ตอนที่ 345 เริ่มแผน
โล่หวินหลานพูดจบ ก็เดินไปหน้าห้องสมุด กำลังยกพู่กันเขียนจดหมายให้ชิวโม่ไป๋ คิดๆเนื้อหาที่จะเขียน ก็เริ่มลงมือเขียนไป
ตอนนี้นางฝึกเขียนพู่กันจนชินมือแล้ว ถึงแม้จะไม่เหมือนคนที่เขียนพู่กันบ่อยๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกันมากแล้ว
พอเขียนเสร็จ นางก็เอาจดหมายนั่นยื่นให้โม่ฉีหมิง
“คิดๆแล้วเย่ฮองเฮาคงต้องทำอะไรบางอย่างในไม่กี่วันนี้อย่างแน่นอน ปู่ของเจ้าน่าจะอยู่หุบเต๋ใช่หรือไม่? นกพิราบไปกลับที่นั่นอย่างน้อยต้องสองวัน สองวันนี้ข้าจะขัดขวางนางสุดกำลังของข้าเลย” โม่ฉีหมิงพูดขึ้นด้วยเสียงเยียกเย็น
โล่หวินหลานพยักหน้า และส่งสัญญาณให้นกพิราบ ไม่นาน นกพิราบตัวน้นก็บินเข้ามา
นกพิราบขนสาวโบยบินเข้ามาตรงหน้าต่าง และบินมาใกล้ตนเองอย่างเชื่อฟัง แล้วโล่หวินหลานก็เอาจดหมายแขวนไว้บนตัวนกพิราบ มันกางปีกแล้วบินออกไปเลย
“นี่เป็นแค่นกพิราบที่ข้าให้เจ้า ไม่เจอตั้งนาน ดูมันกินดีจนแข็งแรงมากๆ” โม่ฉีหมิงกระตุกมุมปากแล้วอมยิ้มเบาๆ
“ข้าไปป้อนข้าวป้อนอาหารให้มันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยังไงมันก็ไม่เลือกกินเลย อะไรก็กินไปหมด” โล่หวินหลานตอบกลับ
“ถ้าเจ้าของของมันเหมือนมันก็น่าจะดี ไม่เลือกอาหารก็คงดี แต่เสียดายมากที่เจ้าของมันเป็นคนเลี้ยงยาก” โม่ฉีหมิงมองไปหิมะนอกหน้าต่าง และพูดขึ้น
ฟังจากคำพูดของเขา โล่หวินหลานหัวเราะออกมา จู่ๆก็ไม่รู้จะเอายังไงต่อกับคำพูดของเขา
“นั่นเจ้าก็ว่ามาดู เจ้าของของมันเลี้ยงยากตรงไหน?” โล่หวินหลานขมวดคิ้วขึ้นและเงยหน้ามองสายตาอันเยียกเย็นของเขา
“อืม……กินเยอะก็กลัวติดคอ กินน้อยก็กลัวหิว สวมเสื้อเยอะก็กลัวร้อน สวมน้อยก็กลัวกลัว แค่ไม่ได้มองนางอยู่เคียงข้างก็รู้สึกไม่สบายใจ วันๆได้แต่กังวล…..กังวลจนทรมาน เจ้าว่า เลี้ยงยากหรือไม่?” โม่ฉีหมิงค่อยๆพูดเข้าไปข้างหูของนาง ทำให้แก้มของนางเริ่มแดง
โล่หวินหลานใช้มือผลักแผงอกของเขาไว้ หน้าของนางเริ่มแดง ดวงตาใสเหมือนน้ำ มองโม๋ฉีหมิงจนใกล้จะสลายแล้ว
“ตอนนี้เจ้ายิ่งอยู่ยิ่งพูดเก่งพูดหวานแล้วนะ พูดมาว่าฝึกมาจากใคร?” โล่หวินหลานจับมือของเขาไว้ สายตาของนางจ้องไปที่เขา
กำลังที่นางมีสำหรับเขาแล้วไม่กระทบอะไรเลย กลับทำให้เขารู้คันยุกยิก เขารู้สึกอยากหยุดช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นนี่ไว้
โม่ฉีหมิงจับมือเล็กๆของนางไว้ และเดาไปจูบตรงริมฝีปากของเขา เสียงใสๆของเขาพูดขึ้น “ช่วยไม่ได้ ทุกครั้งที่เจอหน้าเจ้าถ้าก็อยากพูดออกคำพูดพวกนี้ออกมา พวกนี้มันมีค่าสำหรับข้ามากๆ ไม่อย่างนั้น คืนนี้ข้าจะพูดให้เจ้าฟังอีก?”
โล่หวินหลานปริตาของตนเองและจับหูตนเองเบาๆ และพยายามสะบัดมือของออก แต่ว่าโม่ฉีหมิงไม่ได้คิดจะปล่อยมือของนาง กลับทำให้ยิ่งจับยิ่งแน่น
“ไม่กี่วันนี้เขาไปแล้ว เจ้าไปพักตำหนักหมิงอ๋องไหม? เดี๋ยวข้าให้คนมาแทนเจ้าเอง” โม่ฉีหมิงแค่อยากจะอยู่กับนาง
โล่หวินหลานส่ายหัวเบาๆ “เย่เซียวหลัวยังอยู่ในตำหนักเวินอ๋อง ช่วงนี้นางต้องมาหาเรื่องข้าแน่ๆ ถ้าข้าออกจากนี้ นางต้องสังเกตเห็นถึงความผิดปกติแน่ๆ”
นี่มันไม่ใช่เรื่องอะไรเลย โม่ฉีหมิงแค่อยากจะพานางออกจากที่นี่ แค่เขาพูดสองคำนางก็ถูกไล่ออกจากที่นี่แล้ว
แต่ว่าโล่หวินหลานยืนหยัดในตนเองมาก และปฏิเสธอย่างเด็ดขาดจริงๆ และไม่ยอมให้โอกาสเขาได้พูดอีกเลย
“พอเถอะ เจ้ารีบกลับไปเถอะ ข้ายังต้องวิจัยเรื่องยาอีก” โล่หวินหลานผลักร่างของเขาออกก็ออกจากที่นี่มาเลย
วันนี้ถือว่าเขาอยู่นี่นานแล้ว พวกบ่าวที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่คนของตนทั้งหมด ถ้าเกิดมีคนได้ยินนางกับผู้ชายคนอื่นคุยกันเยี่ยงนี้ ก็คงจะซุกซิบนินทากันแน่นอน
โม่ฉีหมิงยังคงมองตานางและยังไม่อยากไป ยังไงโอกาสที่เขาจะได้มาที่นี่เยอะมาก คงไม่เป็นไร
ตั้งแต่ที่ต้วนกุ้ยเฟยนอนอยู่บนเตียง เย่เซียวหลัวพยายามทำให้ตนเองแข็งแรงขึ้น รับประทานสำลักครบสามมื้อ ทั้งซุปและยาบำรุงดื่มอย่างไม่ขาดสาย
ร่างกายของนางดีขึ้นเยอะ แต่ก็ยังโดยลมหนาวไม่ค่อยได้ ตื่นมาตอนเช้านางก็คุมผ้าคลุมไว้ และได้ยินข่าวที่เวินอ๋องจะออกไป
พอนึกถึงเรื่องที่ตนเองตกน้ำ เย่เซียวหลัวก็ไม่ได้อยากจะไปส่งเขา แค่ใช้สายตามองเขาเดินจากไป
“พระชายาเจ้าค่ะ ท่านกำลังมองอะไรอยู่?” ดองกวิ๋นเบาฝีเท้าตนเองเดินไปอยู่ข้างหลังนาง และเอ่ยปากขึ้นทันที
เย่เซียวหลัวที่พิงอยู่ตรงขอบประตูได้สะดุ้งตกใจ และรีบหันไปมอง
มองดงกวิ๋นและพูดขึ้นอย่างโมโห “เจ้าเดินมาไม่ให้ซุ้มไม่ให้เสียงทำไม? ข้าตกใจหมด!”
“ข้าน้อยเห็นพระชายากำลังจดจ่อ นึกว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ เลยเดินเบาๆเพราะกลัวรบกวนท่าน” ดงกวิ๋นเผยยิ้มออกมาอย่างอับอาย และถูมือของตนเองไปมา
พอมองรอยยิ้มที่แสดงท่าทางขอโทษ เย่เซียวหลัวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และใช้สายตามองมือของนาง กลับเห็นรอยแผลเป็นที่ไม่ค่อยชัด
“ดงกวิ๋น มือของเจ้าไปโดนอะไรมาเมื่อไหร่? ให้ข้าดูหน่อย” เย่เซียวหลัวมองไปยังฝ่ามือของนางอย่างสงสัย ยื่นมือของจับมือของนาง
แต่ว่าดงกวิ๋นกลับสะบัดออกอย่างเบาแรง มือของเย่เซียวหลัวถือไปยังขอบเสื้อของนาง สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นอะไรดีๆ
“พระชายาเจ้าค่ะ ไม่กี่วันก่อนข้าน้อยไม่ระวังให้พ่อครัวในห้องครัวลวกโดนมือของตน ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าคะ” ดงกวิ๋นพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
เย่เซียวหลัวก็ไม่ได้สนใจใดๆ สมองของนางคิดถึงแต่เรื่องที่เวินอ๋องจากไป ตอนนี้ตนเองควรจัดการกับเหอซื่อเยี่ยงไรดี
หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน นางก็เฉยมานาน ก็เป็นเพราะเวินอ๋องคอยเฝ้านังนั้นไว้ตลอดเวลา
วันนี้เวินอ๋องออกนอกตำหนักแล้ว เป็นโอกาสดีที่นางจะจัดการกับคนๆนั้น นางจะแก้แค้นทั้งแค้นเก่าและแค้นใหม่ ขนาดแค้นที่ตกน้ำ ก็จะแก้ด้วยกันไป
“ถ้าไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไปทำอะไรให้ข้าหน่อย” เย่เซียวหลัวเอ่ยปากขึ้นเบาๆ
เมื่อครู่คิดมานาน นางอยากทำอะไรกันแน่ ยังไงเป้าหมายของนางก็คือให้เหอซื่ออยู่ไม่เป็นสุข
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก