ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 353

ตอนที่ 353 นอนค้างคืนเรือนนาง

“หมอเทวดา? ท่านแม่หายดีแล้ว ท่านอ๋องหาหมอมารักษาเวลานี้มันสายเกินไปหรือไม่?” เย่เซีบวหลัวพูดกับตนเอง แล้วหันไปสั่งดงกวิ๋น

“เจ้าไปเตรียมอาหารที่ท่านอ๋องชอบทาน รอให้ท่านอ๋องออกมา แล้วให้มาฝูเซิงหย้วน

คือว่า ดงกวิ๋นทำสีหน้ากดดัน นางอยากให้เวิ๋นอ๋องไปเรือนวี่หยวนก่อน ครั้งก่อนที่พวกนางไปค้นห้องในเงรือนวี่หยวนยังไม่ได้เก็บกวาด รอให้ท่านอ๋องไปดู

เย่เซียวหลัวมองสีหน้าที่ดูแย่ของดงกวิ๋น จึงพูดขึ้นอย่างโมโห “ทำไม? เชิญเวินอ๋องมาเรือนข้ามันยากเยี่ยงนั้นเลยหรือ?”

ดงกวิ๋นได้ยินแล้วจงก้มหน้าบอกว่าใช่

มองเห็นการตอบสนองของนาง เย่เซียวหลัวก็ไม่ได้สงสัยใดๆ แค่นึกว่านางทำหน้ากดดันเพราะเชิญเวินอ๋องมาในเรือนของตนไม่ได้จริงๆ

พอเห็นนางเดินไปยิ่งอยู่ยิ่งไกล ดงกวิ๋นคงเดินกลับไปที่ห้องครัว

เขาจัดหมอเทวดาให้ไปอยู่ในเรือนที่ใกล้สวนในตำหนัก เวินอ๋องแนะนำเกี่ยวกับเรือนในตำหนักไม่กี่คำ เวลานั้นเริ่มดึก เขาจึงออกจากห้องที่ห้องหมอเทวดาพักอยู่

ผ่านมาสามวัน เขาไม่ได้เจอหน้าเหอซื่อเลย ในใจก็รู้สึกคิดถึงนาง ตอนนี้เลยอยากจะเจอหน้านาง จึงรีบเดินไปยังทิศทางที่ไปเรือนของนาง

ใครจะไปนึกถึง ตอนนี้ตนเองกำลังเดินไปถึงครึ่งทาง ตรงระเบียงมีคนๆหนึ่งเดินเข้าไปใกล้ พอเดินๆมาจึงจะรู้ว่าเป็นดงกวิ๋น

“ถวายบังคมท่านอ๋องเจ้าค่ะ” ดงกวิ๋นค่อยๆน้อมคำนับ

พอเห็นบ่าวของเย่เซียวหลัว เขาก็รู้ในใจว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้น เลยตอบกลับมาอย่างไร้ความอดทน “ตอนนี้ข้าไม่ว่าง เจ้าไปบอกนางว่าให้นางนอนก่อน”’

พูดจบ กำลังจะเชิดหน้าแล้วเดินออกมา ดงกวิ๋นมีบางอย่างจะบอกเขา แต่ก็ไม่กล้าบอก จึงได้แต่ติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด “ท่านอ๋องเจ้าค่ะ พระชายาได้เตรียมข้าวซอยตัดและน้ำแกงดอกท้อที่ท่านชอบมากที่สุด คิดว่าท่านพึ่งถึงน่าจะหิว ดังนั้นเลยอยากจะให้ท่านชิม”

อะไรข้าวซอยตัด น้ำแกงดอกท้อ? เวินอ๋องจ้องมองนางอย่างเกลียดชัง ของว่างที่เขาชอบกินไม่ใช่พวกนี้

เขาจึงจ้องมองนางด้วยสายตาที่โกรธเคือง คำพูดของนางทำให้เขายิ่งโกรธเคือง “กลับไปบอกพระชายาของเจ้า ข้าไม่ว่าง”

“แต่ว่า แต่ว่าถ้าท่านอ๋องไม่ไปเรือนพระชายา ข้าน้อยจะโดนตี….. เชิญท่านอ๋องไปเดินดูหน่อย ไปให้พระชายาได้เห็นหน้าหน่อยก็ดีเจ้าคะ” ดงกวิ๋นก้มหน้าอย่างน่าสงสาร ทำให้ไม่สามารถเห็นสีหน้าของนางได้

นึกไม่ถึงเลยว่า สีหน้าของนางจะเต็มไปด้วยความสะใจ

ไม่รู้ว่าถ้านางพูดเยี่ยงนี้ เวินอ๋องจะยิ่งเกลียดเย่เซียวหลัวหรือไม่?

เวินอ๋องหันหน้ากลับมามองนาง และขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม “นางพูดเยี่ยงนี้จริงหรือ?”

ดงกวิ๋นเงยหน้าขึ้นอย่างหวาดกลัว “ไม่ใช่ๆ พระชายาไม่ได้พูดเยี่ยงนี้เจ้าคะ ข้าน้อยพูดผิดเอง ขอให้ท่านอ๋องอย่าบอกพระชายาเลยนะเจ้าคะ อย่าบอกเรื่องนี้กับพระชายานะเจ้าคะ”

ทำให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่านางใช้ตำแหน่งข่มขู่บ่าวไพร่ ให้ดงกวิ๋นมาเชิญตนเอง ตอนเชิญไปไม่ได้ ก็ต้องทรมานนางทางเนื้อหนัง

เวินอ๋องรู้สึกเกลียดจนกัดฟันตนเอง เย่เซียวหลัวเห็นตำหนักเวินอ๋องเป็นที่เยี่ยงไร? เป็นที่ๆนางจะใช้อำนาจข่มขู่ผู้อื่นหรือไง?

“ดี นั่นข้าจะไปกับเจ้า ดูว่านางจะพูดเยี่ยงไร” เวินอ๋องเดินไปยังทิศทางที่ไปฝูเซิงหย้วนอย่างโมโห

เห็นว่าแผนของตนเองประสบความสำเร็จ มุมปากของดงกวิ๋นจึงกระตุกแล้วเผลยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

ตลอดทาง ดงกวิ๋นร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างๆเวินอ๋องตลอดเวลา หวังว่าเขาจะไม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าเย่เซียวหลัว ไม่เช่นนั้นนางได้เจอดีแน่ๆ

ถึงแม้เวินอ๋องกำลังทนฟังอยู่ แต่เพราะว่าเขาเกลียดเย่เซียวหลัว แต่ก็ไม่อยากทำร้ายบ่าวที่ไม่รู้เรื่องอะไร จึงตอบตกลงนางไปอย่างไม่เต็มใจ

แสงเทียนในฝูเซิงหย้วนสว่างไสว ความสว่างไสวของแสงเทียนทำให้เห็นทั้งเรือนอย่างชัดเจน

ดูๆแล้วนางคงนึกว่าตนเองจะต้องมาแน่ๆ เลยไม่ได้นับแสงเทียนในห้อง

เย่เซียวหลัวเดินหนไปหนมาให้ห้อง ไม่รู้ว่าเวินอ๋องจะมาหรือไม่ ในใจก็กำลังรอคอย และแอบตื่นเต้นเบาๆ

ทันใดนั้น ประตูก็ถูกผลักออก ร่างอันสูงใหญ่ของเวินอ๋องได้เดินเข้ามา บ่าวที่ยืนอยู่ข้างประตูจึงรีบปิดประตูลง

“ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้วหรือ? ช่วงเวลาที่ท่านไม่อยู่ในตำหนัก ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านมาก ตอนนี้ท่านกลับมาก็ดี ข้าจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นเยอะ” เย่เซียวหลัวตบอกของตนเองเบาๆ ค่อยๆเดินเข้าไปอยู่ต่อหน้าเขา และจับแขนของเขา

เวินอ๋องไม่ขยับใดๆ และปล่อยให้นางดึงแขนของตน และเดินตามนางไปที่เรือนหลัก

“อยู่ข้างนอกไม่ใช่ทานสำลักดีๆใช่หรือไม่? ดูท่านผอมลงเยอะ ข้าจะเตรียมของว่างให้ท่านทานหน่อยๆ เป็นของว่างที่ท่านชอบกิน นี่……”

เย่เซียวหลัวกำลังจะเรียกดงกวิ๋นยกของว่างเข้ามา แต่ว่าเวินอ๋องกลับพูดแทรกขึ้น “ข้ากินอิ่มมาก ไม่ต้องเอามาแล้ว”

เย่เซียวหลัวแอบดีใจเบาๆ มันยากมากที่จะให้เวินอ๋องใช้น้ำเสียงเยี่ยงนี้คุยกับตน ปกติชอบทำสีหน้าและน้ำเสียงที่เฉยชา วันนี้ทำไมถึง…….

“ท่านอ๋องเจ้าค่ะ ท่านไปเมืองมู้เฉิงมาหลายวัน ไปหาหมอเทวดาใช่หรือไม่?” เย่เซียวหลัวขมวดคิ้วถามขึ้น

เขาพยักหน้า และปริตามองนาง

ไม่รู้ว่านางจะพูดอะไรกันแน่ แต่คงไม่ใช่เรื่องดี

“ถึงแม้ท่านได้เชิญหมอเทวดามา แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว” เย่เซียวหลัวพูดแทงใจดำ

เวินอ๋องหันมามองนาง สีหน้าดูไม่มีความสุข “ทำไมถึงไม่มีประโยชน์? เจ้าบอกความจริงมา”

สุดท้ายก็หาช่องโหว่จนเจอ เย่เซียวหลัวอมยิ้มเบาๆ แล้วดึงเสื้อของเขา พาเขาไปบนเตียงนอน

“ท่านอ๋องเจ้าค่ะ วันนี้ท่านก็เหนื่อยแล้ว ไม่เช่นนั้นไปนอนพักกับข้าบนเตียง ข้าจะค่อยๆบอกให้ท่านฟัง”เย่เซียวหลัวแอบดีใจเบาๆ สุดท้ายก็หาจุดอ่อนของเวินอ๋องเจอ

แต่ว่ายังไม่ทันได้ก้าวก้าวที่สอง มือใหญ่ของเวินอ๋องได้จับมือเล็กๆของนางไว้ แล้วค่อยๆแกะนิ้วของนางออกจากแขนของตน

สีหน้าของเขาดูเยียกเย็น น้ำเสียงทั้งต่ำทั้งแหบ “ไม่ต้อง เจ้ามีเรื่องอะไรก็คุยที่นี่ ข้าฟังอยู่”

สีหน้าอันเบิกบานของนางค่อยๆจางหายไปแล้วเย็นชาขึ้นเล็กน้อย

แต่ว่า พอหันไปมองเขา นางก็ทำหน้าเบิกบานเหมือนเดิมทันที

“ท่านอ๋องเจ้าค่ะ เรื่องนี้ถ้าเล่ามันยาว ถ้าไม่ค่อยๆพูด กลัวท่านจะไม่รู้เรื่อง”

“เจ้าพูดขบขันหรือ ไม่ต้องให้เจ้าพูด ข้าก็สืบค้นเจออยู่แล้ว ถ้าเจ้ามีเวลาว่างเยี่ยงนี้ ไปอ่านหนังสือไม่ดีกว่าหรือ” เวินอ๋องยิ้มเยาะเบาๆ หันหลังกำลังจะเดินออกมา

มองเรือนร่างที่กำลังเดินจากไปของเขา เย่เซียวหลัวเงียบไปอย่างเยียกเย็น พอออกจากที่นี่ เขาก็คงจะไปหานางนั้นอีกใช่หรือไม่?

เขาไม่อยากเห็นหน้านางเยี่ยงนี้เลยหรือ? พอทนอยู่กับนางคืนหนึ่งไม่ได้เลยหรือ?

นางยังไม่เรียกร้องเรื่องที่เขาสั่งให้คนอื่นผลักนางตกน้ำ ทำไมเขาถึงใจร้ายได้เยี่ยงนี้ และอยากจะรีบออกจากเรื่องนี้เยี่ยงนี้?

ไม่ได้ นางจะไม่ให้นางผู้หญิงคนนั้นแย่งเขาไป ถึงแม้นางจะสูญเสียกำลังทั้งหมดที่มี ก็จะให้เขาอยู่ที่นี่

พอเย่เซียวหลัวรู้สึกกระวนกระวายขึ้นทันที ถึงยิ้มเยาะออกมา “ท่านอ๋องเจ้าค่ะ ท่านยังไม่รู้ว่าท่านแม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว? ท่านต้องไม่รู้แน่ๆ จากเมืองหลวงมาหลายวันเยี่ยงนี้ ที่นี่ได้เกิดเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงมากมาย ถ้าตอนนี้เจ้าออกจากที่นี่ ท่านจะไม่รู้เรื่องใดๆ”

นางรู้ว่าไม้แข็งไม้อ่อนเอาเขาไม่อยู่ สิ่งเดียวคือต้องสัมผัสให้ถึงความกังวลที่เขามีในใจ จึงจะเรียกเขาไว้ได้

เวินอ๋องหยุดฝีเท้าลง แล้วค่อยๆหันกลับไปมองนาง “เจ้าพูดอะไร?”

เสียงพลุดังขึ้นนอกหน้าต่าง พลุหลากสีสันจะกระจายขึ้นบนฟ้า ฟ้าอันมืดมนได้มีแสงจากพลุสว่างไสวขึ้น

เสียงดังลั่นหูได้ดังขึ้นทั้งเมืองหลวง ทุกบ้านต่างก็โผล่ออกมานอกหน้าต่างเพื่อดูพลุที่ปล่อยอยู่บนฟ้า ทั้งผู้ใหญ่และเด็กก็ถูกปลุกให้ตื่น ณ เวลานี้ ทั่วรอบเมืองได้มีแค่เสียงวุ่นวะวุ่นวายดังไปหมด

ไซ่เยว่ได้เปิดหน้าต่างขึ้น ตำแหน่งนี้ก็สามารถเห็นพลุบนฟ้าได้เช่นกัน นางได้พูดขึ้นอย่างดีใจ “องค์หญิง วันพรุ่งนี้ก็จะปีใหม่แล้ว ชุดใหม่ของท่านน่าจะตัดเย็บเสร็จแล้ว”

โล่หวินหลันคุมเสื้อคลุมไว้ เพื่อกันความหนาวจากข้างนอก พิงอยู่ตรงหน้าต่างและมองดูพลุที่ปล่อยกันทั่วบ้านเรือน

ปีใหม่อีกแล้ว นึกถึงเวลาที่มาข้ามภพมาถึงที่นี่ น่าจะหลายปีแล้ว ทุกๆปีใหม่ ก็มักจะมีความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้น ทุกปีก็จะไม่เหมือนกัน

“ว้าว งดงามมาก” นานๆทีที่ไซ่เยว่จะทำท่าทางที่เหมือนเด็กผู้หญิง นางพิงอยู่ขอบหน้าต่างพูดขึ้น

โล่หวินหลานอมยิ้มเบาๆ นางเคยเห็นพลุที่ดอกใหญ่และสวยกว่านี้ แต่เสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้มีค่าเยี่ยงนี้

ผืนฟ้าและพลุบรรจบกัน ที่ตำหนักหมิงอ๋องก็คงจะเห็นเช่นเดียวกัน ตรงสวนของตำหนักหมิงอ๋องมีชายผู้เรือนร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ที่นั้นอย่างไม่ขยับตัวไปไหน

ผ่านไปสักพัก เขาค่อยๆยื่นมือออกมา สัมผัสความหนาวของหิมะ

นางที่อยู่ทางโน้น ได้หลับไปแล้วหรือยัง?

หรือว่าจะเหมือนเขา ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวมักจะหลับยาก

“ท่านอ๋องขอรับ ฟ้าไม่เช้าแล้ว ท่านกลับไปพักผ่อนจะดีกว่า” ฉินหยิ่นที่ยืนอยู่หลังเขาได้คุมเสื้อคลุมให้เขา แล้วสัมผัสกับร่างอันหนาวเย็นของเขาแล้วเตือนถึง

“วันพรุ่งนี้ก็ขึ้นปีใหม่แล้ว ฉินหยิ่น เจ้าไปสั่งตัดชุดใหม่แล้วส่งไปให้นาง” โม่ฉีหมิงขยับริมฝีปาก น้ำเสียงฟังดูแหบเล็กน้อย

ฉินหยิ่นหยุดชะงักไป ที่ๆจะไปตัดชุดนั้นเขารู้สึกคุ้นเคย เขานึกไม่ออกทันทีว่ามันคือที่ใด จึงถามขึ้น “ท่านอ๋องขอรับ แต่ว่าปีที่แล้วชุดใหม่ที่ท่านเคยสั่งให้พวกเขาตัด?”

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ โม่ฉีหมิงพยักหน้าเรียบร้อย “ข้ารู้ว่านางต้องกลับมา”

ค่ำคืนนี้ก็ได้จบลง เช้าวันรุ่งขึ้น เวินอ๋องก็ไม่ได้ไปเรือนวี่หยวน

เมื่อกี้พักอยู่ที่เรือนนางมาหนึ่งคืน ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังอย่างละเอียด

ต้วนกุ้ยเฟยฟื้นขึ้นมา เย่ฮองเฮาได้ออกมาแล้ว ดูๆแล้วเรื่องนี้น่าจะวางแผนไว้นาน

ถ้าเขาไม่เข้าไปในวังถามให้ชัดเจน คิดว่าก็คงจะไม่สบายใจต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น หมอเทวดาได้เชิญมาจากเมืองมู้เฉิง และเขาก็ได้เดินทางมาจากแสนไกลเยี่ยงนี้ ยังไงก็ต้องให้เขาดูอาการนางหน่อย

เย่เซียวหลัวแต่งตัวอย่างมีความสุข และติดตามเขาเข้าไปในวัง

รถม้าค่อยๆขับเคลื่อนเข้าไปตามซอกตามซอยในเมืองหลวง เย่เซียวหลัวมองเวินอ๋องตลอดทาง นานแค่ไหนแล้วที่ตนเองไม่ได้มองเขาอย่างละเอียดเยี่ยงนี้

หลังจากที่เหอซื่อแต่งเข้ามาในเรือน นางก็ต้องอดทนอดกลั้นกับความทุกข์ทรมานที่เจอหน้ากันแต่ไม่ได้คุยกัน

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อคืน นางก็ไม่ได้นั่งรถม้าคันเดียวกับเขาเร็วเยี่ยงนี้

รถม้าค่อยๆขับเคลื่อนไปถึงประตูทางเข้าวัง ทหารที่เฝ้าประตูจึงเดินมาจูงรถม้าไว้

พอลงจากรถม้า เวินอ๋องยืนอยู่ตรงประตูเข้าวัง หมอเทวดาที่อยู่ข้างหลังเขาค่อยๆกวาดสายตามองไปทั่ววัง นี่เขาช่างโชคดีจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเวินอ๋อง คิดว่าชีวิตนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้เข้ามาเห็นว่าวังเป็นเยี่ยงไร

“หมอเทวดา เชิญตามข้ามา” เวินอ๋องทำมือเชิญเขา แค่หันไปสักพัก ก็เห็นองค์รัชทายาทเดินมา

ไม่กี่วันนี้สีหน้าเขาดูดีขึ้นเยอะ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนๆ ไม่มีสีหน้าที่ดูป่วยอีกต่อไป

ทั้งสองเจอหน้ากัน เหมือนกำลังเปิดศึกสงคราม

สีหน้าของเวินอ๋องดูเย็นชามากๆ แต่มั่นใจเลยว่าเขาอยู่เบื้องหลังทั้งหมด แค่สีหน้าของเขาสื่อออกมาไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก