตอบกลับ "วันนี้คนที่ลงครัวคือลูกศิษย์ของหัวหน้าพ่อครัวเอง"

โล่หวินหลานพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย "ตกรางวัลเขาหน่อย"

จู่ๆนางก็ช่วยพ่อครัวคนนี้ได้รับรางวัลจากพระชายา ในใจของฉีมามารู้สึกไม่พอใจ

เมื่อคืนพระชายาตกลงน้ำ ท่านอ๋องไปเฝ้านางทั้งคืน ถึงยังไงก็ต้องใช้ประโยชน์เรื่องนี้ไปโน้มน้าวให้นางรู้ตัวว่าใครมาก่อนใครมาหลัง

"พระชายารองเจ้าค่ะ เมื่อวานพระชายาตกน้ำ ถึงแม้ท่านอ๋องจะไปเฝ้าจนไม่หลับไม่นอน แต่ว่าท่านเป็นถึงพระชายารอง หลังทานข้าวเช้าเสร็จ ท่านก็ควรไปดูแลหน่อยนะเจ้าคะ นี่เป็นมารยาทพื้นฐานจองพระชายารอง" ฉีมามายังคงจะโน้มน้าวนางไม่หยุดไม่หย่น

คำก็ยาชารอง สองคำก็ยาชารอง นี่ก็คอยย้ำเดิมนางต้องรู้สึกเคารพในลำดับพระภรรยา และใช้เตือนสติเรื่องๆหนึ่งให้โล่หวินหลานได้รับรู้

“มามาท่านนี้ ท่านก็ถือว่าเคยรับใช้พระชายามา ทำไมถึงไม่รู้กฎระเบียบของตำหนักล่ะ? ท่านเป็นผู้อาวุโสในตำหนัก ตอนพูดควรมีคำว่า‘ทูล’หรือ‘เชิญ’สองคำนี้ อีกอย่างมารยาทในการคารวะ ท่านคงไม่แก่ถึงกับความจำเสื่อมแล้วใช่หรือไม่?"

โล่หวินหลานใช้ผ้าเช็ดปากตนเอง และอมยิ้มแล้วมองฉีมามา

"ขอบพระคุณพระชายารอง ข้าน้อยทราบแล้วเจ้าคะ" ฉีมามาฝืนยิ้มออกมา แล้วทูลกลับด้วยความเคารพ

ยังไงตอนที่คนที่นางต้องรับใช้คือพระชายารอง จึงห้ามฉีกหน้าตนเองต่อหน้านาง

"ข้ายังคงมองไม่ออกว่ามามาเข้าใจอะไร เชิญมามาพูดคำพูดเมื่อครู่อีกรอบ ให้บ่าวคนอื่นๆฟังให้ชัดเจน เพื่อจะไม่ให้คนอื่นเสียมารยาทอีก" โล่หวินหลานนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างขี้เกียจ แล้วมองฉีมามาด้วยหางตา

สีหน้าของฉีมามาดูขาวซี้ด นางรับใช้เวินอ๋องมานานเยี่ยงนี้ ไม่เคยโดนใครมาเหยียบหยามนางเยี่ยงนี้ ขนาดเย่เซียวหลัวยังไม่อาจทำเยี่ยงนี้เลย

แต่ว่าตอนนี้พระชายารองที่พึ่งแต่งเข้ามาในตำหนักใหม่ กลับกล้ามาสั่งนางเยี่ยงนี้ และยังเหยียบหยามนางตลอด นี่จะทนได้เยี่ยงไร?

นางกัดฟัน มองไปยังโล่หวินหลาน ตำแหน่งฐานะของนางนางก็เห็นชัดเจน ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเยี่ยงไร ตอนนี้ยังไงนางก็คือพระชายารอง เรื่องที่ควรทำก็ต้องทำ

"ทูลพระชายารอง เมื่อวานพระชายาตกน้ำ ถึงแม้ท่านอ๋องจะไปเฝ้าไม่หลับไม่นอน แต่ว่ายังไงท่านคือพระชายารอง หลังจากท่านทานอาหารเช้าเสร็จ เชิญท่านไปดูแลพระชายาได้หรือไม่เจ้าคะ"

ฉีมามาคุกเข่าลงแล้วโน้มคำนับพูดขึ้น พอพูดถึงนี้ นางก็หยุดชะงักไป

“มามาความจำถือว่าไม่เลว แค่เวลาสั้นๆก็สามารถจำเรื่องที่สอนเมื่อครู่ได้อย่างรวดเร็ว รอให้ข้ารับประทานอาหารเช้าเสร็จ จะไปฝงเซิงหย้วนเอง เจ้าไว้วางใจได้” โล่หวินหลานไม่ได้กะจะดูถูกนางต่อ และจะปล่อยนางไป

จัดการกับแค่มามาไม่ถือว่ายากอะไร นางแค่จะเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น จะได้บ่าวคนอื่นเห็นว่า นางคือโล่หวินหลานคือพระชายารองของเวินอ๋อง

ฉีมามายังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น ยังไงตอนนี้คือหน้าหนาว อายุนางก็มากแล้ว แค่ปกติเข่าโดนลมเป่าก็เจ็บแล้ว ตอนนี้ยังคุกเข่าอยู่กับพื้น ก็ยิ่งทำให้นางเจ็บปวดจนทำไม่ได้

แต่ว่าโล่หวินหลานยังไม่ได้คิดจะให้นางลุกขึ้น เพราะนางถือโอกาสตอนนี้ไม่มีใครสังเกตเห็น เอาแขนเสื้อบังเข่า แล้วแอบเอามือไปรองเข่าไว้

พวกบ่าวที่อยู่ข้างๆก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรเลย และไม่กล้ามาร้องขอ ได้แต่รอให้โล่หวินหลานจะเมตตา

ไซ่เยว่เห็นว่าบ่าวพวกนี้ก็ชอบเข้าข้างและทำตามผู้มีอำนาจสูงส่งกว่า นางรู้สึกซะใจเบาๆ วันนี้ถือเป็นวันดีของโล่หวินหลานที่จะแสดงอำนาจตนให้พวกเขากลัว

“ลุกขึ้นเถอะ ไซ่เยว่ พวกข้าไปฝงเซิงหย้วนดูอาการของพระชายากันเถอะ“ โล่หวินหลานพึ่งจะลุกขึ้น ฉีมามาลุกขึ้นยืนต่อหน้านาง และมองหน้านาง

ไซ่เยว่รีบกุมแขนของนาง และพยุงนางออกจากประตู

เงาของทั้งสองค่อยๆหายไปท่ามกลางหิมะ ขนาดเสียงฝีเท้าก็เงียบหายไป

บ่าวที่อยู่ข้างในจึงจะพยุงฉีมามาไว้อย่างตัวสั่นไปทั้งตัว

“ฉีมามา ท่านเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”

“พระชายาช่างทำเกินไปจริงๆ พวกข้าเอาเรื่องนี้ไปบอกพระชายาดีหรือไม่?”

“ใช่ๆ นางแค่เพราะว่าท่านอ๋องชอบนาง เลยทำตัวเยี่ยงนี้ ต้องมีทุกวันที่โดนพระชายาล่มนาง

พวกบ่าวกำลังซุบซิบนินทานางไม่หยุด และค่อยๆพยุงฉีมามาขึ้น

ฉีมามาร้องไห้จนน้ำตาคอ และพูดชึ้นอย่างโมโห “พอเถอะ หยุดพูดได้แล้ว เรื่องนี้ช้าจะไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆอย่างแน่นอน ต้องให้พระชายาคิดวิธีจัดการมัน”

สายตาของนางเปล่งประกายซึ่งความเย็นชาออกมา มืออันเหยี่ยวหย่นของนางจับเสื้อตนเองไว้แน่นๆ

ประตูฝงเซิงหย้วนได้ปิดไว้ ตอนที่โล่หวินหลานเข้ามา เวินอ๋องกำลังป้อนยาให้เย่เซียวหลัวอยู่

สายตาของเย่เซียวหลัวมองไปยังโล่หวินหลาน พอนึกถึงเรื่องเมื่อวาน เหมือนพวกนางกำลังปะทะกัน คงจะไม่ใช่เพราะว่าหญิงผู้นี้เกลี้ยกล่อมเวินอ๋อง ให้เขามาทำร้ายตนเอง?

“ทำไมพระชายารองถึงได้มาเช้าเยี่ยงนี้ มิใช่เพราะจะมาดูเรื่องตลกของข้าใช่หรือไม่?” เย่เซียวหลัวผลักมือของเวินอ๋องที่กำลังถือถ้วยยา และมองไปยังโล่หวินหลานแล้วทำหน้ายิ้มเล็กน้อย

ฟังนางพูดเยี่ยงนี้ เวินอ๋องเลยรีบวางถ้วยยาแล้วยืนขึ้น

เมื่อครู่นางเห็นภาพเยี่ยงนั้น เขากลับรู้สึกอับอายหน่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไม ต่อหน้านาง เขาถึงทำเรื่องรักๆใคร่ๆกับเย่เซียวหลัวไม่ได้

“ทำไมถึงมาเร็วเยี่ยงนี้? ทานอาหารหรือยัง?” เวินอ๋องแสดงความเป็นห่วงโล่หวินหลานอย่างไม่สนใจอะไรใดๆ และเดินไปต่อหน้านางแล้วถามนาง

เย่เซียวหลัวที่อยู่ข้างหลังเขามองเขาทำเยี่ยงนี้ สองมือที่อยู่ใต้ผ้าห่มได้กำขึ้นแน่นๆ โกรธจนเริ่มหน้าเขียว มองพวกเขาทั้งสอง

“ทานเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านอ๋องที่เป็นห่วง เมื่อคืนได้ข่าวว่าพระชายาตกน้ำ อากาศที่หนาวเย็นเยี่ยงนี้ น้ำในบ่อน้ำก็คงเช่นกัน ร่างกายของพระชายาคงจะทนความหนาวไม่ไหว ในใจของข้ากังวลจนบอกไม่ถูก ฉะนั้นเลยรีบมาดูท่านเจ้าคะ” โล่หวินหลานคงสีหน้าเหมือนเดิม

พอฟังคำพูดที่เสแสร้งของนาง สีหน้าของเย่เซียวหลัวยิ่งดูแย่ขึ้นไปอีก สายตาของนางจ้องมองโล่หวินหลาน เหมือนกำลังจะกลืนกินนาง

หญิงผู้นี้พูดอะไรลับหลังนางและพูดเรื่องอะไรต่อหน้าเวินอ๋อง ทำให้เวินอ๋องต้องทำเยี่ยงนี้?

นางต้องสืบให้ละเอียดอย่างแน่นอน

“ก็แค่กลางคืนมันมืดเกินไปจนทำให้มองไม่เห็นทาง เท้าเผลอเหยียบผิดที่จนทำให้ลื่นล้มลงไป นอกจากอาการหนาวจนเป็นไข้ อย่างอื่นไม่มีอะไรร้ายแรง” เวินอ๋องตอบกลับ

โล่หวินหลานรู้สึกโล่งอกแล้วยิ้มขึ้น “ถ้าเป็นเยี่ยงนี้ข้าก็ค่อยยังสบายใจขึ้นมาหน่อย พระชายาต้องหายไวๆนะเจ้าคะ อีกไม่นานก็จะปีใหม่แล้ว ท่านต้องคงความมีสุขภาพที่แข็งแรงในการต้อนรับปีใหม่”

เย่เซียวหลัวกระตุกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มแห้งๆเบาๆ เสแสร้งเก่งจริงๆ จริงๆแล้วคงหวังว่านางจะตายใจจะขาด แต่กลับอยู่นี่ทำเป็นอยากให้นางหายดี

ต้องมีสักคน ข้าจะกระชากหน้ากากจอมปลอมของนางออก

ยังไม่ได้ตอบกลับ ข้างหลังกลับมาเงาๆหนึ่งเดินมา และทูลเวินอ๋องอย่างหายใจแรงจนหอบ

“ท่านอ๋อง ในวังมีข่าวส่งมา ต้วนกุ้ยเฟยไม่ระวังลื่นล้มกลางพื้นหิมะ ตอนนี้ร่างกายยังเป็นไข้ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวร้อน ขนาดหมอหลวงยังหมดปัญญาจะรักษา"

“อะไรนะ? ข้าจะรีบเข้าวังเดี๋ยวนี้” เวินอ๋องทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป เลยรีบเดินออกจากที่นั่นไป

โล่หวินหลานหันหน้าไปมองเย่เซียวหลัวแล้วยิ้มขึ้นเบาๆ และรีบตามท่านอ๋องออกไป “ท่านอ๋อง ข้ารู้วิชาการแพทย์ ให้ข้าได้ไปกับท่านนะเจ้าคะ”

มองเห็นโล่หวินหลานวิ่งออกไป เย่เซียวหลัวจับถ้วยที่อยู่ข้างๆแล้วขว้างอยู่บนพื้น

เสียงถ้วยแตกดังสนั่นทั่วห้อง เย่เซียวหลัวโกรธจนหายใจแรง หน้าอกของนางหายใจไม่คงที่และหายใจแรงจนเกือบหายใจไม่ทัน

ขึ้นไปบนรถม้า ตลอดทางได้ขี่อย่างเร่งรีบเข้าไปในวัง

ในตำหนักของต้วนกุ้ยเฟยมีหมอหลวงเข้าๆออกๆไม่หยุด หมอหลวงทุกท่านทำสีหน้าเหมือนหมดปัญญารักษา และส่ายหัวออกจากประตูด้านใน

พอเห็นเวินอ๋องแล้วถวายบังคม กลัวจะถูกซักถาม เลยรีบเดินจากเขามา

ในห้องยังหมอหลวงเฒ่าผู้หนึ่ง พอเห็นเวินอ๋องเข้ามา เลยทูลขึ้น “ท่านอ๋องขอรับ อาการของกุ้ยเฟยเหนียงๆมีพิษเยียกเย็นอยู่ภายในร่างกาย อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้กินอะไรผิดเลยเป็นเยี่ยงนี้

เวินอ๋องเลยรีบเข้าไปใกล้ และเรียกคำว่าท่านแม่อย่างเสียงเบา ต้วนกุ้ยเฟนกลับไม่ได้ยินอะไร และไม่ตอบสนองอะไรเลย

“หมอหลวงหลี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เวินอ๋องถามขึ้นอย่างเสียใจ “ทำไมข้าพูดอะไรท่านแม่ของข้าไม่ได้ยินเลยล่ะ?”

หมอหลวงหลี่ยืนคิดสักพัก และตอบกลับตามความเป็นจริง “อาการเยี่ยงนี้ไม่ได้เป็นเพราะเจอพิษเยียกเย็นเข้าสู่ร่างกาย แต่กลับถูกสารพิษชนิดหนึ่งกระทบ ร่างกายภายในของกุ้ยเฟยเหนียงๆต้องทำการรักษาไปสักพัก ตอนนี้กระหม่อมกำลังคิดหาวิธีแก้ไขอยู่ขอรับ”

พิษเยียกเย็น? ในสมองของโล่หวินหลานนึกถึงแต่ตำราของชิวโม่ไป๋ ข้างในได้เหมือนจะบันทึกยาพิษชนิดนี้ไว้

คนที่ได้รับสารพิษชนิดนี้จะรู้สึกเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว สีหน้าขาวซี้ด ทั้งร่างกายอ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรง และปวดหัว

แต่ว่า พิษเยียกเย็นชนิดนี้ไม่ได้มีอากาศอยากนอนจนไม่อยากตื่น และอาการของต้วนกุ้ยเฟยไม่ได้เหมือนรับได้พิษเยียกเย็น

“ต้องหาวิธีอะไรออกมาสิ? นานแค่ไหนถึงจะรู้ว่าท่านแม่ได้รับสารพิษอะไร? เมื่อไหร่ถึงจะตื่นมา? เรื่องพวกนี้เจ้าต้องอธิบายให้ข้าเข้าใจอย่างละเอียด” เวินอ๋องทำสีหน้าที่ดูใจร้อนมองหมอหลวงหลี่ และตะคอกใส่เขา

หมอหลวงหลี่เป็นถึงหมอเก่าแกในตำหนักหมอหลวง มักจะเจอคนในวังมีอาการเยี่ยงนี้ สีหน้าของเขาไม่ได้สื่อถึงความเกรงกลัวอะไรเลย

แค่ตอบกลับอย่างเฉยๆ “ทูลท่านอ๋องขอรับ กุ้ยเฟยเหนียงๆได้รับสารพิษที่มีความซับซ้อนมาก ข้าน้อยจะกลับไปเปิดตำราดูถึงจะรู้ขอรับ”

หมอหลวงหลี่ลูบหนวกของตนเองเบาๆ พึ่งพูดจบ มีเสียงใสของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น “ถ้าหมอหลวงหลี่พูดเยี่ยงนี้กับทุกคน ผู้ป่วยที่ควรรักษาให้หายได้ก็กลับถูกหมอหลวงหลี่รักษาไม่หายกันหมด”

ไม่รู้ว่าโล่หวินหลานไปอยู่ต่อหน้าต้วนกุ้ยเฟยเมื่อไหร่ และกำลังวัดชีพจรให้นาง

หมอหลวงหลี่เป็นผู้มากความรู้ เป็นถึงหมอหลวงในสัง ขนาดฮ่องเต้ยังเคารพเขา แต่วันนี้กลับถูกหญิงสาวละอ่อนว่าเยี่ยงนี้ เขาเลยรีบเป่าหนวกตนเองและทำตาค้าง

“เจ้า เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร? ไม่เชื่อข้างั้นหรือ?”

โล่หวินหลานจับมือของต้วนกุ้ยเฟยไปเก็บไว้ใต้ผ้าห่ม มุมปากของนางกระตุกแล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย ตอนที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด เวินอ๋องกลับเดินมาอยู่ข้างนาง

“เจ้ารู้เรื่องทักษะการแพทย์?” เวินอ๋องถามขึ้นเสียงต่ำ

“ก็รู้บ้าง” โล่หวินหลานตอบกลับอย่างถ่อมตัว เลยไม่ได้จะสนใจเวินอ๋อง นางดูหน้าหมอหลวงหลี่ไม่ติดตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้ต้องสั่งสอนเขาชุดใหญ่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก