ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 356

ตอนที่ 356 คนที่สูญเสียไป และไม่อยากได้คืนกลับมา

ประทัดและพลุของวันก่อนขึ้นปีใหม่ดังลั่นขึ้น บนท้องฟ้าบนไปด้วยแสงไฟหลากสี ทำให้ค่ำคืนที่เงียบสงบได้มีแสงสีเสียงและความสนุก คนในและนอกวังต่างก็เดินไปตรงประตูดูพลุอย่างสนุกสนาน

โล่หวินหลานนั่งอยู่บนรถม้าโยกไปโยกมา ฟังเสียงพลุข้างนอก หัวสมองของนางนิ่งไปไม่ได้

ไม่นานก็จะเข้าวังแล้ว ไซ่เยว่กระตุกม่านของนางขึ้น ลงจากรถม้า เห็นแค่เย่เซียวหลัวที่ยืนอยู่ไกลจ้องนางด้วยสายตาที่โกรธเคือง นัยน์ตาของนางลุกเป็นไฟจนจะพุ่งออกมาแล้ว

โล่หวินหลานกลับรู้สบายๆ ไม่สนใจนางใดๆ หันไปส่งยิ้มให้นาง “พระชายาเจ้าค่ะ ปิ่นที่อยู่บนหัวของท่านใส่กลับด้านแล้วเจ้าคะ”

นางเงียบไปสักพัก แล้วเห็นแค่ดวงตาอันกลมโตของเย่เซียวหลัว เหมือนนางกำลังยื่นมือจะไปเอา แต่พอมือไปถึงครึ่งหนึ่ง และเรียกดงกวิ๋นที่อยู่ข้างๆ “ดูหน่อยว่าใช่หรือไม่”

ดงกวิ๋นพยักหน้า พอดูปิ่นบนหัวของนาง เมื่อครู่ออกมารีบเกินไป ใส่ปิ่นกลับด้านจริงๆ

“พระชายาเจ้าค่ะ ปิ่นของท่านกลับด้านจริงๆเจ้าคะ ข้าน้อยจะช่วยท่านใส่ใหม่นะเจ้าคะ” ดงกวิ๋นยื่นมือไปจับปิ่นนั้น ไม่นาน นางก็ได้ปรับเสร็จ

หน้าของเย่เซียวหลัวแดงขึ้นมาทันทีทันใด นึกไม่ถึงว่านางจะใส่ผิดด้านแล้วเดินมาตลอดทาง และยังนั่งอยู่ข้างๆเวินอ๋องมานมนานเยี่ยงนี้ แต่ว่าเขากลับไม่สังเกตเห็น

ก็ใช่ สายตาของเขาไม่เคยหยุดอยู่ที่นางอยู่แล้ว จะมาสังเกตเห็นนางได้เยี่ยงไร

นางเลยเรียกบ่าวที่ช่วยนางแต่งตัวตอนคืนนี้มาอย่างโมโห กำลังจะเอ่ยปากว่ากล่าว เวินอ๋องและองค์ชายอื่นๆได้เดินมาแล้ว

“เป็นอะไรไปอีก? เข้าไปกันเถอะ”เวินอ๋องมองเย่เซียวหลัวกำลังทำหน้าโกรธเคือง เหมือนไม่ค่อยได้สติ

เย่เซียวหลัวมีความทุกข์แต่บอกออกมาไม่ได้ ได้แต่ลืมตาโต ถ้าเป็นคนอื่นสังเกตเห็นก็พอว่า แต่เสียดายทำไมต้องเป็นเหอซื่อ

คนที่อยู่ข้างนอกเข้าไปวังกันหมด พอนางเห็นคนมากมายเยี่ยงนี้ จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเดินเข้าไป

มีผู้คนเดินเข้าๆออกๆเยอะแยะมากมาย เวินอ๋องก็ได้แต่น้อมคำนับไป สายตาของเขามองหน้าโล่หวินหลานตลอดเวลา และแสดงอาการว่านางเป็นผู้หญิงของตน

“พี่สี่ เชิญขอรับ” เวินอ๋องกรถตุกมุมปากขึ้นยิ้ม อยากยื่นมือไปโอบโล่หวินหลานไว้ แต่ว่านางได้เดินไปอยู่ข้างหลังของเย่เซียวหลัวก่อนเขา มือใหญ่ๆของเขาจึงแตะโดนเสื้อของเย่เซียวหลัว

พอเขาหันกลับไป เห็นว่าตนไม่ได้แตะโดนคนที่ตนเองอยาก จึงรีบเอามือกลับไป

เย่เซียวหลัวเอามือของตนเองไปจับตำแหน่งที่ถูกเวินอ๋องแตะโดน พอคิดๆดูว่าเขาไม่ได้ตั้งใจแตะโดน นางเลยมองด้วยสายตาที่เยียกเย็น นี่มันทำให้นางรู้สึกปวดใจมากๆ

ผู้หญิงคนนี้ มันมีดีตรงไหน ทำไมถึงทำให้หมิงอ๋องและเวินอ๋องรักใคร่ได้เยี่ยงนี้

พูดถึงภายนอก นางก็ถือว่ามีดีระดับหนึ่ง แต่ว่าหญิงสาวที่อยู่ในวัง จะมีใครไหมที่ไม่งดงาม? พูดถึงการศึกษา ตนเองก็เรียนหนังสือมาไม่น้อยกว่านาง พูดเรื่องฐานะทางตระกูล ทางเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นศัตรูมันจะดีได้เยี่ยงไร?

นางไม่เข้าใจจริงๆ ตนเองดีหมดทุกด้าน ทำไมถึงเอาเวินอ๋องไม่อยู่?

วันนี้มีแต่ญาติๆของราชวังมากันพร้อมหน้าพร้อมตา องค์ชายทุกท่านต่างนั่งลงกันอย่างครบ พวกเขานั่งตามอายุของตน ภรรยาของทุกท่านก็นั่งอยู่ด้านหลัง เย่ฮองเฮาแต่งหน้าจัดจ้านและดูมีสง่า นั่งอยู่ตรงข้างๆของฮ่องเต้เจียเฉิง นั่งอยู่บนที่สูงสุดที่เหนือกว่าบรรดาผู้อื่นมากมาย

ข้างซ้ายของฮ่องเต้คือต้วนกุ้ยเฟย ไม่กี่วันนี้สุขภาพแข็งแรงขึ้น เลยสามารถมาร่วมโต๊ะอาหารวันปีใหม่ได้

โล่หวินหลานกวาดสายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่โม่ฉีหมิง ดวงตาของเขามองลง ถึงแม้จะเป็นหน้าข้าง แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม

ในเวลาที่ทุกคนต่างมีความสุข มีแค่เขาที่กำลังทำหน้าเศร้าๆ

แค่ดวงตาคู่นั้นได้ลืมขั้น กลับกลายเป็นนัยน์ตาที่แหลมคมและเยียกเย็น ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ สายตาของเขามองมายังโล่หวินหลาน

พอตอนที่ตนเองลืมตาก็เห็นว่าโล่หวินหลานกำลังมองตนอยู่ สีหน้าของเขาเลยดีขึ้นมาบ้าง มุมปากได้กระตุกขึ้นแล้วอมยิ้มเล็กน้อย

โล่หวินหลานก็ส่งยิ้มให้เขา ทั้งสองสบตากัน จนทำให้รู้สึกหวานแหววกันมาก

“วันนี้เป็นคืนก่อนขึ้นปีใหม่ เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว ทุกคนตามสบาย อย่าเก้งๆกางๆ” ฮ่องเต้เจียเฉิงสวมใส่ชุดสีเหลืองที่ปักด้วยลวดลายมังกร สีหน้าดูเบิกบานและชื่นชมยินดีมาก

นานๆทีที่เขาจะมีรอยยิ้มเยี่ยงนี้ ตำแหน่งของเขาคือราชา นอกจากนี้ เขาก็ยังเป็นท่านพ่อ สามารถเห็นลูกหลายของตนโอบล้อมตนเองไว้ นี่ก็คือความปรารถนาของเขา

“ฮ่องเต้เจ้าค่ะ ท่านดูสิ วันนี้หมิงอ๋องเหมือนจะไม่ได้พาพระชายามานี่” สายตาของต้วนกุ้ยเฟยกวาดไปรอบๆ สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่โม่ฉีหมิง

ฮ่องเต้เจียเฉิงได้ยิน สายตาของเขาจึงมองไปที่โม่ฉีหมิงด้วยเช่นกัน เขากำลังดื่มเหล้าอยู่ตามลำพังอย่างเศร้าใจ ข้างกายเขาไม่มีใครคอยดูแล

แต่องค์ชายท่านอื่น ข้างหลังของพวกเขามีพระชายาค่อยดูมากมาย และแลดูมีความสุขกันมากๆ

“ใช่” ฮ่องเต้เจียเฉิงมองไปที่เขาแล้วพยักหน้า

โม่ฉีหมิงได้สมรสกับโล่หวินหลาน ทำไมวันสำคัญเยี่ยงนี้ กลับไม่ได้มาโผล่หน้าโผล่ตาเลย ถึงแม้ว่าจะรักใคร่โปรดปรานสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับผู้อื่นในคืนก่อนขึ้นปีใหม่นั้นหรือ

“หมิงอ๋อง ทำไมวันนี้เจ้ามาคนเดียว?” ฮ่องเต้เจียเฉิงถามขึ้น

ทุกคนต่างมองไปยังโม่ฉีหมิง เขาทำหน้าเฉยๆและลุกขึ้นแล้วทูลกลับ “เมื่อวานหวินหลานได้ป่วยเป็นไข้ หมอกำชับว่าทางที่นี่อย่าออกมาข้างนอก ดังนั้นวันนี้จึงไม่ได้พาออกมา ขอให้ท่านพ่อทรงให้อภัย”

ฮ่องเต้พยักหน้า และถามขึ้น “วันรุ่งขึ้นก็คือปีใหม่แล้ว สุขภาพร่างกายต้องดูแลดีๆ เดี๋ยวข้าจะจัดหมอหลวงผู้ชำนาญฝีมือการแพทย์ไปรักษานางเอง”

โม่ฉีหมิงได้ยินจึงปฏิเสธ “ขอบพระคุณพระกรุณาของท่านพ่อ หมอได้ให้ยานางแล้ว ไม่ต้องโดนลม พรุ่งนี้ก็คงจะดีขึ้น ตอนนี้เป็นวันใกล้ปีใหม่แล้ว บรรดาหมอหลวงคงอยากอยู่ตำหนักกับคนในครอบครัว ไม่ต้องรบกวนพวกเขาจะดีกว่า”

คำๆนี้พูดโดนใจฮ่องเต้เจีนเฉิงมาก เขาหวังว่าลูกของตนจะมีจิตใจเยี่ยงนี้ ไม่ว่าอนาคตจะดูแลบ้านเมือง หรือตอนนี้ทำงานในราชสำนักก็ตาม

ฮ่องเต้พยักหน้าอย่างพอใจ และพูดขึ้น”ข้าหวังว่าทุกคนจะมีจิตใจที่กรุณาพระชากรในแคว้นนี้ เข้าใจในความทุกข์สุบของประชาชน ประเทศชาติสามารถคงอยู่ได้ก็เพราะประชาชน แค่เยี่ยงนี้ แคว้นโม่ฉีจึงจะเจริญก้าวหน้าก้าวไกล”

พอทุกคนได้ยิน จึงค่อยๆลุกขึ้นแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

โล่หวินหลานดื่มไปหนึ่งคำ และรู้สึกไม่พูดไม่ได้ ถึงแม้ฮ่องเต้จะสงสัยในเรื่องต่างๆมากมาย แต่ในด้านของการดูแลประเทศชาติ ท่านเป็นกษัตริย์ที่ดี

ต่อไปก็จะเป็นการรับประทานอาหาร แต่ละจานถูกยกออกมาจากประตูห้องครัว พอกลิ่นหอมกรุ่นของอาหารและกลิ่นเหล้าบรรจบกัน ในนี่มีแค่คนเดินไปเดินมาอย่างวุ่นวาย ต่อหน้าทุกคนก็มีอาหารมากมายวางอยู่ประมาณ 8 อย่าง นี่ยังไม่รวมของว่าง

บ่าวที่ยกอาหารมาวางได้ถอยกลับไป ในงานยังมีการแสดงร้องรำ เสียงเพลงอันไพเราะได้ดังขึ้นในหูอย่างไม่หยุด การแสดงรำร้องที่เต็มไปด้วยหลากสีสัน สวยงามจนมิอาจบรรยาย

ทันใดนั้น การแสดงร้องรำก็ได้หยุดลง และมีเสียงหญิงสาวตะโกนอย่างหวาดกลัว “หลัวอ๋อง หลัวอ๋องท่านเป็นอะไรไป…….”

บรรยากาศในงานวุ่นวายกันขึ้นมา บ่าวที่กำลังร้องรำอยู่ก็ทำหน้าที่ดูแย่ ต่างคนต่างตกใจในสถานการณ์เยี่ยงนี้ จนต้องรีบวิ่งลงจากเวทีการแสดง

ได้ยินเสียงตะโกนอย่างเจ็บปวดของหลัวอ๋อง แก้วที่จับอยู่บนมือของโล่หวินหลานได้หล่นลงบนพื้น สีหน้ามีขาวซี้ดขึ้นมาทันที

และยืนขี้นมาอย่างเกรงกลัว อยากจะเบียดเข้าไปท่ามกลางคนมากมาย แต่จู่ๆด้านหลังนางกลับมีมือใหญ่ๆกุมมือนางไว้ แล้วจับไว้แน่นๆแบบไม่ปล่อย

“เกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้าถอยไปให้หมด” ฮ่องเต้เจียเฉิงมองบ่าวที่มุมอยู่บนพื้น จึงใช้น้ำเสียงที่ทรงอำนาจข่มขู่ขึ้น

“ท่านพ่อ หลัวอ๋องดื่มแค่แก้วเดียวก็เป็นเยี่ยงนี้แล้ว…….ทำเยี่ยงไรดี? ทำเยี่ยงไรดี? หลัวอ๋อง……” พระชายาหลัวอ๋องร้องไห้น้ำตาคอ และคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วพยุงหัวของหลัวอ๋องมานอนที่ตัก

เลือดสดๆไหลออกมาจากมุมปากของหลัวอ๋องอย่างไม่หยุด ค่อยๆกำเลิศมาถึงจมูก หูก็มีเลือดไหลออกมา

“ไปตามหมอหลวงมาเร็วๆ หมอหลวง ไปเรียกหมอหลวงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เจียเฉิงลืมตาโตขึ้น สีหน้าที่ดูเงียบสงบของเขา ตอนนี้กลับกลายเป็นสีหน้าที่ดูกระวนกระวาย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ฮ่องเต้เจียเฉิงรับหลัวอ๋องมาจากมือของพระชายาหลัวอ๋อง แล้วกอดเขาไว้แน่นๆ

เลือดแดงสดให้ปะเปื้อนตรงชุดของฮ่องเต้ เขาไม่ได้สนใจใดๆ ดวงตาอันเรียวยาวของเขาได้มีน้ำใสๆไหลริมออกมา

โล่หวินหลานรู้สึกมือแน่น จึงเงยหน้ามองโม่ฉีหมิง ม่านตาของนางเดี๋ยวก็ขยายตัวเดี๋ยวก็หดตัว ตอนนี้สีหน้านางดูชาวซี้ด

ทันใดนั้น นางก็ได้สะบัดมือของเขาทิ้ง แล้วจับชุดอันหนักหน่วงของตนเองไว้ เบียดตัวเองเข้าไปในกลุ่มฝูงชน แล้วรีบไปคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลัวอ๋อง มือของนางกลับสั่นไปหมด

“ฮ่องเต้ ดูจากอาการของหลัวอ๋องเหมือนโดยวางยาพิษ ขอให้ข้าได้วัดชีพจรให้เขา” โล่หวินหลานตั้งสติ นัยน์ตาดูมุ่งมั่นแล้วพูดขึ้น

หรืออาจเป็นเพราะนัยน์ตาของนางทำให้ฮ่องเต้เชื่อใจ แล้วค่อยๆปล่อยมือนาง และหลีกทางให้นางได้มีที่ว่างวัดชีพจร

“ช้าก่อน” เสียงหญิงผู้หนึ่งได้ตะโกนดังขึ้นจากที่ไม่ไกล และน้ำเสียงฟังดูทรงอำนาจและดูเคร่งเครียด “เจ้ามีแค่พระชายา ทำไมถึงจะวัดชีพจรให้หลัวอ๋อง ณ เวลานี้ด้วย ยังไงก็ต้องรอหมอหลวงมาอยู่ดี ไม่เช่นนั้นเจ้าจะแห่กฎ”

แค่ได้ยินเสียงของเย่ฮองเฮาที่พูดขัดขวางอย่างทันที

ได้ข่าวว่าองค์หญิงเหอซื่อมีวิชาการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ตอนนั้นที่อยู่ในสนามขี่ม้า ก็คือนางที่ช่วยรักษาขาของหลัวอ๋อง ทำให้เขาสามารถลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

ไม่เช่นนั้น ขาของหลัวอ๋องก็คงใช้งานไม่ได้อีก

เย่ฮองเฮารู้สึกกังวลในใจ ถึงแม้จะเป็นพิษธรรมดา แต่ว่าจะถ้าข้อผิดพลาด และให้เหอซื่อทำการรักษาหลัวอ๋องให้หาย นั้นนางก็คงต้องอยู่อย่างกระวงกระวายตลอดชีวิต

โล่หวินหลานไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองนางเลย แค่วัดชีพจรไปแล้วพูดขึ้นอย่างเยียกเย็น “ท่านฮองเฮาเจ้าค่ะ ถ้าในสายตาท่านมีแต่เรื่องกฎระเบียบ แต่ในสายตาข้ามีแต่ชีวิตของคน นี่เป็นเวลาฉุกเฉินที่สุด เป็นถึงหมอคนหนึ่ง ยังไงก็ต้องมาช่วยคนป่วยก่อนเป็นเรื่องธรรมดา”

เสียงของนางโหดเหี้ยมจนทำให้คนที่อยู่ในนั้นเงียบไปกันหมด ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง มีแค่สายตาที่จดจ่ออยู่กับนางแบบไม่มองไปที่อื่นเลย

เย่ฮองเฮาทำสายตาที่เยียกเย็นมากขึ้น เครียดจนหันหลังกลับไป

โล่หวินหลานเอามือตนเองไปวางไว้ตรงตำแหน่งที่วัดชีพจร และกำลังเฝ้าดูจังหวะการเต้น และพูดขึ้น “เขาถูกวางยาจริงๆ เป็นยาพิษที่ไร้รสไร้สี ในวังมีหญ้าต้วนยวี่หรือไม่?”

รอบๆเต็มไปด้วยความสงบมีแค่เสียงหายใจที่ดังขึ้น และไม่มีใครตอบกลับใดๆ

โล่หวินหลานทำน้ำเสียงที่ฟังดูเยียกเย็นขึ้น และตะคอกถามขึ้นเสียงดัง “ในวังมีหญ้าต้วนยวี่หรือไม่?”

ครั้งนี้ผู้คนจึงจะตอบสนอง และพยักหน้ากัน “มี”

“รีบไปเด็ดมา ตำให้ละเอียด เร็ว”โล่ห่วินหลานสั่งการอย่างเย็นชา

ตอนนี้นางก็เหมือนหลัวอ๋อง ที่กำลังเผชิญกับความตาย นางรู้สึกกระวนกระวาย ในใจรู้สึกไม่สงบสุข

ผู้อื่นต่างก็ออกไปหาหญ้าต้วนยวี่ ในนั้นเหลือแค่ไม่กี่วันที่อยู่ โล่หวินหลาน โล่หวินหลานได้กระตุ้นหลัวอ๋องไท่ได้หลับไป

เวลานี้ ในใจของโล่หวินหลานไม่สงบสุขจริงๆ ครั้งนี้ ถึงแม้จะมีหญ้าต้วนยวี่ แต่ก็อาจจะช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก