ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 350

ตอนที่ 350 ดาบนั้นคืนสนอง

ทุกคนรอฟังข่าวอยู่ตรงประตู โล่หวินหลานนั่งอยู่ตรงตำหนักหลักจิบชาอย่างสบายใจ ความสบายใจของนางทำให้เย่เซียวหลัวเห็นแล้วโมโห

กัดฟันตนเองมองไปที่นาง ให้เจ้าดีใจไปก่อน เดี๋ยวพอหาของเจอ แล้วเจ้าให้ขอให้ข้าอภัย?

เย่เซียวหลัวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และนั่งลงข้างๆนาง แล้วจิบชาไปกับนาง สายตานั้นจ้องมองนางตลอดเวลา

โล่หวินหลานวางถ้วยชาลง กวาดสายตามองไปยังดงกวิ๋นที่อยู่ข้างเย่เซียวหลัว แล้วพูดขึ้น “ดงกวิ๋น เจ้าคือคนที่คอยติดต่อพระชายา น่าจะรู้ว่าพระชายาเก็บพลอยเขียวไว้ที่ไหน? อยู่ดีๆก็ทำหายไป หรือว่าเจ้าแอบเอาไปวางไว้ที่ไหนแล้วลืมบอกพระชายาของเจ้า?

ดงกวิ๋นเห็นนัยน์ตาของนาง แล้วรีบเงยหน้ามองโล่หวินหลานทันที

“ถึงบ่างจะดูแลรับใช้พระชายาทุกวัน แต่พลอยเขียวนั้นบ่าวมิเคยเห็นเจ้าค่ะ จะไปเปลี่ยนที่เก็บของมันได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ? แต่พระชายารองควรเป็นห่วงตนเองหรือเปล่าถ้าหากพวกนางค้นเรือนวี่หยวนแล้วเจออะไร พระชายารองคงทำผิดขั้นร้ายแรง” ดงกวิ๋นจ้องมองโล่หวินหลานอย่างไม่กระพริบตา

ท่าทีของนางทำให้โล่หวินหลานเข้าใจอะไรบางอย่าง วันนี้ต้องเจออะไรบางอย่างในเรือนวี่หยวนแน่นอน เย่เซียวหลัวทำเรื่องไว้เยอะ ก็เพราะจะใส่ร้ายนางนี่แหะล?

ดงกวิ๋นพึ่งจะหยุดพูด และเย่เซียวหลัวก็พูดขึ้นอย่างโมโห “อย่าปากมาก เดี๋ยวก็จะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าตื่นเต้นอะไรกัน?”

ดงกวิ๋นรีบปิดปากตนเองไม่พูดไม่จา ในใจรู้สึกโล่งอกเบาๆ เมื่อครู่ที่คุยกับโล่หวินหลาน ทำให้นางรู้อะไรไม่น้อย สิ่งที่เย่เซียวหลัวได้ทำลงไป ก็เพื่อจะใส่ร้ายตนเองเท่านั้น

แต่ว่าหลังจากที่โล่หวินหลานรู้ก็ไม่ได้ทำอะไร ได้แค่ยิ้มเบาๆ เหมือนนางได้เตรียมตัวรับมือกับมันแล้ว

พวกนางไม่ได้ตั้งอยู่ในห้องนาน ข้างนอกก็มีมามารีบวิ่งพุ่งเข้ามา ในมือจับตลับไม้ของโล่หวินหลาน ข้างนอกมีล็อกเล็กๆ แต่ไม่ได้ล็อกไว้ ดูไม่ยากเลยว่าเจ้าของไม่ได้ใส่ใจอะไรมันเลย

นึกไม่ถึงเลยว่าจะหาเจอเร็วเยี่ยงนี้ ดูๆแล้วของจะซ่อนยังไงก็ไม่ทันจิตใจคน

“พระชายาเจ้าค่ะ ของได้หาเจอในห้องของพระชายารอง มันอยู่ในตลับนี้ “ มามายกกล่องๆนั้นมา ดงกวิ๋นรีบยื่นมือไปจับตลับนั้น

“จริงหรือ? ข้าก็แค่จะลองหาดู แต่ว่านึกไม่ถึงเลย นึกไม่ถึงว่าจะอยู่ในห้องของพระชายารอง เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม?” เย่เซียวหลัวยื่นมือไปเอากล่องนั้นมาจากมือของนางแล้วเปิดขึ้น

แต่ว่า โล่หวินหลานกลับไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจใดๆ แต่กลับทำเหมือนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจบจบไม่ได้เกี่ยวข้างนางเลย

ได้ยินเย่เซียวหลัวถามขึ้นเยี่ยงนี้ โล่หวินหลานค่อยๆลุกขึ้นแล้วตอบกลับ “นี่เป็นกล่องที่ห้องของข้าจริง แต่นี่ข้าใช้สำหรับใส่กระดาษสีแดง ไม่รู้ว่าใครมันแอบใส่พลอยเขียวเข้าไป? พระชายา ท่านเอาออกมาเช็ดให้สะอาด อย่าให้ของมันไปปะเปื้อนกับคราบสีแดงเลย”

มีหลักฐานอยู่ในมือเยี่ยงนี้ ยิ่งทำให้เย่เซียวหลัวทำตามอำเภอใจของตนเอง แค่นางจะใช้เป็นหลักฐานเรื่องโกหกให้เป็นเรื่องจริง นางจึงค่อยๆลุกขึ้นยืน

“เหอซื่อ อย่าคิดว่าเจ้าพูดเยี่ยงนี้แล้วจะหนีความผิดที่เจ้าขโมยของไปได้ ถึงแม้เจ้าจะไม่รู้ นั่นอาจจะเป็นบ่าวที่อยู่รอบข้างของเจ้าเป็นคนขโมย เจ้าเป็นนาย เจ้าก็สมควรรับผิดชอบ” เย่เซียวหลัวสะบัดแขนเสื้อ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเยียกเย็น

พูดจบ ก็มองไปยังดงกวิ๋นอีกครั้งแล้วถามขึ้น “ในตำหนักมีขโมย เจ้าว่าต้องลงโทษเยี่ยงไร?”

ดงกวิ๋นหยุดชะงักไปสักพักแล้วเอ่ยปากพูดขึ้น

“ทูลพระชายา ถ้าอยู่ในตำหนักมีขโมยเป็นคนกันเอง ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด ไม่ว่าจะโทษหนักหรือเบาก็ถูกขังไว้ในห้อง หลังจากคิดไตร่ตรองในห้องไปสักพัก ก็จะถูกตี 20 ครั้งแล้วถูกไล่ออกจากตำหนัก”

ตี 20 ครั้งเย่เซียวหลัวอยากทำ แต่ว่านางไม่มีปัญญาขนาดนี้ อีกอย่างเวินอ๋องก็ใกล้จะกลับมาแล้วด้วย

แต่เรื่องที่โดนกักขังไว้ให้ห้อง ขังไว้กี่วันก็คงจะให้โล่หวินหลานกลัวและจดจำเอาไว้ ว่าในตำหนักเวินอ๋องให้เหนือกว่าใคร

เย่เซียวหลัวพยักหน้า และมองโล่หวินหลานด้วยความพอใจ “เจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่? ของมันอยู่ในห้องของเจ้าจริงๆ ถ้าจะมีอะไรไม่พอใจ รอให้เวินอ๋องกลับมาแล้วค่อยฟ้องเขา”

ฟังจากคำพูดอันยั่วยุของนาง ในใจของโล่หวินหลานรู้ว่านางไม่ได้รู้สึกภูมิใจนัก ไม่สามารถเอาตนเองออกจากตำหนักได้ นี่อาจจะเป็นสิ่งที่น่าเสียใจของนางที่สุด

และรอให้ถึงเวินอ๋องกลับมา ถ้าตนเองไปฟ้องเขาจริง นางก็คงกังวลด้วยเช่นกัน อีกอย่างนางได้เป็นพระชายาก็ไม่ได้ได้มาอย่างถูกต้องสักเท่าไหร่

“พระชายา เรื่องที่ข้าไม่ได้กระทำผิดข้าคงไม่ยอมรับแน่นอน สำหรับพลอยเขียวไม่รู้ว่ามีเท้าวิ่งมาอยู่ที่ห้องได้เยี่ยงไร ข้าเชื่อว่ารอให้ท่านอ๋องกลับมา ก็สามารถตรวจค้นได้อย่างชัดเจนแน่นอน” โล่หวินหลานยิ้มมุมปาก และไม่มีความรู้สึกกลัวเลย

แค่รอให้เวินอ๋องกลับมา เย่เซียวหลัวคงไม่มีชีวิตที่ดี

อีกอย่าง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือที่ทำให้เย่เซียวหลัวพูดเรื่องทุกอย่างออกมาก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้

รอดูตอนต่อไปว่านางจะแสดงละครเยี่ยงไร ถ้าแสดงได้ดี ไม่แน่เรื่องทุกอย่างอาจจะถูกแก้ไขได้เร็วยิ่งขึ้น

“ตอนนี้เจ้าอย่ามาปากแข็ง จะไปหรือไม่ไปห้องกักขัง เจ้าตัดสินใจเอง” เย่เซียวหลัวสามารถพูดให้ทุกอย่างเสมือนจริง

มองว่านางพยายามจะยัดเยียดให้ได้ โล่หวินหลานพยักหน้าอย่างยอมใจนาง “ยังไงพระชายาก็พูดเยี่ยงนี้แล้ว ถ้าข้าไม่ไป ก็คงไม่ถูกใจท่าน”

เย่เซียวหลัวกลับรู้สึกตกใจ นึกไม่ถึงว่านางจะยอมง่ายเยี่ยงนี้ นึกว่านางจะพยายามมากกว่านี้ แต่ก็ถือว่าดี นางจะได้ไม่ต้องเสียแรงเยอะ

“เก็บของของตนเองแล้วไปเถอะ ไปนึกคิดไตร่ตรองดีๆ” หางตาของเย่เซียวหลัวเผยรอยยิ้มที่รู้สึกได้รับชัยชนะออกมา และยื่นมือออกมาให้ดงกวิ๋นพยุงนางขึ้น

ทั้งสองค่อยๆเดินออกจากที่นั่น ฝีเท้าพึ่งจะก้าวถึงตรงประตู ข้างหลังนางก็มีเสียงต่ำๆดังขึ้น “หวังว่าก่อนที่ท่านอ๋องจะกลับมา ท่านจะคิดหาคำพูดแก้ตัวให้ดีๆ”

เย่เซียวหลัวหยุดชะงักไป และจับมือของดงกวิ๋นให้แน่นๆ เล็บมืออันแหลมคมของนางแทงเข้าไปในเนื้อของนาง ทำท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก

แค่ว่า ตอนนี้นางไม่สามารถหันกลับไปได้ ถ้าหันกลับไปก็จะแพ้

นางกัดฟันของตนไว้แน่นๆ แล้วรีบก้าวออกมาจากห้องนั้น

โล่หวินหลานยิ้มเยาะแล้วมองนางเดินจากไป แค่รู้สึกเรื่องมันยิ่งอยู่ยิ่งใกล้ความคิดของตนเองอีกก้าวแล้ว

“องค์หญิงเจ้าค่ะ จริงๆท่านสามารถให้ดงกวิ๋นขัดขวางเรื่องนี้ หรือว่าท่านจะเข้าไปอยู่ห้องกักขังจริงๆ?” ไซ่เยว่ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น

ถ้าโม่ฉีหมิงรู้เรื่องนี้ จะทำเยี่ยงไร?

โล่หวินหลานยิ้มขึ้นเบาๆ “ข้าให้ดงกวิ๋นเป็นคนทำเอง ถ้าไม่อย่างนี้ จะให้ดาบนั้นคืนสนองได้เยี่ยงไรกัน?”

ดาบนั้นคืนสนอง? ไซ่เยว่ได้ยินแล้วรู้สึกหูฟาดไป และไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับแผนการของพวกเขาได้เยี่ยงไร?

“องค์หญิงเจ้าค่ะ แต่ว่าห้องกักขังนั้นเป็นที่เยี่ยงไรยังไม่รู้เลย ท่านจะทนอยู่ได้เยี่ยงนี้ ยังไงก็ให้…….”

ไซ่เยว่ยังพูดไม่จบก็ถูกนางพูดแทรกขึ้น “ไซ่เยว่ ไปเก็บของ”

น้ำเสียงของนางยืนหยัดมาก และแฝงความรู้สึกตื่นเต้น ไซ่เยว่ไม่รู้ว่าตัวเองดูผิดไปหรือไม่ และไม่กล้าพูดอะไรเยอะอีกต่อไป เลยเดินเข้าไปข้างใน

ในเรือนวี่หยวนถูกค้นจนของกระจัดกระจายไปหมด บนพื้นเต็มไปด้วยเครื่องประดับ บนเตียง โต๊ะ เก้าอี้ก็มีของกองกระจายไปไหม จะมีของให้เก็บอีกได้เยี่ยงไร

ไซ่เยว่รู้สึกเครียดมาก กำลังอยากด่าออกมา โล่หวินหลานกลับมาขัดอีกครั้ง “เก็บไว้ ของในห้องห้ามขยับแม้แต่นิดเดียว”

รอให้เวินอ๋องกลับมา เห็นห้องในสภาพเยี่ยงนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเยี่ยงไร

“องค์หญิงเจ้าค่ะ ท่านนั่งพักก่อนเถอะเจ้าคะ ข้าน้อยเก็บของสักพัก เวลาก็ไม่เช้าแล้ว ท่านยังไม่ได้รับประทานสำลักใดๆ เดี๋ยวพอไปถึงห้องกักขัง เดี๋ยวข้าน้อยจะทำให้ทานเองเจ้าคะ” ไซ่เยว่พูดไปด้วยแล้วก้มลงเก็บของไปด้วย

นึกไม่ถึงว่านางเก่งเรื่องการต่อสู้ ทำงานว่องไวแล้วยังทำกับข้าวเป็นอีก?

“ไซ่เยว่ เจ้าทำอาหารเป็นด้วยหรือ? ฝึกกับใครมา?” โล่หวินหลานขมวดคิ้วถามจึ้น เหมือนรู้สึกสนใจเรื่องนี้มากๆ

ไซ่เยว่หยุดชะงักไปสักพัก หน้าของนางเริ่มแดง ทำไมตนเองทำครัวแล้วมันน่าแปลกใจเยี่ยงนั้นเลยหรือ

ผ่านไปสักพัก และค่อยๆพูดขึ้น “กับ กับอาจารย์ของข้าเองเจ้าคะ”

โล่หวินหลานอ้าปากค้าง “ที่แท้อาจารย์ของเจ้านอกจากจะเป็นวิชาการต่อสู้ ยังทำอาหารได้อีกด้วย หญิงผู้ฉลาดรอบรู้เยี่ยงนี้ เจอใครใครก็หลง”

สีหน้าของไซ่เยว่แดงขึ้นกว่าเก่า และหยุดท่าทีการเก็บของ แล้วลังเลไปสักพักถึงจะพูดขึ้น “อาจารย์ของข้าเป็นผู้ชายเจ้าคะ”

ผู้ชาย? ผู้ชายที่ยุคสมัยนี้ น่าจะมีน้อยมากที่จะลงครัว

อาจารย์คนนี้ของเจ้าช่างน่าสนใจจริงๆ คิดว่าปกติน่าจะเป็นชายผู้ที่ความเป็นสุขุม แต่ว่ามองไซ่เยว่ทำท่าทางเยี่ยงนี้ ไม่น่าเหมือนเขา

โล่หวินหลานพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไร ไซ่เยว่ก็เก็บของเสร็จแล้ว เป็นเสื้อหนาวทั้งหมดเลย

“องค์หญิงเจ้าค่ะ ยังไงพวกข้าก็ต้องกลับมาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องเก็บเยอะ แค่เอาของใช้ประจำวันไม่กี่อย่างก็พอเจ้าคะ” ไซ่เยว่ยกของบนมือขึ้น

โล่หวินหลานพยักหน้าอย่างพอใจ ไซ่เยว่อ่านใจนางออกจริงๆ

ห้องกักขังอยู่ตรงทิศตะวันตกของตำหนัก ไม่ได้มีคนไปอยู่นาน ผนังข้างนอกเกาะไปด้วยหิมะหนาๆ บนประตูด้วยเช่นกัน ทั้งสองใช้แรงเปิดประตูเป็นอย่างมาก

เศษหิมะก็ได้ร่วงหล่นลงมา และเกือบโดนหัวของทั้งสอง อุณหภูมิใจในห้องยังคงหนาวเย็น

หิมะบนพื้นเกือบสูงเท่าน่องเล็ก ทั้งสองเหยียบเข้าไปในพื้นหิมะ ข้างในยังดีกว่าหน่อยๆ

“องค์หญิงเจ้าคะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนอยู่หรือป่าวเจ้าคะ?” ไซ่เยว่บ่นขึ้น เท้าของนางได้ถีบประตู

ในห้องเกาะไปด้วยฝุ่น ไม่มีถ่านในห้องก็ทำให้รู้สึกหนาวเย็น โล่หวินหลานกอดอกไว้และเดินไปเดินมาในห้อง แล้วพยักหน้าขึ้น

“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ทำไมเย่เซียวหลัวถึงวางแผนจะให้ข้ามาอยู่ที่นี่ ที่แท้เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง” โล่หวินหลานเม้มปากเบาๆ

ไซ่เยว่ตบมือตนเอง และเดินทั่วห้อง “จริงๆที่นี่มันก็อยู่ได้ แค่เก็บกวาดปัดถูสักหน่อยก็อยู่ได้แล้ว”

“ยังไงมันก็ยังเป็นตำหนักขององค์ชาย ที่ไหนไม่สามารถให้คนอยู่ได้หรือ ดูๆเวินอ๋องก็เป็นคนใจดี ไม่งั้น ห้องกักขังก็คงไม่ใช่สภาพนี้” โล่หวินหลานเงยหน้าขึ้น และพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

“องค์หญิงเจ้าค่ะ ข้าน้อยไปตักน้ำมาปัดถูหน่อยๆ ท่านนั่งพักก่อน” ไซ่เยว่พูดจบ แล้วพับแขนเสื้อออกไป

โล่หวินหลานเรียกนางไว้ “อากาศหนาวเยี่ยงนี้ ต้มน้ำร้อนหน่อยเถอะ เดี๋ยวเป็นฝีเยียกเย็นขึ้นมาแล้วจะทรมาน”

ไซ่เยว่ยิ้มขึ้นอย่างไม่เป็นไร “ข้าน้อยหนังหนาอยู่เจ้าคะ ไม่ต้องกลัว”

สุดท้ายก็ถูห้องนี้หลายๆรอบ จนกลายเป็นที่นอนของคน ฟูกและที่นอนอยู่ในตู้เต็มเลย พอปูเสร็จก็คงจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นเยอะ

ถ่านข้างในได้รุกเป็นไฟ ความอบอุ่นได้ระเหยขึ้นมา โล่หวินหลานจับมือตนเอง และเอาเข้าไปใกล้เตาผิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก