ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 349

ตอนที่ 349 วางแผนมานาน

ตอนนี้เขารู้สึกเร่าร้อนจนยากที่จะถอนตัว โล่หวินหลานค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วผลักตัวเขาออก แต่ว่า ร่างของเขาแข็งแรงเกินไป จะผลักยังไงเขาก็ไม่ขยับเลบ

เมื่อโล่หวินหลานเห็นสีหน้าที่พยายามอกกลั้นจนทรมานของเขา นางเลยยิ้มเยาะออกมาเบาๆ ใช้หางตามองไปข้างๆ

“หวินหลาน…..ได้ หรือไม่ได้……” เสียงต่ำและแหบของเขาเหมือนทรมานมากๆ เขาดึงมือนางไปแล้วไปแตะตรงตัวของเขา

เสียงขอร้องของเขาเกือบทำให้โล่หวินหลานอดใจไว้ไม่ไหว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม นางต้องรีบกลับไป

“คือว่า…… ตอนนี้ไม่ได้ เจ้าอดทนหน่อย!” โล่หวินหลานเอามือตนเองกลับไป ค่อยๆลูบลงจากแขนของเขาแล้วเอาออกไป

โม่ฉีหมิงหยุดชะงักไป มองนางที่กระทำบาป และกัดฟันพูดขึ้น “ใครกันแน่ที่ทำให้ข้าเป็นเยี่ยงนี้ เจ้าพูดว่าจะไปก็ไป”

โล่หวินหลานอมยิ้มเบาๆ กำลังจัดทรงผมอันยุ่งเหยิงของนาง และหันไปมองหน้าอันแดงๆของเขา จู่ๆก็เหมือนตัวเองทำอะไรสำเร็จ

“วันหลัง วันหลังจะทดแทนให้เจ้า แต่ว่าตอนนี้ข้าต้องไปก่อน นี่ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ไม่เช่นนั้นเย่เซียวหลัวต้องสงสัยแน่ๆ” โล่หวินหลานชี้ไปยังฟ้าข้างนอก

เขาก็ปล่อยนางไปเยี่ยงนี้ แต่แค่รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ว่ากลับทำอะไรไม่ได้ อยากได้นางมาครอบครองมากๆ แค่ต้องรออีกเดือนเดียว

เขากลัวตนเองรอไม่ได้นานเยี่ยงนั้น พอเห็นคนที่อยู่ต่อหน้า เขาควบคุมตนเองไม่ได้อยากกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ มองไปยังเรือนร่างของนาง และควบคุมตนเองอย่างทรมาน “จะไปก็รีบไป เดี๋ยวฟ้ามืดแล้ว ถนนหิมะจะเดินยาก”

“รู้แล้วหน่ะ” โล่หวินหลานโบกมือใส่เขา หันหลังออกจากห้องสมุด

พอตอนที่ปิดประตูลง นางหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว มองหน้าที่ทำท่าทางอดทนไม่ได้ก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกพอใจ

และโม่ฉีหมิงที่อยู่ข้างในพอได้ยินเสียงหัวเราะของนาง ในใจก็รู้สึกอ่อนโยนลงแล้วกำลังหลุดเข้าไปในโลกของนาง เหมือนโลกนี้มีแค่เสียงหัวเราะของนาง

ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ทำให้เขาหลงเยี่ยงนี้ ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขารู้สึกโดนใจถ้าไม่ใช่นาง

ในตำหนักเวินอ๋อง เย่เซียวหลัวนั่งอยู่ใกล้หน้าต่าง และกำลังมองตนเองที่ดูงดงามในกระจก และกระตุกมุมปากขึ้นอย่างทนไม่ไหว

เย่เซียวหลัวค่อยๆยืดตัวให้ตรง มองไปยังดงกวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างๆ และถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ยังไม่กลับมาอีกหรือ?”

ดงกวิ๋นส่ายหัว “ทูลพระชายา ยังเจ้าค่ะ”

“เพลาใดเล่า?” เย่เซียวหลัวพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว

“ราวๆ ห้าโมงเย็นเจ้าคะ” ดงกวิ๋นตอบกลับ

เย่เซียวหลัวยิ้มมุมปากเบาๆ และพูดขึ้นด้วยเสียงโมโห “นี่ก็ห้าโมงแล้ว ทำไมยังไม่กลับมาอีก หรือว่าคงไปหาชายผู้นั้น? เดี๋ยวถ้ากลับมาถึงไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟัง ดูว่าข้าจะจัดการกับนางเยี่ยงไร!”

พูดจบ จู่ๆนางก็ขว้างหวีไปยังกระจกนั้น

ดงกวิ๋นเงยหน้ามองนางอย่างกะทันหัน อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ต้องอดทนไว้

นางเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าตอนนี้นางอยู่ในฐานะอะไร ไม่สามารถทำตามใจต้องการ

เย่เซียวหลัวนอนลงตรงเก้าอี้ข้างๆอย่างทนไม่ไหว และปริตาตนเองลงเล็กน้อย “รออีกสักพักละกัน”

พึ่งพูดจบ จู่ๆก็มีบ่าวที่สวมใส่เสื้อสีชมพูวิ่งเข้ามาข้างใน และคุกเข่าต่อหน้านาง

“พระชายา กลับมาแล้วเจ้าคะ” บ่าวผู้นั้นหายใจแทบไม่ทัน

“พูดให้ชัดเจนหน่อย อะไรกลับมา?” เย่เซียวหลัวลุกขึ้นนั่งแล้วถามขึ้น

บ่าวผู้นั้นทำน้ำเสียงของตนเองให้ชัดขึ้น “ทูลพระชายา พระชายารองกลับมาแล้วเจ้าคะ ตอนนี้เดินอยู่ตรงสวนด้านหน้า คิดว่าใกล้จะเข้าไปในเรือนวี่หยวนแล้วเจ้าคะ”

เย่เซียวหลัวได้ยินคำพูดพวกนี้ จึงลืมตาให้โตขึ้นทันที แล้วลงจากเก้าอี้ยาวนั้น

“ทำตามที่ข้าบอก พลอยเขียวที่ท่านอ๋องให้หายไป ได้หาทั่วตำหนักแล้วกลับไม่เจอ ยังมีเรือนวี่หยวนที่ยังไม่ได้หา พวกเจ้าไปหาที่เรือนวี่หยวนให้ข้า” เย่เซียวหลัวจับเครื่องประดับบนหัวของตน แล้วพูดขึ้น

บ่าวที่อยู่ข้างๆไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของนาง และรู้ว่านี่เป็นแผนที่นางเตรียมไว้ตั้งแต่แรก เลยพยักหน้า รีบพุ่งออกไปข้างนอก

“พระชายา ข้าน้อยก็จะไปดูๆหน่อย” ดงกวิ๋นทำสายตาเยียกเย็น

แต่ว่าเย่เซียวหลัวกลับส่ายหัว “ไม่ต้องไป เจ้าอยู่นี่กับข้าแหละ รอดูเรื่องละครสนุกๆ”

หลังจากที่ดงกวิ๋นได้ยินคำพูดของนางก็หยุดฝีเท้าลง และเดินกลับมาอย่างอึดอัด

อีกนิดก็จะทำพลาดแล้ว

ฝีเท้าของโล่หวินหลานยังไม่ทันได้เข้าไปถึงเรือนวี่หยวน บ่าวห้าหกคนรีบเดินไปขวางทางของนาง และไมให้นางเข้าไป

“พระชายารองเจ้าคะ ข้าน้อยขออภัยนะเจ้าคะ” บ่าวผู้หนึ่งพูดขึ้น และสื่อสารกับบ่าวข้างๆด้วยสายตา และกำลังจะเดินเข้าไปใกล้โล่หวินหลาน

บ่าวพวกนั้นทำท่าทางน่ากลัว ดูออกอย่างชัดเจนว่าเป้าหมายของพวกนางคือโล่หวินหลาน

ไซ่เยว่ทำสายตาเยียกเย็น และทำสีหน้าโหดเหี้ยมจ้องมองพวกนาง และพูดด้วยเสียงเฉยชา “หยุดเดี๋ยวนี้ พระชายารองเป็นผู้ที่พวกเจ้าสามารถเข้ามาใกล้หรือ?”

“ไซ่เยว่ พลอยเขียวที่ท่านอ๋องให้พระชายาหายไป พวกข้าได้หาทั่วตำหนักแล้วกลับไม่เจอ มีแค่ที่ๆเดียวที่ยังไม่ได้หาก็คือบนเรือนร่างพระชายารอง” มามาพูดขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยยิ้มที่มีเล่ห์สนัย “เชิญไซ่เยว่หลีกทาง”

พลอยเขียวหายไป? มันก็ใช่ที่เย่เซียวหลัวชอบใส่วิธีต่ำต้อยหาเรื่องนาง โล่หวินหลานยิ้มขึ้นมุมปาก

ไซ่เยว่เดินไปขวางข้างหน้ามามาคนนั้น สายตาอันแหลมคมจ้องมองนาง “ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”

ดูๆแล้วมามาผู้นั้นก็เหมือนที่ไม่ยอมใคร สายตาของนางเยียกเย็นขึ้นมา มองไปยังบ่าวที่อยู่ข้างๆ “นั่นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ พวกเจ้าไปค้น”

พึ่งพูดจบ บ่าวพวกนั้นก็ขึ้นหน้ามุ่งไปยังที่ๆโล่หวินหลานยืนอยู่

แต่ว่าไซ่เยว่กลับเก็บหิมะบนพื้น และปั้นเป็นลูกๆ ขว้างไปยังทิศทางที่พวกนางกำลังเดินมา และขว้างไปกลางอกของพวกนาง

“โอ้ย!เจ็บ!” บ่าวพวกนั้นจับอกของตนไว้ แค่รู้สึกตรงตำแหน่งหัวใจเจ็บปวดและหนาวเย็นมากๆ

“ใครเป็นคนทำ? ยืนออกมาเดี๋ยวนี้ กล้าทำเยี่ยงนี้กับบ่าวของพระชายา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่?”

“ให้ตายเถอะให้ตายเถอะ…….ใครจะขว้างข้า?” มามาตะโกนขึ้นอย่างเฉยชา และหลบไปข้างหลังเสา

มองท่าทางอันเจ้าเล่ห์ของนาง โล่หวินหลานค่อยๆเดินไปข้างหน้า และเอียงหัวมองนาง และถามขึ้นอย่างเฉยชา “มามา ใครกันแน่ที่บอกเจ้าว่าที่ข้ามีพลอยเขียวของพระชายากันแน่?”

มามาสะดุ้งขึ้นมาทันที จู่ๆก็เงยหน้ามองโล่หวินหลาน และลังเลไปสักพัก และรวบรวมความกล้าแล้วพูดขึ้น “แน่นอนว่าไม่ใช่ใครบอกบ่าวหรอกเจ้าคะ แค่บ่าวเดาว่าที่พระชายารองอาจจะมี เลยอยากมาค้นดูเท่านั้น”

โล่หวินหลานถอยไปหนึ่งก้าว และเอามือไปวางไว้ข้างหลัง และปริตามองนางแล้วพยักหน้า “ดีมากที่มามายังรู้ว่าข้าคือพระชายารอง เจ้าเป็นบ่าวจนแก่จนเฒ่าแล้ว ใครให้อำนาจมาค้นตัวข้า?”

“นี่……” มามาผู้นั้นหยุดนิ่งไปสักพัก นึกไม่ถึงเลยว่าโล่หวินหลานจะสรรหาคำพูดพวกนี้ออกมา ทำให้นางรู้สึกทึ่งไปสักพัก

ทีแรกก็นึกว่าเป็นลูกพลับอ่อนๆที่บีบแตกง่าย นึกไม่ถึงเลยว่าจะร้ายเยี่ยงนี้

“ข้าสั่งให้นางมาค้นเอง ท่านอ๋องให้พลอยเขียวนั้นกับข้าตอนสมรส ท่านอ๋องเอาออกมาจากถุงหอมที่รัดเอวเขาไว้ให้ข้า ข้าเสียดายไม่กล้าใส่มันสักที แต่ไม่กี่วันก่อนกลับหายไป ในใจรู้สึกกังวล มาค้นดูหน่อยจะกระไรไป?” น้ำเสียงของเย่เซียวหลัวดังขึ้นไกลๆและส่งมาในหูของโล่หวินหลาน

เย่เซียวหลัวเลยรีบเดินมาอยู่ต่อหน้านาง นางปัดแก้มให้แดงเบาๆ ดูเหมือนเสื้อตัวเมียที่ดุและโหดเหี้ยม

ไซ่เยว่ปกป้องโล่หวินหลานอยู่ข้างหน้า กลัวเย่เซียวหลัวจะทำร้ายนางอีก

โล่หวินหลานตบไหล่ของไซ่เยว่เบาๆ แสดงให้เห็นถึงว่าตนไม่เป็นไร

“พระชายา ถ้าพลอยเขียวที่ท่านอ๋องให้ท่านไม่กล้าเอาออกมาสวมใส่ นั่นแสดงว่าเจ้าก็คงเก็บมันไว้เป็นอย่างดี ทำไมอยู่ดีๆถึงหายไปได้ล่ะ? หรือว่าในตำหนักนี้มีคนในเป็นโจร?” โล่หวินหลานขมวดคิ้วขึ้นเพื่อแสดงความกลัว

เย่เซียวหลัวยิ้มเยาะเบาๆ “ข้าก็หมายความว่าเยี่ยงนี้ ข้าไม่เคยเอาออกมาสวมใส่สักครั้ง ทำไมอยู่ดีๆถึงหายไป คนในเป็นโจรหรือไม่ นี่ข้าต้องค้นดูถึงจะรู้”

โล่หวินหลานพยักหน้า และรู้ดีแก่ใจ “สิ่งของอันล้ำค่าเยี่ยงนี้ คิดว่าพระชายาคงซ่อนได้ดีมาก น่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่ามันเก็บไว้ที่ไหน ถึงแม้ว่าจะหายไปก็คงเป็นตัวท่านเองที่ไม่ระวัง”

“เจ้า…..เจ้ามาเถียงกับข้าเยี่ยงนี้ไม่มีประโยชน์ ยังไงมันหายไปแล้ว ตอนนี้ข้าหาทั่วตำหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้ามีลับลมคมใน ไม่อยากให้คนอื่นตรวจค้น?” เย่เซียวหลัวขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไร้เหตุผล

นางคือพระชายา เป็นภรรยาที่มีศักดิ์สูงสุด นอกจากเวินอ๋อง ไม่มีใครกล้าหักหน้านาง ถึงแม้นางตั้งใจจะจัดการกับพระชายารอง ก็มิอาจมีใครกล้าขัดขวางได้

โล่หวินหลานตบมืออย่างทนไม่ไหว และพูดขึ้น “ข้าแค่กังวลมาถ้าท่านอ๋องกลับมา ท่านจะถูกลงโทษ ถ้าพระชายาไม่กลัว ก็ตรวจให้ละเอียดเลย”

ท่านอ๋องจะลงโทษ? เย่เซียวหลัวยิ้มเยาะเบาๆ

“เจ้ากำลังพูดอะไรขำๆหรือ? ท่านอ๋องจะมาโทษข้าได้เยี่ยงไร? ในใจท่านอ๋องมีใครข้าชัดเจนที่สุด ถึงแม้ตอนนี้จะดีกับเจ้าแล้วจะอย่างไร? ต้องมีสักวันที่จะเห็นธาตุแท้ของเจ้า แล้วจะเกลียดเจ้า ใจร้ายกับเจ้า”

เย่เซียวหลัวกัดฟันตนเอง อารมณ์ไม่ปกติ น้ำเสียงของนางฟังดูโกรธมาก มือของนางยิกเนื้อตนเองแรงใต้แขนเสื้อ

พอฟังคำพูดของนาง โล่หวินหลานก็รู้อย่างเที่ยงแท้เลยว่าสองสามวันที่ผ่านมานางโกรธเคืองแค่ไหน และรู้ว่านางเกลียดตนเองแค่ไหน

สีหน้าอันร้อนแดงของเย่เซียวหลัวอยากจะหั่นโล่หวินหลานอย่างเป็นๆ และหักกระดูกนางกลืนเข้าท้อง แค่ตอนนี้นางทำไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะทำไม่ได้ และไม่ได้แปลว่าอนาคตจะทำไม่ได้

เวินอ๋องหลงผู้หญิงคนนี้ และสั่งคนมาผลักตนตกน้ำ ยังดีที่นางยังมีชีวิตอยู่ แค่นางยังอยู่ นางก็จะไม่ให้คนทื่ทำร้ายนางอยู่ดี

นางจะค่อยๆแก้แค้นสิ่งที่นางได้รับ จากนั้น จะทำให้นางทนทุกข์ทรมานหลายเท่า

โล่หวินหลานทำสีหน้าเยียกเย็นขึ้น “ไหนๆพระชายาพูดเยี่ยงนี้แล้ว นั่นก็เชิญตามสบาย ตรวจให้ละเอียด จะได้รู้กันสักที”

เหมือนกำลังรอคำๆนี้ เย่เซียวหลัวกระตุกมุมปากของตนขึ้นและยิ้มเยาะอย่างเจ้าเล่ห์ มองไปยังมามาที่อยู่ข้างๆ

“รีบไปค้นสิ ไหนๆพระชายารองเอ่ยปากแล้ว ต้องค้นให้ละเอียด อย่าทำให้พระชายารองถูกกล่าวหาเปล่าๆ” เย่เซียวหลัวสั่งการ

“รับทราบเจ้าค่ะ” มามาได้สติกลับมาอีกครั้ง และเรียกบ่าวที่อยู่ข้างๆ ฝีเท้าได้ก้าวเข้าไปในเรือนวี่หยวนอย่างเร่งรีบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก