ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 347

ตอนที่ 347 ฮองเฮาถูกยกโทษ

พูดจบ สีหน้าของฮ่องเต้แสดงว่าได้เชื่อคำพูดของนาง จึงพูดต่อไป

“ฮ่องเต้เจ้าค่ะ ข้าได้ข่าวว่าน้องต้วนได้ป่วยเป็นโรคชนิดพิเศษที่คล้ายคลึงกับโรคที่ญาติของข้าเคยเป็น เลยอยากจะออกมาดูๆหน่อย นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอฮ่องเต้ ข้ากระทำความผิดอีกแล้ว ขอให้ฮ่องเต้ทรงทำโทษ” เย่ฮองเฮาก้มกราบถึงพื้น

ฮ่องเต้ไม่ได้เป็นคนใจแข็ง เห็นว่าฮองเฮาร้องขอทำโทษตนเองเยี่ยงนี้ ในใจก็รู้สึกใจอ่อนเป็นเรื่องธรรมดา

“เจ้าหนีออกมาก็เพราะจะมารักษาต้วนกุ้ยเฟย เพราะว่าผลงานของเจ้า ข้าไม่เอาโทษเจ้า” ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดด้วยเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้เงยหน้ามองนาง

เย่ฮองเฮายังอยากจะพูดอะไรต่อ เห็นฮ่องเต้ “ฮ่องเต้เจ้าค่ะ ยังไงข้าก็ต้องรับโทษ ข้าขอตัวกลับไปตำหนักเย็นก่อนเจ้าคะ” เย่ฮองเฮากำมือตนเองทั้งสองข้างไว้แน่นๆ มือของนางกำแน่นจนจะมีเลือดสดไหลริมแล้ว

นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนางแล้ว ไม่รู้ว่าฮ่องเต้จะให้นางอยู่ต่อหรือไม่

รอไปสักพัก ฮ่องเต้ไม่ได้เงยหน้าขึ้น แต่กลับพูดคำว่า “อืม” คำเดียว และไม่ได้พูดอะไรต่อไป

ทีแรกเย่ฮองเฮาเต็มไปด้วยความหวัง ตอนนี้กลับเหมือนตกลงมาตรงเหว และไม่มีความรู้สึกอะไรอีกต่อไป และพยายามกลั้นใจและกลั้นความเจ็บปวดของหัวใจ ค่อยๆลุกขึ้นเดินออกไป

แต่ว่าตอนที่นางกำลังจะไป องค์รัชทายาทกลับจับมือนางไว้ “ท่านแม่รอก่อน”

ทั้งสองคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้ องค์รัชทายาทก้มกราบลง “ท่านพ่อขอรับ ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าท่านแม่ทำผิดอะไร ถึงถูกขังอยู่ในตำหนักเย็น แต่ว่าข้ารู้ ไม่ว่าท่านแม่จะทำอะไร ไม่ได้จะทำร้ายฮ่องเต้ ทำร้ายโม่ฉี

ท่านพ่อ ตอนนี้ก็ใกล้ปีใหม่แล้ว ท่านแม่ถูกขังไว้ในตำหนักเย็นอย่างโดดเดี่ยว ถึงกระทั่งข้าเป็นลูกยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้ พอเห็นเหนียงๆท่านอื่นอยู่กับลูกอย่างมีความสุข ในใจของลูกก็เจ็บเหมือนโดนเข็มแทง หวังว่าท่านพ่อเห็นแก่ปีใหม่แล้วให้ท่านแม่ออกไปอยู่ร่วมกับพวกข้าเถอะ”

คำพูดขององค์รัชทายาทเหมือนเตรียมมานาน ทุกคำของเขาพูดถึงในใจของฮ่องเต้ ถึงแม้เย่ฮองเฮาจะกระทำความผิดมากแค่ไหน ยังไงนางก็ยังคงเป็นแม่ขององค์รัชทายาท

ยิ่งกว่านั้นคือ ในวังในคงไม่มีผู้นำไม่ได้ อีกอย่างในราชสำนักก็แต่ขุนนางพูดถึงแต่เรื่องของเย่ฮองเฮา ถึงยังไงฮ่องเต้เจียเฉิงไม่อยากทำเยี่ยงนี้ แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนความต้องการของทุกคน

ตอนนี้ รอได้ยินความในใจขององค์รัชทายาท ก็เหมือนจะค่อยๆโดนใจเขา ถึงแม้จะโกรธเย่ฮองเฮามากแค่ไหน ก็ทนเห็นองค์รัชทายาทเป็นเยี่ยงนี้ไม่ได้

ฮ่องเต้เจียเฉิงค่อยๆหลับตาตนเองลง และจับหัวทั้งสองข้างของตนเองอย่างเหน็ดเหนื่อย

บรรยากาศในห้องค่อยๆเหน็บหนาวขึ้น ความคิดของฮ่องเต้ไม่อาจมีใครสามารถเดาออกได้ แม้กระทั่งองค์รัชทายาทพูดคำพูดพวกนี้ ก็สามารถทำให้เขายกโทษสิ่งที่เย่ฮองเฮาเคยทำ

“อืม คำพูดนี้พูดถูก ไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว…… ฮองเฮา เจ้าไม่ต้องกลับไปตำหนักเย็นแล้ว กลับไปตำหนักหลักเถอะ พอปีใหม่ผ่านไป วังในยังมีเรื่องอีกมากมายให้ต้องการเจ้าไปจัดการ” ฮ่องเต้เจียเฉิงค่อยๆลืมตาขึ้นและพูดขึ้น

เย่ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน อดกลั้นความดีใจในใจไม่ไหว ถึงแม้สีหน้าของนางอดกลั้นสุดฤทธิ์จนดูเฉย แต่ว่านัยน์ตาก็ยังสื่ออะไรบางอย่างออกมา

“ท่านรู้สึกเกรงกลัว แต่อย่างไรข้าก็จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง ข้าจะจัดการวังในเป็นอย่างดี จะไม่ทำให้ฮ่องเต้ต้องกังวลใจ” เย่ฮองเฮาก้มกราบลง สองมือของนางแอบสั่นเบาๆ

ฮ่องเต้เจียเฉิงพยักหน้า สุดท้ายก็มองต้วนกุ้ยเฟยที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเห็นออกจากที่นั่นเหมือนดาวตกที่หายไปในพริบตา

โล่หวินหลานส่งฮ่องเต้ไปอย่างไม่พูดไม่จา พอมองไปยังเย่ฮองเฮาและองค์รัชทายาทที่พึ่งพาดูแลซึ่งกันและกัน ในใจของนางก็รู้สึกเคืองเบาๆ

“ท่านแม่ ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้ากับองค์หญิงเหอซื่อคุยกันเสร็จแล้วจะไปอยู่กับท่านแม่” องค์รัชทายาทเรียกบ่าวที่คอยติดตามเย่ฮองเฮาเข้ามาพยุงนางไป

ตอนนี้เย่ฮองเฮาไม่มีกระจิตกระใจไปคิดเรื่องอื่น นางได้แต่พยักหน้า สายตากวาดไปยังเหอซื่อแล้วเดินออกไปนอกประตู

องค์รัชทายาทเดินหน้ามาหนึ่งก้าว มองโล่หวินหลานที่ไม่พูดไม่จาใดๆ เขาทำมือที่เขิญนางมาพูดคุย

“องค์หญิง ที่นี่ไม่เหมาะกับการพูดคุย เชิญท่านออกไปข้างนอกได้หรือไม่?”

โล่หวินหลานก็อยากรู้ด้วยเช่นกันว่าเขาอยากพูดอะไรกับตัวเองกันแน่ นางพูดคำว่าได้ จึงเดินออกไปตรงประตูกับเชา

ไซ่เยว่เห็นทั้งสองเดินออกมา เลยรีบติดตามไป แต่องค์รัชทายาทกลับพูดขึ้น “องค์หญิง สามารถให้แค่พวกข้าสองคนคุยกันเป็นการส่วนตัวหรือไม่? วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า”

พอได้ยินคำพูดเยี่ยงนี้ของเขาทำให้โล่หวินหลานยิ้มเยาะเบาๆ “องค์รัชทายาท ท่านคิดว่าท่านจะทำอะไรกับข้าได้?”

องค์รัชทายาทถูกนางต่อต้านจนพูดอะไรไม่ออก ทันใดนั้นก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา แต่ว่าองค์รัชทายาทก็ยังคงองค์รัชทายาท เคยพบเจอคนเยี่ยงนี้มามากมาย จะใส่ใจคำพูดของโล่หวินหลานได้เยี่ยงไร

“นั่นพวกข้าไปกันได้แล้วใช่หรือไม่?” องค์รัชทายาทพูดขึ้นด้วยดี

เย่ฮองเฮาออกจากตำหนักเย็นแล้ว เป้าหมายของเขาบรรลุสักที ตอนนี้อารมณ์ของเขาก็คงดีมากๆ จึงไม่ได้สนใจคำพูดของนางเป็นเรื่องธรรมดา

ทั้งสองเดินไปตรงสวนด้านซ้าย ที่นั่นไม่มีใครเดินผ่าน มีแค่บ่อน้ำที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาว จนจะกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว

หิมะที่เหมือนขนห่านร่วงหล่นลงมา โล่หวินหลานไม่ได้ถือเผาผิงเล็กมาด้วย นางหนาวจนมือแข็ง

“ที่นี่ถือว่าไกลมากๆแล้ว องค์รัชทายาทท่านมีอะไรก็พูดที่นี่เถอะ” โล่หวินหลานหยุดฝีเท้าตนเองลง และนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้ที่ศาลา

องค์รัชทายาทสะบัดชุดของตนเองแล้วเดินเข้าไป สีหน้าของเขายังรอยยิ้ม ผ่านไปสักพัก จึงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ไม่รู้ว่าองค์หญิงช่วยข้าทำไม?”

โล่หวินหลานขมวดคิ้วมองเขา เขาคิดว่าตนเองกำลังช่วยเขานั่นหรือ?

“องค์รัชทายาทอย่าเข้าใจผิดไปเลย ถ้าข้าพูดความจริง ก็ไม่มีต่อข้าด้วยเช่นกัน” โล่หวินหลานพูดขึ้นอย่างเฉยชา

“ก็ใช่ แม้กระทั่งองค์หญิงยังอธิบายไม่ออกว่าตนไปทำอะไรที่นั่น” องค์รัชทายาทอยู่เดินไปเดินมาข้างๆนาง สีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

ถึงแม้ศาลาล้อมรอบไปด้วยผ้าม่าน แต่ว่าลมหนาวก็ยังคงปลิวเข้ามา ค่อยๆพัดผ้าม่านสีขาวให้ปลิวขึ้น

โล่หวินหลานรู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร เลยพูดตรงๆกับเขา “องค์รัชทายาทอยากถามว่าข้าไปอยู่ละแวกตำหนักกลางทำเยี่ยงไรใช่หรือไม่?”

องค์รัชทายาทเดินออกไปหนึ่งก้าว เขายืดเอวตนเองให้ตรง และค่อยๆถอนหายใจเบาๆ “คุยกับคนฉลาดนี่ไม่เหนื่อยจริงๆ ยังไงองค์หญิงก็รู้แล้วว่าข้าคิดจะถามอะไร ก็พูดตามความเป็นจริงเถอะ”

“นั่นข้าสามารถถามท่านว่าท่านไปอยู่ที่นั่นทำอะไร?” โล่หวินหลานสวนกลับ

เหมือนเขาคิดเงียบๆไปสักพัก องค์รัชทายาทเอ่ยปากปฏิเสธ “ไม่ได้ ตอนนี้ข้ากำลังถามเจ้า เจ้าพูดมาตามความเป็นจริง เจ้าไปที่นั่นไปทำอะไรกันแน่?”

น้ำเสียงที่ถามตรงๆของเขาทำให้โล่หวินหลานรู้สึกไม่สบายใจ นางขมวดคิ้วขึ้นมองไปที่เขา มองเขาอย่างไม่พูดไม่จา ทำท่าทางเหมือนไม่เคยเห็นอะไรเยี่ยงนี้มาก่อน

“องค์รัชทายาทใช้ฐานะขององค์รัชทายาทจี้ถามข้าหรือ? ถ้าข้าไม่ตอบ จะโดนลงโทษหรือไม่?” โล่หวินหลานขมวดคิ้วมองหน้าเขา

องค์รัชทายาททำสีหน้าเยียกเย็นขึ้น พูดขึ้นเสียงแข็ง “เจ้าคิดว่าเยี่ยงไรล่ะ?”

โล่หวินหลานโบกมือไปมา “ข้าไม่รู้”

หิมะข้างนอกค่อยๆลอยขี้นมา ข้างในศาลายิ่งอยู่ยิ่งหนาวเย็นขึ้น มองสายตาอันเยียกเย็นของเขา โล่หวินหลานใช้หางตามองไปข้างนอก ทำไมไซ่เยว่ยังไม่มาเสียที?

ยังไม่มีใครกล้าไม่มองหน้าตนเองมาก่อน เป็นครั้งแรกที่องค์รัชทายาทเห็นว่ากล้ามีคนคุยกับเขาเยี่ยงนี้ นอกจาก…….

เขาส่ายหัวไปมาเบาๆ เอาทุกอย่างที่หัวในหัวลืมไปให้หมด

องค์รัชทายาทกำลังจะเอ่ยปากพูด ข้างนอกมีเสียงฝีเท้าเดินมาอย่างเร็ว และเหยียบลงบนพื้นหิมะอย่างหนักหน่วงกำลังเดินเข้ามาใกล้

“องค์หญิง องค์หญิงลืมเตาผิงของตัวเอง ไม่เช่นนั้นต้องถูกแข็งตายพอดี? ถ้าท่านอ๋องรู้ ก็คงเป็นห่วงแน่เลยเจ้าคะ” เสียงของไซ่เยว่ดังขึ้นแต่ไกล สุดท้ายก็หยุดอยู่ตรงข้างนอกศาลา

โล่หวินหลานกระตุกคิ้วขึ้นชี้ไปยังไซ่เยว่ที่อยู่นอกผ้าม่าน และพูดขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจ “องค์รัชทายาท พวกข้าคุยกันนานพอสมควรแล้ว เดี๋ยวคนอื่นมาสังเกตเห็นพวกข้าสองคนคุยกันตามลำพัง ก็คงจะถูกซุบซิบนินทา นั่นข้าขอตัวก่อนเจ้าคะ”

พูดจบ ไม่ทันรอองค์รัชทายาทเอ่ยปากตอบกลับ และรีบเดินออกมา องค์รัชทายาทมองนางค่อยๆหายไปจากสายตาของนาง และรีบเดินออกไปข้างนอก นางได้เดินไปถึงตรงมุมของศาลาแล้ว

องค์รัชทายาทปริตาลงเล็กน้อย เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“องค์หญิง องค์รัชทายาทไม่ได้ทำอะไรท่านใช่หรือไม่?” ไซ่เยว่ยื่นเตาผิงให้กับโล่หวินหลาน และถามนางอย่างระวังคำพูด

โล่หวินหลานกำลังทำให้มือของตนอบอุ่น นางรู้สบายขึ้นทั้งตัว และส่ายหัวไปๆมาๆ “เขาจะทำอะไรข้าได้? แค่ถามข้าไม่กี่คำเท่านั้น?”

ไซ่เยว่ถอนหายใจออกมาหนักๆ แค่องค์รัชทายาทไม่ได้ทำอะไรให้นางก็พอ และถามขึ้นอีกครั้ง “นั่นตอนนี้พวกข้ากลับตำหนักแล้วใช่หรือไม่?”

ทั้งสองอยู่ในวังมานาน ตอนนี้ฟ้าก็มืดลงแล้ว ตอนนี้จะกลับตำหนักเวินอ๋อง ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก

โล่หวินหลานพยักหน้า “ไปกันเถอะ”

ตำหนักเวินอ๋องเต็มไปด้วยความเงียบสงบ บ่าวไม่กี่คนที่อายุเยอะกำลังกวาดหิมะอยู่ตรงระเบียง ยังไม่ได้กวาดเสร็จ จู่ๆข้างหลังก็มีบ่าวเดินมา และเดินผ่านพวกนางไปอย่างเร่งรีบแล้วเดินพุ่งไปยังเรือนวี่หยวน

บ่าวผู้อายุน้อยนั้นกำลังพยุงบ่าวผู้มีอายุเยอะ ทั้งสองพิงอยู่ตรงขอบประตู ไม้กวาดที่อยู่ในมือของพวกนางก็ถูกขว้างออกมา

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงเดินได้เร่งรีบเยี่ยงนี้?” บ่าวผู้น้อยถอนหายใจหนักๆ และพยุงนางขึ้น

“ท่านอ๋องลำเอียงรักพระชายารองมากกว่า ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในตำหนัก พระชายารองก็เข้าวังไปเยี่ยมกุ้ยเฟยเหนียงๆ เจ้าว่าครั้งนี้จะเกิดพายุอะไรขึ้น” มามาที่อายุมากถอนหายใจเบาๆ ในใจของนางเต้นแรงขึ้นมาทันที

มามาคนนั้นเจอลมพายุบ่อย ยังไงก็อยู่มาตั้งหลายปี นางก็คงรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น

แต่ว่านางก็ไม่ได้พูดอะไรจริงๆ และหันไปตะโกนด่านาง “เรื่องของเจ้าอย่าไปสะเออะถามเยอะ ทำแค่เรื่องที่อยู่ในมือของตนเองก็พอ”

เห็นนางก็ไม่ควรพูด บ่าวน้อยผู้นั้นเม้มปากเบาๆ และไม่กล้าถามเยอะอีก ทั้งสองจับไม้กวาดขึ้นแล้วค่อยๆกวาดพื้นไป

เรือนวี่หยวนตอนนี้ไม่มีใครอยู่สักคน ประตูห้องเปิดขึ้นใหญ่ๆ

ในห้องตกแต่งได้เรียบง่ายมา นอกจากมีการตกแต่งเล็กน้อย กลับไม่มีอะไรที่เหมือนเป็นห้องของพระชายาเลย

ดงกวิ๋นยื่นอยู่ตรงประตูห้อง มือของนางจับพลอยสีเขียวไว้ และกำลังมองหาว่าจะเอาพลอยไปซ่อนไว้ที่ไหนดี

สายตาของนางกวาดไปรอบๆ ทันใดนั้นก็เห็นตลับที่วางอยู่ใต้ขอบหน้าต่าง และเอาพลอยโยนเข้าไปในนั้น

บ่าวข้างนอกที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเห็นนางออกมาเร็วเยี่ยงนี้ เลยถามขึ้น “พี่ดงกวิ๋น ทำไมท่านออกมาเร็วเยี่ยงนี้? ของได้ซ่อนไว้อย่างดีแล้วใช่หรือไม่?”

ดงกวิ๋นตบมือตนเองเบาๆ สีหน้าดูไม่สบอารมณ์ใดๆ “ซ่อนเสร็จแล้ว กลับไปปฏิบัติคำสั่งกันเถอะ”

บ่าวผู้นั้นเชื่อคำพูดของนางมาก พยักหน้าหันหลังเดินจากมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก