ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 359

ตอนที่ 359 เมาอยู่กลางป่า

เป็นไปอย่างที่คาด เวินอ๋องเชื่อคำพูดของนาง เพราะเขารู้นิสัยของต้วนกุ้ยเฟย อีกอย่างนางโปรดปรานเย่เซียวหลัวเป็นอย่างมาก พอเหอซื่อพูดคำพูดพวกนี้ออกมา มันก็ใช่อย่างที่ว่า

แค่ว่าสำหรับเรื่องนี้แล้ว เขารู้สึกไม่พอใจของตนเอง เขานึกว่าตนเองจะปกป้องคนที่เขารักได้

เขาขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ และพูดถึง “เรื่องของท่านแม่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเอง”

โล่หวินหลานส่ายหัว “ท่านก็รู้นิสัยของท่านแม่เป็นเยี่ยงนี้ ท่านดูช่วงนี้เรื่องที่พระชายาทำกับข้า นี่มันแสดงให้เห็นถึงท่านแม่ไม่พอใจเป็นอย่างไร ยังไงวันนี้ท่านก็ต้องไปเรือนของนาง ไม่เช่นนั้นข้าก็ไม่สะดวกจะนอนในห้องเดียวกับท่าน”

นึกไม่ถึงเลยว่าพอเหอซื่อพูดถึงต้วนกุ้ยเฟย ก็สามารถทำให้เขาออกจากที่นี่ได้

หรือว่านางไม่รู้จริงๆว่าตนเองโปรดปรานและรักใคร่นางมากแค่ไหน?

“พวกนางมีวิธีของพวกนาง เจ้าไม่จำเป็นต้องไปแบกรับมันไว้ เจ้านอนเถอะ คืนนี้ข้าไปนอนที่ห้องสมุด” เวินอ๋องลุกขึ้นอย่างโกรธเคือง และรีบออกจากห้องไป

ทิ้งไว้แค่เสียงเปิดประตูและเสียงปิดประตู ลมพายุนี้ได้ผ่านไปด้วยดี ในห้องนั้นได้เงียบสงบลง

โล่หวินหลานถอนหายใจเบาๆ และค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้แล้วจิบชา คนๆนั้นที่อยู่ตรงเพดานทำท่าทางเหมือนไม่อยากมองนาง และรีบลงมาอยู่ต่อหน้านาง

ถึงแม้สีหน้าของคนๆนั้นจะดูหัวดื้อ แต่เสน่ห์ในตัวของเขาไม่อาจเจอในตัวของผู้อื่นได้ ทุกการขยับตัวเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย แค่ตอนอยู่ต่อหน้านาง บางครั้งเขาก็อาจจะทำตัวโง่เขลา

“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังมีความสามารถให้การหลอกผู้อื่น ข้าต้องกลับไปนึกย้อนดูดีๆว่าเมื่อก่อนเจ้าหลอกลวงและเกลี้ยกล่อมข้าอะไรบ้าง” โม่ฉีหมิงนั่งอยู่ต่อหน้าตน จับจ้องแต่นางไม่ไปไหน

โล่หวินขมวดคิ้วขึ้นแล้วตอบสนองกับสายตาของเขา “ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะให้ออกจากนี้ ข้าจะไปหลอกลวงเขาได้เยี่ยงไร? แต่สำหรับข้า ต้องคิดดูดีๆแล้วว่าเจ้ามักจะฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่สังเกตเห็น ชอบปีนเพดานไปเรือนของหญิงผู้อื่นไปมั่วเยี่ยงนี้”

คำพูดของนางมีความหึง โกรธ ไม่พอใจ โม๋ฉีหมิงฟังแล้วเหมือนกำลังหึงตนเองอยู่ และหึงอย่างจริงจัง

ดวงตาของเขาได้เปล่งประกายขึ้นทันที สายตาที่อ่อนโยนมองนางอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าที่เต็มด้วยความบ้าอำนาจและความอยากครอบครอง

“ข้าไม่เคยแม้แต่จะไปเรือนของหญิงผู้อื่นโดยวิธีนี้ และไม่เคยดีใจเหมือนวันนี้มาก่อน เพราะว่าเจ้าให้ความสำคัญกับข้า” นัยน์ตาของเขาพอใจเป็นอย่างยิ่ง เหมือนได้รับสิ่งของล้ำค่าที่รอคอยมานานแสนนาน

โล่หวินหลานไม่รู้ว่าคำพูดที่ฟังดูขนลุกเยี่ยงนี้เขาพูดเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่เป็นอาการที่ไม่เคยมีสำหรับเขาที่เย็นชามาก่อน?

“เจ้าจะเคยไปหรือไม่เคยไปข้าไม่รู้ และไม่อยากรู้” หน้าของนางเริ่มแดง แต่ผ่านไปสักพักก็หายไปด้วยเร็ว

เรื่องคืนนี้ยังไม่ได้จัดการ นางไม่มีใจไปคิดเรื่องอื่น

นางยื่นมือไปจับมือใหญ่ๆของเขา และพาเขาเดินไปตรงหน้าต่าง เดินไปพูดไป “ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับพวกข้าจะพูดคุยกัน พวกข้าไปคุยกันข้างนอก”

สำหรับทางที่จะออกตำหนัก นางคุ้นเคยมาก ความสูงของหน้าต่างทำให้นางสามารถกระโดดลงอย่างปลอดภัย แค่กระโปรงของนางหนักเกินไปจนทำให้นางเกือบล้ม แต่ทันใดที่นางหันหัวกลับมา เอวของนางก็ถูกโอบไว้

มันรู้สึกดีกว่าครั้งก่อนที่ฉินหยิ่นพานางลงมา หรือว่าอาจจะเป็นเพราะนางรู้สึกเขาเป็นที่พึ่ง

ปีนผ่านหลังคา ปลายเท้าของนางแตะโดนหิมะขาวๆ และพวกเขาก็ได้ลงไปอยู่บนพื้นโดยเร็ว

ทันใดนั้น มือใหญ่ๆของเขาบังตานางไว้ ไม่ให้นางเห็นความงดงามและความอัศจรรย์ของทิวทัศน์

“ห้ามดู ใกล้ถึงแล้ว” ได้ยินแค่เสียงเย็นชายของชายผู้หนึ่งดังขึ้น ในใจลึกๆของนางรู้สึกตื่นเต้นมากๆ

โล่หวินหลานดึงมือเขาไว้อย่างไม่พอใจ ณ ความรู้สึกที่กำลังบินอยู่จะไม่ดูได้เยี่ยงไร?

ตอนนี้นางดึงมือเขาไว้ เขาหมุนตัวปุ๊บ พวกเขาก็ได้กระโดดลงบนพื้นอย่างราบรื่น และอยู่บนพื้นที่อยู่นอกเมืองหลวง

“พาข้ามาที่นี่ทำอะไร?” โล่หวินหลานมองไปยังต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเต็มภูเขา แต่ก็เป็นที่ๆทิวทัศน์สวยงามมาก

“มานี่” โม่ฉีหมิงโบกมือให้นาง ข้างๆพวกเขาได้จุดไฟเป็นกองไว้แล้ว

ท่อนไม้แห้งกำลังลุกเป็นไฟอย่างร้อนรน ควันได้ระเหยขึ้นมา ไม่รู้ว่าโม่ฉีหมิงไปหาผ้าห่มหนังวิวมาจากที่ไหน ดูๆแล้วเหมือนจะห่มสบายมาก

โล่หวินหลานเดินตามไปนั่งอยู่ข้างๆเขา แสงไฟเผากระทบใบหน้านาง ความร้อนนั้นเหมือนกำลังเผาหน้าของนางให้อบอุ่นขึ้นมา

โม่ฉีหมิงโอบร่างของนางไว้ แล้วเอาผ้าห่มขนแกะอุ้มบนตัวเอง รู้ว่านางกลัวหนาว การออกเดินทางครั้งนี้เขาเตรียมมาครบทุกอย่าง ไม่รู้ว่าเอาเหล้ามาจากไหนอีกด้วย

“เหล้านี้เป็นเหล้าอุ่น สามารถกำจัดความหนาวในตัว” เขายื่นเหล้าให้นาง เขาก็เอามาดื่มด้วยเช่นกัน

โล่หวินหลานมองเหล้าบนมือ เหมือนมีความรู้สึกอยากเมาแล้วสามารถทำให้หายเครียดได้ นางเปิดฝาขึ้น แล้วดื่มเข้าไปเต็มปากเต็มคำ

กลิ่นเหล้านั้นแรงมาก โล่หวินหลานที่เคยดื่มแต่เบียร์พอได้กลิ่นนี้แล้ว ทำให้นางไอ

“ช้าๆหน่อย เหล้านี้แค่จะให้เจ้าอุ่นร่างกาย ไม่ได้ให้เจ้ามาระบายความเครียด” โม่ฉีหมิงตบหลังของนางอย่างเป็นห่วงเป็นใย

รอให้โล่หวินหลานไอเสร็จ นางก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “เบียร์อร่อยกว่าเยอะ แต่เหล้านี้ก็ทำให้อุ่นกระเพาะได้จริงๆ”

ตอนนี้กระเพาะของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น แค่รู้สึกมีความร้อนเดินอยู่ทั่วท้อง มือที่หนาวเย็น ตอนนี้กลับกลายเป็นมือที่ค่อยๆอุ่นขึ้นมา

โม่ฉีหมิงหูตั้งขึ้นทันที และจะไม่ปล่อยทุกคำพูดของนางไป เขามองนางด้วยความสงสัยและถามขึ้น “เมื่อกี้เจ้าว่าเหล้าอะไรนะ? เบียร์? เจ้าได้ยินมาจากไหน?”

เขาค้นหาทุกสิ่งอย่างที่แปลกประหลาดที่สุดในแผ่นดิน ไม่เคยได้ยินอะไรที่มีนามว่าเบียร์

“ไม่มีอะไร ก็แค่ตอนที่ข้าอยู่หุบเต๋ ปู่ของข้าดองเหล้าเอง แค่เสียดายตอนนี้ไม่ได้ดื่ม” โล่หวินหลานบ่นขึ้น

นั่นถือว่าให้อภัยได้ โม่ฉีหมิงกุมมือนางไว้แน่นๆ

“ครั้งหน้าถ้ามีเวลาว่าง ข้าจะไปหุยเต๋เป็นเพื่อนเจ้าเอง ไปรับปู่ของเจ้ามาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าจะสร้างตำหนักของท่านที่เมืองหลวง เขาเป็นญาติคนเดียวของเจ้า คิดๆดูแล้วเขาก็คงอยากอยู่กับเจ้า” โม๋ฉีหมิงช่วยนางวางแผนไว้ทุกอย่าง หวังว่าพวกเขาจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันได้

รับชิวโม่ไป๋มานั้นหรือ? โล่หวินหลานนึกถึงสีหน้าที่ไม่เต็มใจของเขาจึงหัวเราะขึ้น “เขาอาจจะชอบหุยบเขามากกว่า เมืองหลวงเขาคงไม่น่ามา”

“นั้นไม่เป็นเยี่ยงไร พวกข้าสามารถไปหุบเต๋บ่อยๆ” โม่ฉีหมิงจับหน้าของนางมาแนบไว้ เขากำลังจะเอาความอบอุ่นของนางมาอย่างโลภมาก

พอได้ยินเขาพูดเยี่ยงนี้ โล่หวินหลานรู้สึกซาบซึ้งมาก นึกไม่ถึงว่าเขาจะเข้าป่าเพื่อตน เหมือนในใจของเขาไม่เคยเห็นว่าตนมีตำแหน่งเป็นองค์ชาย

แต่เยี่ยงนี้ก็ดี พวกเขาทั้งสองจะได้ท่องโลกด้วยกัน

โล่หวินหลานขยับอยู่ในอ้อมกอดของเขา และหวังว่าพวกเขาจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

“แค่ว่ายังต้องรอเรื่องทุกอย่างในเมืองหลวงสำเร็วก่อน ถึงจะดำเนินการทุกอย่างได้ ท่านพ่อก็เริ่มแก่เฒ่า ข้ากลัวที่สุดก็คือในราชสำนักมีคนประสงค์ร้าย ชอบพูดคำพูดเกลี้ยกล่อมแล้วปิดหูปิดตาท่านพ่อ” โม่ฉีหมิงพูดถึงเรื่องในราชสำนัก สีหน้าดูเลือดเย็นขึ้น

“ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้ การตายครั้งนี้ของหลัวอ๋องต้องไม่เสียเปล่า ยังไงพวกข้าต้องหาฆาตกรออกมาให้ได้” โล่หวินหลานทำนัยน์ตาเย็นชามากขึ้น

เหล้าที่จับไว้ในมือได้ยกมาดื่มอีกสองสามคำ ความเร่าร้อนของเหล้าเข้าไปปั่นป่วนอยู่ในท้องของนาง มันจะทำให้แสบจมูกไปสักพัก แต่เดี๋ยวก็จะกลายเป็นการให้ความอบอุ่น

พวกเขาเงียบกันปสักพัก โม่ฉีหมิงจึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “เจ้าเชื่อข้าขนาดนี้เลยหรือ?”

แก้มของนางเริ่มแดง เหมือนกำลังเมาเล็กน้อย “ไม่เชื่อเจ้า แล้วใครจะเชื่อเจ้า?” นางสะอึ้กไปหนึ่งทีแล้วยิ้มพูดขึ้น “แน่นอน ว่าต้องเชื่อให้ตนเองด้วย…….”

โม่ฉีหมิงผลิตาให้เล็กลง โอบไหล่ของนางให้แน่นขึ้น

ลูกตาอันดำวาวของเขา ทำให้ดูหล่อเหลาและดูสงบดั่งสายตา สายตาของเขาจับจ้องท่าทีของนางไว้ ทั้งรู้สึกตื่นเต้น แล้วก็รู้สึกได้รับคำปลอบใจ

ไม่เคยมีใครพูดเยี่ยงนี้กับเขามาก่อน หลังจากที่ท่านแม่ตายจากไป เขาอยู่ตัวคนเดียว อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่เคยได้สัมผัสถึงชีวิตที่มีคนอีกคนหนึ่งอยู่ข้างๆ วันนี้ ความหมกหมองในใจได้รับการบรรเทา

โล่หวินหลานกวาดไปยังเขาที่อยู่ต่อหน้านางเหมือนมีเงาสองเงาซ้อนทับก่อน จะปัดเงาอีกอันออก แต่ปัดยังไงก็ไม่ออก มือเล็กๆของนางโบกไปมาต่อหน้าเขา ครั้งนี้ มือใหญ่เย็นนั้นได้จับนางไว้อย่างแน่นๆ

“หวินหลาน……” โม่ฉีหมิงทำเสียงแหบ

“เจ้า…..”

โล่หวินหลานยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากอันหนาวเย็นของเขาได้ประกบปิดปากนางไว้แน่นๆ ริมฝีปากที่แสนอบอุ่นของนางไปโดนของเขา เหมือนกำลังแตะโดนน้ำแข็ง

โล่หวินหลานรู้สึกเหมือนความเร่าร้อนของร่างกายกำลังจะดับไป พอแตะต้องเขา ก็รู้สึกเหมือนโดนน้ำแข็ง และโอบร่างเขาไว้อย่างทนไม่ได้ อยากจะครอบครองให้มากกว่านี้

เสียงรอบๆนั้นหายไป ในหูของเขาได้ยินแต่เสียงอันอ่อนโยนของนาง แต่ฟังไม่ออกว่านางพูดอะไรอยู่

น้ำแข็งยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ แต่ทำไมนางถึงยิ่งอยู่ยิ่งหายใจไม่ออก? เหมือนอากาศในปอดกำลังจะถูกดูดจนหมด

ตอนที่นางกำลังจะหายใจไม่ออก เขาก็ได้ปล่อยนางออก มุมปากของนางยังสัมผัสถึงลมหายใจของเขา

พอมองเห็นความมีเสน่ห์ของนางทำให้รู้สึกเย้ายวนจนดึงนางเข้ามากอดให้แน่นๆ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้ได้

เขาหวังว่าจะสามารถจูบกันนางตอนที่นางมีสติและตื่นอยู่ อย่างนี้นางถึงจะจดจำได้ขัดเจนกว่า

“เจ้าเมาแล้ว พวกข้ากลับกันเถอะ” โม่ฉีหมิงค่อยๆพยุงตัวนางขึ้น แต่ว่ากลับถูกนางสะบัดออก

ร่างของนางยืนขึ้นอย่างเสไปเสมา สายตาเต็มไปด้วยความมัว “ข้าไม่ได้มัว ข้ามีสติมาก……ข้าเห็นหน้าของเจ้า เจ้าคือโม่ฉีหมิง”

สามารถเอ่ยนามของเขาจากปากนาง โม่ฉีหมิงได้รับการปลอบใจอย่างมาก

“รู้ก็ดี ข้าจะพาเจ้ากลับไป” เขายื่นมือออกมาโอบเอวนางไว้ นางก็พิงอยู่กลางอกเขาอย่างไม่ดื้อ

“กลับไป ข้าจะกลับไป…..คอนโดของข้า คอมของข้า ipad และ kfc……ที่นี่ไม่มีสักอย่าง ไม่มีสักอย่าง……” โล่หวินหลานพูดถึงตอนสุดท้ายแล้วก็หยุดไป

โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วขึ้น ฟังจากคำพูดที่นางพูดออกเรื่อยเปื่อย นึกไม่ถึงเลยว่าแค่แก้วเดียวก็เมาได้ ดูท่าแล้วนางดื่มไม่เป็น

แต่ว่าคอนโดนั้น คอมนั้น มันคืออะไรกันแน่?

เขายื่นมือไปจับแตะหน้าผากของนางก็ไม่ได้เป็นไข้

ยังเดินไม่ถึงที่ไหน โล่หวินหลานกลับอ้วกออกมา นางงอตัวลง อ้วกจนหมดไส้หมดพุง

โม่ฉีหมิงทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวตลอดทาง ทำไมดื่มไม่เป็นยังจะฝืน?

ยังโอกาสที่นอกจากคำพูดเรื่อยเปื่อยพวกนั้นแล้ว โล่หวินหลานไม่ได้พูดอะไรอีก พอหลังจากอ้วกเสร็จ นางนิ่งไปเยอะ และนอนอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างขี้เกียจ

โม๋ฉีหมิงอุ้มนางไว้ แล้วค่อยๆก้าวเดินบนพื้นหิมะ อุ้มนางกลับตำหนักหมิงอ๋อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก