ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 358

ตอนที่ 358 สงสัยในใจ

โล่หวินหลานหยุดชะงักไป นางกลับลืมฐานะที่ตนเองมี

นางมีฐานะเป็นองค์หญิงเหอซื่อที่แต่งงานกับเวินอ๋อง ก็คงไม่เข้าใจเรื่องการแย่งชิงกันในแคว้นโม่ฉี สามารถใช้เวลาสั้นๆไม่กี่เดือนวิเคราะห์แบ่งแยกสภาวะต่างๆที่แคว้นโม๋ฉีต้องเผชิญให้ชัดเจน มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน

มีสิ่งเดียวที่อธิบายได้……

โล่หวินหลานถอนหายใจเบาๆเหมือนกำลังเผชิญความลำบาก แหงนมองบนฟ้าแล้วบ่นถึง “ข้าเป็นองค์หญิงคนเล็กที่สุดของท่านพ่อ และเป็นองค์หญิงที่ไม่ได้รับการโปรดปรานที่สุด มักจะเจอแผนการร้ายพวกนี้มาเยอะ และก็เห็นเรื่องฆ่าๆตีๆกันเยอะ ฉะนั้นเรื่องที่ต้องคิดในใจก็เยอะด้วยเช่นกัน”

มองเห็นความเจ็บปวดของนาง เวินอ๋องจึงนึกว่านางกำลังจะพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตน เลยไม่ได้พูดอะไรต่อ

แต่ว่าเขามีเรื่องๆหนึ่งอยากถามให้ชัดเจน ถ้าไม่ถาม ข้อสงสัยนี้คงต้องฝังลึกไว้ในจิตใจของเขา และไม่ได้แก้สักที

“เจ้าเคยเรียนวิชาการแพทย์หรือ? เมื่อครู่ข้าเห็นท่าทีของเจ้า เหมือนคนที่ฝึกฝนมาอย่างดี” ตอนที่เวินอ๋องพูดคำพูดพวกนี้ ตาของเขาก็จ้องตานางไว้อย่างไม่กระพริบ

เขาจะจดจำนัยน์ตาของนางและท่าทีของนางไว้ มองจากนัยน์ตาของนางแล้วถึงจะรู้ข้อเท็จจริง

ข้างนอกลมหิมะแรงมาก โล่หวินหลานกอดตนเองไว้แน่นๆ และหดตัวไว้ในเสื้อคลุม แล้วกระตุกคิ้วขึ้นมองไปยังเวินอ๋อง “ท่านอ๋องเจ้าค่ะ ที่นี่หนาวมาก ไม่เช่นนั้นพวกข้าขึ้นรถม้าค่อยคุยกัน”

เสื้อคลุมจากขนแกะสวมอยู่บนเรือนร่าง ลมที่พัดอยู่ข้างนอกไม่ได้ทำให้นางรู้สึกหนาวเลย แต่แค่นางยังไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดอะไรมาตอบเขา

พอพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ก็จะพูดถึงเรื่องเก่าๆของนาง นางไม่อยากให้เวินอ๋องสังเกตเห็นแล้วเจอความจริง

เหมือนเมื่อครู่ที่นางรักษาหลัวอ๋อง ทำให้เหมือนเปิดเผยอะไรบางอย่าง

เย่เซียวหลัวเดินตามทั้งสองจากราชวังหลัก สายตาจับจ้องแต่พวกเขาทั้งสอง ขนาดจังหวะการเดินยังเหมาะสมกันอย่างบอกไม่ถูก

แค่มองจากข้างหลัง ก็มึความรู้สึกว่ารักใคร่กันมาก

เวินอ๋องไม่เคยแม้จะหันกลับมามองนาง และไม่สนใจว่านางกำลังเดินตาม และทิ้งนางไว้ข้างหลังเยี่ยงนี้

หรือว่าตอนแรกที่นางตกลงให้เหอซื่อแต่งเข้ามา ก็เป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง

และด้านหลังของเย่เซียวหลัว ก็มีคนๆหนึ่งที่ยืนพิงขอบประตูอย่างโดดเดี่ยว แล้วกำลังมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา

มันชัดเจนเป็นอย่างมากที่คนข้างหลังนางกำลังมองด้วยความอยาก อยากกอดนางไว้แน่นๆ แต่กลับทำไม่ได้ ขนาดค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่ ยังไม่ได้อยู่กับนางเลย

ความทุกข์ทรมานเยี่ยงนี้ คิดว่าคนมากมายคงไม่เข้าใจ

ประตูทางเข้าวังเลยมีรถม้าหายไปเป็นจำนวนมาก ทีแรกมีรถม้ามากมายจอดเต็ม แต่ตอนนี้กลับหายไปหมด แต่ก็ยังมีรถม้าไม่กี่คันที่ยังคงจอดไว้ที่ประตูทางเข้าวัง และยังไม่ออกไปไหน

ทั้งสองขึ้นรถม้าไป กำลังนั่งลง นิ้วของโล่หวินหลานกลับถูกเขาจับไว้ มือของหนาวเย็นกลับถูกฝ่ามือของเขาค่อยๆทำให้มันอบอุ่นมากขึ้น

“ท่านอ๋อง ท่านถามข้าใช่หรือไม่ว่าเคยเรียนวิชาการแพทย์มาหรือไม่? ตอนที่ข้าอยู่แคว้นเซิงโจว ข้าเคยเรียนกับท่านอาจารย์ผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เสียเท่สไหร่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยคุ้นชิน” โล่หวินหลานเอามือออกจากมือเขาอย่างไม่แสดงอาการใดๆ

มันไม่ง่ายเลยที่จะได้ใกล้ชิดับนางแต่กลับถูกปฏิเสธตลอดเวลา เวินอ๋องขมวดคิ้วขึ้น แล้วมึความรู้สึกว่างเปล่า เหมือนเคยโดนมาหลายครั้ง

มองมืออันว่างเปล่าของตนเอง และถามขึ้น “เจ้ากำลังเลี่ยงข้า?”

โล่หวินหลานหยุดชะงักไป สีหน้าดูอึดอัด แต่นัยน์ตาของเขาดูจริงใจและสงสัย

ครั้งสองครั้ง เขาไม่เคยสนใจ แต่นี่หลายครั้งแล้ว เขาต้องรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา

ทุกครั้งที่เขาอยากใกล้ชิดกับนาง นางกลับหลบไปอย่างไม่ใยดี

ทีแรกเขานึกว่านางอาย แต่พอเจอหลายๆครั้งแล้ว นางไม่ได้อาย แต่คือตั้งใจหลบเลี่ยงเขา

“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หลบท่าน” โล่หวินหลานเอามือตนเองวางไว้บนตัก และส่ายหัว

ตอนนี้ม้ารถกำลังขับเคลื่อนอยู่บนถนนที่เกาะไปด้วยหิมะหนาๆจึงทำให้วิ่งยากมาก ถนนเยี่ยงนี้ทำให้โล่หวินหลานโยกไปโยกมา

นางรู้สึกโชคดีมากที่เจอถนนเยี่ยงนี้ ไม่เช่นนั้นเวินอ๋องคงจะแสดงอาการน้อยอกน้อยใจ แต่เวลามันช่างผ่านไปเชื่องช้ามาก

“เมื่อครู่ข้ากุมมือเจ้าไว้ เจ้าได้ดึงมือออก” เวินอ๋องชี้ไปที่มือนางแล้วพูดขึ้น

โล่หวินหลานมองมือของตนเอง และลืมตาพูดโกหก “มือของข้าเย็นเกินไป กลัวทำให้มือท่านต้องเย็นเหมือนกัน”

เวินอ๋องยกตัวอย่างขึ้นอีก “เมื่อวานข้าจะกอดเจ้า แต่เจ้ากลับหลบ”

“เมื่อวานข้ารู้สึกไม่สบาย เลยกลัวจะระบาดใส่ท่าน” โล่หวินหลานมองเขาแล้วตอบกลับ

“ครั้งก่อนที่ข้าจูงมือเจ้า……”

เวินอ๋องนึกได้ทันทีเลยว่าตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง โล่หวินหลานปฏิเสธจูบเขา และกำลังจะระบายออกมาให้หมด แต่กลับถูกนางขัด

“ท่านอ๋อง ไหนๆข้าก็แต่งงานกับท่านแล้ว ข้าก็จะไม่คิดเรื่องใดอีก ท่านมาซักถามข้าเยี่ยงนี้เพราะอะไร?” โล่หวินหลานถามขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

พอได้ยินน้ำเสียงของนางเริ่มเฉยชา เวินอ๋องจึงนึกได้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ เขาจึงพิงรถม้าแรงๆแล้วหลับตาจึงพักผ่อนสายตา

“ข้าไม่ได้จะสงสัยเจ้า แต่แค่รู้สึกทุกอย่างมันบังเอิญเกินไป ช่างเถอะ ถือว่าข้าถามมากแล้วกัน คราวหลังข้าจะเชื่อเจ้า” เวินอ๋องรู้สึกว่าตนเองขี้น้อยใจเกินไป

ตอนอยู่กับเย่เซียวหลัว เขาบ้าอำนาจจนชิน แต่ชอบควบคุมคนอื่นจนเป็นนิสัย เขาจะไม่ยอมให้ความเคยชินของตนเอง มาใส่ในคนอื่น

ทันใดนั้น มือใหญ่ๆแข็งๆของเขายื่นมากุมมือที่อ่อนนุ่มของนาง มือเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความเร่าร้อน มือของเขากำลังสัมผัสและลูบไล้อยู่

ความอ่อนโยนของนางทำให้เวินอ๋องทันไม่ได้จนต้องลืมตาของเขา เงยหน้าขึ้น กลับเห็นนัยน์ตาที่กำลังเขินอายของนาง

“ข้าแค่ไม่ชิน คราวหลัง ข้าจะลองปรับตัวดู” โล่หวินหลานอมยิ้มใส่เขา ทำให้เขาแทบละลาย

ขนาดนางฟังเองยังอยากจะอ้วก แต่ไม่พูดไม่ได้

เพื่อที่จะกำจัดความสงสัยที่เขามีต่อนาง ก็คงต้องทำตามความต้องของเขา

ทำเยี่ยงนี้ เขาจึงจะเดาไม่ออกว่าแต่ก่อนนางเป็นเยี่ยงไร

เวินอ๋องรู้สึกทึ่งเบาๆ ดวงตาอันเย็นชาของเขาค่อยๆอ่อนโยนเหมือนน้ำ และมองตากับโล่หวินหลานอย่างลึกซึ้ง จนทำให้ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ แล้วค่อยๆก้มหน้าลง

โล่หวินหลานหยุดหายไปใจ มองเขาค่อยๆขยับริมฝีปากของตนเองเข้ามาใกล้ทีละนิด นางทำหน้าบูดเพราะไม่รู้ต้องทำเยี่ยงไร

ยังไงนางก็ไม่สามารถให้เขาจูบตนได้ กำลังเตรียมตัวจะใช้มือผลักเขาออก นอกรถม้ากลับหยุดลง จากนั้นก็มีเสียงหญิงผู้อื่นที่คุ้นหูดังขึ้น

“พวกเจ้าขี่ม้ากันเยี่ยงไร? อยากจะให้ข้าเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนตายหรือไง? พวกคนไร้ประโยชน์ หรือกำลังอยากจะเอาใจพระชายาใหม่นั้น?” จริงๆเย่เซียวหลัวโมโหเพราะเรื่องอื่น แต่กลับมาลงกับคนขี่รถม้า

เห็นว่าคนๆนั้นก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรออกมา ในของนางรู้สึกสบายขึ้นมา เสียดายคนที่อยู่ต่อหน้าไม่ใช่เหอซื่อ

เวินอ๋องขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม เมื่อครู่กำลังรู้สึกอยากแต่ตอนนี้กลายเป็นเบื่อหน่ายขึ้นมา และลืมตาขึ้นแล้วหยุดการกระทำครั้งนี้

แต่ว่าในขณะที่เขาลืมตา เห็นโล่หวินหลานกำลังทำสีหน้าโล่งอก

ข้างนอกได้มีเสียงด่าของเย่เซียวหลัวส่งออกอีกครั้ง “ไอ่คนไร้ประโยชน์ ครั้งหน้ายังกล้าขี่เยี่ยงนี้ ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่ๆ ได้ยินหรือไม่?”

เวินอ๋องกระตุกม่านขึ้น กระโดดลงจากรถม้ากลับเห็นเย่เซียวหลัวกำลังด่าคนขี่รถม้าอยู่

“เย่เซียวหลัว ข้าไม่ได้รู้สึกเหวี่ยงเลยสักนิด เจ้าทำไมรู้สึกเยี่ยงนั้น? หรือว่าเจ้าไม่มีอะไร แต่ก็ต้องการหาเรื่อง?” เวินอ๋องทำสีหน้าที่ดูแย่มาก และมองเย่เซียหลัวอย่างดุร้าย

พอได้ยินเสียงที่เวินอ๋องกำลังปกป้องคนขี่รถม้า เย่เซียวหลัวเลิกด่าพวกเขา และรีบหันไปมองเวินอ๋อง

จริงๆตำหนักเวินอ๋องถึงตั้งนานแล้ว แต่ว่ารถม้าที่เวินอ๋องและเหอซื่อนั่งไม่มีคนลงมาสักที นางก็ไม่กล้าไปเรียก ในหัวสมองมีแต่ฉากที่ทั้งสองจูบกันบนรถม้า

ทันใดนั้นนางโกรธจนไม่รู้จะทำเยี่ยงไร เลยไปเหวี่ยงใส่พวกบ่าว ใครจะไปนึกถึงว่าเวินอ๋องลงมาจากรถม้า แล้วมายุติเรื่องนี้

“เวินอ๋อง ท่านก็ไม่รู้สึกเหวี่ยงเป็นเรื่องธรรมดา บนรถม้ามีอีกคนนั่งมาด้วย น้ำหนักมันหนักพอ อีกอย่างในใจของท่านคงไม่ได้สนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว” เย่เซียวหลัวพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ

โล่หวินหลานก็ได้ลงจากรถม้า เดินไปอยู่ข้างเวินอ๋อง ไม่รู้เรื่องระหว่างพวกเขาสองคน และได้คุยกับเวินอ๋องไม่กี่คำ แล้วกลับเรือนวี่หยวน

เวินอ๋องก็ไม่อยากจะอยู่กับผู้หญิงบ้าคนนี้เหมือนกัน พอเห็นว่าโล่หวินหลานเดินผ่านตนเอง เขาเหมือนทำตัวเร่งรีบ แล้วรีบเดินไปข้างหลังของโล่หวินหลาน

“เวินอ๋อง ท่านกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน” เย่เซียวหลัววิ่งตามไป แต่ยังไงก็เดินไม่ทันเขา

นางอยากพูดเรื่องที่วันนี้เห็นในวัง และอยากเตือนเวินอ๋องอย่าไปหลงเสน่ห์นางผู้หญิงหลายใจคนนี้อีก

แต่ว่านางรู้ความจริง แต่ไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากพูด

“ท่านอ๋อง พระชายาเรียกท่าน ท่านควรไปดูๆหน่อย?” โล่หวินหลานได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังตน และหันไปพูด

“อย่าไปสนใจผู้หญิงบ้าผู้นี้เลย นางเป็นเยี่ยงนี้ตลอด” เวินอ๋องทำสีหน้าที่ดูแย่ ยื่นมือไปโอบโล่หวินหลานไว้

สีหน้าของนางดูแย่หน่อย เพราะว่าเรื่องเมื่อครู่นางไม่สามารถปฏิเสธไปได้ จึงต้องทนยอมให้เขาโอบไว้

กว่าจะเดินถึงเรือนวี่หยวน โล่หวินหลานรีบเดินเข้าไปในห้อง เวินอ๋องกลับเดินตามเข้ามาด้วย

“คราวก่อนหลังจากที่ข้าจากไป ทำให้เจ้าถูกเย่เซียวหลัวใส่ร้าย ทำให้เจ้าลำบากมามาก เจ้าอยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย แค่เรื่องที่ข้าทำให้เจ้าได้ ข้าก็จะทดแทนให้กับเจ้า” เวินอ๋องมองมอง และพูดขึ้นอย่างจริงจัง

เรือนวี่หยวนก็ได้เก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว และกลับสู่สภาวะเมื่อก่อน อีกอย่างของข้างในยิ่งดีกว่าเก่า เพิ่มแจกันโบราณและรูปวาดมากมาย

โล่หวินหลานกวาดสายตาไปรอบๆ ยื่นมือออกมาจับเอวตนเอง ถึงแม้ยาสลบที่โม๋ฉีหมิงยังไม่หมด แต่เหลือน้อยมาก ไม่รู้ว่าคืนนี้จะให้เขาหลับได้หรือไม่

ทันใดนั้น สมองของนางจึงนึกถึงเย่เซียวหลัว

โล่หวินหลานหันไปมองเขาอย่างจริงจัง “คืนนี้เป็นค่ำคืนก่อนขั้นปีใหม่ ตามหลักแล้วท่านอ๋องต้องไปอยู่กับพระชายา แต่ท่านกลับมาเรือนของพระชายารอง ไม่น่าจะถูกกฎ”

เวินอ๋องขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม และพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าอยากให้ข้าไปเรือนของเย่เซียวหลัว? เจ้าไม่อยากให้ข้าอยู่กับเจ้าหรือ?”

“ข้าอยากแน่นอน แค่ไม่อยากแห่กฎ พระชายาน่าจะรอท่านอยู่ในเรือนนาง” โล่หวินหลานพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล

แต่ว่าเวินอ๋องกลัยนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ เขาทำท่าทางสบายที่สุดที่เขาอยู่ที่นี่ และไม่ยอมออกจากนี้

“ข้าชอบที่นี่ของเจ้า ตามใจนางเถอะ ไหนๆเจ้าก็หวังว่าข้าอยู่ที่นี่ ข้าก็จะทำตาม” เวินอ๋องหลับตามลงอย่างสบายใจ

โล่หวินหลานทำหน้าอึ้งไปสักพัก ดูๆแล้ว สำหรับเขาแล้วพูดถึงเย่เซียวหลัวคงไม่มีประโยชน์

“ท่านอ๋อง ข้าจะไม่ปิดบังท่าน ครั้งก่อนที่ข้าเข้าวัง ท่านแม่ก็รู้สึกไม่พอใจในตัวข้า ถึงแม้ท่านจะป่วยหนัก แต่สำหรับเรื่องของท่านแล้วท่านใส่ใจมาตลอด ขนาดท่านค้างคืนที่ไหน ท่านแม่ก็รู้หมดทุกอย่าง อีกอย่างท่านแม่ยังเตือนข้าว่าอย่าครอบครองท่านไว้แต่เพียงผู้เดียว เชิญท่านอ๋องไปเรือนพระชายาเถอะ ไม่เช่นนั้น ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านแม่คงยังไม่ดีเยี่ยงนี้”

โล่หวินหลานก้มหน้าพูดขึ้น ฝีมือการแสดงของนางสมจริงมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก