ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 351

ตอนที่ 351 โอบกอดกันตอนกลางค่ำกลางคืน

“ไซ่เยว่ วันนี้มีแค่พวกข้าสองคนเท่านั้น เจ้าก็มานั่งกินข้าวด้วยกันเลย” โล่หวินหลานเรียกนาง

ไซ่เยว่ที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกตกใจเล็กน้อย และส่ายหัวรัวๆ “องค์หญิง ทำเยี่ยงนี้ไม่ได้เด็ดขาด ท่านรีบรับประทานเถอะเจ้าคะ”

มองนางทำท่าทางเกรงกลัว โล่หวินหลานจึงทำเป็นโกรธ สุดท้ายเลยพูดคำพูดแรงๆออกมา นางจึงนั่งลงอย่างลังเล

ไซ่เยว่ทำตัวเกรงๆตลอด แต่สุดท้ายก็ปล่อยวางลงบ้าง และค่อยๆพูดคุยความในใจกับนาง

เวลานอนตอนกลางคืนหลับไม่ค่อยสนิทสักเท่าไหร่ ข้างนอกลมแรงมาก ลมชอบเป่าเข้ามาตรงใต้ผ้าห่มของนาง

โล่หวินหลานค่อยๆเลื่อนตัวลงไปนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม และขยับร่างตนเองไปมา กลับแตะโดนร่างที่มีความอบอุ่น นางจึงรีบลืมตาขึ้นมามอง สุดท้ายคนๆนั้นก็ดึงนางเข้าไปกอดแน่นๆ

ความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นทำให้นางทนไม่ได้จนอยากรีบลืมตามาดูให้ชัดเจน แต่คนๆนั้นก็เหมือนพยายามให้หัวของนางมุดเข้าไปตรงกลางอกของเขา

“นี่!” โล่หวินหลานรู้สึกหายใจไม่ออก

“อย่าคุยกันเลย ให้ข้าได้กอดเจ้าดีๆ” คนๆนั้นมีเสียงที่ต่ำและแหบ ฟังดูแล้วเหมือนมีรสชาติมากๆ

กลิ่นกายของเขาลอยเช้าไปในจมูกของนางอยู่เรื่อยๆ นำมาซึ่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ถึงแม้เขาจะสวมใส่เสื้อชิ้นหนึ่ง แต่ก็ยังสัมผัสถึงความเร่าร้อน

โล่หวินหลานนอนอยู่กลางอกของเขาอย่างไม่พอใจ และพูดอะไรออกมาไม่รู้เรื่อง “เจ้าทำเยี่ยงนี้ ทำให้ข้าเกือบหายใจไม่ออก……”

นางสัมผัสได้ถึงเรือนร่างของเขาแข็งขึ้นมาทันที มือใหญ่ๆของเขายิ่งกอดนางให้แน่น เหมือนกำลังอดทนอะไรอยู่

เขากัดฟันพูดอย่างเสียงแหบ “อย่าขยับมั่วๆ เดี๋ยวข้าปล่อย”

ค่อยๆปล่อยมือออกจากเอวของนาง โม่ฉีหมิงถอนหายใจเบาๆ นี่เขาทำเรื่องผิดจริงๆ ทั้งๆที่รู้ว่ามานี่ทำผิด แต่ก็ยังจะมา

ถ้าไม่ใช่เพราะไซ่เยว่เข้าไปในตำหนักหมิงอ๋องไปหาเขา เขาก็คงไม่คุมเสื้อคลุมมานี่ตอนกลางค่ำกลางคืน

ทีแรกก็กะจะยืนอยู่ตรงประตูมองนางไกลๆ แต่ก็อดกลั้นใจไม่ไหวจนเข้าไปมองนางในห้อง

สุดท้าย กลับอยู่ในสถานการณ์ที่ตนเองไม่รู้สึกตัวขึ้นเตียงของนาง และแค่จะโอบกอดร่างที่หนาวเย็นของนาง ถึงจะรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

ทำอะไรไม่ได้ แค่ได้เห็นเรือนร่างนี้ เขาก็ควบคุมคำพูดและท่าทีของตนเองไม่ไหว นี่นึกว่าตนเองควบคุมสติได้ดีแล้ว พอเห็นนางก็ลืมไปหมดทุกอย่าง

“เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?” โล่หวินหลานหาที่ๆหายใจสบายๆ และสงบเสงี่ยมอยู่ในอ้อมกอดของเขา

โม่ฉีหมิงลูบผมอันยุ่งเหยิงของนาง และพูดด้วยเสียงต่ำ “พึ่งมาไม่นาน ทำไมเจ้าถึงเข้ามาอยู่ในนี่ได้?“

“ที่นี่คือหังกักขัง มีคนให้ข้ามาที่นี่ พรุ่งนี้ทุกอย่างคงดีขึ้น” โล่หวินหลานหลับตาลง สมองของนางเริ่มสงบนิ่ง

ห้องกักขัง? รู้ว่าตำหนักเวินอ๋องมีห้องแปลกๆเยี่ยงนี้ และต้องลำบากนางมากที่กลับได้มาอยู่ห้องๆนี้

แต่ในใจลึกๆของโม๋ฉีหมิงกลับรู้สึกดีใจ ตอนนี้เขาได้กอดนางไว้เยี่ยงนี้อยู่บนเตียงสักที

“เจ้าอะ ถึงแม้จะวางแผนอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สมควรทำเยี่ยงนี้……. ไม่เช่นนั้นพวกข้าไปตำหนักหมิงอ๋องกันเถอะ“ โม่ฉีหมิงทดลองใจนางแล้วถามขึ้น

รอไปสักพัก คนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่พูดไม่จา โม๋ฉีหมิงมองไปแสงเทียนตรงนอกหน้าต่างแล้วมองนาง หน้าตาตอนนี้ของนางหลับใหลอย่างนิ่งและลึก เหมือนใครก็ไม่สามารถเรียกนางตื่นได้

พอเถอะๆ แค่ได้กอดนางเยี่ยงนี้ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว

ค่อยๆจูบลงตรงหน้าผากของนางอย่างเบาๆ และโอบกอดร่างของนางไว้แน่นๆ และดูดกลืนความอบอุ่นจากร่างกายนางอย่างโลภ

นี่เป็นสิ่งที่เขารู้สึกพึงพอใจที่สุดในรอบหนึ่งปีกว่า

การนอนครั้งนี้เป็นครั้งที่เย่เซียวหลัวรู้สึกหลับได้สบายที่สุด นางสามารถจัดการกับคนที่เกลียด และคนๆนั้นก็ไม่ได้มีแรงจะโต้กลับใดๆ

ขนาดโล่หวินหลานที่แต่ก่อนจัดการยากที่สุด ก็ยังตายทามือของนางอย่างง่ายดาย

“ดงกวิ๋น หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เจ้าไปเตรียมพวกสมุนบำรุง ข้าจะเอาไปให้ท่านแม่“ เย่เซียวหลัวเอาตุ้มหูออกมาลองหลายๆคู่

ดงกวิ๋นพยักหน้า และช่วยนางแต่งตัว

“ตอนนี้เวินอ๋องยังไม่ได้กลับมา เครื่องบำรุงร่างกายต้องเลือกดีๆ อย่าเลือกดูแค่ภายนอก” เย่เซียวหลัวกำชับถึง

ดงกวิ๋นรับทราบแล้วเดินออกมาเตรียม

แสงอาทิตย์ตอนเข้าตรู่ค่อยๆสอดส่องเข้ามาทั่วห้องผ่านหน้าต่าง เย่เซียลวหลัวทำท่าทางพึงพอใจกับตนเองในกระจก ถึงแม้จะตกน้ำ หน้าดูผอมตรอกลงเยอะ แต่ก็ทำให้ดูอ่อนโยนขึ้น และน่าดึงดูดมากขึ้น

สวมใส่เสื้อแล้ว ดงกวิ๋นเตรียมสมุนไพรบำรุงร่างกายเสร็จ กล่องที่จัดวางสมุนไพรนั้นดูงดงาม ทำให้เย่เซียวหลัวพอใจจนพยักหน้า

เย่เซียวหลัวเข้าไปตรงประตู ต้วนกุ้ยเฟยกำลังดื่มยา นางก็รีบวิ่งเข้าไปรับถ้วยยาที่บ่าวถือไว้บนมือ แล้วป้อนยาให้นางอย่างทะนุทะนอม

“เดี๋ยวข้าทำเอง เจ้าออกไปก่อนเถอะ” เย่เซียวหลัวใช้มือผลักบ่าวที่อยู่ข้างๆออก

บ่าวผู้นั้นรู้ว่าเป็นเย่เซียวหลัว เลยพยักหน้าแล้วเดินออกมา

“ท่านแม่เจ้าค่ะ สุขภาพเป็นเยี่ยงไรบ้างแล้วเจ้าคะ? ไม่กี่วันนี้ทำให้หลัวเอ๋อรู้สึกตกใจมากๆ ถ้าหลัวเอ๋อไม่ได้ตกน้ำ สุขภาพร่างกายไม่หายดี ก็คงมาดูแลท่านแม่ตั้งนานแล้วเจ้าคะ” เย่เซียวหลัวทำเสียงต่ำ เสียงของนางแหบเบาๆ

ต้วนกุ้ยเฟยค่อยๆดื่มยาไปหนึ่งคำ และลืมตาโตขึ้นอย่างกะทันหัน และพูดขึ้นอย่างกังวล “เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ? ตกน้ำ? ทำไมจู่ๆถึงตกน้ำได้หรือ? นี่ก็ยังฤดูหนาว ได้เชิญหมอไปตรวจดูสุขภาพดีๆหรือยัง?”

เย่เซียวหลัวเป่ายาไป ทำเหมือนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เลยพูดไปอย่างไม่สนใจ “ดูแล้วเจ้าคะ”

พอเห็นนางเป็นสภาพเยี่ยงนี้ ต้วนกุ้ยเฟยน่าจะรู้อะไรบางอย่าง สายตาดูเฉยชา “รีบบอกให้ข้าฟัง ทำไมถึงตกน้ำ? ตกยังเยี่ยงไร? เวินอ๋องรู้หรือไม่?”

เรื่องนี้เวินอ๋องรู้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่านางนั้นมันยุโยงเขา เขาจะสั่งคนมาผลักนางตกน้ำได้เยี่ยงไร?

“ท่านแม่เจ้าค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้วเจ้าคะ ตอนนี้หลัวเอ๋อก็ดีขึ้นแล้ว ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะเจ้าคะ” เย่เซียวหลัวค่อยๆเช็ดหน้าตนเอง และสูดลมหายใจเข้าแรงๆ

นางยิ่งพูดเยี่ยงนี้ ต้วนกุ้ยเฟยก็ยิ่งสงสัย ทุกอย่างที่นางทำอะไรก็มักจะบอกคนนั้น แค่มีคนทำร้ายแหละรังแกนางก็จะพูด แต่เรื่องตกน้ำครั้งนี้กลับไม่ยอมพูด? ช่างน่าสงสัยจริงๆ

“ไหนๆเจ้าก็เรียกข้าว่าท่านแม่แล้ว ข้าก็มีอำนาจที่จะรู้เรื่องของเจ้า อย่ากลัว บอกท่านแม่มา ข้าจะช่วยเจ้าแน่นอน องค์หญิงเหอซื่อรังแกเจ้าหรือไม่?”

ต้วนกุ้ยเฟนขมวดคิ้วขึ้น น้ำเสียงของนางฟังดูโกรธ ถึงแม้ยังป่วยอยู่ แต่ก็มีชีวิตชีวามากๆ

เย่เซียวหลัวรอคำๆนี้ของนางแหละ พอป้อนยาจนหมด จึงพูดเรื่องทุกอย่างอย่างละเอียด ขนาดเรื่องที่ใส่ร้ายโล่หวินหลานเป็นคนขโมยพลอยเขียวก็ยังบอกออกมา

พูดถึงตอนสุดท้าย นางก็ทำเป็นบีบน้ำตาจนน้ำตาพรากทั้งสองข้าง ดูๆแล้วเหมือนน่าสงสารจริงๆ

ต้วนกุ้ยเฟยรู้สึกโกรธมากๆ นึกว่าเป็นลูกพลับอ่อน นึกไม่ถึงพอแต่งเข้ามา จะกลายเป็นคนเยี่ยงนี้

“หลัวเอ๋อ เจ้าอย่ากลัว เจ้าเป็นพระชายาเวินอ๋อง เป็นพระชายาที่สูงสุด นางจะทำเยี่ยงไรก็ตาม ยังไงนางก็แค่พระชายารอง รอให้ท่านแม่หายป่วย จะช่วยเจ้าจัดการเอง” ต้วนกุ้ยเฟยพูดอย่างโมโห

พูดจบ กลับไอไปสองที สีหน้าเริ่มแดง และเกือบจะหายใจไม่ออก

เย่เซียวหลัวตบหลังของนางเบาๆ และตวงน้ำร้อนมาให้นาง ให้นางดื่ม

“ท่านแม่เจ้าค่ะ เรื่องนี้ไม่ได้รีบแต่อย่างไร ไม่กี่วันนี้เวินอ๋องไปหายามาให้แก่ท่าน ยังไม่ได้กลับมา รอให้เขากลับมาค่อยว่ากันอีกทีก็ไม่สาย” เย่เซียวหลัวคิดๆแล้ว เรื่องนี้ต้องรอให้เวินอ๋องกลับมาถึงจะแก้ปัญหานี้ได้

พูดถึงอาการของต้วนกุ้ยเฟย ขนาดตนเองยังไม่รู้ทำตนป่วยเป็นโรคนี้ได้เยี่ยงไร ยังดีๆอยู่เลยทำไมถึงล้มป่วยจนได้

“อาการของข้าเป็นเยี่ยงไรกันแน่? หมอหลวงต่างก็บอกว่ารักษาไม่ได้ แล้วจะรักษาให้หายได้เยี่ยงไร?” เย่เซียวหลัวมองไปยังบ่าวที่อยู่ข้างๆ และมองนางแค่สักพัก

“เจ้าว่า อาการที่ผ่านมาของเข้า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

บ่าวผู้นั้นเป็นบ่าวที่คอยติดตามต้วนกุ้ยเฟย ไม่กี่วันนี้นางอยู่ข้างนางตลอด ไม่จากไปไหนเลย เลยเล่าเรื่องทุกอย่างอย่างละเอียด

พูดถึงนี้ เย่เซียวหลัวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป

เย่ฮองเฮากับนาวก็คือคนในตระกูลเย่ เกี่ยวพันทางสายเลือด นางก็คงไม่โง่ถึงกับพูดเรื่องไม่ดีของเย่ฮองเฮา แค่รู้สึกว่าหน้าที่ของแม่บ้านจะไม่สนใจไม่ได้ สุดท้าย เลยพูดอะไรไม่ออก

ต้วนกุ้ยเฟยยิ้มเยาะออกมาแล้วมองนางไปแว๊บเดียว และพูดขึ้น “อาการของข้าถูกนางรักษาให้หาย นางก็คงได้ออกจากตำหนักเย็น เรื่องของตำหนักเย็นมันก็บังเอิญเกินไป.

บรรยากาศในห้องนั้นเหน็ดหนาวขึ้นทันที เย่เซียวหลัวก็ตื่นเต้นจนจับกระโปรงของตนไว้แน่นๆ นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้กลับกลายเป็นเยี่ยงนี้

ไม่สามารถพูดเยอะทั้งสองฝ่าย ไม่รู้ว่าจะช่วยฝั่งไหนคุยดี แค่กลัวว่าตนเองพูดอะไรเกินกว่านี้ น่าจะทำให้ต้วนกุ้ยเฟยยิ่งกลัวยิ่งสงสัยตนเองเข้าไปกันใหญ่

เย่เซียวหลัวคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ไม่กล้าตอบแบบตรงๆ

“ท่านแม่เจ้าคะ อาการของท่านก็หนักพอสมควร ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแล้วเจ้าคะ โรคที่ท่านเป็นจะมาจากที่ไหน คิดว่าฮ่องเต้คงจะสืบให้ละเอียดอย่างแน่นอน สุดท้ายก็จะกู้คืนซึ่งความยุติธรรมที่ท่านควรได้รับเอง”

พอฟังคำพูดของเย่เซียวหลัวแล้ว ต้วนกุ้ยเฟยยิ้มเยาะเบาๆ คำๆนี้พูดได้ไม่มีน้ำหนักเลย มันชัดเจนมาเลยว่านางไม่อยากทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ

นิสัยที่ชอบทำดีของเย่เซียวหลัวนางรู้อย่างแน่ชัด แต่ว่าต้วนกุ้ยเฟยก็ไม่ได้พูดอะไร

เรื่องของนางกับเย่ฮองเฮาจะให้เย่เซียวหลัวเข้ามาเกี่ยวข้องได้เยี่ยงไร ถึงแม้จะเป็นคนในตระกูลเย่ด้วยอย่างไร? ยังไงก็แต่งเข้ามาให้ตำหนักเวินอ๋องแล้ว ก็คือคนของตำหนักเวินอ๋อง

นางเชิดหน้าใส่หน้าเบาๆ ต้วนกุ้ยเฟยก็ยังไม่ได้เงียบไป “อาการของข้าข้ารู้ดีที่สุด แต่ว่าเจ้า อยู่ที่ตำหนักเวิ๋นอ๋องคงถูกทารุณไว้มาก รอให้เวินอ๋องกลับมา ข้าจะคุยกับเขาดีๆเอง”

พอได้ยินต้วนกุ้ยเฟยปกป้องตนเองเยี่ยงนี้ เย่เซียวหลัวก็รู้สึกโล่งอก ยังไงนางก็ยังรักใคร่ตนเอง

“ท่านแม่เจ้าค่ะ นิสัยของเวินอ๋องมิใช่ว่าท่านไม่รู้ จะพูดกับเขายังไงก็คงเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ องค์หญิงเหอซื่อใช้วิธีอะไรจึงจะยุโยงเวินอ๋องได้ดีเยี่ยงนี้

เรือนร่างของเย่เซียวหลัวเต็มไปด้วยความหึงหวง นัยน์ตาของนางสื่อว่าไม่ชอบเหอซื่อ

“ครั้งนี้ข้าจะคุยกับเขาดีๆ ที่แน่ๆข้าเป็นท่านแม่ของเขา” ต้วนกุ้ยเฟยทำเสียงดุขึ้น อย่างอื่นไม่กลัว กลัวแค่ว่าลูกที่ตนคลอดจะหนี?

พอฟังคำพูดของต้วนกุ้ยเฟย เย่เซียวหลัวจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ แค่ต้วนกุ้ยเฟยยอมออกหน้าออกตา ชีวิตดีๆของเหอซื่อก็คงจบ

ดงกวิ๋นก้มหน้าและจับกล่องที่เย่เซียวหลัวยื่นให้

กล่องอันสวยงามนั้นดูได้ทรงมาก มองไปก็คงเป็นกล่องใส่เพชรพลอย เย่เซียวหลัวคอ่ยๆเปิดฝา ข้างในกลับมาผักกาดหัวอยู่สองหัว

พอเห็นผักกาดหัวที่อยู่ข้างในนั้น เย่เซียวหลัวยิ้มไม่ออกเลยทันที

“นี่……ดงกวิ๋น!” สายตาของนางกวาดไปยังดงกวิ๋น เป็นสายตาที่สามารถข้าคนได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก